ความคิดเห็นที่ 1 กระต่ายบ้าน คือ Domestic rabbit ถูกจัดอยู่ใน Order Lagomorphs หมายถึง  สัตว์ที่มีฟันตัด(ฟันแทะ) 6 ซี่  แตกต่างจากหนู  โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oryctolagus cuniculus และมีชื่อสามัญว่า European wild rabbit โดยมีถิ่นกำเนิดรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ข้อแตกต่างระหว่างกระต่ายป่าและกระต่ายบ้าน กระต่ายแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ - กระต่ายกลุ่ม Hare ซึ่งถือว่าเป็นกระต่ายป่าจริงๆ (Hare) - กระต่ายกลุ่ม Rabbit  ซึ่งถือว่าเป็นกระต่ายบ้าน (Domestic rabbit) ซึ่งก็ยังมี กระต่ายกลุ่ม Rabbit  บางส่วนอาศัยอยู่ในป่า (Wild rabbit) ทำให้เกิดความสับสน แต่แท้จริงแล้วกระต่ายทั้งสองกลุ่มแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องต่างๆ ดังนี้ กระต่ายป่า (Hare) 1. มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lepus และมีโครโมโซม 24 คู่และทน 2. มีรูปร่างผอมยาว หูยาว ขายาว วิ่งได้เร็วและทน 3. นิสัยปราดเปรียว เชื่องยาก 4. ส่วนใหญ่มีสีเทาหรือสีน้ำตาลปนเทาและสีขนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล 5. อุ้มท้องนานประมาณ 36-42 วัน 6. จำนวนลูกต่อครอกน้อยประมาณ 1-4 ตัว 7.  ลูกแรกเกิดมีขน ลืมตา กระโดดและช่วยเหลือตัวเองได้หลังเกิดไม่นาน กระต่ายบ้าน (Rabbit) 1. มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oryctolacus และมีโครโมโซม 22 คู่ 2. รูปร่างเจ้าเนื้อกว่า ตัวสั้น หูสั้น ขาสั้น วิ่งได้เร็วในระยะสั้นๆ 3. เลี้ยงให้เชื่องง่าย 4. สีมีหลายสี และสีไม่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล 5. ระยะอุ้มท้องสั้นประมาณ 29-35 วัน 6. จำนวนลูกต่อครอกมากกว่าประมาณ 4-12 ตัว 7. ลูกแรกเกิดไม่มีขน ตาปิด เดินและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf) หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ง่ายๆ ติดปากว่า “ND” (อ่านออกเสียงว่าเอ็น-ดี) ถือได้ว่าเป็นกระต่ายสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในจำนวนสายพันธุ์ทั้งหมดที่ได้รับการยอมรับจาก ARBA เนื่องจากพวกมันมียีนส์แคระอยู่ในตัว จึงสามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า “กระต่ายแคระ(แท้ๆ)” โดยมีประวัติความเป็นมาดังนี้ เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1880 ที่ประเทศอังกฤษ ได้มีกระต่ายสายพันธุ์ดัทช์ให้กำเนิดลูกหลายครอกที่มีพื้นสีขาวแต่มีลายสีต่างๆ ไม่ได้เป็นสีขาวทั้งตัวและมีตาสีแดง ลักษณะลำตัวที่เล็กสั้นกระทัดรัด มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.6 ถึง 2 กิโลกรัม แต่กลับมีขนที่นุ่มลื่นสวยงาม ซึ่งเป็นที่มาของกระต่ายสายพันธุ์โปลิช (Polish) แม้ว่ากระต่ายที่ได้ในตอนนั้นจะยังมีเลือดไม่นิ่ง แต่การผสมแบบในสายเลือด (Line Breeding) ทำให้ได้กระต่ายรุ่นต่อมาที่มีสีขาวมากขึ้น จนกระทั่งได้กระต่ายสีขาวล้วนตาสีทับทิม (Ruby-Eyed White หรือ REW) ที่เป็นต้นกำเนิดของกระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ ในปัจจุบัน ด้วยแรงบันดาลใจจากการนำเข้ากระต่ายสายพันธุ์โปลิชเข้ามาสู่อังกฤษ ในปี ค.ศ. 1884 กระต่ายพันธุ์โปลิชจากประเทศเยอรมัน ได้ถูกนำมาผสมข้ามพันธุ์กับกระต่ายป่าในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่มีขนาดเล็กโดยบังเอิญ จนทำให้เกิดการถ่ายทอดยีนส์แคระลงในกระต่ายสายพันธุ์โปลิช ทำให้มีขนาดเล็กและมีลำตัวที่สั้นลง ในเวลานั้นกระต่ายแคระ จึงมีแต่สีขาวล้วนและมีตาสีทับทิม ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กระต่ายแคระสีขาวตาฟ้า (Blue-Eyed White หรือ BEW) ได้ถือกำเนิดขึ้นในเยอรมัน แต่ลักษณะของกระต่ายแคระสีขาวตาฟ้าในขณะนั้นจะมีโครงสร้างกระดูกที่ใหญ่ ลำตัวที่ยาว ขนหยาบและสั้นกว่ากระต่ายสีขาวตาทับทิม จนกระทั่งปลายทศวรรษปี 1930 กระต่ายแคระที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในขณะนั้นจึงมีเพียงแค่ 2 ประเภทสีเท่านั้นคือขาวตาทับทิมและขาวตาฟ้า ** และกระต่ายใส่แว่นเขียวคือสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด (จริงๆ นะ) จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โดยกระต่าย Netherland Dwarf จะแตกต่างจากกระต่าย Polish ดังนี้ ลักษณะต่างๆ ของ Netherland Dwarf และ Poish ขนาด       Netherland Dwarf - กระต่ายประกวดสามารถมีน้ำหนักได้แค่ 1.1 กิโลกรัม Poish - กระต่ายประกวดสามารถมีน้ำหนักได้ถึง 1.6 กิโลกรัม *** กระต่ายทั้งสองสายพันธุ์สามารถมีขนาดเล็กสุดที่ 7 ขีด ถึงมากที่สุดที่ 2กิโลกรัม *** สี Netherland Dwarf - มีสีที่มากกว่า ถึง 24 สี ซึ่งขณะนี้กำลังมีการพัฒนาให้มีสีหลายสีมากขึ้นไปอีก Poish - มีจำกัดอยู่แค่สีดำ สีบลู สีช็อกโกแลต ขาวตาแดง ขาวตาฟ้า และ Broken ลักษณะขน Netherland Dwarf - เมื่อลูบย้อนแนวขน ขนจะค่อยๆ คืนตัวกลับสู่ตำแหน่งเดิม (Rollback) Poish - เมื่อลูบย้อนแนวขน ขนจะคืนตัวกลับตำแหน่งเดิมทันที(Flyback)   รูปร่าง Netherland Dwarf - ความกว้างของไหล่และสะโพกมีขนาดใกล้เคียงกัน คล้ายทรงกระบอก   - หัวตั้งอยู่บนไหล่ทั้งสองข้าง ทำให้ดูเหมือนไม่มีคอ - หูตั้งตรงไม่จำเป็นต้องชิดกัน มองดูคล้ายรูปตัว V Poish -  ความกว้างของไหล่แคบกว่าส่วนสะโพก   - หัวไม่จำเป็นต้องติดกับไหล่ ทำให้เห็นว่ามีคอ - หูสองข้างชิดตั้งแต่โคนจรดถึงปลายหู เป็นแนวขนาน จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับในประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2546 ได้มีการนำเข้ากระต่ายสายพันธุ์นี้คุณภาพระดับประกวดจากสหรัฐอเมริกา สำหรับสมาชิกชมรมคนรักกระต่ายแห่งประเทศไทย โดยสีที่นำเข้ามาในขณะนั้นคือ สีขาวตาฟ้า (BEW) , สีดำสร้อยทอง (Black Otter) และสีดำสร้อยเงิน (Black Silver Marten) และในปีต่อมา ก็ได้มีการนำเข้า สีต่างๆ ที่แปลกและสวยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เช่น สีทองแดง (Siamese Sable) , สีควันบุหรี่ (Siamese Smoke Pearl) , สีหิมาลายัน (Himalayan) และสีที่หายาก อย่างสีวิเชียรมาศ (Sable Point) หรือสีพื้นอย่างเช่น สีดำ (Black) , สีบลู (Blue) , สีชอกโกแลต ทำให้ในขณะนี้ประเทศไทยเรามีกระต่ายสายพันธุ์นี้มากมายหลายสี  โดยจะเห็นได้จากตามงานประกวดต่างๆ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็มีการนำเข้ากระต่ายสายพันธุ์นี้จากประเทศต้นกำเนิดคือเนเธอร์แลนด์ โดยความแตกต่างหลักๆ ของกระต่ายจากสหรัฐอเมริกาและจากเนเธอร์แลนด์ นอกเหนือจากลักษณะทางกายภาพ อันได้แก่ น้ำหนัก หุ่น รูปทรง หัว กะโหลก และลำตัว ก็คือระบบเพดดีกรีและการจดทะเบียนซึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกาถือได้ว่ามีระบบที่ดีที่สุดในโลก ดีกว่าของกระต่ายทางเนเธอร์แลนด์ ซึ่งยังไม่มีการจดทะเบียนที่มีระบบ จึงทำให้กระต่ายจากทางสหรัฐอเมริกามีคุณภาพและราคาที่สูงกว่า และในปัจจุบันสายพันธุ์นี้ก็เป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงมากในวงการนักพัฒนาสายพันธุ์กระต่ายสวยงาม จนถูกเรียกขานว่า “อัญมณีแห่งวงการกระต่ายสวยงาม” (Gem of the Fancy Rabbits) ลักษณะของกระต่ายสายพันธุ์เนเธอแลนด์ดวอฟ ลำตัว ลำตัวต้องสั้นเล็กกะทัดรัด ไหล่หนาและมีความกว้างเท่ากับความกว้างของสะโพก ความกว้างและส่วนสูงจะต้องใกล้เคียงกัน ไหล่โค้งได้รูปรับกับส่วนโค้งของสะโพกที่กลมกลึง ซึ่งทำให้เน้นความสูงของตัวกระต่าย โดยที่ความกว้างและส่วนสูงจะต้องสมดุลกัน หัว หัวโตมีขนาดใหญ่สมดุลกันกับลำตัว ตัวผู้จะมีหัวใหญ่กว่าตัวเมีย หัวเป็นทรงกลมเมื่อมองจากทุกทิศทาง ส่วนโค้งของหัวมองดูกลมไม่มีสะดุด หัวตั้งสูงและติดกับไหล่มากที่สุด หู หูจะต้องสั้นและตั้งอยู่บนส่วนหัว หูตั้งแต่ไม่จำเป็นต้องชิดติดกัน มีขนเต็มสม่ำเสมอ แสดงถึงความมีเนื้อของส่วนฐานของหู ปลายหูมน ความยาวของหูในอุดมคติคือ 2 นิ้ว ขนาดของหูต้องสมดุลกันกับหัวและลำตัว ตา ดวงตาต้องกลม โต สดใส สีของตาต้องตรงตามมาตรฐานของประเภทสีที่ทำการประกวด เช่น สีบลูหรือสีสวาดหรือสีเทาควันบุหรี่ต้องมีตาสีเทา เป็นต้น ข้อยกเว้นในกระต่ายสีช็อกโกแล็ต สีไลแลคหรือสีเทากาบบัว และกลุ่มสีเฉด รวมถึงพวกสร้อยเงิน รูม่านตาอาจจะเป็นสีแดงสะท้อนออกมาได้ เรียกว่า Ruby Glow หรือ Ruby Red Reflection ในแสงปกติ ซึ่งกรรมการจะไม่คำนึงถึงตรงส่วนนี้เวลาประกวด เพราะว่าไม่มีกระต่ายตัวไหนที่จะถูกตัดสิทธิ์หรือถูกหักคะแนนจากการที่มีสีแดงสะท้อนออกมาจากรูม่านตา หาง ลักษณะของหางต้องตรง และมีขนเต็ม ถึงแม้ว่าจะไม่มีการให้คะแนนในส่วนหางของกระต่าย แต่ถ้าหางมีลักษณะที่บกพร่องบ้าง ก็อาจจะถูกหักคะแนนบ้างจากลักษณะประกอบอื่นๆ แต่ถ้าบกพร่องมาก ก็อาจจะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวดได้เช่นกัน ขน ลักษณะขนต้องเป็นแบบโรลแบ็ค (Rollback) หมายถึง ลักษณะขนที่เมื่อใช้มือลูบย้อนแนวขนแล้ว ขนจะค่อยๆ กลับคืนตัวสู่ตำแหน่งเดิม คุณภาพของขนต้องนุ่ม หนาแน่นสม่ำเสมอกัน ขนไม่ตายและเป็นมันเงางาม สี ลักษณะของสีขนและสีตาต้องตรงกันตามมาตรฐานของสีนั้นๆ สีเล็บก็ต้องตรงตามมาตรฐานของสีนั้นๆ ด้วย กระต่ายจะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด เมื่อปรากฏเล็บขาว ในกระต่ายสี สุดท้ายสีขนชั้นนอกและสีขนชั้นในไม่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลักษณะที่ไม่ได้มาตราฐาน เช่น ไหล่แคบ  ลำตัวยาวและแคบ หัวไหล่หรือสะโพกแคบ ส่วนโค้งหลังแบนราบไม่โค้ง ดังนั้นถ้าความกว้างความยาวและส่วนสูงไม่สัมพันธ์กันจึงถือว่าเป็นลักษณะที่บกพร่องทั้งสิ้น ลักษณะหัวที่มีจมูกแหลมบานหรือแบนถือเป็นลักษณะที่ไม่ต้องการ หัวใหญ่หรือเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับตัว หัวไม่สมดุลกับตัวและหู หัวขาดความกลมถือเป็นลักษณะที่บกพร่องทั้งสิ้น หูบาง หูงอ หูพับ หูแบน ขนที่หูไม่สม่ำเสมอ หูเป็นรูปตัววีกางมากเกินไป เส้นขนยาวเกินไป ขนบาง ขนไม่หนาแน่น กระต่ายอยู่ในช่วงผลัดขนสีจางไม่เท่ากัน หรือมีสีปะคือมีสีอื่นปรากฏขึ้นมาในที่ที่ไม่ควรเป็น และที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดคือ ขนปรากฏเป็นแบบฟลายแบ็ค (Flyback) คือเมื่อลูบขนย้อนแนว จะตีกลับสู่ตำแหน่งเดิมในทันที ซึ่งเป็นลักษณะของกระต่ายสายพันธุ์โปลิช สิ่งที่ควรทราบก็คือกระต่ายสายพันธุ์นี้ยังไม่ได้กำหนดให้มีมาตรฐานของกระต่ายที่มีลายหรือเป็นสีขาวจุดหรือสีขาวปะ เพราะฉะนั้นกระต่ายที่มีลายทั้งหมด (Broken) หรือกระต่ายที่เป็นลายหน้ากาก (Dutch mark) ก็ถือว่าไม่ตรงตามมาตรฐานสำหรับการประกวดของ ARBA ดังนั้นหากจะเลือกซื้อกระต่ายสายพันธุ์นี้ ให้ถูกต้องตามสีมาตรฐาน หรือจะส่งเข้าประกวด จะต้องเลือกสีให้ตรงตามสีหรือกลุ่มสีทั้ง 24 สีนี้เท่านั้น จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กลุ่มสีตามมาตรฐาน กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ จัดได้ว่ามีสีมากมายมากที่สุดในบรรดากระต่ายสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งหมดที่มี คือสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มสี และมีสีหรือลักษณะสีย่อยๆ อีกกว่า 24 สี โดยสีตามมาตรฐานที่ ARBA กำหนดให้มีการประกวดในกระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ดวอฟ มีกลุ่มสีถึง 5 กลุ่มสี ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Varieties) , กลุ่มสีเฉด (Shaded Varieties) , กลุ่มสีขนอะกูติ (Agouti Varieties) , กลุ่มแทนหรือกลุ่มมีสร้อย (Tan Varieties) และกลุ่มสีอื่นๆ (Any Other -Varieties) กลุ่มสีพื้น (Self Varieties) คือกลุ่มสีขนที่มีสีขนสีเดียวเหมือนกันตลอดทั้งตัว ประกอบด้วย 5 สี (6 ประเภท) ได้แก่ - สีดำ - สีบลู (Blue) ลักษณะเป็นสีเทาเข้ม - สีช็อกโกแล็ต - สีไลแลค (Lilac) - สีขาวตาฟ้า (Blue Eyed White) และขาวตาทับทิม (Ruby Eyed White) กลุ่มสีเฉด (Shaded Varieties) คือกลุ่มสีขนที่มีความเข้มของสีเดียวกันในแต่ละตำแหน่งของตัวไม่เท่ากัน โดยตำแหน่งที่มีความเข้มของสีแตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ จมูกและขาทั้งสี่ข้างซึ่งจะมีสีที่เข้มกว่าส่วนอื่นๆ ของตัว ประกอบด้วย 4 สี ได้แก่ - สีซาเบิ้ลพอยท์ (Sable Point) ลักษณะเป็นสีครีมทั้งตัว แต่มีแต้มสีน้ำตาลเข้ม เหมือนสีของแมววิเชียรมาศ - สีซาเบิล (Siamese Sable) ลักษณะเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม เหมือนสีของสุนัขไทยสีทองแดง - สีเทาควันบุหรี่ (Siamese Smoke Pearl) ลักษณะเป็นสีเทาควันบุหรี่ - สีกระ (Tortoise Shell) ลักษณะเป็นสีกระ เหมือนสีของกระดองเต่ากระ พื้นขนออกสีน้ำตาล แต่มีแต้มที่จมูกและขาเป็นสีน้ำตาลที่เข้มกว่า กลุ่มสีขนอะกูติ (Agouti Varieties) คือกลุ่มสีขนที่มีสีขนมากกว่าหนึ่งสีในขนเส้นเดียวกัน เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิดจะเห็นขนถูกแบ่งเป็นสามแถบอย่างชัดเจน ประกอบด้วย 5 สี ได้แก่ - สีเชสนัท (Chestnut) ลักษณะเป็นสีน้ำตาลเชสนัท มีสีดำแซมที่ปลายขนเหมือนสีกระต่ายป่า - สีชินชิลล่า (Chinchilla) ลักษณะเป็นสีเทาแซมดำที่ปลายขนเหมือนสีตัวชินชิลล่า - สีลิงซ์ (Lynx) ลักษณะเป็นสีส้มแซมสีเทาเงิน - สีโอปอล (Opal) ลักษณะเป็นสีฟางข้าว ขนชั้นในเป็นสีบลู - สีกระรอก (Squirrel) ลักษณะเป็นสีเทาแซมสีบลู หรือมีสีเทาเข้มที่ปลายขนเหมือนสีของกระรอก กลุ่มแทนหรือกลุ่มมีสร้อย (Tan Varieties) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือประเภทที่มีขนสีพื้นเป็นสีตามที่กำหนดไว้คือ สีดำ สีบลู สีช็อกโกแล็ต หรือสีไลแลค และอีกกลุ่มคือประเภทที่มีสีทองแดงและสีเทาควันบุหรี่ แต่ที่สำคัญ สำหรับสีทุกประเภทคือ จะต้องมีสร้อยหรือเป็นแถบขนสีขาวหรือสีที่กำหนดพาดที่คอ แลดูเหมือนกับสร้อยและผ้าพาดคอพาดอยู่ - กลุ่มสร้อยทอง (Otter) จะมีขนสีพื้นเป็นสีตามที่กำหนดไว้คือ สีดำ สีบลู สีช็อกโกแล็ต หรือสีไลแลค ตรงบริเวณที่หัว หูส่วนนอก หลังเท้าหน้า ส่วนนอกของขาหลัง หลัง และลำตัวด้านข้าง แต่จะมีมาร์กกิ้งที่คอ (ส่วนกราม) หลังคอ(เป็นรูปสามเหลี่ยม) ส่วนท้อง จมูกส่วนล่าง รอบดวงตา หางส่วนล่าง หูส่วนใน และส่วนในของขาหน้าและขาหลัง จะเป็นสีครีม แต่มีสีส้มแซมเป็นมาร์กกิ้งในกระต่ายสีพื้นดำหรือช็อกโกแล็ต หรือมีสีฟางข้าวแซมเป็นมาร์กกิ้งในกระต่ายสีพื้นบลูและไลแลค ทำให้แลดูเหมือนเป็นสร้อยทองคล้องอยู่ - กลุ่มสร้อยเงิน (Silver Marten) มีลักษณะขนเป็นสีพื้นตามที่กำหนดไว้เหมือนกับของกลุ่มสร้อยทอง แต่จะมีมาร์กกิ้งเป็นสีเทาเงิน ทำให้แลดูราวกับว่ามีสร้อยเงินคล้องอยู่ - กลุ่มสร้อยนาค (Tans) มีลักษณะขนเป็นสีพื้นตามที่กำหนดไว้เหมือนกับของกลุ่มสร้อยทองและสร้อยเงิน แต่จะมีมาร์กกิ้งเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม คล้ายสีนาค ทำให้เหมือนสวมสร้อยนาคอยู่ - สีทองแดงสร้อยเงิน (Sable Marten) ลักษณะสีพื้นเป็นสีทองแดง แต่มีมาร์กกิ้งต่างๆ คล้ายกับของกลุ่มสร้อยเงิน - สีเทาควันบุหรี่สร้อยเงิน (Smoke Pearl Marten) มีสีพื้นเป็นสีเทาควันบุหรี่ แต่มีมาร์กกิ้งต่างๆ คล้ายกับของกลุ่มสร้อยเงิน กลุ่มสีอื่นๆ (Any Other Varieties) คือกลุ่มสีที่ไม่สามารถจัดให้เข้าอยู่กับกลุ่มสีอื่นๆ ข้างต้นได้ เป็นกลุ่มที่มีลักษณะสีเฉพาะตัว มี 4 สี ได้แก่ - สีฟางข้าว (Fawn) - กลุ่มหิมาลายัน (Himalayan) คือกลุ่มที่มีสีขนที่ลำตัวเป็นสีขาว แต่มีแต้มที่ จมูก หูทั้งสอง ขาทั้งสี่ และหาง โดยจะต้องมีสีตามที่กำหนดไว้คือ สีดำ สีบลู      สีช็อกโกแล็ต และสีไลแลค แต่ที่สำคัญคือจะต้องมีตาสีทับทิม - สีส้ม (Orange) - สีสนิมเหล็ก (Steel) มีลักษณะเป็นสีดำทั้งตัว แต่มีปลายขนเป็นสีน้ำตาล จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลักษณะที่ถูกปรับเป็นโมฆะจากการประกวด เช่น เมื่อกระต่ายมีเหนียงใต้คอ กระต่ายตัวที่มีหูยาวเกิน 2 นิ้วครึ่ง หรือเมื่อกระต่ายประกวดในกลุ่มสีใดๆ ถ้าหากปรากฏว่ามีขนแซมสีขาวขึ้นมาอย่างชัดเจนหรือมีจำนวนมากเกินไป หรือกระต่ายสีขาว หรือกลุ่มสีฮิมาลายัน แต่ขนสีอื่นปรากฏแซมขึ้นมา จะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด เนื่องจากคะแนนที่ให้สำหรับสีมีมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะของสีขนและสีตาจึงต้องตรงกันตามมาตรฐานของสีนั้นๆ นอกจากนี้สีเล็บก็ยังต้องตรงตามมาตรฐานอีกด้วย กระต่ายจะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวดโดยเฉพาะเมื่อปรากฏเล็บขาวในกระต่ายสี หากสีขนชั้นนอกและสีขนชั้นในไม่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ก็ถือว่าเป็นลักษณะที่บกพร่องและถูกหักคะแนนได้ การจัดท่าทางเวลาประกวดกระต่ายเนเธอร์แลนด์ดวอฟ จะจัดระเบียบร่างกายให้เป็นไปตามธรรมชาติของสายพันธุ์นี้ที่สุด คือ ไม่ควรยืดลำตัวให้ยาวออก หรือดันมาให้ติดกัน ไม่ควรจัดท่าให้กระต่ายอยู่ในท่ายืนถ่ายน้ำหนักไปที่ขาหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดความสูง และความสมดุลของตัวกระต่ายจะหายไป ทำให้ตัวกระต่ายไม่แลดูสั้นและกะทัดรัด การจัดระเบียบร่างกายที่ดีคือ ต้องแสดงถึงความสมดุลกันทั้งความกว้าง ความยาวและส่วนสูง ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญที่สุดของกระต่ายแคระ จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 -- ลบแระ เอิ้กๆ -- รูปถ่ายโดยพี่บุ๋ม แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:34:34 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 -- ลบแระ เอิ้กๆ -- แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:34:58 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลักษณะของผู้ประกอบอาชีพ ต้องเป็นผู้ที่รักสัตว์ พร้อมจะเสียสละเวลาเพื่อดูแลพวกเขา แม้กระต่ายจะไม่ใช่สัตว์ที่อ่อนแอตายง่ายตามที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่พวกเขาก็เป็นสัตว์ที่ละเอียดอ่อนต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ อุณภูมิและบรรยากาศที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้กระต่ายเครียดได้ ซึ่งอาจจะทำให้เขาไม่ทานอาหารจนถึงขั้นเจ็บป่วย ความผิดปกติบนขนและผิวหนังเพียงน้อยนิดก็อาจจะทำให้กระต่ายเกิดโรคทางผิวหนังได้ เช่นเชื้อรา เรื้อน หรือไร หรือกระต่ายบางตัวที่มีน้ำตาหรือน้ำลายไหลตลอดเวลาก็อาจจะมีปัญหาฟันยาว ท่อน้ำตาอักเสบ ต้องเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันดี เพราะอัธยาศัยที่ดีจะทำให้ผู้ที่พบนั้นเกิดความประทับใจ แม้ในวันนี้เขาจะไม่ใช่ลูกค้าของเรา แต่เขาก็จะอยากเป็นลูกค้าของเราเมื่อเขามีโอกาสอย่างแน่นอน การยินดีให้คำปรึกษาต่างๆ แก่ผู้ที่ประสบปัญหาการเลี้ยงกระต่ายนั้นนอกจากจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีแล้ว ยังเป็นการดีที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน เพราะไม่ว่าเจ้าของกระต่ายคนนั้นจะเลี้ยงกระต่ายพันธุ์อะไรซื้อกระต่ายมาจากไหน กระต่ายตัวนั้นก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ย่อมสมควรได้รับความช่วยเหลือ การให้ความรู้ต่างๆ กับผู้เลี้ยงกระต่ายมือใหม่จะช่วยให้เขามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลกระต่ายต่อไปในอนาคต ต้องมีความซื่อสัตย์ในการประกอบกิจการ ไม่คดโกงเอารัดเอาเปรียบลูกค้า ขายกระต่ายที่ด้อยคุณภาพ มีโรคหรือเจ็บป่วย หรือส่งลูกกระต่ายผิดไปจากที่ตกลงไว้กับลูกค้า และควรมีจรรยาบรรณไม่จำหน่ายกระต่ายเด็กที่ยังไม่หย่านม เนื่องจากกระต่ายที่ยังไม่หย่านมนั้นมีภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ มีโอกาสเสียชีวิตสูง ควรให้อยู่กับแม่กระต่ายจนกว่าจะหย่านม ไม่ทอดทิ้งกระต่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่หมดประโยชน์แล้วอย่างไม่ใยดี แม้ว่าอาจจะไม่สามารถรับภาระไว้ได้ทั้งหมด แต่ก็ควรจะหาทางออกที่ดีสำหรับเหล่าเพื่อนตัวน้อยที่เคยสร้างผลประโยชน์ให้แก่เรา เพราะสิ่งที่เรากระทำกับกระต่ายทุกๆ ตัวนั้นมีผลกระทบทางจิตใจต่อผู้ที่รักสัตว์เป็นอย่างมาก การกระทำที่ขาดจิตสำนึกอย่างไร้จรรยาบรรณอาจจะทำให้ชื่อเสียงของเราเสียหายได้ ควรหมั่นศึกษาหาความรู้ สนใจข่าวสารใหม่ๆ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นทิศทางความนิยมของวงการกระต่ายในบ้านเรา ข่าวคราวการประกวดต่างๆ การพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์กระต่ายทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งการสร้างสัมพันที่ดีในหมู่ผู้เลี้ยงกระต่ายด้วยกันก็เป็นสิ่งดีๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเพราะชื่อเสียงที่ดีย่อมนำมาซึ่งความน่าเชื่อถืออันมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาเป็นลูกค้าของฟาร์ม จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 -- ลบแระ เอิ้กๆ -- แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:33:41 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 -- ลบแระ เอิ้กๆ -- แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:35:31 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 -- ลบแระ เอิ้กๆ -- แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:36:12 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อู้ว ว้าว ไอ้มึน แกแน่มาก พรุ่งนี้จะมาอ่าน แค่มาทักวะน้อง จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 23 ก.ย. 50 01:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 -- ลบแระ เอิ้กๆ -- แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:36:54 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จบ แฮ่กๆ อ้าว โดนพี่แดงปาดแฮะ.....   จาบอกว่า "ถ้าจะถามว่าเรื่องNDทำไมมันเนื้อหาคุ้นๆ" แหงเดะ ก็ก็อปเว็บมาอ่ะ แต่ใส่เครดิตและบรรณานุกรมท้ายเล่มนะ มะต้องห่วง ใส่ชื่อเว็บให้ไปไล่ตามเลยด้วย เกือบครบทุกเว็บกระต่ายดังๆ ในประเทศไทย (ไม่รวมเว็ย"ขายของ" และ เว็บของฟาร์มต่างๆ)  ยกเว้นเว็บของฟาร์มที่ไปสัมภาษณ์นะ ก็ราวๆ นี้อ่ะ แล้วก็ใส่พวกรูปภาพ รูปของฟาร์ม รูปกระต่ายต่างๆ ND สวยๆ แปลกๆ น่ารักๆ ของตกแต่ง  แหะ แหะ ส่วนรูปเล่มรายงานก็ตามนั้นจ้า ลงให้ดูข้างล่างนี่ไง (คุ้นๆ นายแบบตัวขวาสุดมะ เอิ้กๆ) ก็ราวๆ นี้จ้า หวังว่าคงมีประโยชน์กะเพื่อนๆ น้า.....  ค้นมาได้แค่นี้แหละ แบบว่าสมองน้อย เอิ้กๆ ว่าแล้วก็ถือโอกาสรวมมิตรรูปอาเบลเก่าๆ ด้วยเยย คิ คิ (แอบแฝง ดันไอ้อาเบล) จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 01:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอด กระทู้ ND แห่งปี จากคุณ : หมวยสลัม - [ 23 ก.ย. 50 02:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบ อ่านเพลินเลยเนี่ย อาเบลก็สะกดจิตตลอดเลย 555+ จากคุณ : หม่ามี๊2บี (หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้) - [ 23 ก.ย. 50 06:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านไปอ่านมา ทำให้อยาก เลี้ยง ND ป.ล. รูปอาเบล คห ที่ 4 จมูกแอบบาน คริ ๆ จากคุณ : แม่แคสเปอร์ - [ 23 ก.ย. 50 10:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอ้ว..ข้อมูลแน่นปึ้ก   อย่างงี้เรียกคะแนนได้เยอะแน่เลยอ่ะ มึน ส่งไปเมื่อไหรเนี่ย เกรดออกแล้วบอกด้วยน๊า ว่าวิชานี้ได้เกรดอะไรอ้ะ ว่าแต่ ตอนส่งไปเนี่ย เอารูปเจ้าอาเบลลงไปด้วยป่าววววว.... เอ่อ..มันจะเพิ่มคะแนนหรือกดคะแนนให้แกเนี่ย โหวตให้ดีกั่ว นานๆจะเจอกระทู้สาระล้วนๆ เก็บๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 50 10:23:45 จากคุณ : deer_do_la - [ 23 ก.ย. 50 10:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อไป ก็เจาะลึก เรื่องการผสมพันธุ์ซะเลย ได้เห็นประสบกาม  อาเบล & Eลิ้ม อย่างใกล้ชิด แล้วนิ !!!! จากคุณ : *PIPPO* - [ 23 ก.ย. 50 11:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โอ้ น้องมึน ร้ายจริงๆ น้องเรา ไว้มาอ่านนะ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 23 ก.ย. 50 11:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เฮ้ย ไรวะ ทำไมข้อความหาย โดนลบไปอีกแล้ว .... งง เกิดไรขึ้น จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 13:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ลองอีกที เอ้า โดนลบไป 2 ครั้งแล้วนะนี่ จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงกระต่ายนั้นเริ่มจากการที่มนุษย์จับกระต่ายป่ามาเลี้ยง แต่ระยะเวลาในการเริ่มต้นนำกระต่ายป่ามาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์เศรษฐกิจชนิดอื่นๆ แล้วนับว่าสั้นกว่ามาก ประวัติการนำกระต่ายป่ามาเลี้ยงเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนในยุคโรมัน จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 13:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กระต่ายป่าได้ถูกจับมาเลี้ยงในเขตอุทยานในแบบกึ่งเลี้ยงกึ่งกระต่ายป่า เพื่อเป็นเกมการล่าสัตว์ของพวกkingและขุนนาง และเพื่อเป็นอาหารของพวกนักบวช หลังจากนั้นการการเลี้ยงกระต่ายก็ค่อยๆ แพร่หลายไปเรื่อยๆ และมีการพัฒนาขึ้นทั้งวิธีการเลี้ยงและสายพันธุ์ จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 13:07:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ในด้านการพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจังนั้นพึ่งเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยพวกพระและนักบวชนั้นได้เริ่มคัดเลือกพันธุ์กระต่ายตามสี และเริ่มมีการเลี้ยงกระต่ายในกรงและโรงเรือน  โดยเริ่มมีการพัฒนาสายพันธุ์ในด้านของขน และในปี ค.ศ. 1850 กระต่ายสายพันธุ์แองโกล่าก็ถูกพัฒนาขึ้น และหลังจากนั้นก็มีกระต่ายสายพันธุ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการรวมกลุ่มของผู้เพาะเลี้ยง จัดตั้งสมาคมต่างๆ เช่น สมาคมเพาะเลี้ยงและคัดเลือกสายพันธุ์กระต่ายในอเมริกา AMERICAN RABBIT BREEDERS ASSOCIATION (ARBA) ที่ถือว่ามีมาตรฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุดและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก หรือ องค์กรในอังกฤษที่ชื่อว่า British Rabbit Council (BRC) ซึ่งสมาคมทางฝั่งอเมริกาและยุโรปนั้นก็มีมาตรฐานและจำนวนสายพันธุ์ที่ให้การยอมรับแตกต่างกัน จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 13:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คราวนี้อันไหนจะโดนลบอีกมั้ยเนี่ย ... งง มันไปผิดกฏอะไรตรงไหน เรื่องความเป็นมาเนี่ย..... จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 13:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ ^ มึนลองเมลล์ไปถามแอ๊ดมินพันทิพย์เค้าเรื่องคำอ่ะ มันจะมีบางคำที่เค้าลบอัตโนมัติอ่ะน้อง (พี่เคยตอบกระทู้ประวัติศาสตร์จีนหนนุง ถูกลบไปล้านหนได้ เพระกรณีนี้อ่ะ ตอนแรกก็เดือดเหมือนกัน) ปล. อ่านมะได้ เพราะมึนไม่เว้นวรรณเลย แอบตาลายเล็กน้อย เจ๊แอบแก่ ก๊ากๆๆๆ แต่เท่าที่อ่านๆนะ เจ๊ไม่แน่ใจว่ามึนมีทำfootnote ไว้หรือปล่าว เพราะบางอย่างออกจะเป็นคำเฉพาะกลุ่ม เช่น //ความคิดเห็นที่ 3   กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf) หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ง่ายๆ ติดปากว่า “ND” (อ่านออกเสียงว่าเอ็น-ดี) ถือได้ว่าเป็นกระต่ายสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในจำนวนสายพันธุ์ทั้งหมดที่ได้รับการยอมรับจาก ARBA เนื่องจากพวกมันมียีนส์แคระอยู่ในตัว จึงสามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า “กระต่ายแคระ(แท้ๆ)”// มึนน่าจะใส่ด้วยว่า  ARBA ย่อมาจากอะไรและใส่ปุ้ตโน้ตไว้ด้วย สำหรับการบอกข้อมูลคร่าวๆ รวมถึงเวบไซด์ก็ดี จะได้เป็นการอธิบายได้ แอบงอนนินุง ว่าไม่น่าจะใช้คำว่านั่งเทียนน๊า พี่ว่าคนเรียนป โทแล้วนิอ่ะ ไม่มีคำว่านั่งเทียนหรอกน้อง มันมาจากความรู้ที่เราศึกษามาทั้งนั้นล่ะ อย่าดูถูกความรู้ตัวเองน๊า สู้ๆ ^^ อีกอย่าง ขอแอบติงภาษาเล็กน้อย มึนมีภาษาพูดในรายงานเยอะไปหน่อยว่ะ .... บางที ลองอ่านๆรายงานหลายๆฉบับมาเทียบกับรายงานของเราดูนะ อย่างคำว่า "จะ" "ก็" อะไรงี้อ่ะ มันใส่ไปแล้วจะไม่ได้ "ความเป็นวิชาการ" เท่าไหร่เน้อ .... ลองอ่านทวนๆให้มันลื่นๆกว่านี้น๊า ทำพวกนี้ให้เป็นนิสัยไว้ตั้งแต่เพียงแค่ระดับรายงานไว้นะจ๊ะ มะงั้นเธอจะมาเครียดภายหลังตอนทำธีสิสอย่างจ๊านนนนนนนนนนนนนน ---------------------------------------------------------------- เพิ่งเห็นกระทู้ข้างบน มึนส่งแล้วด้วย และบอกด้วยแล้วว่ามี footnote อายจัง อิอิ ปกรายงานสวยมากเลยอ่ะ ชอบ น่ารักดี  สู้ๆต่อไปน้า ไม่แน่หนูอาจจะจบก่อนเจ๊ก็ได้ (ยังไปไม่ถึงไหนเลยตรู--") แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 50 13:54:02 จากคุณ : แมวจรจัด - [ 23 ก.ย. 50 13:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอปรบมือให้กับความรู้ที่ดี ๆ นะ มาแจก  ARBA  พ่วงด้วยที่อยู่และเมล์ American Rabbit Breeders Association, Inc. 8  Westport Court P.O.  Box 426 Bloomington, IL 61704 E-mail:  ARBAPost@aol.com จากคุณ : กบน้อยเริงร่า - [ 23 ก.ย. 50 14:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ พึ่งเห็นกบฯ มาปาด เราลงเว็บไซต์ไปแล้วล่ะค่ะ ทั้งอาบร้าและ เอๆเอ็นๆ ดีดีๆ ไรของ ND เลยแหละ ลงไอแลนด์เจมส์ด้วย ในอ้างอิง มีรูปของสมาคมแปะครบทั้ง 2 อันเลย ยกเว้น ของบรติชอ่ะ มันไม่ค่อยสำคัญมากเท่าเนื้อหาและรูปอื่นๆ (สมาคมมันไม่ดังเท่าอาบ้าอยู่แล้วนี่ ลงแต่รูปอาบ้าก็พอในพื้นที่ของหน้านั้น) แต่ส่วนของที่อยู่เราไม่ใส่อ่ะ เพราะกะว่าให้เว็บไปเค้าก็ตามเอาเองได้ แหะ แหะ ราวๆ นี้ ขอบคุณคำแนะนำจากพี่แมวมากๆ เลยค่า อืมๆ เรื่องภาษางั้นเหรอ.... ได้ครับ! คราวหน้าจะพยายามปรับปรุงให้เป็นทางการมากกว่านี้ มันเป็นรายงานที่ทำส่งอจารย์อ่ะแหละค่ะ งานชิ้นนึงที่ต้องทำส่งอ่ะ แต่จริงๆ มันคือ "แฟ้มอาชีพ" เป็นแฟ้ม(แต่หนูเจือกทำเป็นสมุดภาพแบบหนังสือโบราณอย่างสวย เอิ้กๆ) ที่เราเอาไว้แนะนำเกี่ยวกับอาชีพอิสระที่น่าสนใจอ่ะค่ะ  ก็จะมีหัวข้อต่างๆ เริ่มตั้งแต่ลักษณะงาน การดำเนินงาน ไรทำนองนี้ แต่ก็อย่างว่าอ่ะ หนูอยากทำดีๆ เรานำเสนอเรื่องการเลี้ยงกระต่าย ฟาร์มกระต่ายก็จริง แต่คนปัจจุบันมีความรู้เรื่องกระต่ายน้อยมากกกกกกก  ถึงเราจะเจาะจงสายพันธุ์ แต่หนูก็อยากนำเสนอส่วนอื่นๆ เรื่องพื้นฐานอื่นๆ จุดเริ่มต้นไรงี้ด้วย ในส่วนของการดำเนินงานเลยแอบเพิ่มเนื้อหา เกร็ดการเลี้ยงลงไปอื้อเลย ก็เราจะนำเสนอเรื่องกระต่ายสายพันธุ์ เราก็อยากจะปูพื้นเรื่องกระต่ายไว้ด้วยนิดๆ อ่ะ เพราะคิดว่า ถ้ามีคนได้มาอ่านรายงานของหนู เค้าก็จะนำเอาหลักนี้ไปใช้กับกระต่ายที่เค้าเลี้ยงได้ หรือคนที่อยากทำเป็นอาชีพเสริม เช่นอาจจะเลี้ยงเป็นคู่  เลี้ยงจำนวนน้อยเป็นงานอดิเรกที่เพิ่มรายได้ (เหมือนที่หลายๆ คนกำลังทำอยู่ เอิ้กๆ)   หนูเลยตั้งใจทำออกมาให้เหมือนหนังสือที่ดูน่าอ่าน แต่เอาเข้าจริงเนื้อหาในเวิร์ดก็26หน้าแล้ว สมุดมีพื้นที่แค่ 40 บีบกันน่าดู บางหน้าอ่ะเนื้อหาพรืด.... ไม่สวยเล้ย... เป็นแฟ้มอาชีพที่ต้องเอาไปให้กับโรงเรียนที่เราจะไปฝึกงานเทอมต่อไปน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่า ถ้าเอาไปให้เด็กๆ ดู ทำน่ารักๆ จะดีก่า กระต่ายมันดึงดูดได้อยู่แล้วล่ะ เพื่อนๆ บางคนแค่ปริ๊นซ์แล้วใส่แฟ้มไปส่งอะ โดนอาจารย์ติเรื่องความดึงดูด ความน่าสนใจ ทำใหอยากเปิดอ่านด้วยล่ะ แต่ส่วนของเรื่องเนื้อหา ความครบถ้วนอ่ะ อีกเรื่อง นั่นแหละ เป็นจุดที่หนูบกพร่องสุดๆ เรื่อง ต้นทุน กำไร การคำนวนรายได้ ไรแบบนี้  เพราะคุณแอร์เค้าก็ไม่ได้เน้นตรงจุดนี้เลยอ่ะ บอกมาคร่าวๆ (หนูไปสัมภาษณ์เค้าแล้วเอามาเขียนเป็นเนื้อหาสำนวนหนูอ่ะค่ะ) คุณแอร์เองเค้าก็ไม่ได้เน้นแบบฟันกำไรจะจะ นั่งนับต้นทุน คำนวนไรมากมาย เค้าเลี้ยงออกแนวๆ ใจรักมากกว่าอ่ะ (รวยอยู่แล้วไง เอิ้กๆ) ตรงจุดนี้หนูเลยเขียนเนื้อหาออกมาได้ยากมากๆ หนูเองก็ไม่เคยขายกระต่าย เคยแต่ซื้อมาเลี้ยง แถมไม่รู้หลัก เรท ราคา ราคาฟอร์ม ราคาตามสี ไรแท้ๆ ด้วย ว่าอะไรมันควรจะเท่าไหร่ เค้าอธิบายมาหนูก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เรื่องต้นทงต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการทำฟาร์มเนี่ย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าอาหาร กรง กระบอกน้ำ หญ้า โอ๊ย.... คิดไม่ถูก   ปัจจัยเรื่องของต้นทุนก็ต่างกันแล้ว ชนิดและคุณภาพราคาอาหาร กรงอุปกรณ์ที่ใช้ ค่าน้ำค่าไฟ การตกลูกของกระต่ายก็แน่นอนซะที่ไหนอ่ะ จำนวนที่ขายได้อีก เรทการตั้งราคาและกำไรเลยไม่รู้จะเขียนออกมายังไง ไปถามคุณแอร์ๆ เลยบอก งั้นเขียนไปว่า ครึ่งๆ ละกัน ฮ่าๆ (ไม่เรียกนั่งเทียนแล้วจะเรียกไรอ่ะ)  หนูเองสัมภาษณ์มาไม่ได้ข้อมูลที่ละเอียดพอ เพราะบางอย่างเค้าก็ไม่มีข้อมูลด้วยเหมือนกัน หนูก็ต้องพลิกแพลงเขียนออกมาให้คนอ่านแล้วพอเข้าใจ จับแนวทางได้ง่ายที่สุดอ่ะ นั่นแหละค่ะพี่แมว ตามนั้น เฮ้อ.... หนูเรียนแนะแนวนี่ มันก็ต้อง "แนะแนวไ ให้คนเค้ารู้ให้ได้ ให้แนวเฉยๆ ที่เหลือเค้าไปเลือกดำเนินการเองแล้วกัน เอิ้กๆ ปล. ***** ตกลงเข้าใจตรงกันน้า หนูไม่ได้ทำรายงานเรื่องกระต่ายNDนะจ๊า.... หนูทำเรื่อง "แนะแนวฟาร์มกระต่ายสายพันธุ์ND" ตะหาก ฮ่าๆๆๆๆๆ ปล. 2 ไม่มีใครจะชมเรื่องปกอีกเลยเหรอ หญ้าเขียวๆนั่นเอากระดาษย่นมาตัดทำเองน้า ดอกไม้ด้วย รั้วด้วย ตัวอักษรนั้นก็ตัดทีละตัวแล้วเอามาแปะบรพื้นกระดาษลูกฟูกเองเลย เอิ้กๆ ชมหน่อยๆ มาชมเค้ากันหน่อยเร้ว.... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 50 14:53:41 จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 ก.ย. 50 14:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ว้าว ความรู้ดี ขอบคุณพี่มึนจ้า แล้วงี้อาเซเป็นพันแท้ป่าวเนี่ย...ทำหน้า งง? จากคุณ : -+-miwchan-+- - [ 23 ก.ย. 50 14:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่าวลืม....โอ้วววววว....ปกสวยจังเลย (เอากะเค้าหน่อย )^^ จากคุณ : -+-miwchan-+- - [ 23 ก.ย. 50 14:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พี่แดงเซฟไว้อ่านดีกว่า ตาจะลาย เอาไว้อ่านตอนคิดถึงอาเบลหน้าอ้วน อิอิ รูปดันอาเบลนี่ เห็นการพัฒนาเรือนร่างของลูกแกแล้ว.............. เห็นม่ะ หน้าบานขึ้นเรื่อยๆ อวบอิ่มขึ้นเรื่อยๆ กรี๊ดดดดดดดดดดด มันไม่เหมือนใครเลยนะ น่ารักจริงๆ! จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 23 ก.ย. 50 15:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ร้ายนะยะ ดันลูกตัวเองสุดฤทธิ์ ข้อมูลแน่นดี ปกรายงานสวย เลิศๆๆๆๆๆๆ แต่ดาราหน้าปกนี่คุ้นๆเนอะ จากคุณ : bunny_society - [ 23 ก.ย. 50 21:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สู้สู้ เขานะน้อง จากคุณ : dorapanda - [ 24 ก.ย. 50 13:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กำลังคิดว่า ข้อดี ข้อเสีย ทำเป็น SWOT analysis แล้วต่อยอดเป็น  TOWS Matrix Suggest strategy <-- ภาษาไทยเรียกไงอ่ะ.. จะละเอียด กว่าค่ะ จากคุณ : giang_au - [ 24 ก.ย. 50 17:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณเกียงมาแปลที ไอ้ที่บอกมาอ่ะ ไม่รู้เรื่องเลย .....  แต่ส่งไปแล้วล่ะ ฮ่าๆ จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 24 ก.ย. 50 17:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แน่น จากคุณ : ตัวดื้อ - [ 24 ก.ย. 50 17:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ลบแระ เอิ้กๆ ขอมาลบข้อมูลในส่วนที่ได้สัมภาษณ์ฟาร์มเค้าออกน้า (ที่เหลือเราเขียนเองอะ มะเป็นไร)   ใครเซฟไว้ก็โชคดี เอิ้กๆ ใครมะเซฟก็อด รึใครอยากได้เป็นไฟล์เวิร์ดหลังไมค์มาขอมะ จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 24 ก.ย. 50 18:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เนื้อหาล้วนๆเลยน๊า ขอบคุณนะคะพี่ได้รับความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยค่ะ จากคุณ : pim(พิม) - [ 24 ก.ย. 50 19:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ่า ส่งไปแล้วเหรอ.. ขอให้ได้คะแยยเยอะๆ แล้วกัน.. ((เข้าใจความรู้สึก เด็กทำรายงาน ชีวิตบนเส้นด้ายยย)) จากคุณ : giang_au (giang_au) - [ 24 ก.ย. 50 23:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 25 ก.ย. 50 00:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เก่งมากครับ น้องมึน รู้เรื่องกระต่ายมากขึ้นเยอะเลยครับ จากคุณ : maengbar - [ 25 ก.ย. 50 10:27:51 ]