ความคิดเห็นที่ 1 สิ่งเหล่านี้แหละค่ะ ที่ผู้เขียนเคยนับหนึ่งมาก่อนทั้งสิ้น เลยอยากเอาประสบการณ์ของตัวเองมาเป็นทางลัดให้คนอื่นจะได้เดินเร็วขึ้น โลกนี้จะได้เป็นสีเขียวเร็วขึ้น เช้าวันนี้เลยตื่นขึ้นมา ชงกาแฟมาหนึ่งถ้วย นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ จรดนิ้วมือบนแป้นพิมพ์ แล้วลงมือเขียนซะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 08:44:36 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แหล่งขายต้นไม้ อยากซื้อต้นไม้ค่ะ นอกจาก JJ แล้ว ยังมีแหล่งอื่นที่มีต้นไม้เยอะๆ ราคาถูกๆ ให้ไปเดินเลือกซื้ออีกบ้างมั๊ยคะ ??? นี่เป็นคำถามที่ผู้เขียนไปอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตบ่อยมาก บ่อยจนคิดว่าถ้าจะเริ่มเขียนเรื่องเกี่ยวกับต้นไม้ ก็ต้องเริ่มจากตรงนี้แหละ แหล่งขายต้นไม้อยู่ที่ไหนบ้าง ราคาแต่ละที่เป็นอย่างไร เปรียบเทียบราคาพอให้เห็นเป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังคิดอยากจะเข้ามาอยู่ในวงการขายต้นไม้ หรือเจ้าของบ้านนักช๊อปที่อยากใช้เวลาว่างไปเดินเลือกซื้อต้นไม้มาแต่งบ้าน แต่ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่า ผู้เขียนคงไม่สามารถแนะนำทุกแหล่งได้ทั้งหมด คงจะแนะนำได้เพียงบางส่วน ที่ผู้เขียนไปเดิน อยู่บ้างเท่านั้น คำว่า แหล่งขายต้นไม้ ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ เป็นแหล่งต้นไม้สำหรับใคร ถ้าสำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการต้นไม้เพียงต้นสองต้น ผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ไปซื้อที่ร้านต้นไม้ใกล้บ้านดีกว่า แม้จะจ่ายแพงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่สะดวกสบายในการเดินทางมากกว่า ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องตากแดดร้อน ค่าต้นไม้ที่แพงขึ้นก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่คนอื่นเขาลำบากไปหาซื้อต้นไม้ต้นที่คุณกำลังถูกใจอยู่นี้มาให้คุณก็แล้วกันนะคะ แต่ถ้าแหล่งต้นไม้ที่เรากำลังพูดถึงเป็นแหล่งต้นไม้ที่นักจัดสวนเขาไปซื้อต้นไม้กัน และคนที่สนใจอยากจะผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจขายต้นไม้เล็กๆ อยากจะไปเดินเลือกซื้อบ้าง หรือสำหรับเจ้าของบ้านที่พร้อมจะลุยไปซื้อต้นไม้ทุกที่เพื่อเอามาจัดบ้านแต่งสวน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณในกระเป๋า ก็ติดตามกันต่อเลยค่ะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 08:46:48 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แหล่งไหน เป็นแหล่งต้นไม้ราคาถูกที่สุด ?? คำถามนี้เป็นคำถามที่ผู้เขียน ถูกถามบ่อยมาก เหมือนเป็นคำถามง่ายๆ แต่กลับฟันธง ตอบยาก ที่ตอบยาก ไม่ใช่เพราะไม่รู้นะคะ แต่เพราะยิ่งซื้อต้นไม้ไปนานวันเข้า ยิ่งรู้มากยิ่งไม่กล้าตอบ เช่นที่ จตุจักร เป็นที่รู้กันดีค่ะว่า เจ้าของร้านต้นไม้จากทั่วทุกสารทิศของประเทศมาซื้อต้นไม้จากที่นี่ไปขาย เพราะฉะนั้น จตุจักรจึงเป็นแหล่งขายต้นไม้ราคาถูกใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่ราคาถูกไปหมดเสียทุกอย่าง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เดี๋ยวค่อยอธิบายให้ฟังทีหลัง ตอนนี้เรามาดูว่า พ่อค้าแม่ค้าที่มาเปิดแผงขายต้นไม้อยู่ในจตุจักร เป็นใครกันก่อนนะคะ ส่วนใหญ่แล้วพ่อค้าแม่ค้าที่มีแผงขายอยู่ในจตุจักร มักเป็นคนเพาะเลี้ยงต้นไม้เองค่ะ เป็นเจ้าของฟาร์มเองบ้าง ใครเพาะอะไรไว้ขายก็เอาต้นไม้ชนิดนั้นมาขายอย่างเดียว นอกจากขายส่งแล้ว เขาก็ยังทำส่งออกไปขายต่างประเทศด้วย เรียกว่าถนัดสิ่งไหนก็ทำสิ่งนั้นจนรู้จริงไปเลย สำหรับเราๆ ท่านๆ การได้ซื้อต้นไม้จากเจ้าของฟาร์มโดยตรง ก็ทำให้รู้สึกสบายใจในเรื่องราคาขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมมีคำถามตามมาอีกว่า แล้วถ้าเราไปซื้อต้นไม้ถึงในฟาร์มของเขาล่ะ เขาจะขายให้เราได้ในราคาที่ถูกกว่าที่เขาขายอยู่ที่จตุจักรหรือไม่ ผู้เขียนเคยถามแล้วค่ะ คำตอบคือไม่ ถึงคุณจะถ่อไปซื้อต้นไม้ของเขาถึงในฟาร์ม เขาก็ขายต้นไม้ให้คุณในราคาเท่ากับที่เขาขายในสวนจตุจักรนี่แหละ อย่าบุกป่าฝ่าดงไปให้เสียเวลาเปล่า เพียงแต่ถ้าคุณซื้อในปริมาณมาก อาจทำให้คุณสามารถต่อรองราคาลงมาได้บ้างเท่านั้น อาจมีบ้างค่ะที่พ่อค้าแม่ค้าในจตุจักรไม่ใช่ผู้เพาะเลี้ยงเอง แต่เป็นลูกค้าที่รับมาจากผู้เพาะเลี้ยงตัวจริงอีกทอดหนึ่ง บางทีอาจสงสัยว่า ทำไมผู้เพาะเลี้ยงเขาถึงไม่มาเปิดหน้าร้านเสียเองนะ เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่มีแผงเป็นของตัวเองที่จตุจักร (แต่อาจมีที่อื่น) และอีกเหตุผลหนึ่งคือ สำหรับต้นไม้บางอย่างแล้ว ผู้เพาะเลี้ยงไม่จำเป็นต้องหอบหิ้วต้นไม้มาเปิดขายเองหรอกค่ะ แค่เอาต้นไม้มาส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่มีแผงอยู่ในจตุจักรแค่ 2-3 ราย เขาก็แทบเพาะต้นไม้มาส่งให้ไม่ทันแล้ว เขาเลยพอใจที่จะอยู่เบื้องหลังมากกว่า ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งขายเองอยู่ที่จตุจักร นั่นคือบรรยากาศด้านหนึ่งที่ผู้เขียนเคยไปสัมผัสมาค่ะ แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับต้นไม้ทุกประเภทที่ขายกันที่นี่ ต้นไม้บางประเภทที่ไม่เป็นที่นิยมต่อให้เจ้าของมาเปิดแผงเองก็ยังขายไม่ออก เมื่อเป็นแบบนี้ จึงพูดได้ว่าพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายต้นไม้ในจตุจักรเป็นพ่อค้ามือแรกบ้าง มือสองบ้าง คละกันไป บางครั้งเขาก็ไปรับต้นไม้จากแหล่งอื่นมาขาย เช่น จากแถวถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนกาญจนาภิเษก ตลิ่งชัน บางใหญ่ บางบัวทอง หรือจาก คลอง 15 รังสิต – นครนายก ก็มี ฉะนั้นราคาจึงต้องมีต่ำบ้างสูงบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา การจะบอกว่าจตุจักรคือแหล่งขายต้นไม้ที่ถูกที่สุดเลยไม่กล้าฟันธงด้วยประการฉะนี้ คงต้องเลี่ยงตอบว่า แล้วแต่ชนิดของต้นไม้ แต่ถ้าถามว่าที่ไหนบ้างที่นักจัดสวนเขาชอบไปซื้อต้นไม้กัน ที่ไหนบ้างที่เจ้าของร้านขายต้นไม้เขาไปหาต้นไม้กัน และคุณเองซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน อยากได้ต้นไม้ปริมาณมากหน่อย เพื่อจะเอามาจัดสวนเอง ควรไปช๊อปปิ้งที่ไหน พอจะตอบได้ และพอจะแนะนำได้ว่า ที่ไหน มีจุดเด่นอะไรค่ะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 08:49:53 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กลับมาที่ ตลาดนัดสวนจตุจักร กันอีกครั้ง ที่นี่เขาเปิดขายต้นไม้ตั้งแต่เช้าวันพุธไปจนถึงประมาณ 4 โมงเย็นของวันพฤหัสค่ะ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทยอยเก็บร้านกันแล้ว ถ้าคุณไปช๊อปปิ้งต้นไม้ในช่วงเช้าๆของวันพุธ แล้วเห็นพ่อค้าแม่ค้านอนเอกเขนกหลับกันอยู่บนเตียงผ้าใบ แทนที่จะกุลีกุจอลุกขึ้นมาขายต้นไม้ให้คุณอย่างกระปรี้กระเปร่า ไม่ต้องแปลกใจค่ะ นั่นเป็นเพราะพวกเขาตรากตรำขายต้นไม้ และจัดหน้าร้านกันมาทั้งคืนจนพลังงานในตัวหมดแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่นี่จะตั้งร้านขายต้นไม้กันตั้งแต่ช่วงค่ำของวันอังคารค่ะ พอตกดึกเหล่าพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของร้านขายต้นไม้ในจังหวัดภูธรทั้งหลายก็พากันเข้ามาซื้อต้นไม้ บางครั้งกว่าเขาจะซื้อขายกันเสร็จ ก็ล่วงเข้าไปตีสอง ตีสาม โดยมากเขาจะซื้อกันในปริมาณมาก ขนกันแบบเอาให้คุ้มค่าน้ำมันรถ นั่นแหละคือสาเหตุที่เขาอ่อนเพลียกันในตอนเช้า และต้นไม้ที่ขายให้เราในวันพุธ-พฤหัส อาจเรียกได้ว่าเป็นของเหลือจากที่พ่อค้าแม่ค้าภูธรทั้งหลายเลือกกันเต็มที่แล้วก็ได้ ถ้างั้นทำไมเราไม่ไปซื้อค่ำวันอังคารกันบ้างล่ะ ? หลายคนค่ะ ที่ผู้เขียนเห็นนัดกันว่าจะไปซื้อต้นไม้กันในคืนวันอังคาร ทั้งที่บอกกันอยู่นะคะว่า ให้เตรียมเอา ไฟฉายกับยากันยุงไปด้วย ฟังแล้วก็รู้ว่าลำบาก ถ้าอยากไปซื้อต้นไม้แค่ต้นสองต้น ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากถึงขนาดนั้นด้วยคะ หลีกให้ขาใหญ่เขาส่องไฟกันดีกว่าเหอะ นอกจากนี้ เห็นหลายคนชอบไปเดินซื้อต้นไม้ในช่วงบ่ายของวันพฤหัสมากกว่าค่ะ ถึงแม้ต้นไม้จะโทรมอยู่บ้าง แต่ราคาที่ได้ก็อาจจะถูกลงไปอีก เพราะช่วงนั้นพ่อค้าแม่ค้าเริ่มเก็บของกลับบ้านกันแล้ว บางทีขายราคาต่ำลงแต่ยังพอมีกำไร ดีกว่าขนต้นไม้กลับบ้านแล้วขนกลับมาขายใหม่อีกในสัปดาห์หน้า สำหรับวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็ยังพอมีต้นไม้จำหน่ายอยู่บ้าง แต่ราคาอาจคนละเรื่องกับวันพุธ-พฤหัส ในสายตาของผู้เขียน ตลาดต้นไม้สวนจตุจักร มีจุดเด่นอยู่ที่การมี ไม้กระถาง ให้เลือกหลากหลาย และอย่างที่บอกว่าพ่อค้าแม่ค้าคละกันไปทั้งมือแรกมือสอง ดังนั้นจะให้ดีต้องเปรียบเทียบราคาก่อนการตัดสินใจซื้อ อีกประการหนึ่งหลายครั้งที่ผู้เขียนไปเจอต้นไม้แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และบางต้นก็หาซื้อจากที่อื่นไม่ได้ เน้นเรื่องราคากันอีกครั้งสำหรับนักช๊อปสวนจตุจักร ถ้ามีเวลาพอให้ลองเดินดูเฉยๆ สอบถามราคาไปเรื่อยๆ สักรอบหนึ่งก่อนค่ะถือเป็นการออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย เดินรอบที่สองนั่นแหละค่อยควักกระเป๋าซื้อ หลายครั้งที่ผู้เขียนเห็นต้นไม้ชนิดเดียวกัน ขนาดเดียวกัน ตั้งขายกันอยู่คนละร้าน ห่างกันแค่ไม่ถึง 60 เมตร แต่ราคาต่างกันเกือบครึ่ง อยากได้ของถูกต้องใจเย็นๆค่ะ นอกจากนี้ยังต้องสังเกตให้ดีว่า ต้นไม้ที่อยากซื้อ เขาพึ่งตัดชำมาขายสดๆ รึเปล่า (อย่าพิจารณาแต่ราคาถูกอย่างเดียว) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่า พอกลับถึงบ้านต้นไม้ที่คุณซื้อมาก็เริ่มเหี่ยวเฉาจนตายลง พอหลุดออกมาจากกระถาง ค่อยพบว่า อ้าว นี่ยังไม่มีรากเลยนี่หว่า ???? จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 08:52:07 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คลอง 15 รังสิต-นครนายก คลอง 15 รังสิต-นครนายกเป็นแหล่งจำหน่ายต้นไม้ที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำเป็นแหล่งที่สองถัดมาจากตลาดนัดสวนจตุจักรค่ะ แต่คนที่จะไปช๊อปที่นี่ต้องมีรถส่วนตัวไปเองนะคะ เพราะแค่ขับรถไปให้ถึงคลอง 15 ก็ไกลโขอยู่แล้ว ยังต้องขับรถจากปากทางเข้าตรงไปจนสุดซอยอีกหลายกิโล สำหรับคนที่คิดจะแต่งสวนด้วยตัวเอง ลองขับกระบะไปเที่ยวชมดูสักรอบ รับรองว่าคุ้มค่า เพราะมีร้านขายต้นไม้ตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองฟากฝั่งทางให้เลือกซื้อแบบไม่รู้เบื่อทีเดียว จุดเด่นที่สุดของที่นี่ก็คือ ไม้ถุง ราคาถูกค่ะ ไม้ถุงก็คือไม้ที่ชำในถุงดำเล็กๆ มีราคาตั้งแต่ 50 สตางค์ ขึ้นไป แล้วแต่ขนาดและชนิดของต้นไม้ ณ วันที่ผู้เขียนกำลังเขียนอยู่นี้ ไม้ถุงราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.80 ถึง 5 บาท ไม้ถุงที่มีจำหน่ายเห็นกันโดยทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นไม้คลุมดิน เช่น ฤๅษีผสม ผักเป็ดแดง ผักโขมแดง เทียนทอง หูปลาช่อน แพรเซี่ยงไฮ้ คุณนายตื่นสาย ขาไก่ลาย ทองดอกบวบ หัวใจสีม่วง สายรุ้ง พวงองุ่น เป็นต้น ซึ่งเวลาจัดสวนต้องซื้อไปใช้กันในปริมาณมากอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าซื้อต้นทุนต้นละ 5-10 บาท (จากที่อื่น) ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น ยอมถ่อสังขารมาซื้อที่นี่ได้ราคาต้นละบาทกว่าสองบาท ค่าใช้จ่ายมันก็ถูกลงค่ะ แม้จะต้องจ่ายค่าน้ำมันรถแพงขึ้นก็ตาม ไม้ถุงหลายชนิดพอถูกนำไปเปลี่ยนใส่กระถางดำก็จะกลายเป็นไม้กระถาง กระจายไปจำหน่ายตามที่ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่จตุจักร ราคาก็จะขยับขึ้นไปเริ่มต้นที่ 10 บาทหรือมากกว่านั้น เช่น โกศล พุดพิชญา ผกากรอง หลิวไต้หวัน ฯลฯ (ตัวต้นจะโตขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะเขาจะมีการตัดแต่งให้แตกพุ่มก่อนนำมาขาย) ถ้าอย่างนั้น ราคาต้นไม้ที่คลอง 15 ก็ถูกกว่า จตุจักรล่ะสิ ?? ไม่เสมอไปอีกนั่นแหละค่ะ เพียงแต่ต้นไม้บางอย่างที่คลอง 15 เขาเป็นพ่อค้ามือแรก เขาเลยขายถูกกว่า ผู้เขียนเองยอมรับว่า เคยเห็นต้นโกศล ราคา 2.50 บาท จากที่นี่ ถูกส่งไปขายที่จตุจักรในราคาต้นละ 10 บาท (เขียนตรงๆแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าที่จตุจักรอาจจะแอบด่าลับหลังอยู่ ไม่เป็นไรค่ะ ยอมให้ด่า ) แต่ที่บอกแบบนี้ เพราะอยากอธิบายกับคนซื้อว่า ถ้าคุณต้องการซื้อต้นไม้ในจำนวนน้อย ขับรถมาซื้อที่คลอง 15 ก็ไม่คุ้มค่าน้ำมันรถอยู่แล้ว ก็ถือซะว่าพ่อค้าเขาอุตส่าห์มาซื้อแทนคุณ เป็นคนจ่ายค่าขนส่ง ค่าเช่าแผง ค่าคนงานขนต้นไม้สารพัด ถึงคุณจะรู้อยู่เต็มอกว่ามือแรกราคาเท่าไร แต่ก็อย่าไปต่อรองราคากับมือสองมากจนน่าเกลียด ไม่อยากให้พูดว่า โอ้โหทำไมแพงจัง ซื้อที่โน่นแค่ .... บาทเท่านั้น ถามตัวเองว่าราคาที่เขาตั้งไว้นั้น เราซื้อได้รึเปล่า ถ้าซื้อได้ก็ซื้อ ซื้อไม่ได้ก็หาซื้อที่อื่นที่ตั้งราคาไว้ถูกกว่า ไม่อยากให้มาต่อรองราคากันมากจนหงุดหงิดรำคาญใจทั้งสองฝ่าย ต้นทุนของเขาไม่ใช่แค่ค่าต้นไม้นะคะ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างต้องนำมารวมเป็นต้นทุนหมด เหมือนที่ผู้เขียนเคยถูกต่อรองราคานั่นแหละค่ะ ลูกค้ามาซื้อต้นไม้ที่ร้านแล้วบอกว่าเคยซื้อที่จตุจักรแค่ 20 บาท ผู้เขียนฟังแล้วเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า ที่บอกว่าจตุจักรขาย 20 บาทน่ะ คืออยากให้ลดราคาขายเท่ากับจตุจักรหรืออย่างไร (ฉันก็ซื้อจากจตุจักร 20 บาท เท่าที่คุณเคยซื้อนั่นแหละมาขาย) แล้วจะไม่ให้บวกค่าเดิน ค่าหิ้ว ค่าน้ำมันรถ ค่าเสียเวลา ค่าที่จอดรถ เลยหรืออย่างไร เอามาเลี้ยงไว้พักนึงเนี่ย ก็ยังเสียค่าน้ำ ค่าปุ๋ย นี่ยังไม่รวมค่าร้อนจนเหงื่อแตกด้วยนะ อยากต่อรองราคาก็ทำแต่พองามค่ะ ถ้าต่อแล้วยังไม่พอใจในราคาที่คุณได้ก็เปลี่ยนไปซื้อที่อื่น ซะเลยดีกว่า จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 08:55:50 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กลับมาเรื่องที่ไหนขายถูก ที่ไหนขายแพงกันต่อนะคะ ผู้เขียนเคยไปหาซื้อต้นไม้ให้ลูกค้า... จำไม่ได้แล้วค่ะว่าต้นอะไร แต่เหตุผลที่ไม่ไปซื้อที่สวนจตุจักรเพราะวันที่ลูกค้าต้องการต้นไม้ไม่ตรงกับวันพุธ-พฤหัส และไม่สามารถรอจนถึงสัปดาห์ถัดไปได้ เลยต้องยอมขับรถไกลมาซื้อที่คลอง 15 โดยแอบหวังอยู่ลึกๆว่า ราคาคงถูกกว่าจตุจักร จะได้เอาส่วนต่างนั้นมาเป็นค่าน้ำมันรถบ้าง แต่ปรากฏว่าราคาที่สวนจตุจักรถูกกว่าเยอะ อ้าว ? ไหงเป็นงั้น เจ้าของร้านกับผู้เขียนก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง เพราะซื้อกันจนเป็นขาประจำ เลยเอ่ยปากถามเหตุผลเขาตรงๆ เจ้าของร้านเขาบอกว่า เขาเอาบางอย่างไปขายที่สวนจตุจักร ขากลับก็ซื้อต้นไม้จากจตุจักรมาขายที่นี่ แล้วจะให้ขายถูกกว่าที่จตุจักรได้ยังไง แป่ว!!!! นอกจากนี้ ต้นไม้ที่ขายที่นี่ก็ไม่ได้มาจากจตุจักรที่เดียว ผู้เพาะเลี้ยงจากทั่วทุกสารทิศเอาต้นไม้มาส่งเขา เช่นจากภูเรือ จากเกษตรกรในจังหวัดอ่างทอง เกษตรกรในจังหวัดนครนายก ตลิ่งชัน บางบัวทอง ซึ่งอยู่กันคนละฟากของกรุงเทพฯ เขาก็ยังไปรับเอาต้นไม้บางอย่างมาจำหน่ายเลย กว่าจะเห็นเป็นร้านใหญ่ๆเนี่ยนะ คิดว่าต้นไม้มาจากที่เดียวหรือที่นี่เพาะเองทั้งหมดงั้นหรือ มีเหตุผลค่ะ ฟังอย่างนี้แล้วเลยจะบอกคุณว่าอย่าไปคิดมากในเรื่องราคา ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ต้องมีแน่นอน ตราบใดที่เขาไม่ใช่มือแรก เขาย่อมไม่สามารถขายให้คุณได้ในราคาต่ำกว่าที่เขาตั้งไว้มากๆได้หรอก และเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าไม่มีที่ไหนเป็นสูตรสำเร็จว่าคุณจะได้ต้นไม้ทุกต้น ในราคาถูกที่สุดกว่าการซื้อมาจากแหล่งอื่น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าแหล่งที่คุณไปซื้อเขาเพาะเลี้ยงอะไรกันมากกว่า บางต้นคุณอาจได้ถูก บางต้นอาจแพงคละกันไป ถ้าคุณซื้อไปเพื่อจัดสวนบ้านของตัวเอง (ซื้อครั้งเดียว) ก็เลือกแหล่งที่ดูแล้วคุ้มต้นทุนที่สุด แต่ถ้าคุณต้องการซื้อไปจำหน่ายต่อ คุณอาจต้องสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งคุณจะรู้เองว่า ต้นไม้ ต้นไหนคุณจะไปซื้อจากที่ใด วางแผนการซื้ออย่างไรถึงจะได้ราคาต่ำหรือได้ต้นไม้ที่มีคุณภาพที่สุด เพราะคุณต้องตะเวนซื้อต้นไม้จากแหล่งจำหน่ายมากกว่าหนึ่งแห่งอยู่แล้วล่ะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 08:57:37 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังแฟชั่นไอซ์แลนด์ – รามอินทรา (กีบหมู) ผู้เขียนเองเป็นคนอ่านหนังสือมาเยอะมาก แต่ยังไม่ค่อยเห็นผู้รู้ท่านใดที่แนะนำแหล่งซื้อต้นไม้ที่นี่ (ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันค่ะว่าทำไม ) ทั้งที่ ที่นี่มีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าที่อื่น สำหรับผู้เขียนแล้ว ที่นี่คือแหล่งซื้อไม้ถุงฉุกเฉิน คือซื้อในปริมาณไม่มากนัก ถ้าถ่อสังขารไปซื้อถึงคลอง 15 ก็ไม่คุ้มค่าน้ำมันรถ เสียเวลาเดินทาง เลยยอมจ่ายแพงขึ้นอีกหน่อย ซื้อที่นี่ดีกว่าค่ะ (คิดเสียว่า เอาค่าน้ำมันรถมาเป็นส่วนต่างราคาต้นไม้ และได้กำไรในเรื่องเวลา) ถ้าถามว่าที่นี่เขาเพาะอะไรเป็นมือแรกกัน ต้องตอบว่า หญ้า ค่ะ ส่วนไม้ถุงและไม้กระถาง เขาจะรับมาจากคลอง 15 กับบางบัวทอง (ข้อมูลจากที่ไปคุยมานะคะ ) ไม้ใหญ่มีบ้างไม่มากนักเอามาจากปราจีนบุรี ดูเรื่องราคากัน สมมุติว่าไม้ถุงชนิดหนึ่ง คุณไปซื้อที่ คลอง 15 คุณได้ในราคา 1.80 บาท หากซื้อที่นี่ คุณจะซื้อได้ในราคา ประมาณ 2.30 บาท แพงกว่ากันเพียง 50 สตางค์ต่อถุง ถ้าคุณใช้ต้นไม้ในปริมาณไม่มาก มาซื้อที่นี่ก็คุ้มกว่าการที่ต้องเสียเวลาขับรถไกลไปถึงคลอง 15 ค่าน้ำมันรถอาจมากกว่าส่วนต่างค่าต้นไม้ที่คุณต้องจ่ายไปก็ได้นะคะ ลองคำนวณดู อย่ามองแต่เรื่องราคาต้นไม้ถูกอย่างเดียว นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านจำหน่ายหินจัดสวนตั้งอยู่ด้วย หินใหญ่ๆ ที่คุณไม่คิดว่าที่นี่จะมี ก็มีค่ะ หินโรยทางเดินก็มีทุกขนาด ทุกแบบ รวมไปถึงทางเดินแบบต่างๆ ในราคาย่อมเยาที่นักจัดสวนซื้อกันด้วยนะคะ หญ้า ที่นี่เป็นแหล่งปลูก มองด้านหลังร้านขายต้นไม้ จะมีแปลงเหมือนทุ่งนาค่ะ แต่แทนที่จะมีข้าว คุณจะเห็นหญ้าเขียวเต็มแปลงเลยค่ะ และบางทีคุณก็อาจจะได้เห็นตอนเขาตัดเป็นผืนๆ แล้วยกขึ้นมารอขายให้คุณตามเพิงต่างๆด้วย ราคาของหญ้าที่นี่จะพอๆ กับที่ผู้เขียนเคยซื้อแถวคลอง 15 รังสิต-นครนายก แต่ต่ำกว่าหลักสี่ประมาณตารางเมตรละ 1-3 บาท ส่วนแถวสวนจตุจักร เคยจอดรถถามเมื่อไม่นานมานี้ (เลย ตลาด อตก.มาหน่อยค่ะ) สูงว่าที่อื่นเลย จุดเด่นสำคัญที่สุดของ กีบหมู คือเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่ ช่วงเช้าๆ ถ้าคุณขับรถเข้ามา คุณจะเห็นคนงานมากกว่าหนึ่งพันคน ยืนอยู่สองฟากฝั่งทาง เพื่อรอผู้รับเหมาทั้งก่อสร้าง ทั้งจัดสวนมารับไปทำงานรายวัน มีแรงงานทุกประเภท ตั้งแต่กรรมกรทั่วไปที่ทำงานได้สารพัด ไม่ว่าจะเป็นตัดต้นไม้ใหญ่ ขุดดิน ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาด ไปจนถึงแรงงานช่างก่อสร้างเฉพาะด้าน เช่น ช่างไม้ ช่างปูน ช่างเชื่อม สารพัดช่าง ฯลฯ เรียกได้ว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้านที่อยากจัดสวนเอง มีไอเดียแต่ไม่มีแรงงาน คุณอาจมาหาแรงงานรายวันจากที่นี่ไปช่วยคุณสักคนสองคนก็ได้ ลำบากแค่ขับรถมาจอดแล้วถามกรรมกรที่ยืนอยู่ว่า คุณต้องการคนงานกี่คน ใครจะไปกับคุณได้บ้าง แล้วเรียกขึ้นรถตามจำนวนที่คุณต้องการ ราคาค่าตัวโดยเฉลี่ยวันละ 300 บาทต่อคน ( เป็นราคา ณ วันที่ผู้เขียน เขียนตรงนี้ ตกลงกันก่อนขึ้นรถดีที่สุดค่ะ ) โดยมีเงื่อนไขว่า คุณต้องไปรับ-ส่ง ระหว่างบ้านคุณกับกีบหมู คุณจะเริ่มงานกี่โมงก็ได้ (คุณรับช้าก็เริ่มทำงานช้า พัก 1 ชั่วโมงช่วงกลางวัน ) แต่เลิกงานต้อง 5 โมงเย็นตรงเวลานะคะ จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่าแรงงานเหล่านี้ เขามีวัตถุประสงค์ในการทำงานเพื่อแลกค่าจ้างจริงๆ ค่ะ ไม่เคยเจอปัญหาในเรื่องอื่น เช่น เข้าไปในบ้านเพื่อลักขโมยของหรือพอขึ้นรถแล้ว ล๊อกเจ้าของรถจากทางด้านหลังเพื่อปล้นชิงเงิน หรืออะไรที่เป็นเหตุร้ายทำนองนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย คุณเองก็ควรระมัดระวังตัวเองด้วย สิ่งเหล่านี้เราไม่มีวันรู้หรอกค่ะ ว่าแจ๊คพ๊อตจะเกิดที่ไหนและกับใคร คนเป็นพัน มาจากร้อยพ่อพันแม่ เราไม่รู้หรอกว่ามีคนไม่ดีปนอยู่ในคนดีสักเท่าไร สิ่งที่ผู้เขียนเคยเจอเป็นเรื่องคุณภาพของแรงงานมากกว่า ซึ่งคุณต้องเลือกคนที่ดูแล้วเอาการเอางานหน่อย บางคนให้ทำอะไรทำหมด ไม่มีบ่น ไม่มีอู้ แบกต้นไม้ขึ้นบ่าเดินตัวปลิวคนเดียวแบบสบายๆ ทั้งที่คุณกับคนในบ้านยักแย่ยักยันช่วยกันหามสองคนสามคนไม่ไหว เอาการเอางานจนคุณต้องรีบขอเบอร์โทรเอาไว้ เผื่อวันหลังคุณมีงานอีกจะได้รีบโทรจองตัวกันก่อน อย่างนั้นเลยเชียวนะคะ แต่บางคน จะพักมวนยาสูบ (เหมือนบุหรี่ แต่มวนยาเส้นกับใบตองแห้งเอง) เกือบทุกครึ่งชั่วโมง ไม่ได้สูบจะทำงานไม่ไหว บางคนก็จะพยายามทำงานเอาใจผู้ว่าจ้างจนลืมคำนึงว่า อะไรควรทำก่อนอะไรควรทำทีหลัง บางคนรดน้ำต้นไม้ซะดินกระจายเพราะมือหนัก จนคุณต้องแย่งสายยางมารดเองแทบไม่ทัน หรือบางคนชอบอยากแสดงภูมิรู้ให้ประทับใจคุณที่สุด วันหลังจะได้เรียกใช้งานกันต่อเนื่อง ด้วยการให้คำแนะนำคุณทุกอย่าง จนคุณคันปาก ตงิดตงิด อยากจะตอกกลับว่า เฮ้ย ! คนที่มีหน้าที่คิดน่ะคือฉัน ส่วนคุณเงียบเสียงซะบ้าง แล้วใช้แรงงานไปแล้วกัน จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:01:09 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จตุจักร 2 (ตลาดมีนบุรี) ตลาดนัดสวนจตุจักร 2 หรือตลาดมีนบุรี โดยภาพรวมแล้วในสายตาของผู้เขียน ยังถือว่า ไม่บูม ถ้าเทียบกับแหล่งขายต้นไม้แหล่งอื่น แม้จะเปิดมานานแล้วก็ตาม ยังทรงๆ ค่ะ โดยคุณสามารถมาช๊อปปิ้งที่นี่ได้ทุกวันศุกร์ – เสาร์ และอาทิตย์ ที่ตลาดนัดจตุจักร 1 มีอะไร ที่จตุจักร 2 ก็มี ไม่แตกต่างกันค่ะ มีร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นปลา นก สุนัข แมว กระต่ายฯลฯ และต้นไม้ประเภทต่างๆ (แต่ต้นไม้ประเภทใหญ่ยักษ์ ชนิดที่ต้องใช้เครนยกไม่มีนะคะ ) ราคาอาจจะสูงกว่าจตุจักร 1 เล็กน้อยเพราะการแข่งขันยังไม่สูงมาก และบางอย่างอาจราคาเท่ากันค่ะ เจ้าของร้านขายต้นไม้ที่นี่ บางร้านก็มีแผงอยู่ที่ จตุจักร 1 ด้วย จุดเด่นของการมาช๊อปปิ้งต้นไม้ที่นี่ในสายตาของผู้เขียน จะอยู่ที่ กล้วยไม้ กับโป๊ยเซียน เรื่องกล้วยไม้ก่อนค่ะ ระยะหลังมานี้ ถ้าไปซื้อกล้วยไม้ที่จตุจักร 1 คุณอาจต้องซื้อยกลัง (ประมาณ 15-20 ต้น) ซึ่งเกินความต้องการ มาที่นี่ไม่จำเป็นต้องยกลัง คุณก็สามารถซื้อหวายกอใหญ่ๆได้ในราคากระถางละ 30 บาท ส่วนโป๊ยเซียน เราไม่ได้พูดกันถึงเรื่องราคานะคะ แต่พูดกันในเรื่องความสวย ในสายตาของผู้เขียน โป๊ยเซียนที่มีจำหน่ายที่นี่สีสวยที่สุด สวยกว่าตลาดอื่นที่เคยไปเดินมาทั้งหมด เวอร์ไปมั๊ยคะ มีอยู่ร้านนึงที่เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ ลองไปเดินดูสิคะเขาจะขายแต่โป๊ยเซียนอย่างเดียว นอกจากนี้ การเดินซื้อต้นไม้ที่นี่ยังสะดวกสบาย แดดออกก็ไม่ร้อน ฝนตกก็ไม่เปียก เพราะเดินในร่มตลอด แถมอาหารการกินยังอุดมสมบูรณ์ดี มีให้เลือกซื้อเพียบ สำหรับใครที่ไปครั้งแรกและเข้ามาทางหน้าตลาด (ตรงข้ามเยื้องๆ กันธนาคารกรุงเทพ สาขามีนบุรี ) แล้วเห็นเขาขายต้นไม้กันบนอาคาร เดินวนไปวนมาแป๊บเดียวก็หมดแล้ว อย่าพึ่งกลับนะคะ ให้ขับรถเลยเข้าไปด้านหลังอาคารค่ะ ตลาดขายต้นไม้ที่ผู้เขียนหมายถึงอยู่ในสุดโน่น ติดกับทางถนนสุวินทวงศ์ หรือจะขับรถเข้ามาทางนั้นก็ได้ ถ้าคุณมาวัน เสาร์-อาทิตย์ คงไม่มีปัญหา เพราะยังไงคุณก็ต้องขับรถตามคนอื่นเข้าไปวนหาที่จอดอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมาวันพฤหัส ซึ่งมีต้นไม้ขายอยู่บ้าง หรือวันศุกร์ ที่มีลูกค้าเดินน้อย คุณอาจไปผิดที่ เพราะเงียบพอกัน จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:03:38 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แถม... แหล่งขายต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ถ้าคุณออกมาทางหน้าตลาดมีนบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานข้ามคลองสามวาหน้าธนาคารกรุงเทพ เลี้ยวซ้ายไปยูเทริ์น กลับมาตรงผ่านสี่แยกที่ตัดไปถนนรามคำแหง แถวนั้นเขาเรียกร่มเกล้า (ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิดนะคะ)คุณจะเห็นร้านต้นไม้สองฟากฝั่งทางเช่นกัน ลูกค้าของผู้เขียนคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า สามารถซื้อพุดซ้อนจากที่นั่นได้ในราคาต้นละ 60 บาท (เขาซื้อมา 3 ต้น แต่ละต้นสูงเท่าเอวถือว่าซื้อได้ในราคาถูกค่ะ ) แต่ต้องเลือกร้านหน่อยนะคะ เพราะผู้เขียนเคยไปถามเอง บางร้านเปิดราคาที่ 70 บาท (น่าจะต่อรองเหลือ 60 บาทได้ ถ้าซื้อหลายต้น ) แต่บางร้าน ต้นขนาดเท่ากันเปิดราคาเริ่มต้นมาก็ 150 บาทแล้ว และลูกค้าคนเดิมก็กลับมาเล่าให้ฟังอีกครั้งว่า ซื้อกระถางทรงสี่เหลี่ยมจากที่นี่ได้ในราคาใบละ 90 บาท ขณะที่กระถางขนาดเดียวกันทรงเดียวกัน ผู้เขียนเคยไปซื้อให้ลูกค้าอีกคนแถวเลียบทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ ได้ในราคา ใบละ 280 บาทค่ะ นอกจากนี้ ถ้าคุณคิดอยากจะปลูกต้นไม้ใหญ่ เช่น มะม่วง ขนุน พระยาสัตบรรณ คุณอาจซื้อต้นไม้จากที่นี่แล้วใช้บริการให้เขามาปลูกให้คุณถึงบ้านเลยก็ได้ โดยสนนราคาค่าปลูกรวมขนส่งอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท (ไม่คอนเฟิร์มนะคะ เพราะมีตัวแปรในเรื่องขนาดของต้นไม้ และระยะทางระหว่างบ้านคุณกับแหล่งต้นไม้ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ฯลฯ) สรุปแล้วที่นี่เป็นแหล่งขายต้นไม้อีกแหล่งหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:05:42 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กรมทหารราบ 11 บางเขน ถ้าคุณมาจากถนนรามอินทรา มุ่งหน้าอนุสาวรีย์หลักสี่ คุณสามารถเลี้ยวซ้ายได้โดยไม่ต้องไปวนรอบอนุสาวรีย์เลย ผ่านสะพานลอยแรกให้ชิดซ้าย ชลอรถแล้วเลี้ยวเข้าไปในกรมทหารราบ 11 ได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไม้ถุงหรือไม้กระถางที่นี่มีจำหน่ายทั้งหมด ถ้าคุณไม่มีเวลาไปไกลถึงคลอง 15 ไม่มีเวลาไปจตุจักรในวันพุธ-พฤหัส และบ้านอยู่ไกลบางบัวทอง ที่นี่เป็นแหล่งซื้อต้นไม้อีกแหล่งหนึ่งที่เป็นทางเลือกให้คุณได้ ผู้เขียนเคยซื้อ พญาคล้าทอง ได้ในราคาต้นละ 20 บาท เท่ากับที่เคยซื้อจาก คลอง 15 รังสิต-นครนายก เขาบอกว่ามาจากภูเรือค่ะและเคยซื้อโมกพวงได้ราคาต้นละ50 บาท ขณะที่ ขนาดของต้นเท่ากัน ซื้อที่คลอง 15 และที่จตุจักร 2 มีนบุรี ได้ในราคาต้นละ 65-70 บาท ส่วนบรรดาไม้ถุง เช่น โกศล ขาไก่ลาย ทองดอกบวบ ที่นี่จะขายต้นละ 5 บาท โดยประมาณ อีกเรื่องหนึ่งถ้าคุณอยากซื้อไม้ใหญ่ (ตลาดนัดสวนจตุจักรอาจไม่สะดวกในการจอดรถหรือเอาต้นไม้ขึ้นรถเท่าที่ควร) ที่นี่เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่คุณมาเลือกซื้อได้ค่ะ จอดรถสบาย บรรยากาศโดยทั่วไปดีมาก ห้องน้ำสะอาด ต้นไม้ที่มีจำหน่ายที่นี่ก็คล้ายๆ กับแหล่งอื่นทั่วไป มีให้เลือกหลากหลายพร้อมตอบรับความต้องการของคุณอย่างเพียงพอ ผู้เขียนเคยสนทนากับเจ้าของร้านที่อยู่กรมทหารราบ 11 รายหนึ่ง เขาเล่าว่า เมื่อปีที่แล้วเขาขายต้นคริสมาสต์โดยบวกกำไรเพียง 5 บาทต่อต้น จากต้นทุนที่รับมาจากภูเรือ นั่นเท่ากับว่าเขาขายให้คุณในราคาถูก (ในสายตาของผู้เขียนนะคะ ) ถ้าคุณถามว่าเขาอยู่ได้หรือ บวกกำไรแค่ 5 บาท มีค่าใช้จ่ายเยอะแยะ อำผู้เขียนเล่นรึเปล่า ผู้เขียนขอตอบว่า เปล่า ไม่น่าจะอำค่ะ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะบวกกำไรเพียงต้นละ 5 บาท แต่เขาบอกว่าขายไปหมื่นต้น (เขาบอกตัวเลขมาเองนะคะ) เขาก็รับไปแล้ว 5 หมื่นเหนาะๆ ทำเอาผู้เขียนน้ำลายไหล ส่วนคุณจ่ายไหวใช่มั๊ยคะ ที่แพงกว่าการดั้นด้นไปซื้อถึงภูเรือ แค่ 5 บาท จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:07:28 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ที่นี่เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านทั่วไปที่จะหาซื้อต้นไม้สักต้นสองต้นในช่วงเย็นหลังเลิกงาน หรือเช้าของวันเสาร์-อาทิตย์ ค่ะ ต้นทุนของผู้ขายที่ตั้งร้านกันอยู่ที่นี่ค่อนข้างสูงมาก ลูกค้ารายหนึ่งของผู้เขียนบอกว่าเพื่อนของเขาออกจากงานมาเพื่อเปิดร้านขายต้นไม้ที่นี่ เซ้งร้านมาด้วยราคาสองแสน อีกรายหนึ่งบอกว่าทุกวันนี้จ่ายค่าเช่าเดือนละหมื่นหก ไม่รวมฟุตบาทที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก ผู้เขียนพูดถึงแค่ค่าเช่าอย่างเดียวนะคะ ยังไม่พูดถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆที่พวกเขาแบกรับภาระกันอยู่ เช่น ค่าคนงาน ค่าขนส่งต้นไม้ ค่าน้ำ ค่าไฟ คุณคิดว่า เขาต้องขายต้นไม้ในราคาเท่าไร พวกเขาจึงจะยืนหยัดอยู่กันได้ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของผู้เขียนรายนึงเคยจ้างเหมาให้เขามาปลูกโมกรอบบ้าน ผู้เขียนเห็นเขาคิดราคาต้นไม้พร้อมปลูกจากลูกค้า เพียง 120 บาทต่อต้นเท่านั้น ดูแล้วก็เป็นราคาที่คุยกันได้ค่ะ (แต่ต้องได้ปริมาณด้วย นะคะ อย่าเอาราคานี้มาเป็นบรรทัดฐาน ลูกค้าของผู้เขียนปลูกไปทั้งหมด เกือบ 300 ต้นได้มั๊ง ) จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:08:54 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แหล่งซื้อกล้วยไม้ ทำไมผู้เขียนถึงย้ำว่าไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปในฟาร์ม เพราะผู้เขียนเคยบุกเข้าไปในฟาร์มเพื่อซื้อกล้วยไม้มาแล้วหลายครั้งสิคะ (เข้ายากค่ะ ต้องโทรถามเส้นทางตลอด โดยมากไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ เพราะถนนใหญ่อากาศไม่ดีค่ะ) เข้าไปในฟาร์มด้วยความหมายมั่นว่า คงได้กล้วยไม้กลับมาหลากหลายสกุลและได้ราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดแน่ๆ ไปสามครั้ง ผิดหวังในเจตนารมย์ที่ตั้งเอาไว้ทั้งสามครั้ง ครั้งแรก... เข้าไปในฟาร์มกล้วยไม้สกุลหวาย ฟาร์มตั้งอยู่แถว อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พื้นที่มากกว่า 25 ไร่ ที่เห็นเป็นกล้วยไม้สกุลหวายทั้งหมด ผิดหวังในเรื่องความหลากหลายสายพันธุ์เพราะมีแต่หวายอย่างเดียว โดยแต่ละต้นก็จะผูกติดกับราวเอาไว้ ( เจ้าของฟาร์มอธิบายว่า ส่วนที่พาชมนั้นเป็นส่วนที่ไว้ตัดดอกส่งออกไปขายต่างประเทศทั้งหมด) ผู้เขียนพยายามมองหา สกุลแคทรียาบ้าง สกุลช้างบ้าง สกุลเข็มบ้าง ไม่มีเลย เจ้าของฟาร์มพาชมพร้อมอธิบายถึงธุรกิจการส่งกล้วยไม้ตัดดอกไปขายยังต่างประเทศให้ฟัง รวมไปถึงการขนส่งจำหน่ายในประเทศ การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ การบำรุงรักษาลำต้นให้ดูดีเสมอ การขยายพันธุ์ ฯลฯ ท่านบอกว่ากว่าที่จะยืนได้แบบวันนี้ ล้มลุกคลุกคลานมามาก ลำบากลองผิดลองถูกมาเยอะ เลยอยากให้ประสบการณ์ของท่านมีโอกาสเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่นบ้าง ใครมาขอวิชาความรู้ท่านไม่เคยปิดบัง ใครเชิญไปเป็นวิทยากรที่ไหน ท่านก็ไป ใครจะมาขอชมงานที่ฟาร์มท่านก็อนุญาต วันนั้นผู้เขียนได้กล้วยไม้สกุลหวายกลับบ้านประมาณเต็มกระบะของรถ 4 ประตู โดยจ่ายเงินไปในราคานิดเดียวค่ะ หลายคนอาจบอกว่างั้นก็ดีน่ะสิ เขาขายให้ในราคาถูกจริงอย่างที่ตั้งใจอยากจะได้ สำหรับประเด็นนี้ใช่ค่ะ แต่ราคานี้ก็ใช่จะได้กันทุกคนที่เข้าไปในฟาร์ม ลูกสาวท่านบอกว่า ปกติคุณพ่อจะไม่ขายราคานี้ให้ใคร (เหมือนให้เปล่า) ท่านคงอารมณ์ดีเป็นพิเศษถึงให้ ส่วนผู้เขียนเองคิดว่า การอ่อนน้อมถ่อมตน การเคารพสถานที่ที่เข้าไปขอชมงาน (ซึ่งสำคัญมาก อย่าหยิบจับหรือแตะต้องกล้วยไม้ในฟาร์มโดยไม่ได้รับอนุญาต) ผสานกับความตั้งใจที่อยากเข้าไปขอวิชาความรู้ในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้มากกว่าที่ทำให้ท่านให้ความกรุณาต่อเราเป็นพิเศษ ทุกวันนี้ ..ผู้เขียนก็ยังระลึกถึงท่าน คิดว่าวันใดมีวาสนาพอที่จะมีฟาร์มเลี้ยงกล้วยไม้เป็นของตัวเองบ้าง จะเข้าไปขอวิชาความรู้จากท่านอีกครั้ง จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:10:45 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ครั้งที่สอง ... ผู้เขียนเลือกไปฟาร์มสกุลแคทรียาราชินีกล้วยไม้ เพราะครั้งที่แล้วไม่ได้แคทรียาติดมือกลับมาเลยสักต้น พื้นที่ 10 กว่าไร่ของฟาร์มนี้ เพาะเลี้ยงแคทรียา เป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ และมีอย่างอื่นบ้าง เช่น พวกม้าวิ่ง สกุลเข็ม สกุลแวนด้า โดยเจ้าของฟาร์มบอกว่าไม่ขายค่ะ จะเก็บเอาไว้ส่งออก ที่ขายก็เฉพาะแคทรียาอย่างเดียว กับฟาแรน ที่ฟาร์มของพี่สาวมาฝากขายบ้างเท่านั้น เรื่องที่จะมองหากล้วยไม้หลากหลายสายพันธ์ติดมือกลับบ้านก็เลยผิดหวัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เขียนได้ติดมือกลับบ้านไปมากที่สุดคือวิชาความรู้ในการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ โดยเฉพาะเรื่องแสงสว่าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการออกดอกและเติบโตของกล้วยไม้ การทำโรงเรือนเลี้ยงกล้วยไม้ต้องสูงโปร่งพอให้ลมพัดผ่านหมุนเวียนได้ หากโรงเรือนอยู่ในสภาพปิด การระบายอากาศไม่ดี ลมพัดผ่านไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงกล้วยไม้ในเตาอบ ผู้เขียนสังเกตว่าหลังคาของโรงเรือนเขาทำด้วยซาแลนชั้นเดียวเท่านั้นค่ะ แสงจากดวงอาทิตย์สามารถลอดผ่านได้ เพียงแต่พรางให้ความเข้มของแสงที่ส่งผ่านลงมาต่ำลงเท่านั้น ความเข้าใจที่ว่าถ้าจะเลี้ยงกล้วยไม้ต้องเลี้ยงไว้ในร่มมากๆ จึงเป็นความเข้าใจที่ผิด นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายของบางวันโดยเฉพาะตอนหน้าร้อน ต้องมีการฉีดพ่นน้ำเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศด้วย การให้ปุ๋ยควรให้อาทิตย์ละหนึ่งครั้งเป็นปุ๋ยชนิดเกล็ดที่สามารถดูดซึมได้ทางใบหรือจะให้ปุ๋ยเม็ดละลายช้าร่วมด้วยก็ได้ วันนั้นผู้เขียนได้กล้วยไม้สกุลแคทรียากลับบ้านมาด้วย 8 ต้น และกล้วยไม้สกุลฟาแรนไซนอปซิส 1 ต้น จึงได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วยว่า กล้วยไม้สกุลฟาแรน กลัวฝนเป็นอย่างมากค่ะ เมื่อไรที่อยู่ในช่วงฤดูฝนเราต้องเลี้ยง ฟาแรนไว้ในร่ม และราคาของกล้วยไม้ที่ซื้อจากฟาร์มก็เป็นราคาเดียวกับที่ผู้เขียนสามารถหาซื้อได้ตามแหล่งค้าส่งกล้วยไม้ทั่วไป ไม่ได้ถูกขึ้นเลย ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องบุกเข้ามาซื้อกล้วยไม้ถึงในฟาร์ม ส่วนครั้งที่สาม... ผู้เขียนเข้าไปในฟาร์มแคทรียา แต่ที่นี่จะมีกล้วยไม้สายพันธ์อื่นด้วย เช่น แกรมมาโต เพชรหึง แวนด้า ฯลฯ ผู้เขียนเพียงแค่ขอเดินชมสถานที่และถามราคาเท่านั้น ไม่ได้นัดหมายอะไรเป็นพิเศษกับเจ้าของฟาร์ม ราคาที่สอบถามมาได้ก็เป็นราคาเดียวกับมาตรฐานการส่งออก นั่นเป็นการตอกย้ำลงไปให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการซื้อกล้วยไม้จากในฟาร์ม ราคาไม่ได้มีความแตกต่างจากการซื้อกล้วยไม้จากแหล่ง ค้าส่งซึ่งเจ้าของฟาร์มมาเปิด จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:15:39 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สนามหลวง 2 ( ตลาดนัดธนบุรี ) ตลาดนัดธนบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธมนฑลสาย 2 ผู้เขียนเคยไปเดินที่นั่นหลายครั้ง ในเรื่องของราคาต้นไม้อื่นทั่วไป อยู่ในระดับเท่ากันหรือสูงกว่าถ้าเทียบกับจตุจักร หรือ คลอง 15 รังสิต-นครนายก เล็กน้อย แต่ถ้าถามว่า ที่นั่นเป็นที่ที่ไกลจากบ้านของผู้เขียนมาก ทำไมถึงต้องดั้นด้นไปหลายครั้ง ต้องตอบว่า เพราะที่นั่นมีจุดเด่น และจุดเด่นที่ว่ามี 2 เรื่อง คือ กุหลาบ กับ กล้วยไม้ค่ะ ผู้เขียนเป็นคนที่ไม่นิยมกุหลาบมากนัก เพราะในความรู้สึกแล้วกุหลาบเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงยาก โรคและแมลงเยอะ และมักจะเรียกกุหลาบว่า เป็นต้นไม้ปราบเซียนอยู่เสมอ ผู้เขียนจะซื้อกุหลาบเฉพาะลูกค้าสั่งเท่านั้น ( ขนาดบอกว่าไม่ซื้อ ณ วันนี้ก็มีกุหลาบในบ้านหลายต้นค่ะ ) แต่ที่บอกว่า ที่สนามหลวง 2 แห่งนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่กุหลาบ เพราะติดใจฟาร์มกุหลาบแห่งหนึ่งที่มาเปิดร้านค้าส่งอยู่ที่นี่ กุหลาบของเขาให้ความรู้สึกประทับใจ ในเรื่องสีสัน ดอกใหญ่ มั่นใจในสายพันธ์แก่ผู้เขียนมากกว่าที่อื่น ถ้าลูกค้าสั่งกุหลาบ ผู้เขียนจะยอมขับรถไกลมาซื้อที่นี่ แม้ที่อื่นจะสะดวกกว่า และราคาก็ไม่ได้ต่างกันก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนเป็นพวกลิทธิคลั่งไคล้กล้วยไม้มากกว่า และสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้เขียนมาที่นี่ได้มากกว่าก็คือกล้วยไม้นี่แหละ เพราะมีกล้วยไม้สวยๆจากฟาร์มต่างๆ ให้เลือกมากมายหลากหลายสายพันธุ์ เดินชมทั้งวันก็ไม่เบื่อค่ะ ถ้าเปรียบเทียบราคาแล้วถือว่าที่นี่ซื้อได้ ผู้เขียนเคยซื้อ แกรมมาโต จากที่นี่ได้ในราคา 800 บาท เมื่อเทียบกับขนาดเดียวกัน ซื้อจากแหล่งอื่นมีราคากว่าหนึ่งพันบาทขึ้นไป เคยซื้อรองเท้านารีต้นละ 60 บาท และเมื่อผู้เขียนเซ้าซี้ต่อราคาบ้าง ก็ถูกพ่อค้าขู่เอาว่า ได้ราคานี้แหละจะเอาไม่เอา ถ้าไม่เอาพรุ่งนี้ก็ให้ตามไปซื้อที่ตลาดนัดมีนบุรีแล้วกัน (ราคาสูงกว่าที่ขายวันนี้ที่นี่นะ) จนเราต้องยอมควักกระเป๋าซื้อจนได้ค่ะ ไม่รู้ว่าแค่ขู่เล่นรึเปล่า จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:17:57 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ฟาร์มไทย- เดนมาร์ก ข้างตลาด อตก. ตรงข้ามสวนจตุจักร แหล่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งซื้อกล้วยไม้ใกล้บ้านของผู้เขียนที่สุด คุณมาตลาดนัดสวนจตุจักร เคยข้ามมาฝั่ง ตลาด อตก. มั๊ยคะ จอดรถที่ตลาด อตก. แล้วเดินเลยขึ้นไปหน่อย คุณจะเห็นแหล่งขายกล้วยไม้อีกแหล่งหนึ่งที่น่าสนใจ ถ้าถามถึงราคาต้นไม้ทั่วไป ระดับราคาจะไม่ต่ำและไม่สูงจนเกินไปนัก ส่วนราคากล้วยไม้ ที่นี่คุณก็สามารถซื้อกล้วยไม้ในราคาฟาร์มได้เหมือนกันค่ะ เป็นที่แน่นอนว่า ไม่ว่าคุณจะไปซื้อต้นไม้ที่ไหนก็ตาม คุณต้องถือคติไว้เสมอว่า ให้ลองเดินสอบถามราคาดูสักรอบก่อน ทุกที่มักจะมีร้านที่ขายในราคาต่ำและราคาสูงเหมือนกันหมด ตลาดกล้วยไม้แห่งนี้ก็เหมือนกัน ผู้เขียนเคยซื้อ เขากวางอ่อน (กล้วยไม้ที่ออกดอกทั้งปี แม้เพียงรดน้ำอย่างเดียว)ในราคาต้นละ 120 บาท แต่ไปได้เขากวางอ่อนจากตลาดนัดมีนบุรี ในราคา 9 ต้น 250 บาท แต่ความสวยสมบูรณ์ของต้นก็ผิดกันอยู่เยอะทีเดียว ขณะเดียวกัน ผู้เขียนได้แคทรียาจากที่นี่ในราคาต้นละ 80 บาท เท่ากับที่บุกไปซื้อถึงในฟาร์ม โดยตลาดนัดสวนจตุจักร วันพุธ-พฤหัส ขายในราคาต้นละ 120-150 บาท เพราะฉะนั้นอยากรู้ข้อมูลว่าที่ไหนขายถูกที่ไหนขายแพง บอกได้เพียงว่าอย่าซีเรียสกับมันให้มาก ถ้าถูกใจต้นไม้แล้ว จ่ายได้ก็จ่ายเถอะค่ะ คิดว่าเป็นค่าเช่าที่ ค่าน้ำมันรถ ค่าเสียเวลาที่เขาอุตส่าห์ไปเลือกต้นไม้ที่ดีที่สุดในสายตาของเขามาให้คุณก็แล้วกัน หรือแม้แต่ที่นี่เหมือนกันแต่คนละร้าน ราคาก็ยังต่างกันเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ชาลีเบบี้ สายพันธ์ออนซิเดียม เป็นกล้วยไม้อีกสายพันธ์หนึ่งที่ผู้เขียนชอบมาก ชอบในความหอมของมัน ชอบในสีสันที่ดูแล้วแปลกตา ผู้เขียนเดินเข้าไปในร้านหนึ่ง เขามีกอใหญ่ทีเดียวขายกอละ 300 บาท ผู้เขียนยืนมองอยู่นาน จนเหลือบไปเห็นกอเล็ก ราคา 100 บาท ผู้เขียนก็ยืนมองตาละห้อยตัดสินใจอยู่ (เพราะมีกะตังค์พกติดกระเป๋ามาน้อย ต้องซื้ออย่างอื่นที่ลูกค้าสั่งก่อน ส่วนกล้วยไม้ที่สนองความอยากของตัวเองต้องมาทีหลัง ) เลยตัดใจไม่ซื้อในทันทีค่ะ เดินผ่านมาอีกร้านหนึ่งเห็นต้นขนาดเท่ากันแขวนอยู่ ผู้เขียนเลยแวะถามราคา เขาตอบว่า 60 บาท ผู้เขียนรีบเทหมดกระเป๋า ซื้อมา 3 ต้น ยอมหิ้วท้องกลับมากินข้าวบ้าน ลูกค้าของผู้เขียนไปเห็นชาลีเบบี้ ขายที่เดอะ มอลล์ ไปแอบดมแล้วชอบติดใจในความหอม ถามราคามาต้นละ 180 บาท รู้สึกว่าราคาสูง เลยอยากตัดสินใจอีกรอบ ขากลับลองแวะดูที่ร้านของผู้เขียนว่ามีบ้างมั๊ย ปรากฏว่ามี 3 ต้น (ที่ผู้เขียนพึ่งอดข้าวซื้อมาสดๆร้อนๆ นั่นแหละค่ะ ) ขายในราคาต้นละ 100 บาท ลูกค้าอุทาน โอ้ว ! ถูกมาก เลยเหมาไปทั้งสามต้น เสียดายก็เสียดาย แต่ของขายได้ก็ขายไปก่อน เรื่องสนองความอยากของตัวเอง เอาไว้ทีหลัง นี่เป็นอีกคติหนึ่งในการขายของผู้เขียนค่ะ เมื่อวานผู้เขียนจะไปเยี่ยมรุ่นพี่ เลยจะซื้อกล้วยไม้ติดไม้ติดมือไปฝากสักต้น ตั้งใจจะไปซื้อ ชาลีเบบี้ ที่ร้านเดิมอีกรอบ ปรากฏว่าไม่มีขายแม้แต่ต้นเดียวค่ะ ของดีไม่ได้มีกันบ่อยๆ (บางจังหวะ ฟาร์มก็เพาะเลี้ยงให้ออกดอกไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า) ถ้าเจอต้องรีบซื้อทันที เมื่อวานเลยได้กล้วยไม้สกุล ซิมบิเดียม แทน ความสวยไม่แพ้กัน มีเสน่ห์กันไปคนละแบบ เหมาะแก่การเอามาวางไว้บนโต๊ะทำงาน แต่ดอกหอมไม่เท่ากันเท่านั้นเอง จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:21:04 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บางใหญ่ บางบัวทอง ตลิ่งชัน แถววงแหวนรอบนอก ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนกาญจนาภิเษก ประมาณนั้น ก็จะเป็นแหล่งขายต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯค่ะ (ผู้เขียนเคยแวะดูสองสามครั้ง ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะหาข้อมูลมากนัก บ้านของเพื่อนผู้เขียนอยู่แถวไทรน้อย เขาเล่าว่าไม้ถุงแถวนั้น ก็ราคาประมาณ 2.50 บาท ดูแล้วก็ระดับราคาประมาณเดียวกับที่คลอง 15 รังสิต-นครนายก นานแล้ว ผู้เขียนเคยแวะถามราคา กวักมรกต คนขายบอกว่า ต้นละ 60 บาท (ซึ่งปกติ ขนาดของต้นเท่ากันนี้ผู้เขียนซื้อได้ในราคาประมาณ 35 บาท) เลยสะดุ้ง ถอยกลับออกมาหนึ่งก้าว ผู้เขียนเคยไปซื้อต้น หยิกนิโกร ที่ คลอง 15 รังสิต-นครนายก เขาบอกว่าเขาก็รับมาจากผู้เพาะเลี้ยงแถวบางบัวทองนี่แหละ อีกครั้งไปขอซื้อต้นมาลัยทอง ที่คลอง 15 อีก เขาก็บอกว่าเขาซื้อมาจากบางใหญ่อีก ผู้เขียนเลยสงสัยตัวเองอยู่ว่า ทำไมคนอื่นไปหาซื้อของถูกเจอ แต่ผู้เขียนกลับไม่เคยเจอเลย เลยไปกระซิบถามเคล็ดลับจากแม่ค้าที่สนิทกันแถวกีบหมู เขาบอกว่าถ้าอยากได้ของถูก ต้องขับรถเข้าซอยไปอีกไปหาคนเพาะเลี้ยงโดยเฉพาะ ส่วนเป็นซอยไหนไปสังเกตแถวนั้นเองละกัน ร้านที่เห็นติดถนนนั่นน่ะ คือหน้าร้านที่เขารับจากข้างในมาขายอีกที ผู้เขียนเลยถึงบางอ้อ ... คราวหน้าค่อยไปใหม่อีกรอบ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:22:58 A:124.120.6.20 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่อง หยิกนิโกรแล้ว มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ เจ้าต้นนี้ให้ฟังนิดนึงค่ะ ผู้เขียนเป็นพวกอนุรักษ์นิยมชื่อต้นไม้พอสมควร ประมาณว่าชื่อดั้งเดิมของมันมาอย่างไรก็เรียกมันไปอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยนชื่อต้นไม้ตามอำเภอใจเลย ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่าบ่อยครั้งที่ลูกค้ามาถามหาต้นไม้ในชื่อแปลกๆ ที่ผู้เขียนไม่รู้จัก เพราะพ่อค้าแม่ค้าส่วนหนึ่งเปลี่ยนชื่อต้นไม้ให้เป็นมงคลยิ่งขึ้น เพื่อให้มันขายได้ ยกตัวอย่าง หยิกนิโกร ที่ว่านี่แหละ แม่ค้าในตลาดมาซื้อที่ร้านของผู้เขียนเพื่อเอาไปขายต่อ ตอนนั้นมาถามหามันในชื่อ รวยไม่เลิก ผู้เขียนบอกว่า รวยไม่เลิกไม่ได้หน้าตาแบบนี้นี่ ด้วยความสงสัยในเรื่องชื่อของต้นนี้ ผู้เขียนก็เลยไปสอบถามจากพ่อค้าแถวคลอง 15 พบว่า มีพ่อค้าแม่ค้าหลายร้านก็รู้จักมันในชื่อรวยไม่เลิก เพราะคนที่เอามาส่งบอกมาอีกทีว่าชื่อนี้ (แล้วชื่อนี้ก็ฝังใจเขาเลยนะคะ) ผู้เขียนเลยลองสืบค้นในอินเตอร์เน็ตจากแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ก็พบว่า มันชื่อ หยิกนิโกร ตามความเข้าใจของผู้เขียน ส่วนรวยไม่เลิกน่ะ ก็มีหน้าตาไปอีกแบบ ผู้เขียนเลยอธิบายให้แม่ค้าในตลาดฟังว่า เจ้านี่น่ะ ชื่อ หยิกนิโกร คงมีพ่อค้าแม่ค้าส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนชื่อของมันไปเป็น รวยไม่เลิก เพื่อให้ชื่อของมันฟังแล้วดูดี ขายได้ แต่ถ้าทุกคนทำแบบนี้ สักวันเราจะไม่รู้เลยว่าต้นไหนมันชื่ออะไร วุ่นวายสับสนไปหมด นี่ไม่นับรวมว่าชื่อที่ตั้งใหม่ไปซ้ำกับเจ้าของชื่อเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วนะ ถ้าจะรับต้นไม้จากที่นี่ไปขาย อย่าเอามันไปขายในชื่อรวยไม่เลิกจะได้มั๊ย แม่ค้าคนดังกล่าวรับคำ ได้ค่ะพี่ หนูจะไม่เอามันไปขายในชื่อ รวยไม่เลิก ผู้เขียนฟังแล้วสบายใจ หยิบเจ้าหยิกนิโกรใส่ถุงให้เขาไป 10 ต้น หลายวันถัดมาผู้เขียนเดินไปตลาดผ่านร้านขายต้นไม้ร้านนี้ เลยแวะไปเยี่ยมเจ้าหยิกนิโกรสักหน่อย ขายดีมั๊ยไปอยู่กับเจ้าของใหม่แล้วกี่ต้น แม่ค้าก็ไม่ขายมันในชื่อ รวยไม่เลิก ตามสัญญาจริงๆ นั่นแหละค่ะ แต่กลับปักป้ายขายมันในชื่อ โกยเงิน โกยทอง แทน เวรกรรม !!! จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:26:25 A:124.120.2.191 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ศูนย์ไม้ดอกไม้ประดับ จังหวัดนนทบุรี (ซอยช้าง) ถ้ามาทางถนนรัตนาธิเบศร์ ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าตรงไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ซอยอยู่ซ้ายมือระหว่างปั๊มเชลล์ กับ ปตท. เลยปั๊มเชลล์แล้วพยายามมองซ้ายเข้าไว้นะคะ จากปากซอยเข้าไปไม่เกิน 100 เมตร อย่าขับเร็วค่ะ เดี๋ยวเลย อย่างไรก็ตามถ้าขับรถเลยปากซอยไปจริงๆ ก็จะถึงวงเวียน และเห็นป้ายบอกทางว่าเลี้ยวซ้ายไป ถนนนครอินทร์ (แต่ที่จริงถนนนครอินทร์ยังไปอีกหลายกิโลนะคะ ตรงนั้นเป็นถนนราชพฤกษ์ค่ะ )พอเลี้ยวซ้ายปุ๊บให้ชะลอรถเลย ไม่เกิน 100 เมตร มีทางเข้าอีกทางเขียนว่า ศูนย์ไม้ดอกไม้ประดับ จ.นนทบุรี (ซอยช้าง) ผู้เขียนเคยไปที่นี่ 2 ครั้ง และยังคิดหาโอกาสที่จะไปอีก เพราะที่นี่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครอยู่หลายเรื่อง ตอนค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ผู้เขียนเห็นว่าที่นี่มีผู้ผลิตที่เพาะ ต้นหยก เพื่อจำหน่ายอย่างเดียว ก็เลยอยากจะเข้าไปแวะชม พอไปชมเข้าจริงๆ กลับไม่รู้ว่า ฟาร์มเพาะต้นหยกอยู่ไหน แต่ไปเห็นแหล่งเพาะไม้มงคลอย่างอโกนีมาแทนค่ะ ช่วงที่ไปครั้งแรก โรงเรียนของลูกสาวเชิญผู้เขียนไปพูดให้เด็กๆฟังเกี่ยวกับเรื่องไม้มงคลพอดี ผู้เขียนก็ยังหนักใจเพราะหาภาพต้นไม้ที่ต้องการไปให้เด็กๆ ดูไม่ได้ พอไปซอยช้าง ผู้เขียนอดตื่นเต้นไม่ได้เพราะไปเจอ ไม้ไทยโบราณที่เป็นไม้มงคลสำหรับการวางศิลาฤกษ์ 9 ชนิดเข้าพอดี เช่น ราชพฤกษ์ ขนุน ชัยพฤกษ์ ทองหลาง ไผ่สีสุก สัก ทรงบาดาล พะยูง และกันเกรา ที่นี่มีเกือบครบ ( ณ วันที่ผู้เขียนไปเยี่ยมชมนะคะ เดินให้ทั่วๆ ) มีบางร้านที่เขาขายพวกพวกจำปี จำปา กระดังงา กาละเวก ทุเรียนเทศ สายหยุด หรืออะไรที่มีดอกคล้ายกัน อยู่ในวงศ์เดียวกันนี้ให้เลือกมากมาย ผู้เขียนรู้จักไม่หมดหรอกค่ะ คงต้องศึกษาจากผู้รู้โดยตรง ส่วนอีกร้านมีต้นไม้แปลกๆ ที่หาซื้อยากด้วย เช่น ต้นหนวดฤๅษี ซึ่งผู้เขียนไปจตุจักรเกือบทุกสัปดาห์ กลับหาไม่เจอ (นานๆ จะโผล่มาให้เห็นสักต้น ) แต่กลับเห็นที่นี่หลายต้น ล่าสุดไปได้ หูกระต่าย มาด้วย ถ้าจะให้สรุปรวมความ ก็คงจะบอกได้ว่า จุดเด่นของที่นี่ ก็คือ มีไม้ไทยจำหน่ายมากกว่าที่อื่น แถมเจ้าของร้านค้าหลายร้านที่นี่ ยังใจดีอีกด้วยนะคะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:30:18 A:124.120.2.191 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แหล่งจำหน่ายกระถาง พูดเรื่องแหล่งต้นไม้มามากแล้ว มาพูดเรื่องแหล่งจำหน่ายกระถางที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ กันบ้าง อยู่ที่เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี นี่เองค่ะ และถ้าคุณอยากได้กระถางราชบุรี กระถางจันทบุรี ไม่จำเป็นต้องดั้นด้นไปหาซื้อที่ จ.ราชบุรีหรือจันทบุรีเลย มาที่เกาะเกร็ดที่เดียวก็ได้กระถางพวกนี้ในราคาขายส่งแล้ว ส่วนเส้นทางก็ไปง่ายมาก ถ้ามาจากถนนแจ้งวัฒนะ ถึงห้าแยกปากเกร็ดอย่าขึ้นสะพานนะคะ มองโรงภาพยนตร์ที่อยู่ข้างหน้า แล้วเลี้ยวซ้ายซอยข้างโรงภาพยนตร์นั่นเลย (อย่าเลยไปถึงหน้าโรงภาพยนตร์นะคะ) แล้วตรงไปเรื่อยๆ มองทางซ้ายมือจะเห็นโรงเรียนอนุบาล ร้านขายกระถางอยู่ข้างๆ โรงเรียนนั่นหนึ่งร้าน ราคาซื้อได้ค่ะ เลยไปอีกหน่อยจะเห็นร้านอยู่ขวามืออีกร้านแต่เล็กกว่า ตรงไปจนสุดซอย เห็นทางบังคับเลี้ยวขวาก็เลี้ยวไป ขับตรงไปเรื่อยๆ ตามทาง คุณก็จะเห็นร้านขายกระถางอยู่หลายร้าน ถูกใจอัธยาศัยของแม่ค้าร้านไหนก็เลือกซื้อได้ตามใจชอบ ... ราคาซื้อได้ทุกร้านค่ะ ถ้าให้เปรียบเทียบราคาระหว่างการซื้อกระถางที่นี่กับที่สวนจตุจักร เป็นอะไรที่ฟันธงได้เลยว่าที่นี่ถูกกว่ามาก เพราะเจ้าของร้าน(บางร้าน)ที่ขายกระถางที่นี่แหละไปเปิดร้านที่จตุจักร กระถางลูกเจี๊ยบที่นี่ ใบละ 80 สต.- 1.30 บาท ถ้าไปซื้อที่จตุจักร จะได้ใบละ 3 บาท ผู้เขียนเคยถามเขานะคะว่า แหม! ที่นี่ก็มาซื้อบ่อย แต่จตุจักรใกล้บ้านมากกว่า ขอซื้อที่จตุจักรแต่ราคาที่นี่ไม่ได้หรือ เขาตอบว่าไม่ได้ค่ะ เพราะไปจตุจักรเขามีค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ฯลฯ อยากซื้อราคาที่นี่ก็ต้องขับรถมาที่นี่ และถ้าคุณอยากเปิดร้านขายกระถางขอคำแนะนำเขาได้นะคะ ผู้เขียนเคยคุยกับบางร้าน เขาบอกว่า ถ้าคุณซื้อกระถางตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป เขาเอาไปลงให้ฟรี จัดเรียงให้ บอกราคาให้ คุณมีหน้าที่จ่ายเงินและขายอย่างเดียว แต่ถ้าต้องการลงทุนย่อมลงมาหน่อย 6,000 บาท เขาขอคิดค่าแรงงาน ค่าขนส่ง 300 บาท จัดเรียงให้เสร็จ และสอนคุณขายเช่นเดียวกันค่ะ (ซื้อกระถางหกพันบาทนี่ก็เต็มรถบรรทุก 6 ล้อนั่นแหละค่ะ )น่าสนใจมั๊ยคะ สำหรับลู่ทางทำธุรกิจที่ลงทุนไม่มาก กำไรใช้ได้ หาทำเลงามๆ ให้ได้ละกัน ส่วนเรื่องปุ๋ยหรือยากำจัดศัตรูพืช ผู้เขียนขอแนะนำให้กลับไปซื้อร้านขายส่งในตลาดนัดสวนจตุจักรค่ะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 09:32:16 A:124.120.2.191 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สุดยอดครับ ความรู้แน่น เดี๊ยวขอเก็บข้อมูลอีกรอบ ขอบคุณครับ จากคุณ : สมวัย - [ 19 ต.ค. 50 09:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อมูลยอดเยี่ยม ขอบคุณครับ จากคุณ : กะได - [ 19 ต.ค. 50 10:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขออนุญาตกดโหวตเป็นกระทู้แนะนำนะครับ และขออนุญาตเก็บเข้าคลังกระทู้ด้วย เป็นกระทู้ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ จากคุณ : MisterTon - [ 19 ต.ค. 50 10:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... ขอบคุณมากครับ จากคุณ : MisterTon - [ 19 ต.ค. 50 10:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากๆครับ ..สำหรับข้อมูล จากคุณ : ตาลเดี่ยว (TON16) - [ 19 ต.ค. 50 10:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เขียนไม่มีแก้ไขเลย ทำได้งัยครับ เวลาที่ลงคห.เวลาไล่กัน แสดงว่าเป็นการเขียนไว้ก่อน แล้วโฟสเป็นช่วงๆ อย่างไรก็ชื่นชมในสาระครับ จากคุณ : appendiculata191 - [ 19 ต.ค. 50 11:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ข้อมูลเพียบเลย ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : kmml - [ 19 ต.ค. 50 11:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับความรู้ ข้อมูลเพียบ..... ขอ save  ๆ จากคุณ : puipom - [ 19 ต.ค. 50 11:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ควรค่าแก่การโหวตยิ่งนัก นานๆ  จะมีกระทู้ห้องจตุจักรได้เป็นกระทู้แนะนำซักทีเนอะ อิอิ จากคุณ : อิฐมอญ - [ 19 ต.ค. 50 11:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สุดยอด นับถือๆ มาก ครับ เรื่องจริงนะ ผม อยู่ระยอง บางครั้ง เพื่อนๆเคย ให้ ช่วย จัดสวน แต่ ไม่ใช่ทำ เป็นอาชีพ ต้นไม้ บางอย่าง เราใช้เยอะ ก็ไปแหล่งผลิต โดยตรง แต่ บางที จำนวน มัน ขาด ไปไม่มาก เรา ก็ยอม จ่ายแพง ขึ้น เป็น สิบกว่าเท่า เพราะ คุ้มค่า น้ำมัน และ ค่าเสียเวลา เป็น วันๆ ขอบคุณ ข้อมูลครับ จากคุณ : เล็ก มาบข่า - [ 19 ต.ค. 50 11:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ข้อมูลอึ๊ดเลย ขอบคุณค่ะ.. เรารู้แหล่งขายไม้ประดับประเภทไม้ใบราคาถูกแถวบางบัวทองด้วย จาก ถ.กาญจนาฯมุ่งหน้าบางบัวทองผ่านสะพานแรกดูซ้ายไว้ จะเจอธ.ไทยพานิชย์ ให้เลี้ยวเข้าซอยก่อนถึงธนาคารนิดหนึ่งคดๆโค้งๆตามถนนไปสัก300เมตร จะเจอแหล่งเพาะราคาถูกมั๊กๆ เรียงกันห่างๆตามเส้นทางเรื่อยๆ..ถ้าขับรถไปเรื่อยจะทะลุออกศาลายาได้ (บ้านอยู่แถวนี้จ้า) จากคุณ : ดอกข้าวใหม่ - [ 19 ต.ค. 50 11:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับคำชมทุกท่านค่ะ เป็นกำลังใจที่ดี ที่จะเขียนให้อ่านอีก ที่บอกว่า เขียนไม่ผิดเลย ถูกต้องค่ะ เขียนไว้ก่อน แล้วเอามาแปะ ..ที่ทำแบบนี้ เพราะไม่ได้สมัครสมาชิกของพันทิป เข้ามาเขียนโดยใช้บัตรผ่านชั่วคราว ไม่แน่ใจว่าแก้ไขได้มั๊ยถ้าเขียนผิด เลยปลอดภัยไว้ก่อน เขียนที่อื่นแล้วเอามาแปะทีเดียวดีกว่า และเสียดายอีกอย่างคือ ลงรูปประกอบ ไม่ได้ ใครอยากรู้จักชื่อต้นไม้ที่พูดถึงในกระทู้นี้ ลอง Search จากแหล่งข้อมูลอื่นประกอบนะคะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 11:48:35 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม้ยอดนิยม คราวนี้ก็คุยถึงไม้ยอดนิยมกันบ้างค่ะว่าเขานิยมต้นไม้อะไรกัน เป็นคำถามที่เหมือนจะฟันธงง่าย แต่ตอบยากอีกแล้วค่ะ เพราะลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาในร้านของผู้เขียนมีความชอบไม่เหมือนกันเลย คุณลุงวัยเกษียณอายุคนนึง เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าช่วย ยอมเดินข้ามถนนมาสองซอยใหญ่ๆ เพื่อที่จะมายืนมองโป๊ยเซียนอย่างเดียว อย่างอื่นไม่แลแม้แต่หางตาค่ะ มีอยู่วันนึงท่านมาบอกว่า โป๊ยเซียนหน้าบ้านของท่านถูกขโมยไปหนึ่งกระถาง หน้าตาท่านเหมือนอยากจะร้องไห้ ใครหนอช่างทำร้ายจิตใจคนแก่ได้ลงคอ ส่วนพี่ผู้หญิงอีกคน อย่างอื่นไม่มองเหมือนกัน มาถึงเข้าซุ้มกล้วยไม้อย่างเดียวดูว่ามีกล้วยไม้อะไรใหม่ๆมาบ้าง แถมกล้วยไม้ที่ว่าต้องเป็นกล้วยไม้ประเภทสกุลช้าง สกุลกุหลาบหรือที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า เอื้อง ทั้งหลายด้วย พวกแคทรียาหรือหวายถือว่าธรรมดาเกินไปไม่น่าสนใจ ส่วนบางคนก็กุหลาบอย่างเดียว ถึงแม้ผู้เขียนบอกว่าถ้าเป็นกุหลาบต้องสั่งซื้อนะ ไม่เอามาขายหรอก ผู้เขียนเลี้ยงกุหลาบไม่เก่ง เขาก็ยอมสั่งค่ะ ขอให้เป็นดอกใหญ่ๆ พันธ์ดีๆ บางคนก็ชอบต้นไม้ที่มีดอก บางคนชอบตระกูลว่าน และรู้จักสรรพคุณของว่านแต่ละต้นอย่างลึกซึ้ง ลูกค้าแบบนี้เขามีความสุขกับการได้บอกเล่าเรื่องราวของว่านที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ ให้เราฟังด้วย นี่แหละบรมครูชั้นดีที่จะทำให้เราสะสมความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ได้มากขึ้น ลูกค้าประจำที่อายุน้อยที่สุดของผู้เขียนเป็นเด็กชายวัย 10 ขวบ เรียนโรงเรียนนานาชาติ มีกำลังซื้อสูง (ยังนึกอยู่ว่าพ่อแม่ให้เงินติดกระเป๋าเป็นแบ๊งค์พันได้ยังไง ควรหรือเปล่า เกินความเป็นเด็กไปมั๊ย แต่มาคิดอีกทีนี่เรามานั่งวิตกแทนพ่อแม่เขา ซึ่งเป็นคนให้เงินทำไม แต่ก็ถือว่าโชคดีมากที่เด็กคนนี้บ้าต้นไม้แทนที่จะไปไปบ้าอย่างอื่น นอกลู่นอกทางเหมือนที่เราเห็นเป็นข่าวทั่วไป) มาซื้อแต่ละต้นไม่ธรรมดาค่ะ หม้อข้าวหม้อแกงลิง กาบหอยแครง รองเท้านารี เขากวางอ่อน หนวดฤๅษี (ไม่ใช่เคราฤาษีที่เป็นเส้นๆ แขวนไว้ในที่แขวนแบบหวีนะคะ ) ค้างคาวดำ ธรรมดาที่สุดที่ซื้อไปก็คือ ดาหลา แล้วยังแวะเวียนมาเกือบทุกสัปดาห์ เพื่อมองหาต้นไม้แปลกๆ ที่ถูกใจอยู่เรื่อย จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 11:53:37 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 33 นิสัยของเด็กคนนี้สอดคล้องกับลูกสาววัย 9 ขวบ ของผู้เขียนเปี๊ยบ ตอนที่ผู้เขียนคิดจะเขียนเกี่ยวกับต้นไม้ ผู้เขียนถามลูกสาวว่า ถ้าแม่จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับต้นไม้สักเล่ม หนูอยากให้หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาอย่างไร เธอตอบว่า หนูอยากรู้ว่าแม่ไปซื้อต้นไม้จากที่ไหนบ้างและแม่ซื้ออะไร ผู้เขียนคิดในใจ อ๊ะ! พอได้ ถ้าอยากรู้เรื่องแหล่งซื้อต้นไม้ เลยถามลูกสาวต่อว่า แล้วพอแม่เขียนเรื่องแหล่งซื้อต้นไม้จบแล้วล่ะลูก หนูอยากให้แม่เขียนอะไรต่อ ก็ต้นไม้ไงแม่ พวกโมก แก้ว ที่เขาปลูกกันเยอะๆ แม่ไม่ต้องเขียนถึงหรอก หนูรู้จักแล้ว หนูอยากอ่านอยากเห็นภาพต้นไม้ที่หนูไม่รู้จัก อะไรบ้างที่แม่คิดว่าหนูยังไม่รู้จัก แม่ก็เขียนอันนั้นแหละ ฟังแล้วเหมือนง่าย แต่ยากสุดๆ ต้องทำการบ้านอีกเยอะมาก อะไรล่ะที่เป็นต้นไม้แปลกๆ แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าแปลก ถ้าแปลกมากๆ ตัวแม่เองจะรู้จักเหรอ แล้วคนอ่านเขาจะหาซื้อกันได้รึเปล่า ? อย่ากระนั้นเลยเขียนเรื่องง่ายก่อนดีกว่า จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 11:55:16 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไม้ดอกหอม สนทนากับลูกค้ามาหลายคน พบว่าลูกค้าที่มีรสนิยมชอบไม้หอมกว่าร้อยละ 50 ให้คะแนนไม้หอมที่เป็นสุดยอดดวงใจตรงกันคือ พุดน้ำบุศย์ (หรือเรียกอีกอย่างว่า เพชรน้ำบุศย์) คำว่า หอม จะมีลักษณะความหอมด้วยกันสองแบบ คือดมแล้วฉุนเข้าจมูกไปเลย กับสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดแล้วก็ยังรู้สึกว่าอยากมีความสามารถที่จะสูดดมความหอมได้ลึกกว่านี้อีก ความหอมของพุดน้ำบุศย์ก็เป็นแบบหลังที่ว่านี้ ลูกค้าที่ซื้อพุดน้ำบุศย์จากร้านของผู้เขียนไปสิบคน ยังไม่เคยมีใครกลับมาต่อว่าเลยสักคนว่าไม่หอม แถมเจ็ดในสิบคนที่ซื้อไปยังย้อนกลับมาขอให้ผู้เขียนเป็นคนแนะนำไม้ดอกหอมต้นอื่นให้ บอกว่าแนะนำแล้วไม่ผิดหวัง เชื่อมั่นมาก (เฮ้อ ! ก็รู้แค่ที่แนะนำไปนี่แหละ ไม่อยากจะพูดเลย จริงๆ ) พูดถึงดอกไม้ตระกูลพุด ส่วนใหญ่แล้วดอกจะหอมค่ะ (แต่หอมไม่จี๊ด ตรงใจผู้เขียนเท่านั้น) เช่น พุดเวียดนาม ดอกจะคล้ายพุดน้ำบุศย์แต่ใหญ่กว่า กลิ่นหอมอ่อนกว่า ตอนเป็นสีขาวดอกจะไม่หอมเลย ต้องรอให้สีของดอกเริ่มกลายเป็นเหลืองอ่อนค่อยได้กลิ่น เวลาผู้เขียนเปรียบเทียบว่า พุดเวียดนามมีกลิ่นหอมแบบหมากฝรั่งที่เราเคี้ยวแล้วกลิ่นหมากฝรั่งมันระเหยเข้าจมูก ลูกค้าชอบขำ (จนนึกสงสัยว่าเข้าใจคำอธิบายรึเปล่า ) แต่ก็ซื้อนะคะ เพราะถ้าเขาไม่มั่นใจว่า จะสามารถเลี้ยงต้นไม้สักต้นให้อยู่รอดปลอดภัย เขาจะเลือกพุดเวียดนามเพราะลำต้นดูแล้วแข็งแรง หรือพูดง่ายๆว่า ดูแล้วทนทาน สมบุกสมบันได้มากกว่า พุดน้ำบุศย์ เยอะ พุดซ้อน มีทั้งพุดซ้อนธรรมดาและพุดซ้อนใบด่าง ดอกหอมทั้งคู่ เป็นต้นไม้ดอกหอมที่ขายดี ขอให้มีดอกออกมาเถอะค่ะ ดมแล้วหอมเลยแบบไม่ต้องลุ้น ส่วนตระกูลพุดที่สามารถ Confirmว่า ดอกไม่หอมเลย แต่ออกดอกเต็มต้นทั้งปี คือพุดพิชญากับพุดกุหลาบ ค่ะ ( พุดพิชญาเลี้ยงให้สมบูรณ์จนออกดอกได้เต็มต้น เลี้ยงยากกว่าพุดกุหลาบ) ต้องขอแดดเยอะหน่อย ช่วงฤดูฝน ฝนตกหนักๆ พุดพิชญาที่ไม่โดนแดดชอบเน่าตายค่ะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 11:59:20 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สุดยอดไม้หอมอีกต้นนึง ที่ลูกค้าชอบกันมากคือ ชมนาด หรือ ชำมะนาด เป็นไม้หอมอีกชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนต้องยกนิ้วให้ พอๆกับพุดน้ำบุศย์ บางคนบอกกลิ่นชมนาดเหมือนข้าวสุกใหม่ แต่สำหรับผู้เขียน คิดว่ากลิ่นชมนาดเหมือนกลิ่นใบเตยมากกว่า และมีความรู้สึกเดียวกันกับเวลาที่ดมกลิ่นพุดน้ำบุศย์ คืออยากดมอยู่อย่างนั้น สูดดมอย่างไรก็ไม่เต็มปอดเสียที ครั้งหนึ่งมีลูกค้าเดินผ่านกำแพงบ้านของผู้เขียนไปเพื่อจะไปออกกำลังกาย พูดง่ายๆคือเดินผ่านประตูบ้านไปแล้วไม่มีเจตนาจะซื้อต้นไม้เลย ไม่ได้หันมามองต้นไม้สักต้นด้วยซ้ำ แต่เขาได้กลิ่นชมนาดลอยตามลมไปแตะจมูกเข้า เท้าของเขาสะดุดกึกทันที หันมาถามผู้เขียนว่า ที่เขากำลังได้กลิ่นอยู่นี้คือดอกอะไร ผู้เขียนคิดในใจชัวร์แน่ เด็ดดอกชมนาดส่งให้ดมแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่าอาจเป็นต้นอื่น แล้วถามว่า ใช่กลิ่นนี้หรือไม่ เขาดม ยิ้ม แล้วตอบว่าใช่ จากนั้นเขาก็ถามราคา ไม่ต่อรองมากให้เสียเวลา จ่ายเงินจองชมนาดทันที ออกกำลังกายเสร็จ เขาก็แวะมาเอาชมนาดต้นนั้นไป ( ขายไปแล้วก็เสียดาย ต้นสุดท้ายเสียด้วย เอาน่ะ ! ค่อยหามาใหม่ ไม่ได้หายากเย็นอะไรนัก ) กลิ่นหอมของ ชมนาด ถึงขนาดสะกดให้คนหันหลังกลับมามองมันได้ คิดดูสิคะ เสียอยู่เรื่องเดียวคือมันไม่ออกดอกทั้งปี ถึงแม้ตำราต้นไม้ทั่วไปจะเขียนว่า เป็นต้นไม้ที่ออกดอกทั้งปีก็จริงอยู่ แต่ถ้าเลี้ยงให้ออกดอกทั้งปีได้จริง ทำไมเขาถึงไม่เพาะออกมาขายกันจนดาษดื่น ไม้ดอกหอมขนาดนี้มีหรือที่จะเก็บเอาไว้ คุณจะเห็นเขาเอาออกมาขายกันมากๆ ก็เฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้นแหละค่ะ สำหรับผู้เขียน ตั้งแต่ขายต้นสุดท้ายนั่นไป ผู้เขียนก็หาชมนาดมาตลอด (ต้นที่มีดอกนะคะ ก็เขาบอกว่าออกดอกทั้งปี ) ผู้เขียนยังหาไม่ได้สักต้น ตอนนี้ซื้อต้นใหม่มาจาก ทหารราบ 11 บางเขน ก็ซื้อได้แบบไม่มีสักดอก นี่แหละ อาจกลายเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆก็ได้ ถ้าเราสามารถทำให้มันออกดอกเต็มต้นตอนที่อยู่ในมือเรา ว่าแล้วก็คิด เอ ! จะให้อาหารเสริมหรือว่า สารเร่งดอกที่ทำจากสาหร่ายสกัด แก่มันดีหว่า ? จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:01:27 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กล้วยไม้ ถ้าถามว่า กล้วยไม้สกุลไหนหอมที่สุด ภาพรวมผู้เขียนก็ยังต้องยกให้ แคทรียา อยู่ดีค่ะ โดยเฉพาะสายพันธ์ที่มีดอกใหญ่ กลิ่นจะหอมมาก โดยกลิ่นจะแตกต่างกันไปตามชื่อและสีสัน สามารถเลือกกลิ่นที่ถูกใจได้ตามชอบ ติดแต่ว่ากล้วยไม้สกุลแคทรียาที่มีกลิ่นหอม โดยมากจะออกดอกเพียงปีละครั้งเท่านั้น (เลี้ยงไม่ถูกวิธีก็ไม่ยอมออกดอกให้เห็นเลยอีกเลย ได้ดมดอกครั้งเดียวตอนซื้อเท่านั้นแหละค่ะ) ลูกค้าของผู้เขียนคนหนึ่งก็เลี้ยงแคทรียาเอาไว้ ดูจากสีของมันผู้เขียนเดาว่า เป็นลูกผสมของ หาดใหญ่ดีไลท์ สีเหลืองอมส้มค่ะ คอนเฟริ์มว่าหอมมาก เจ้าของเขาทำซุ้มไว้ให้หลังบ้าน คลุมซาแลนเป็นหลังคาหนา 2 ชั้น ดูบรรยากาศแล้วเหมือนอยู่ในเตาอบ เขาเล่าว่า ไม่ออกดอกให้เห็นเลยนับตั้งแต่ซื้อมา ผู้เขียนเลยแนะนำแกมบังคับให้เอาออกมาผูกกับต้นสาเกหน้าบ้านดีกว่า ลมโกรกสบาย ได้ร่ม ได้แดด กำลังดี ไม่ถึงสองอาทิตย์ค่ะแทงช่อดอกขึ้นมา เดือนครึ่งผ่านไปบานดอกให้เห็น (โอ้ว!ดวงจริงๆ ไม่ใช่ความเก่งกาจสามารถอะไรของผู้เขียนหรอก แต่ตอนนี้แนะนำให้ปลูกอะไรไว้ตรงไหน ลูกค้าเชื่อหมด) แคทดอกหอมผู้เขียนจะซื้อมาขายที่ร้านไม่มากค่ะ เพราะดอกหมด ก็ต้องเก็บไว้ยาว กำไรไม่ได้เงินทุนก็จม แต่ถ้าเป็นแคทรียาที่ออกดอกให้เห็นบ่อยๆแบบไม่ต้องลุ้นมาก บ้านผู้เขียนมีหลายช่อทีเดียว พวกนี้ดอกไม่หอมค่ะ แต่ช่อไหนออกดอกมาเป็นได้ขายหมด กล้วยไม้ที่มีความหอมอีกสกุลนึงคือ ออนซิเดียม โดยเฉพาะที่มีชื่อว่า ชาลีเบบี้ เรื่องการออกดอก มีให้เห็นกันแบบไม่ต้องลุ้นมาก ถึงได้ชอบไงคะ (สกุลนี้บางชื่อ ดอกไม่หอมนะคะ เหมือนแคทรียานั่นแหละค่ะ มีหอมบ้างไม่หอมบ้าง ) ส่วนพวกเอื้อง พวกช้าง ลักษณะเด่นของพวกเขาอยู่ที่สีสันมากกว่า ถ้าลองได้บานดอกแล้วสีสวย แต่ถึงยังไม่มีดอกรูปลักษณะของใบและลำต้นก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว สำหรับผู้เขียนแล้ว แม้จะคลั่งไคล้กล้วยไม้ โดยเฉพาะช่วงนี้ หันไปนิยมที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าเอื้องทั้งหลาย แต่ความรู้ในการเพาะเลี้ยงยังอ่อนหัด ถ้าจะให้เห็นดอกสักต้นต้องลุ้นกันจนเหงือกบานไปข้างนึงนั่นแหละ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:08:03 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มหาหงส์ ต้นไม้ต้นนี้ ผู้เขียนรู้จักครั้งแรกตอนที่ลูกค้าประจำมาถาม เขาเล่าว่า ข้างบ้านมีต้นไม้อยู่ต้นนึง ลักษณะเหมือนพวกขิง ข่า ดอกสีขาวอมเหลืองนิดๆ พอเวลาเย็นๆ เขาจะได้กลิ่นหอมลอยเข้ามาในบ้าน วันแรกเขาได้กลิ่น เขานึกว่ามีใครมาฉีดน้ำหอมใกล้ๆ แถวนั้นซะอีก เลยมาถามผู้เขียนในฐานะผู้รู้(มากกว่า)ว่ามันคือดอกอะไร ผู้เขียนเก็บมาคิด 18 ตลบ ก็ตอบไม่ได้ คิดไม่ออกว่ามันเป็นต้นแบบไหน วันหนึ่งมีโอกาสไปทำสวนบ้านเขาก็เลยไปเห็นต้นจริง ลองชะโงกหัวไปดมดู ก็รู้สึกว่าหอมจริงๆ เป็นพืชตระกูลขิง ข่า ที่หอมมาก ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ชื่อนะคะ เก็บเอามาเป็นการบ้านก่อน แล้วถึงไปได้คำตอบที่สวนจตุจักรนั่นแหละ ชื่อ มหาหงส์ ค่ะ แล้วก็ทราบว่ามีชื่อท้องถิ่นว่า สะเลเต ด้วย ชอบชื่อหลังเป็นพิเศษ ฟังดูเข้าท่าดี เจ้าต้นนี้สมกับความหอมที่มี เพราะคนนิยมสกัดเอาสารที่ให้ความหอมไปทำน้ำหอมหรือเป็นส่วนผสมของเครื่องหอมต่างๆ เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำหอม เวลาผู้เขียนได้ยินโฆษณาว่ากลิ่นกุหลาบ กลิ่นมะลิ ผู้เขียนรู้สึกเฉยๆ ธรรมดามาก แต่พอบอกว่าเป็นสารสกัดจากสะเลเต ผู้เขียนรู้สึกว่ามันพิเศษ ประหลาดดีใช่มั๊ยคะ เจ้าต้นที่ว่านี้มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยมด้วยนะคะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผู้เขียนไปจัดสวนบ้านไหน ชอบพอนิสัยใจคอเจ้าของบ้านหน่อย ก็จะปลูกเจ้าสะเลเตนี้ให้ด้วยค่ะ มีบางคนพูดถึง มหาหงส์ สีชมพู ผู้เขียนได้เห็นต้นจริงแล้ว ดอกสวยกว่าสีขาวค่ะ แต่ไม่หอม จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:09:41 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ปีบ(กาสะลอง) พูดถึงไม้หอมขนาดเล็ก (ใส่กระถาง) แบบพุดน้ำบุศย์ ไม้เถาเลื้อยแบบชมนาด ไม้แขวนแบบกล้วยไม้ และ ไม้ล้มลุกแบบมหาหงส์ หรือ สะเลเต ไปแล้ว คราวนี้มาดูความหอมแบบไม้ใหญ่กันบ้าง ปีบ เป็นยังไงคะ หอมถูกใจ ใครหลายคนรึเปล่า ปีบเป็นไม้ใหญ่ที่เหมาะสำหรับการปลูกให้ร่มเงา บางตำราก็ว่าออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม- มีนาคม บางตำราก็บอกว่าออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว สูงได้ตั้งแต่ 5 เมตร ไปจนถึง 25 เมตร ถ้าเราไม่อยากให้มันสูงมากก็ตัดยอดเสีย จำกัดความสูงอยู่ที่ 6-8 เมตร ก็ได้ ช่วงที่ผู้เขียนไปเห็นต้นปีบครั้งแรกก็ที่ร้านขายต้นไม้แถวกีบหมูนั่นแหละ เขาปลูกเพิงขายต้นไม้อยู่ใต้ต้นปีบค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงปลายร้อน ตอนนี้เป็นช่วงหน้าฝนก็ยังเห็นดอกเต็มต้นเหมือนเดิม แสดงว่าถ้าสภาพของต้นสมบูรณ์ ได้แดดดี น้ำสมบูรณ์ ก็สามารถออกดอกได้ตลอด เพียงแต่จะออกมากหรือออกน้อย เท่านั้นเองค่ะ ครั้งแรกที่รู้จักต้นปีบ ผู้เขียนเห็นดอกขาวๆ อมเหลือง รูปร่างของดอกแปลกตา ตกอยู่เกลื่อนตามยอดต้นไม้ที่เขาวางขายอยู่ (เก็บดอกทิ้งกันแบบไม่หวาดไม่ไหวค่ะ ) ก็เลยลองหยิบขึ้นมาดมดูสักดอก ปรากฏว่าหอมค่ะ แหงนหน้าขึ้นมองบนต้น โอโห !ดอกเต็มต้น สดชื่นจริงๆ ชื่ออะไรเนี่ย ! ลูกค้าหลายคนที่โทรมาบอกว่าอยากจะได้ต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงาแถมมีดอกหอมๆ ด้วยสักต้น หนึ่งในต้นไม้ที่พวกเขามักเอ่ยชื่อขึ้นมาปรึกษาหรือขอความเห็นว่าเหมาะสมรึเปล่า ต้องมี ปีบ อยู่ด้วยเสมอ ผู้เขียนก็เลยบอกไปว่า ถ้าอยากได้ร่มเงาพร้อมกับความหอมของดอกไม้ ปลูกต้นปีบน่ะ ไม่ผิดหวังแน่ค่ะ แต่ต้องขยันเก็บกวาดดูแลสวนด้านล่างด้วยนะคะ เพราะทั้งใบทั้งดอก ร่วงหล่นแบบไม่ปราณีเหมือนกัน จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:11:25 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม้หอมอื่นๆ ส่วนไม้ดอกหอมอื่นๆ ก็เป็นไม้หอมทั่วไปที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ โมก นิยมปลูกเป็นแนวตามรั้ว ทำเป็นกำแพงดอกหอม ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่โมกลา โมกซ้อน ถ้าเป็นไม้กระถางก็พวกโมกแคระ โมกเวียดนาม โมกด่าง ซึ่งผู้เขียนสรุปว่าไม่ว่าจะเป็นโมกไหนก็มีกลิ่นเดียวกันค่ะ คือกลิ่นโมก ไม้หอมอื่นๆ ก็เช่น แก้ว กุหลาบ มะลิ พุดซ้อน กระดังงาสงขลา(ผู้เขียนว่ากลิ่นเหมือนกล้วยหอม แต่ต้องรอให้กระดังงางอมๆ ก่อนนะคะ กล้วยหอมกลิ่นแบบไหน กระดังงาสงขลาก็กลิ่นแบบนั้น ) จำปี จำปา กรรณิการ์ ฯลฯ ยังมีอีกเยอะมากมาย เอ่ยชื่อไม่หมดค่ะ ที่สำคัญไม้หอมเหล่านี้มีข้อดีคือ ออกดอกตลอดทั้งปีด้วย จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:12:32 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไม้มงคล อะไรคือ ไม้มงคล ตอบยากอีกแล้วค่ะ ต้นไม้ที่มีชื่อดีก็เป็นมงคลพ่อค้าแม่ค้าเลยนิยมเปลี่ยนชื่อต้นไม้ทั้งหลายให้เป็นมงคลซะเลย อย่างที่เคยยกตัวอย่างว่า ชื่อ หยิกนิโกร อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไปเป็น รวยไม่เลิก บ้าง โกยเงินโกยทอง บ้าง อีกชื่อนึงเคยไปเห็นแต่จำไม่ได้ เลยอยากให้คิดว่าถ้าบังเอิญคุณไปซื้อต้นโกยเงินโกยทองมาจากร้านที่ตลาด เพราะชอบชื่อของมันมาก แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมามันตาย เลยไปถามซื้อต้นโกยเงินโกยทองต้นใหม่กับร้านต้นไม้อื่น คุณว่าคนขายจะงงเป็นไก่ตาแตกไหมล่ะคะ มันเป็นต้นแบบไหนกันนะ เจ้าโกยเงินโกยทองเนี่ย การเปลี่ยนชื่อต้นไม้ให้เป็นมงคลขึ้น ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะเลย ใครเปลี่ยนชื่อต้นไม้เมื่อไรผู้เขียนเป็นต้องค้านหัวชนฝาเมื่อนั้น ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ การเปลี่ยนชื่อแล้วเป็นที่ยอมรับรู้กันโดยทั่วไปว่า ชื่อเดิมคืออะไร ชื่อใหม่คืออะไร กับการเปลี่ยนชื่อตามอำเภอใจ ผลย่อมต่างกัน ยกตัวอย่างต้นไม้ที่เขาเปลี่ยนชื่อ ชื่อเก่าก็เข้าใจ ชื่อใหม่ก็นิยมเรียกกันอย่างกว้างขวาง ก็อย่างเช่น ต้นลั่นทม ไงคะ เปลี่ยนชื่อมาเป็น ลีลาวดี ผู้เขียนก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด หรือจะเรียก จำปาลาว ก็ไม่ขัดข้องอีก หรือต้นไม้บางต้นแต่ละท้องถิ่นก็มีชื่อเรียกแตกต่างกัน เลยทำให้มีหลายชื่อเช่น ต้นราชพฤกษ์ ทางเหนือเรียก ลมแล้ง ทางอีสาน เรียกว่า คูน เรียกชื่อไหนมา คนทั่วไปก็เข้าใจทั้งนั้น อาจจะงงสักเล็กน้อยในตอนแรก แต่พอสืบสาวราวเรื่องแล้วก็ร้อง อ๋อ กันได้ไม่ยาก ( ตำราต้นไม้บางตำราบอกว่าราชพฤกษ์กับชัยพฤกษ์ คือต้นเดียวกัน แต่สำหรับความเห็นของผู้เขียนฟันธงว่าไม่ใช่ค่ะ ความต่างที่เห็นชัดเจนของทั้งสองต้นนี้ ดูที่ดอกของมันก็ได้ ดอกของราชพฤกษ์จะมีสีเหลือง ส่วนดอกของชัยพฤกษ์จะมีสีชมพู อมแดง ตอนก่อนจะร่วงสีจะซีดลงจนเกือบขาว ราชพฤกษ์ปัจจุบันเป็นต้นไม้ประจำชาติด้วยแต่ชัยพฤกษ์มีคนพูดถึงน้อยกว่า และทั้งสองต้นนี้ก็เป็นไม้มงคลโบราณสำหรับวางศิลาฤกษ์ทั้งคู่ แล้วจะให้เป็นต้นเดียวกันได้อย่างไรล่ะคะ ขืนเป็นต้นเดียวกันไม้มงคลก็นับไม่ครบ 9 ชนิดน่ะสิคะ ) ยกตัวอย่างอีกต้นนึงนะคะ ต้นก้ามปู ก็มีชื่อเรียกอันไพเราะเพราะพริ้งอีกชื่อหนึ่งว่า จามจุรี บางคนก็เรียกว่า จามจุรีก้ามปู ควบกันไปเลย สำหรับผู้เขียนตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลกและพอจะรู้จักว่าต้นไม้ชื่ออะไรบ้าง ผู้เขียนก็เรียกมันว่า ฉำฉา ตามคนในท้องถิ่นบ้านเกิดของผู้เขียน พอใครเรียกก้ามปู ก็ร้องอ๋อ ใครบอกจามจุรี ก็อ๋อ อีกเหมือนกัน เข้าใจไม่สับสน ยกตัวอย่างอีกสักต้นก็ได้ ต้นหางนกยูง แม่ของผู้เขียนมาเห็นบอกว่า นี่มันเรียกว่า ต้นซอมพอ ไม่ใช่เหรอ ชื่อน่ารักเชียวค่ะ เด็กธรรมศาสตร์เองทุกคนก็คงจะรู้จักชื่อซอมพอทั้งหมด เพราะเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยใช่มั๊ยคะ ต้นไม้ที่นำมายกตัวอย่างนี้ มีชื่อเรียกหลายชื่อตามท้องถิ่น ซึ่งต่างจากการเปลี่ยนชื่อตามอำเภอใจทั้งสิ้น จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:15:06 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พูดเรื่องการเปลี่ยนชื่อแล้วสะเทือนใจค่ะ วันก่อนไปตลาดอีกอดเหลือบไปดูร้านต้นไม้ร้านเดิมที่ตลาดไม่ได้ เห็น เตยแก้ว ตั้งขายอยู่หน้าร้าน แล้วปักชื่อขายในนาม มหาอำนาจ อีกแล้ว!!! จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:15:52 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มาพูดเรื่องไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลกันต่อนะคะ ต้นไม้ตระกูลใหญ่มาก ที่นิยมตั้งชื่อเป็นมงคลมาแต่ไหนแต่ไร ต้องยกให้ ไม้ประดับสกุลอโกนีมา ค่ะ แถมลูกผสมใหม่ๆ ลักษณะที่มีใบเป็นสีแดง ราคายังแพงมากอีกด้วย หลักร้อยหลักพันนี่ เบาะๆ บางต้นซื้อขายกันเป็นหลักแสน หลักล้าน โน่น ไม้ประดับ อโกนีมา ก็มีหลายระดับราคาค่ะ ถ้าไม่มีกะตังค์จ่ายหลักพัน หลักหมื่น ก็หาหลักร้อย หลักสิบมาเลี้ยงกันก็ได้ เช่น ทองเต็มบ้าน เงินเต็มบ้าน เขียวหมื่นปี บัลลังก์ทอง บัลลังก์เงิน โพธิ์นำเงิน โพธิสัตย์ เศรษฐีพันปี ฯลฯ หากต้องการหาต้นไม้สักต้นมาใส่กระถางสวยๆ มอบเป็นของขวัญแด่ผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนที่รักใคร่ชอบพอกัน เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ ไม้ประดับอโกนีมา ที่ชื่อเป็นมงคลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนะคะ อโกนีมาที่อยากแนะนำเพราะชื่อดี ราคาไม่แพง มีใบสีเขียวๆ หม่นๆ เรียกว่า เงินเต็มบ้าน ราคาขายอยู่ที่หลักสิบ เป็นไม้ประดับที่ชื่อเป็นมงคลที่ขายดีที่สุดในร้านของผู้เขียน โดยลูกค้าให้เหตุผลว่าคนไม่ค่อยจะมีทองกันหรอก เลยไม่อยากจะซื้อต้นทองเต็มบ้านให้เป็นของขวัญ อวยพรกันทั้งทีก็ขอให้มี เงินเต็มบ้าน ดีกว่า น่าจะมีความเป็นไปได้ในชีวิตจริงมากกว่า ว่างั้นเถอะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:18:33 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ยังอ่านไม่จบ แต่ต้องรีบมาขอบคุณก่อนครับ จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ 19 ต.ค. 50 12:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ว่ากันเรื่องไม้มงคลทั่วไปกันแล้วก็มาว่ากันเรื่อง ไม้มงคลประจำใจ ของผู้เขียนกันบ้าง (เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลนะคะ ต้องใช้วิจารณญานในการอ่านด้วยค่ะ ) อันดับหนึ่งในใจของผู้เขียนขอยกให้ ค้างคาวดำ (เนรพูสีไทย) บ้านของผู้เขียน ณ เวลานี้มีเหลืออยู่ต้นเดียวและบอกกับลูกค้าทุกคนชัดเจนที่ถามซื้อว่า ไม่ขาย ผู้เขียนไปเจอค้างคาวดำครั้งแรกที่สวนจตุจักร ดอกของมันแปลก แปลกเสียจนต้องหยุดถามราคาจากคนขาย แน่นอนค่ะ ไม่ใช่ผู้เขียนคนเดียวที่สะดุดในความแปลกของมัน แทนที่จะบอกราคา คนขายกลับบอกว่า มันถูกจองหมดทุกต้นแล้ว ( ถามราคาไว้ก่อนไม่ได้เหรอ ? ) ไม่เป็นไร ค้างคาวดำไม่ใช่ต้นไม้หายากสักเท่าไร เพียงแต่อาจจะหาต้นสวยๆ ที่สะกดใจคนได้ไม่ง่ายเท่านั้น ผู้เขียนไปได้ค้างคาวดำมา 2 ต้นจากอีกร้านนึง ซึ่งต้นเล็กกว่ามาก ราคาขายหลักร้อย (ถือว่าแพงนะคะ สำหรับต้นเล็ก) แต่ ณ เวลานั้น ใจอยากได้ซะแล้ว ถึงแพงก็ยอมซื้อ ขายไปหนึ่งต้น เลี้ยงตายไปหนึ่งต้นค่ะ เพราะดันไปเชื่อตำราบางเล่มที่หน่วยงานราชการเป็นคนเขียนบอกว่า ชอบที่ชื้นแฉะ แดดจัด ใกล้หนองน้ำ ปรากฏว่าเจอแดดเข้าไป ใบไหม้เกรียมเลยกว่าจะไปเห็น โถ ! ไม่รอด ผู้เขียนเลยไปหาซื้อต้นใหม่ได้ที่คลอง15 คราวนี้ได้มา 3 ต้น ขายไป 2 เก็บไว้เอง 1 ต้น เป็นต้นใหญ่สมบูรณ์มาก ผู้เขียนวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่เคยให้แดดส่องถึงต้นโดยตรงได้อีกเลย คราวนี้สมบูรณ์พูนสุข เติบโตดีมากค่ะ มีดอกให้เห็นไม่ขาด ลูกค้าขาจรคนหนึ่ง เคยหอบหิ้วค้างคาวดำในสภาพย่ำแย่มาหาที่ร้าน โดยเล่าว่าค้างคาวดำของเขางามมาก งามเสียจนเขาอยากจะอวดชาวบ้านว่าเขาเป็นเจ้าของต้นไม้ที่งามขนาดนี้ เลยซื้อกระถางไปเปลี่ยนแล้วยกออกมาตั้งไว้หน้าบ้านค่ะ ช่วงเย็นกลับมาถึงบ้านพบว่าใบของค้างคาวดำไหม้หมดทุกใบ เขาพยายามรดน้ำช่วยเท่าไรก็ไม่ฟื้น เลยหอบมาหาผู้เขียนทั้งกระถางและค้างคาวดำคอตกใบเกรียมนั่นแหละ (เห็นเราเป็นหมอต้นไม้ซะแล้ว ไม่อยากบอกให้เสียเครดิตเลยว่า เราก็เคยเลี้ยงตายไปต้นนึงเหมือนกัน ) ผู้เขียนรับค้างคาวดำต้นนั้นไว้ดูแล เปลี่ยนกระถางให้ใหม่ ตัดใบเก่าที่ไหม้เกรียมทิ้งจนหมด เก็บมันเข้าร่ม รดน้ำให้ชุ่ม เช้า-เย็น บางวันแถมกลางวันให้อีกรอบ หนึ่งเดือนผ่านไปค่ะ ใบใหม่ผลิออกมา 2-3 ใบ ถึงโทรศัพท์เรียกให้เจ้าของมารับต้นไม้กลับไปประคบประหงมกันต่อที่บ้านเอง มีของดีอยู่กับตัวก็ไม่จำเป็นต้องอวดใครก็ได้นะ และ ตำราที่ว่าเจ๋ง ไหนเลยจะสู้ประสบการณ์ได้ คิดจะเลี้ยงต้นไม้อ่านจากตำราอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องลองผิดลองถูกอาศัยประสบการณ์สั่งสมด้วย จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:21:02 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พูดถึงการดูแลไปแล้วนะคะ เล่าเรื่องที่มาที่ไป ที่ทำให้ค้างคาวดำกลายมาเป็นต้นไม้สุดหวงประจำใจกันบ้าง คนที่อยู่กับต้นไม้ไปนานๆ บางทีก็ชอบพูดกับต้นไม้ค่ะ ต้นไม้เป็นเพื่อนที่ดี เป็นผู้ฟังที่ดีที่ยอมฟังทุกอย่างที่เพื่อนอยากจะระบายความในใจให้ฟัง แม้เรื่องเล่าเหล่านั้นจะมีสาระบ้างไม่มีบ้างก็ตาม ที่สำคัญต้นไม้เป็นเพื่อนที่ไม่เคยขายความลับ ไม่เคยหักหลังเพื่อนแม้แต่ครั้งเดียว ผู้เขียนไม่ใช่คนร่ำรวยแถมยังเป็นคนที่แบกภาระไว้บนบ่าเยอะมาก จนบางครั้งรู้สึกทุกข์ วันนึงเลยไปกระซิบกับเจ้าต้นค้างคาวดำ ปรับทุกข์ให้ฟังถึงภาระที่ต้องแบกอยู่บนบ่า และตบท้ายต่อว่า ขอช่วยทีเถอะ ช่วยปัดเป่าปัญหาเฉพาะหน้านี้ให้หน่อย สักแสนนึง ภายใน 3 เดือน เจ้าค้างคาวดำคงเก็บไปคิดนาน เดือนแรกผ่านไปชีวิตของผู้เขียนก็ยังเหมือนเดิม พอเดือนที่สอง งานจัดสวนขนาดกลางและเล็กเรียงกันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 3 งาน จนผู้เขียนต้องทำงานแบบไม่มีวันหยุดรวมมูลค่าแล้วหนึ่งแสนบาทพอดี ว้าว ! เลยต้องไปกระซิบค้างคาวดำอีกรอบ ไอ้ที่บอกว่าแสนนึงน่ะ ขอเป็นกำไรเต็มๆไม่ได้เหรอ ทำไมต้องรวมต้นทุนกับกำไรเข้าไปด้วยเล่า จับต้นไม้มาเรียนบัญชีกันสักหน่อยเป็นไร ทุกคนย่อมจะมีต้นไม้ที่ตัวเองถูกโฉลก ผู้เขียนคิดว่างั้นนะ เหมือนรถนั่นแหละ ทุกคนต้องมีรถคู่ใจ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรถยี่ห้อเดียวกัน สีเดียวกัน เพียงแต่เราจะรู้สึกเองว่า นี่แหละคู่ใจของเรา ที่อธิบายแบบนี้ เพราะไม่อยากให้ใครแอบย่องมายกค้างคาวดำของผู้เขียนไปนะคะ บอกได้เลยว่า สุดหวง จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:22:41 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มาเก็บเข้าคลัง มาbookmark เพื่อจะได้อ่านบ่อยๆง่ายๆ มาโหวต และขอบังคับให้คุณนก จขกท. สมัครสมาชิกโดยด่วน เพื่อจะได้สามารถลงรูปและสื่อสารกันได้(ห ลัง-ไมค์) และอื่นๆเยอะแยะ เพื่อให้กระทู้ที่จะมีต่อๆไป สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สมัครสมาชิกเดี๋ยวนี้ ๓วันทำการเองครับ จากคุณ : ร่วมใจกันอนุรักษ์เลขไทย (ต้นโพธิ์ต้นไทร) - [ 19 ต.ค. 50 12:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มาดูต้นไม้มงคลประจำตัวคนอื่นกันบ้าง ผู้เขียนไม่มีเรื่องเล่าแนวปาฏิหาริย์เกี่ยวกับต้นไม้ในชีวิตของใครให้ฟังหรอกค่ะ เพียงแต่เจ้าต้นที่ว่านี้ ผู้เขียนมีเท่าไรก็ขายหมดเกลี้ยง บางทีไปเห็นต้นสวยๆ ตามแหล่งขายต้นไม้ ที่ทหารราบ 11 ครั้งนึง สวยจับใจ คนขายก็บอกว่า ไม่ขายจะเก็บไว้เองซะงั้น ต้นที่ว่านี่ก็คือ เสน่ห์จันทร์ขาว ค่ะ ตำราบางเล่ม บอกว่าเป็นว่านเสริมดวงด้านค้าขายของคนเกิดวันจันทร์ บางเล่มก็บอกว่าเป็นว่านเสริมดวงของคนเกิดวันพุธ และบ่อยครั้งมีคนนำเสน่ห์จันทร์ขาวมาเป็นส่วนผสมของวัตถุดิบที่สร้างพระเครื่อง ผู้เขียนเองเกิดวันจันทร์เลยเก็บไว้ต้นนึงค่ะ คนทำมาค้าขายชอบหาซื้อกันมาก (คนที่รู้จักต้นไม้ตระกูลว่านนะคะ) ตั้งแต่ร้านเสริมสวย ร้านขายกล้วยทอด ไปจนถึงร้านสเต๊กชื่อดังร้านหนึ่ง ซึ่งเจ้าของก็เป็นลูกค้าประจำของผู้เขียนนี่แหละ แรกๆ ก็ขอให้ผู้เขียนหาเสน่ห์จันทร์ขาวใส่กระถางไปให้สักต้น เอาไปวางไว้ที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน เขาบอกว่าทำให้เขาค้าขายดีขึ้น วันดีคืนดีก็ให้เด็กในร้านยกกระถางกลับมาให้ผู้เขียน เพราะใบของมันเหลือแค่ใบเดียวสองใบ ช่วยหาต้นใหม่ใส่กลับคืนไปให้อีกรอบ เป็นอย่างนี้ประจำ นี่ก็หาเสน่ห์จันทร์ขาวใส่กระถางไปให้เป็นรอบที่ 4 แล้ว เลี้ยงยังไงของเขา เปลี่ยนต้นไม้ซะจนแม่ค้าไม่กล้าเก็บเงิน .. (ก็ฟื้นฟูต้นเก่าที่ย่ำแย่ พอดูดีขึ้นใส่กลับคืนไปให้เจ้าของบ้างแล้วน่ะสิคะ) ไม่ได้ไปหาซื้อใหม่ที่ไหนให้หรอก หาซื้อเสน่ห์จันทร์ขาวยากหรือไม่ ตอบได้เลยว่า ไม่ถึงกับยาก พอจะหาซื้อได้ แต่ถ้าเทียบราคากับเสน่ห์จันทร์อื่นๆ แล้วคนละเรื่อง เช่น เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์ดำ เสน่ห์จันทร์นาค เป็นต้น เสน่ห์จันทร์อื่นราคาจะต่ำกว่า หาซื้อง่ายกว่า เลี้ยงง่ายกว่า โตเร็วกว่า ส่วนเสน่ห์จันทร์ขาว โตช้า มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ เวลาเราใช้กรรไกรตัดก้านหรือใบของเขา น้ำในก้านหรือในใบจะมีกลิ่นหอมแปลกๆ เป็นกลิ่นของว่านชัดเจน หอมติดมือนานทีเดียว จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:25:05 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อย่าเพิ่งปล่อยหมด เก็บไว้วันหน้าบ้างครับ จะได้มาบ่อยๆ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 19 ต.ค. 50 12:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 49 รางเงิน หลายครั้งที่ลูกค้าจะสับสนระหว่าง รางเงิน กับ 4 ทิศ เพราะลักษณะใบและดอกคล้ายกัน ต่างกันตรงรายละเอียด เช่น ใบเรียวยาวเหมือนกัน แต่รางเงินจะมีร่องใบสีขาวและอ้วนใหญ่กว่าเล็กน้อย ส่วน 4 ทิศ ใบจะเรียวเล็กกว่า สีเขียวทั้งใบไม่มีร่อง ดอกของ รางเงิน ดอกจะออกพื้นสีขาวแล้วมีสีชมพูเป็นเส้นๆ ตั้งแต่ปลายใบดอกถึงโคนใบดอกเรียงกันหลายเส้น (อธิบายไม่ถูกค่ะ ต้องหาภาพดูภาพเอง ) ส่วนดอกของสี่ทิศถ้าเป็นดอกที่ผู้เขียนเห็นมาตั้งแต่เด็กจะเป็นสีส้ม แต่ในปัจจุบันมีหลากหลายสีมาก เข้าใจว่านำสายพันธ์เข้ามาจากต่างประเทศส่วนหนึ่ง กับอีกส่วนหนึ่งในประเทศไทยเราเองก็มีการพัฒนาสายพันธ์ โดยเอารางเงินกับรางนาคมาเป็นพ่อพันธ์ก็มี ตอนนี้ผู้เขียนก็รับฝาก 4 ทิศ ดอกสีขาวเอาไว้หนึ่งต้น มีแต่ใบค่ะ ลูกค้าที่เป็นเจ้าของสั่งไว้ว่าออกดอกเมื่อไรค่อยยกเอาไปคืน (มีงี้ด้วย ลูกค้าสมัยนี้) การทำให้ออกดอกก็ไม่ยาก ผู้เขียนเคยได้รับคำแนะนำมาจากแม่ค้าขายหัวว่านในสวนจตุจักร เขาบอกว่าให้ตัดใบทิ้งให้หมด แล้วทิ้งไว้ไม่ต้องรดน้ำ 2 อาทิตย์ รอให้แห้งสนิทเลย จากนั้นก็รดน้ำตามปกติ ช่อดอกจะแทงขึ้นมาค่ะ ผู้เขียนทดลองทำแล้วประสบความสำเร็จกับ 4 ทิศ สีส้ม ขายไปเรียบร้อย พอมาทำกับ 4 ทิศ สีขาวต้นนี้ไม่สำเร็จ เลยยังไม่ได้ยกไปคืนเจ้าของซะที คงต้องรอให้พ้นหน้าฝนไปก่อน จะได้แห้งๆ ตามสูตรไงคะ ถึงบางคนจะเรียกเขาว่า ว่านสี่ทิศ และบางตำราบอกว่าเป็นว่านมงคลสำหรับคนเกิดวันจันทร์ก็ตาม แต่ที่จริงแล้วเขาอยู่ในวงศ์พลับพลึงค่ะ ที่โตช้าที่สุดเห็นจะเป็น รางนาค ดังนั้นรางนาคจึงเป็นต้นที่หายากที่สุด ลักษณะใบจะคล้ายรางเงินมากกว่าสี่ทิศ เพราะมีเส้นกลางใบสีขาวเหมือนกันแต่สีจะเข้มกว่า ทั้งในส่วนที่เป็นใบสีเขียวและกลางใบสีขาว จุดที่ต่างกันเป็นข้อสังเกตุอีกจุดหนึ่งคือ โคนใบของรางนาคด้านหลังจะออกสีแดงเลอะๆเป็นปื้น สีของดอกรางนาคก็เข้มกว่ารางเงิน เห็นได้ชัดค่ะ สำหรับบ้านของผู้เขียน รางนาคไม่เคยบานดอกให้เห็นติดต้นเลยสักครั้ง แค่ตูมดอกมาเล็กน้อยก็มีคนซื้อไปหมดแล้ว ลูกค้าบางคนแค่รู้ว่าเรามีรางนาคเท่านั้นก็ซื้อแล้วค่ะ หาซื้อได้ยากกว่า ไม่ต้องรอออกดอกให้เสียเวลา เอาไปลุ้นเอง ส่วนรางเงินจะมีโอกาสเห็นดอกบ่อยครั้งมากกว่า และลูกค้าก็มักจะซื้อตอนกำลังมีดอกซึ่งแต่ละช่อจะมีตั้งแต่ 6-8 ดอกทีเดียว นอกจากนี้ ร้อยละ 50 ของลูกค้าที่ซื้อรางเงินไปจะกลับมาบอกว่าเขาถูกหวยในงวดนั้นพอดี ( ดวงอีกแล้ว ) แต่โบราณที่เขาว่ากันมา รางเงินจะมีสรรพคุณทางด้านเมตตามหามงคลมากกว่าเรื่องโชคลาภนะคะ จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:28:36 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณนะครับ จากคุณ : HKK - [ 19 ต.ค. 50 12:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ว่านเพชรกลับ ว่านเพชรกลับเป็นว่านโบราณที่หายากชนิดหนึ่ง ผู้เขียนได้ต้นนี้มาเมื่อ3 ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงชีวิตที่ค่อนข้างลำบากที่สุด วันหนึ่งคุณแม่ของผู้เขียน ท่านไปเยี่ยมผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ครอบครัวของเราให้ความเคารพมาก ผู้ใหญ่ท่านเลยฝากว่านต้นนี้กลับมาให้ผู้เขียนบอกว่าชื่อ ว่านเพชรกลับ พร้อมอวยพรขอให้สิ่งดีๆ ในชีวิตที่ผู้เขียนเคยมีให้กลับมาหาผู้เขียนอีกครั้ง ตอนนั้นผู้เขียนก็เห็นเป็นแค่ต้นไม้ต้นหนึ่ง มีแต่หัวด้วยซ้ำจึงไม่สนใจอะไร คุณแม่ท่านก็เลยปลูกให้ค่ะ คุณแม่พยายามเล่าใส่หัวสมองตันๆให้ฟังว่า หัวของมันมีรากเป็นกระจุกแทงขึ้นด้านบน เวลาปลูกต้องหงายเอารากไว้ด้านบนด้วย ผู้เขียนฟังแล้วก็ผ่านไปเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จนวันนึงมันออกใบแล้ว คุณแม่เลยบอกให้ผู้เขียนขอพรกับว่านต้นนี้ ขอให้สิ่งดีๆในชีวิตกลับมา ผู้เขียนไม่อยากขัดคนแก่ เลยท่องนะโมสามจบ ตั้งจิตให้มั่น และขอพรเหมือนที่อธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ปัจจุบันท่องนะโมถุทธายะ 3 จบแทนค่ะ) ไม่นานหลังจากนั้น โดยไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ผู้เขียนรู้จัก แต่ไม่ได้พบกันเลยมากว่า 15 ปี อยู่ๆ ก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง คุยกันแค่ไม่กี่คำเขาก็รับปากช่วย ทั้งที่เราไม่ได้ไปเล่าความลำบากในเชิงขอความเห็นใจอะไรให้เขาฟังเลย เป็นเขามากกว่าที่มีใจอยากให้ความกรุณาต่อเรา และอยากให้โอกาสในการทำงานแก่เรา อยากเห็นเราอยู่ดีมีสุข เลยช่วยประคับประคองจนผู้เขียนสามารถกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้งในวันนี้ เอาล่ะสิ! ตั้งแต่วันที่มีพระมาโปรดชีวิต ว่านต้นนี้โทรมลงเหมือนจะตายเมื่อไร เป็นได้โวยวายกันทั้งบ้านทันที ตอนเขียนเรื่องต้นเพชรกลับนี้ ผู้เขียนพยายามหาภาพจากแหล่งความรู้ต่างๆ ที่เคยเอ่ยถึง ว่านเพชรกลับ แต่กลับหาภาพไม่ได้เลย (เลยไม่สามารถยืนยันได้ว่า ว่านที่ผู้ใหญ่ฝากมาให้ต้นนี้ใช่ว่านเพชรกลับตัวจริงของจริงหรือไม่ สมกับที่เป็นว่านโบราณหายากเลยนะคะ ) มีข้อมูลแต่เพียงว่า ว่านเพชรกลับนี้เป็นว่านมงคลที่นิยมใช้สร้างพระเครื่องอีกชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณในการคุ้มภัยจากลมเพลมพัด ผีซ้ำด้ามพลอย ป้องกันคุณไสยที่มาตามลม แม้ใครที่ก้าวเข้ามาเพื่อจะมาทำร้ายคนหนึ่งคนใดในบ้านก็จะกลับใจทันที แม้จะเดินทางไปที่หนึ่งที่ใด ถ้าพกว่านนี้ติดตัวไปด้วยก็จะแคล้วคลาดปลอดภัย ในตำราบรรยายว่า ลำต้นจะมีสีแดง ใบสีแดง ดอกเหมือนกล้วยไม้ และรากของมันจะกลับขึ้นมาอยู่บนผิวดิน (ใบของเพชรกลับของผู้เขียนจะแดงเฉพาะหลังใบ ) ตำรามีแต่บรรยายลักษณะ ไม่ยักจะมีภาพให้ดู ผู้เขียนอยากจะเห็นเหง้าของมันที่มีรากแทงกลับขึ้นด้านบนชัดๆ เลยไปคุ้ยดินออก ผลก็คือถูกคุณแม่ตีมือค่ะ เพราะรากของมันขึ้นมากระจายอยู่เต็มผิวดินไปหมด ไปแคะดินเพื่อดูเหง้าก็เท่ากับว่าไปแคะรากให้สะเทือน คุณแม่ท่านไม่ยอม เคยไปเดินที่ ซอยช้าง เขาบอกว่า มีเพชรกลับตัวผู้ตัวเมียด้วย ต่างกันที่ลักษณะใบ จะผอมอ้วนกว่ากันเล็กน้อย ใครที่อยากได้ต้นนี้ ลองไปซื้อหัวว่านในสวนจตุจักรก็ได้ค่ะ หัวละ 10 บาท มีขายเยอะแยะ แล้วลองเอามาปลูกดู ส่วนที่เขาปลูกเอาไว้แล้ว เอาออกมาขาย ราคาจะคนละเรื่อง จากคุณ : นก - [ 19 ต.ค. 50 12:33:54 A:124.120.12.79 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ดีมากๆ เลยค่ะ จะตามอ่านไปเรื่อยๆ น๊ะค๊ะ จากคุณ : ช้อนชา - [ 19 ต.ค. 50 12:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โหวต กระทู้ดีมีประโยชน์ จากคุณ : คนซอย8 - [ 19 ต.ค. 50 13:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านทันเท่าที่ comment ไว้ครั้งแรกแล้วครับ (คห.43) เยี่ยมทั้งเนื้อหาและสำนวน bookmark ก็ทำแล้ว โหวตกระทู้ก็ทำแล้ว เก็บเข้าคลังกระทู้ก็ทำแล้ว ขอบคุณจริง ๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 14:44:42 จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ 19 ต.ค. 50 13:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โห detail ความรู้เยอะจริงๆ ยกนิ้วให้ค่ะ จากคุณ : ^^^GiAnT^^^ - [ 19 ต.ค. 50 13:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ข้อมูลอย่างปึก ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : anmazaa - [ 19 ต.ค. 50 14:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ชอบมากชอบมากขอบอก...ขอบคุณมากๆค่ะแล้วอย่าลืมต่อเรื่องอีกน่ะค่ะนิยายยังไม่จบผู้ชมรอกันตาตั้งเลย แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 15:11:08 จากคุณ : ดอกข้าวใหม่ - [ 19 ต.ค. 50 14:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ข้อมูลแน่นสุดยอดมาก ๆ เลยครับ ^_^ จากคุณ : PingP - [ 19 ต.ค. 50 15:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตามมาเก็บข้อมูลต่อ อ่านเที่ยวแรก เก็บไม่หมด จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 19 ต.ค. 50 16:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ช่วยกันโหวตนะครับ ห้องต้นไม้จะได้ติดกระทู้แนะนำบ้างครับ จากคุณ : MisterTon - [ 19 ต.ค. 50 18:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 61 กระทู้นี้ เก็บเข้าคลังไปก่อน ขอบคุณมากๆ และหลังจากที่เป็นสมาชิกแล้ว นำข้อมูลมาปัดฝุ่น ทำกระทู้ใหม่ แบ่งเป็นตอนๆ ทำหลายๆตอน ใส่ภาพประกอบด้วยค่ะ จะได้น่าอ่าน และสมบูรณ์มากขึ้น วันนี้ ป้ายังไม่มีเวลาอ่านทั้งหมด ได้แต่สแกนดูรอบเดียว รออ่านที่บลัชอัพแล้ว ก็น่าจะดีกว่านะคะ เยี่ยมมากค่ะ จากคุณ : ป้าจายท้ายสวน (-.-) - [ 19 ต.ค. 50 19:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านเพลินจริงๆ   ครบเครื่องขอรับ ไม่โหวตไม่ได้แล้ว.. จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 19 ต.ค. 50 20:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตแล้วค่ะ แต่ยาวจังต้องหาเวลาค่อยๆอ่านเป็นชั่วโมงเลยค่ะ เชิญสมัครเป็นสมาชิกนะคะ  แล้วทะยอยเขียน จะได้ทะยอยอ่านค่ะ จากคุณ : Ricola ร่าเริง - [ 19 ต.ค. 50 21:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ข้อมูลแน่นจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ   ช่วยกันโหวตกระทู้ค่ะ จากคุณ : Sabuysmile - [ 19 ต.ค. 50 22:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สมัครสมาชิกแล้วค่ะ อีก 3 วันคงรู้ผล ที่จริงเป็นคนที่เขียนเกี่ยวกับต้นไม้ไว้เยอะเหมือนกัน อยากทำเป็นบล๊อก หรืออะไรก็ได้ที่ให้คนอื่นเข้าไปอ่านได้ มีทั้งรายละเอียดและรูปภาพ ทำนองนั้น ถ้าใครทำเป็น สมัครสมาชิกผ่านแล้ว ช่วยสอนด้วยนะคะ ส่วนเนื้อหาของกระทู้นี้ ที่จริงแบ่งเป็น 3 ช่วงค่ะ ช่วงแรก เป็นแหล่งซื้อต้นไม้ ช่วงที่สอง ไม้ดอก กับไม้มงคล ช่วงสุดท้าย เป็นไม้ (ชื่อ) แปลก ค่ะ กระทู้นี้ ก็ยาวไปแล้ว จะเอาช่วงสุดท้ายมาลงให้อ่านยังไงอีกดีหว่า ? จากคุณ : นก - [ 20 ต.ค. 50 07:06:57 A:124.120.5.131 X: TicketID:103959 ]

ความคิดเห็นที่ 66 มาอ่านแล้วครับ ขอบคุณในความรู้ที่ให้มาครับ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง - [ 20 ต.ค. 50 19:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ก็ตั้งกระทู้ใหม่อีกกระทู้ซิคะคุณนก ช่วงแรก 1 กระทู้ ช่วงสอง 1 กระทู้ ช่วงสาม 1 กระทู้ เนื้อหาเยอะจริงๆย่าก็ยังอ่านไม่หมดเหมือนัน ไว้จะมาอ่านต่อทีหลังค่ะ ส่วนการทำบล๊อกค่อยว่ากันอีกที จากคุณ : ดา ดา - [ 21 ต.ค. 50 00:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สุดยอดค่ะ เขียนได้สละสลวย ได้ใจความที่มีประโยชน์จริงๆไม่เยิ้นเย่อ น่าอ่านทุกตอน   ว้าวววววว จากคุณ : คนแก่แดด (คนแก่แดด) - [ 21 ต.ค. 50 13:28:16 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ชอบมากๆ มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนรักต้นไม้ชอบปลูกและหาความรู้อย่างนี้ทำบล๊อคแล้วแบ่งเป็นตอนๆ ให้เข้าไปอ่านดีกว่าจะได้มีรูปประกอบ แถมบอกที่ตั้งร้านคุณนก เผื่อจะมีใครอยากไปอุดหนุนค่ะ หรือมีคำถามอะไร ความรู้อะไรไว้แบ่งปันไว้ให้คุณนกเขียนหนังสือขายได้เลยค่ะ อ้อมีคำถามค่ะว่าจะซื้อกุหลาบที่สนามหลวงสอง ร้านที่คุณนกบอกไว้ตั้งอยู่ตรงไหนค่ะ ชอบกุหลาบมากๆ แถมอยู่ใกล้บ้านน่าจะไปหาร้านได้ไม่ยากค่ะ จากคุณ : pink (umpink) - [ วันออกพรรษา 23:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องทำ Blog ไม่ยากครับ แวะไปดู Blog ป้ามด ท่านสอนไว้ค่อนข้างละเอียด สงสัยอะไรถามได้เสมอ ชื่อLoginสมาชิก ชื่ออะไรหนอ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 28 ต.ค. 50 17:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณ ครับ จากคุณ : i_nam - [ 28 ต.ค. 50 20:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โอ้ สุดยอดค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ดีๆ นะคะ :) จากคุณ : Wildflowers - [ 28 ต.ค. 50 20:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณ..สำหรับความรู้มากมายที่ได้รับจากกระทู้นี้ค่ะ จากคุณ : ป้าพัด - [ 30 ต.ค. 50 17:36:52 ]