จนวันที่เราสองชีวิตเหลือแค่เพียงกันและกันอยู่ในบ้าน ครอบครัวฉันโยกย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ ยายนีลาออก หมาตัวอื่นๆ ตายไปหมด เราเริ่มหันมามองกันและกัน และเราก็เริ่มดูแลกันและกัน ฉันดูแลแกเรื่องการกินการอยู่ โรคภัยไข้เจ็บ แกดูแลฉัน เป็นเพื่อน คอยส่งเวลาไปทำงาน คอยรับเวลาฉันกลับบ้าน คอยเดินตามเป็นเพื่อน คอยมานั่งอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น และรู้สึกว่ามีเพื่อนในบ้านที่ฉันต้องอยู่เพียงลำพัง เวลาฉันกลับมาจากที่ทำงาน ก็รู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่าก็ตอนเห็นหมาอ้วน ๆ ขาว ๆ ทำท่าดีอกดีใจ เดินตามต้อย ๆ แกเริ่มทำตัวประหนี่งเหมือนฉันคือชีวิตของแก หน้าที่ของแกคือการเฝ้าฉัน เป็นเพื่อนของฉัน ฉันยังจำเช้าวันหนึ่งที่ฉันไปทำงาน แล้วแกวิ่งตามมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามฉันไปถึงปากซอย คนขับมอเตอร์ไซค์กับฉันต้องย้อนกลับมาส่งแกถึงบ้าน และทำให้ฉันเกือบไม่ทันรถสำนักงานที่มารับที่ปากซอย
แกเป็นหมาที่ดูไม่ได้เรื่องในนิยามของความเป็นหมา แกไม่เห่า ไม่ดุ ไม่กัด เมื่อมีคนแปลกหน้ามายืนหน้าบ้าน ไม่ต้องหวังว่าจะได้ยินเสียงเห่าของแก เวลาแขกไปใครมา ฉันต้องใช้ความสามารถของสายตาตัวเองผนวกกับประสิทธิภาพที่ไม่ค่อยจะมีของกริ่งหน้าบ้าน เรื่องกัดคนก็ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของแกอีกน่ะแหละ แกพร้อมจะเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะ ไอ้ความเป็นมิตรและคิดว่าคนไม่มีพิษมีภัยของแกนี่ละมังที่ทำให้แกต้องมาจากฉันไปในวันนี้ แกคงไม่นึกสินะว่าใครเขาจะเอายาพิษใส่ในของกินแล้ววางไว้ตามข้างทาง แกคงคิดว่าคนเขาคงรักแก คงเอ็นดูแกเหมือนทุกคนที่รู้จักแก
แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 50 11:51:09
แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 50 10:06:56
แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 50 09:43:39