ปัญหาสุนัขจรจัดในสังคม เป็นเรื่องราวที่ถกเถียงหาทางแก้ไขกันมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้จบสิ้นสักที ตามท้องถนน ตรอกซอกซอยก็ยังคงมีสุนัขจรจัดให้เห็นเป็นภาพชินตา
นอกจากสุนัขจรจัดเหล่านี้จะสร้างความสกปรก และเกิดโรคพิษสุนัขบ้าแล้วก็ยังเป็นสาเหตุต้นๆ ของอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย
เคยมีคนคิดมั้ยว่า...สุนัขจรจัดเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่มีสาเหตุจากความไม่รับผิดชอบของคนในสังคม ทุกวันนี้มีแต่คนบอกว่าสุนัขจรจัดสร้างปัญหาให้สังคม แต่ถ้ามองย้อนไปถึงต้นตอของปัญหาก็จะพบว่า มนุษย์เราต่างหากไม่ใช่หรือ.. ที่สร้างปัญหาให้กับสุนัข ก่อนที่สุนัขจะสร้างปัญหาให้กับเรา
เมื่อเอามันมาเลี้ยงแล้วพอเบื่อหรือมันเจ็บป่วยเลี้ยงไม่ไหวก็เอามันไปทิ้งข้างถนนดีหน่อยก็เอาไปปล่อยวัด โดยไม่มีการทำหมันป้องกันการแพร่พันธุ์ต่อ สุดท้ายมันก็มาสร้างปัญหาให้กับเรา
บางคนไม่เพียงแต่รังเกียจสุนัขจรจัดเท่านั้น แต่ยังทำร้ายทุบตีมันเหมือนกับมันเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ส่อแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจของผู้คนในสังคมทุกวันนี้ ที่หาความเมตตากรุณาสมกับเป็นเมืองพุทธได้ยากเต็มที สุดท้ายก็เป็นปัญหาลูกโซ่ที่ไม่รู้จบสิ้น ตราบใดที่เรายังไม่แก้ปัญหาที่ตัวเราก่อน
จากปัญหาเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่พี่บี กรรณิการ์ มีพันธุ์ ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการดำรงชีวิตให้กับสัตว์ร่วมโลก
โดยการรณรงค์ผลักดันให้มี พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงได้มีการร่างพรบ.นี้ไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน และยังขาดพลังในการผลักดันให้พรบ.ฉบับนี้ ได้คลอดออกมาบังคับใช้ให้เป็นกฎหมายที่สามารถเอาผิดกับเจ้าของที่ทอดทิ้งไม่รับผิดชอบสัตว์เลี้ยงตัวเอง หรือดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ทำทารุณกรรมสัตว์
พรบ.ฉบับนี้นอกจากจะช่วยเหลือและป้องกันปัญหาสุนัขจรจัดได้แล้ว ก็ยังมีผลดีกับสัตว์ร่วมโลกชนิดต่างๆ ให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีเมตตาธรรมได้อีกด้วย
พี่บีก็ได้ร่วมกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่รักสัตว์ และมีความคิดตรงกันโดยติดต่อกันผ่านทางเว็บไซต์ของพันทิพห้องจตุจักร พูดคุยปรึกษากันในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับสุนัข และคนกลุ่มนี้ก็คอยดูแลสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง ถูกทำร้าย
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็พยายามช่วยกันล่ารายชื่อจากประชาชนทั่วไปที่เห็นด้วย โดยขอให้ส่งเป็นไปรษณีย์บัตรสนับสนุนพรบ.ป้องกันการทารุณสัตว์
“ สิ่งที่พี่ทำพี่ต้องการเพียงเพื่อได้ช่วยเหลือสัตว์ร่วมโลก ที่มีชีวิตผูกพันกับคนเรามากที่สุด พี่ไม่ได้มองสุนัขเป็นแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้น พี่มองว่ามันเป็นเพื่อน เป็นสิ่งมีชีวิต เราอยู่ร่วมโลกเดียวกันต่างก็มีวิถีของกันและกัน หากเราไม่เบียดเบียนมันมันก็ไม่เบียดเบียนเรา ต่างก็เกื้อกูลกันอยู่แล้วในระบบนิเวศ ”
ผ่านมา 6 ปีแล้วที่พี่บีลาออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้าน และมีรายได้เล็กน้อยจากการช่วยงานที่ร้านอาหารของแม่ แต่พี่บีก็มีงานหลักให้ทำแต่ไม่มีรายได้ นั่นคือการดูแลสุนัขจรจัด พี่บีเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในสังคม แต่น้อยนักคนในชมรมคนรักหมาในห้องจตุจักรของเว็บไซต์พันทิพที่จะไม่รู้จักชื่อพี่บี
โดยเฉพาะจากกรณีของ “นวล” สุนัขจรจัดที่ถูกมนุษย์ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ เธอได้ต่อสู้เรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับมันได้จนสำเร็จ และดูแลจนนวลได้มีบ้านใหม่อยู่อย่างสบาย
แม้ว่าต่อมานวลจะต้องกลายเป็นหมาตาบอด!!
ทุกๆวันพี่บีจะเตรียมอาหารและยาชนิดต่างๆ ใส่ตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปตามจุดต่างๆ ที่มีเหล่าเพื่อนสี่ขาของเธออาศัยอยู่ ตัวไหนไม่สบายก็พาไปรักษา ฉีดวัคซีน ที่สำคัญคือการทำหมันเพื่อตัดสาเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเท่าไหร่ เธอก็พยายามดิ้นรนหาหนทางที่จะหาเงินมาแม้จะต้องเป็นหนี้ก็ตาม
พี่บีไม่ใช่คนเดียวที่มีชีวิตอุทิศให้กับหมา แต่ยังมีกลุ่มคนอีกมากมายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน และทำอย่างจริงจังโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ละคนมีการทำงานเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายคอยหนุนคอยรับกันไปในแต่ละเรื่อง
พี่ธาริณีก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีทุ่มเทจิตใจ และเงินทองเพื่อช่วยเหลือสุนัขมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว โดยที่เธอไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆ เลย
ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้นับเป็นเงินหลายหมื่นในแต่ละเดือนได้ มาจากรายได้ส่วนตัวของเธอเองล้วนๆ แต่เธอก็ยังโชคดีกว่าพี่บีที่ยังมีกิจการที่สร้างรายได้ให้พออยู่พอกินและครอบครัวก็ไม่เดือดร้อน
“ในเมื่อเราอยู่อย่างไม่เดือดร้อนอะไร พี่ก็อยากแบ่งปันให้กับมัน ช่วยอะไรได้ก็จะช่วย พี่มองว่าทุกชีวิตในโลกมีสิทธิ์ที่จะได้อยู่อย่างที่มันควรจะได้อยู่ คนเราทุกวันนี้มีแต่ความเห็นแก่ตัวเป็นใหญ่ โดยลืมไปว่าหมามันก็เป็นเจ้าของโลกใบนี้ร่วมกันกับเราทุกคน มีคนพูดว่าการทำแบบนี้เท่ากับการได้ทำบุญ แต่พี่ไม่คิดว่าพี่ทำบุญเพราะพี่ไม่หวังว่าพี่จะได้บุญเป็นการตอบแทนไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เพียงแค่หมาเหล่านี้ได้อยู่อย่างมีความสุขตามวิถีของมันก็พอ ”
นอกจากการให้อาหาร และที่อยู่สำหรับสุนัขไม่ต่ำ 100 ตัวที่บ้านเธอเอง แล้ว พี่ธาริณียังเป็นหลักในการหาบ้านใหม่ให้กับสุนัขไร้บ้าน โดยการลงประกาศในหนังสือพิมพ์ หรือลงเว็บไซต์แจกข่าวไปยังเหล่าเพื่อนๆ ในกลุ่ม Pic-A-Pet-4Home ที่เธอก่อตั้งขึ้นมา
ในปีหนึ่งๆ เธอสามารถให้ชีวิตใหม่แก่สุนัขที่ถูกทอดทิ้งได้ไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีสุนัขที่พี่บีและคนอื่นๆ ได้ส่งมาขอความช่วยเหลือรวมอยู่ด้วยไม่น้อย
แต่ก็ใช่ว่าสุนัขทุกตัวที่ลงประกาศหาบ้านจะสมหวังไปทั้งหมด เพราะแต่ละคนก็ต้องการสุนัขที่สวยงาม หากเป็นสุนัขพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันก็จะหาบ้านง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นพันทางละก็ต้องรอกันนาน หรือไม่ก็ไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ
“ที่สำคัญพี่ต้องอาศัยเทคนิคในการถ่ายรูปว่าจะถ่ายยังไงให้มันออกมาดูดี ดูน่ารักน่าสงสาร ตัวนี้จะให้มันทำตาละห้อยหรือตัวนี้จะให้มันดูสวยน่ารัก ถ้าถ่ายรูปไม่ดีก็ไม่มีใครสนใจ เวลาที่มีคนมาดูตัวก็ให้เขาเลือกได้เหมือนคัดนางงาม ตัวไหนที่เขาดูแล้วเขาไม่เอาพี่ก็สงสารมันก็ต้องรอรอบต่อไป บางตัวเอาไปตอนมันตัวเล็กๆ พอมันโตแล้วเอามาคืนก็มี พี่จะไม่รับคืนก็ไม่ได้เพราะเขาจะเอามันไปทิ้ง พี่ก็รู้สึกท้อเหมือนกันที่เราพยายามช่วยลดปัญหาแต่คนก็ยังไม่มีการแก้ปัญหาที่ตัวเอง”
เมื่อเจอกับปัญหาเหล่านี้ พี่ธาริณีจึงมีโครงการที่จะไปให้ความรู้แก่เด็กๆ ในโรงเรียนโดยการทำเป็นวีดีโอพรีเซ้นต์บอกเล่าเรื่องราวของสุนัขที่ได้พบเจอและสอนให้เด็กๆ รักและรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
เพราะสัตว์เหล่านี้ไม่ได้เป็นตุ๊กตาแต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พออยากได้ก็ร้องขอให้พ่อแม่ซื้อให้ แต่พอมันอายุมากขึ้น ไม่รักมันแล้วก็นำไปทิ้งหรือเลี้ยงโดยการให้อาหารไปวันๆ แต่ไม่คิดว่าอาหารที่สำคัญของสัตว์เหล่านี้คือความรักที่จะทำให้มันอยู่อย่างมีความสุข และการให้ความรู้กับเด็กๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาสุนัขจรจัดได้ในอนาคต
ด้วยภาระที่พี่ธาริณีมีอยู่นี้ ก็ได้มีเพื่อนร่วมชะตาชีวิตที่ผูกติดกับหมาอีกคนหนึ่งที่คอยให้ความช่วยเหลือคนทำงานกลุ่มนี้อยู่
คุณปิ๊ม จิรบุญนี อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้มีชีวิตผูกพันอยู่กับการช่วยเหลือสุนัขอย่างถลำลึกจนไม่คิดจะถอนตัวออกมาอีกเลย
ด้วยความเป็นอยู่ที่เอื้ออำนวยมากกว่าคนอื่นๆ ในกลุ่ม คุณปิ๊มจึงก่อตั้งชมรม Dog Chance ขึ้นมาเมื่อปี 2544 ชมรมนี้ทำงานเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวและส่งเสริมสวัสดิภาพสุนัข โดยเน้นไปที่การทำหมันและการรักษาโรคที่เกิดในสุนัขทุกชนิด
มาถึงทุกวันนี้คุณปิ๊มมีสุนัขที่ต้องดูแล และให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ตัว ความเมตตาของเธอไม่ได้มีให้เฉพาะสุนัขในกรุงเทพเท่านั้น แต่ยังเผื่อแผ่ไปตามต่างจังหวัดรอบนอกอีกด้วย
เมื่อพี่บีและพี่ธาริณีมีสุนัขที่เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็ง ที่ต้องเสียค่ารักษามากจนรับไม่ไหว ก็จะขอความช่วยเหลือมาที่คุณปิ๊ม
แม้ว่าทุกคนต่างจะมีวิธีการทำงานของกันและกันแยกกันไปเป็นส่วนตัว แต่จุดหมายปลายทางที่พวกเขาเหล่านี้กำลังเดินไปเป็นที่ๆ เดียวกัน นั่นคือการได้ทำงานช่วยเหลือสุนัขเหล่านี้ด้วยความรัก และช่วยลดปัญหาสุนัขจรจัด
ถึงแม้ว่าปัญหาจะไม่ได้หมดไปเสียทีเดียวในวันนี้ แต่เมื่อคนเล็กๆ ที่มีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เพียงน้อยนิดกับหัวใจที่ไม่เล็กน้อยของพวกเขาเพียงไม่กี่คนที่กำลังทำในสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการเก็บกวาดปัญหาภาระทางสังคมที่คนอื่นทิ้งไว้ได้อย่างไร หรือว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นจะกลายเป็นการสร้างให้คนเกิดการเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้นหรือไม่
จากภาระแห่งมโนธรรมจนกลายเป็นภาระแห่งชีวิตที่ถูกลิขิตด้วยสำนึกของกลุ่มคนรักหมาที่จะต่อสู้เพื่อหมาจนกว่าตัวเองจะหมดกำลัง
ติดตามเรื่องราวของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ในรายการ “คนค้นฅน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
ที่มา http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5947220/A5947220.html
จากคุณ :
fun_bar
- [
วันปิยมหาราช 22:21:59
]