อึดอัดและมึนงงกับทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ตั้งคำถามกับตัวเอง
จะก้าวเดินไปทางไหนดี เดินไปข้างหน้า ย้อนกลับ เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา
โลกยังคงหมุนรอบตัวเองเหมือนที่เคยเป็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เพียงแต่ความรู้สึกบอกว่าโลกกลับหมุนรอบตัวเองในอัตราเร่งที่เร็วขึ้น เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
เราเองก็ต้องวิ่งตามให้ทันโลกในอัตราเร่งที่เร็วขึ้น เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
แทบจะไม่มีเวลาคิดว่าไอ้ที่วิ่งอยู่ทุกๆ วัน
เป็นความสุขหรือเป็นแค่ หน้าที่และความเคยชิน ที่จะต้องวิ่งให้ทันโลก
และกลับมีความรูสึกแปลก แทรกเข้ามาแทนที่
ไม่ใช่ความรู้สึกเหนื่อย แต่กลับกลายเป็นความเนือย ความเฉื่อย เป็นภาวะของ Burn out
และกลับมีคำถามแปลกๆ แทรกเข้ามาแทนที่
ตัวเราเป็นตัวเรา หรือตัวเรากลายเป็นบางสิ่งบางอย่างที่หมุนไปตามแรงเหวี่ยงของโลก
โลกหมุนรอบตัวเองตามปกติ แต่คล้ายกับเพิ่มอัตราเร่งทีละนิด
โลกหมุนรอบตัวเองตามปกติ แต่คล้ายกับว่าเพิ่มแรงเหวี่ยง เพิ่มแรงฉุด และลากดึงเราไปไม่หยุด
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกผันผวนเร็วมากขึ้น
แท้จริงแล้วเรากลับพบว่าชีวิตกำลังล้าเต็มทน ทั้งร่างกาย สมองและหัวใจ
แม้จะเต็มอิ่มกับทุกก้าวเดินของชีวิตที่ผ่านมา
แต่หนทางข้างหน้าก็รู้สึกล้าที่จะหมุนตามโลกให้ทัน
คำถามสำคัญคือโลกเปลี่ยนเร็วขึ้น โลกผันผวนไปมาคาดเดาได้ยาก
และถ้าชีวิตเราต้องกระทบหรือไม่สามารถปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงได้ทันกับความผันผวนของโลก
แล้วเราจะทำอย่างไรดี?
อะไรคือหลักประกันของชีวิต ของทุกๆ คนในครอบครัว ?
หยิบข้อความขยุกขยุยที่โน้ตไว้บนแผ่นการ์ดเอทีเอ็มเมื่อยี่สิบปีที่แล้วขึ้นมาอ่าน
ปลาเป็นต้องว่ายทวนน้ำ
แว่วเสียงโต้ตอบกับอาจารย์เมื่อปี 2530 ลอยเข้ามาในประสาทสัมผัส
บางคนอาจต้องรอโอกาส บางคนชอบฉวยโอกาส
แต่ผมคิดว่าทำไมเราไม่สร้างโอกาสด้วยตัวเราเอง
จากคุณ :
สอบวา
- [
29 ต.ค. 50 19:43:28
]