Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เจ็บหนนี้ ไกลหัวใจตั้งเยอะ

    เมื่อวานซืนพาหมาไปหาหมอที่ รพ. เกษตร มา  
    หมาตัวโปรดของคุณแม่ ถูกรถแท็กซี่ ชนแต่เช้า  ...  ตอนนี้ มันค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะ  

    หมาที่ถูกรถชนตามปกติจะต้องไปที่ ห้องฉุกเฉิน ...

    หมาของเราก็เหมือนกัน ขาหลังข้างขวาหัก ผิวหนังภายนอกถลอกปอกเปิก ต้องเย็บ เยอะเลย ..แต่ถือว่ามันยังโชคดีที่บาดเจ็บแค่นี้   เมื่อเทียบกับคุณป้าอีกคนที่อุ้มหมาของแกเข้ามา

    แกอุ้มหมาของแกมาถึง แกขอแซงคิวหมดค่ะ อุ้มเจ้าตัวนั้นเข้าห้องไปเลย  คุณป้าบอกว่า มันถูกรถลีมูซีนทับ เพราะมันเข้าไปนอนใต้ท้องรถ เขาบีบแตรไล่แล้วมันไม่ออก ... เขาเลยออกรถทับมันซะ ..ฟังดูแล้ว ใจร้ายจังนะคะ  

    มันเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้เพียง 15 นาที ก็ตายค่ะ ... คุณป้าแกน้ำตาซึม เพราะความสงสาร ซึ่งแกก็พยายามเต็มที่แล้ว ที่จะช่วยชีวิตของมันเอาไว้  

    ส่วนแมวอีกตัว ถูกรถชนมาเหมือนกัน เจ้าของตาแดงมาก คงกำลังทำใจอยู่ เพราะหมอบอกว่า มีเลือดคั่งในสมอง อาจจะรอดยาก

    ระหว่างที่บรรยากาศ ของห้องฉุกเฉินเป็นแบบนี้ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งอุ้มหมาของเขาเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหาที่จอดรถก่อน เขาต้องการให้หมาของเขาถึงมือหมอโดยเร็วที่สุด ...

    "ขอแซงคิวหน่อยครับ หมาผมจะแย่แล้ว มันถูกรถชน" เขาบอก พร้อมกับโอ๋หมาของเขาที่นอนนิ่ง..อย่างประคบประหงม

    หมอให้เขาเอาหมาออกมาก่อน... เอาวางที่พื้นหน้าเคานเตอร์ ... แล้วตามออกมา ประเมินอาการ  

    "ดูจากอาการแล้ว ไม่หนักมากนะ  ถ้าคุณรอไหว รอที่นี่ก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากรอ จะไปต่อคิวที่ OPD ก็ได้" หมอบอก

    เขาคงรู้สึกเคืองหมอไม่น้อย .. ที่พูดแบบนี้กับเขา ทั้งที่เขารีบแทบแย่

    แต่ยังไม่ทันจะโต้ตอบอะไร ยามก็มาขอให้เขาไปเลื่อนรถ เปิดถนนให้คนอื่นผ่านซะก่อน อย่าจอดขวางถนนเอาไว้แบบนี้

    เขาไปเลื่อนรถชั่วครู่นึง...เข้าใจค่ะ คงหาที่จอดยาก เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ แต่นานพอที่ทำให้ใจสงบลงมาได้บ้าง

    พอเขาจอดรถเสร็จ... เขาก็กลับมาหาหมาของเขาที่นอนสงบอยู่หน้าเคานเตอร์ห้องฉุกเฉินอีกครั้ง   ตอนนี้แหละที่เขาคงพึ่งสังเกตุเห็นว่า เขาอุ้มหมาของเขาวิ่งผ่านหมาและแมวหลายตัวที่รอคิวอยู่  และถูกรถชนมาเหมือนกัน ...

    หลายตัวมีเลือดออกทางปาก ทางตา ... เจ้าของหมาและแมวแต่ละตัว มองเขาด้วยดวงตาที่สงบนิ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่า คิดอะไร ส่วนเราไม่มีอะไรคิดค่ะ ...นอกจากมองเห็นความห่วงใยที่เจ้าของคนนึงมีต่อหมาของตัวเอง

    .....................................

    เย็นวันนั้น หมาของเรา เข้าห้องผ่าตัด ใช้เหล็กเสียบขา เพื่อดามกระดูกให้เข้าที่  ดูจากภายนอกแล้ว เทอะทะมาก ในขณะที่ตัวของมันเล็กนิดเดียว  ส่วนขาอีกข้างเย็บหลายเข็ม ( รอยเย็บไม่เหมือนคนค่ะ เลยไม่รู้เขาเรียกแบบเป็นเข็มรึเปล่า)

    ส่วนหมาอีกตัว ...ตอนเข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน สภาพของมันเหมือนผ้าขี้ริ้วเปื้อนเลือดที่ใส่กะละมังเข้ามา มากกว่าจะเป็นหมาสักตัวที่ยังมีชีวิตอยู่   เจ้าของบอกว่าถูกร๊อตไวเลอร์ฟัดมา กัดสะบัด แล้วเหวี่ยง มันถูกเอาเข้าห้องผ่าตัดเช่นกัน ขาก็หักเหมือนกัน แถมยังถูกพันผ้าพันแผลไว้รอบตัว ดูแล้วน่าสงสารค่ะ เพราะอายุของมันเกือบ 10 ขวบแล้ว แปลว่ามันอึดมาก ..ถึงต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อให้ได้รอดชีวิต

    ขณะที่ หมาของผู้ชายคนนั้น มีผ้าพันแผล พันที่ขาหน้า นิดเดียว ... ไม่มีบาดแผลที่อื่นเลย เลยไม่แน่ใจว่า ขาหักด้วยรึเปล่า

    เราเจอกับเขาที่เคานเตอร์จ่ายเงิน ..ค่ารักษาพยาบาลของหมาเรา..เกือบ 6,000 บาท แต่ของเขา คงแค่ไม่กี่ร้อย ... เห็ฯควักแบ๊งค์พันขึ้นมาใบเดียวค่ะ

    ......................

    ที่เราเล่าเรื่องนี้ เพราะอยากจะบอกว่า ในวิถีชีวิตประจำวันของเรา หลายครั้งที่เรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหา

    ถ้าเรามองแต่ปัญหาของเราคนเดียว เราอาจรู้สึกแย่ และเหมือนแบกโลกเอาไว้คนเดียวทั้งใบ

    ลองตั้งสติก่อน แล้วมองไปรอบตัวดีมั๊ยคะ   บางทีปัญหาของคนอื่นเขาหนักกว่าเรายังมีอีกตั้งเยอะ  

    คนนั้นเขาเป็นอย่างนั้น  คนนี้เขาเจอปัญหาอย่างนี้ ... ปัญหาของเขาอาจจะหนักกว่าที่เราเผชิญอยู่ตั้งไม่รู้กี่เท่า

    พอเราหันกลับมามองปัญหาของเราเองอีกครั้ง ...เราอาจบอกกับตัวเองว่า

    โธ่ เรื่องของเราน่ะ เล็กจะตาย ขี้ประติ๋วสุดๆ  

    ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตัวเหมือนคนที่แบกโลกไว้บนบ่าตามลำพังเลย

    เหมือนตอนเราออกจากบ้านพาหมามาหาหมอที่ รพ. ... แม่อุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในอก ด้วยความรูสึกหดหู่ ..สงสารสุดๆ

    ท่านโอ๋มันมาตลอดทาง... ด้วยความทะนุถนอม เจ็บมากมั๊ยลูก เดี๋ยวก็ถึง ร.พ. แล้วลูก

    แต่พอไปเห็นหมาตัวอื่น ในห้องฉุกเฉิน ท่านกลับยิ้มออก ... โธ่  ไอ้ลูกหมา ไกลหัวใจตั้งเยอะ  อยากจะเบิ๊ดกระโหลกสักที  อ้อนซะ

    เจ็บหนนี้ ก็ถือเป็นบทเรียนละกัน ให้รู้จัก คำว่า เข็ด ซะบ้าง คราวหน้าจะได้ไม่วิ่งซนออกไปเล่นนอกบ้านอีก

    อ้อ ตอนนี้ มันโตกว่าในรูปเยอะแล้วค่ะ  แถมยังซนสะบัดช่อ

     
     

    จากคุณ : yanang - [ 8 พ.ย. 50 15:16:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom