ความคิดเห็นที่ 1 ตัวห้ำ มิตรแท้ของเกษตรกร                         ตัวห้ำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่กินศัตรูพืชเป็นอาหาร จัดกลุ่มตัวห้ำออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นแมลง เช่น แมลงปอ ด้วงเต่า มวน แมลงช้าง แมลงหนีบ กลุ่มที่ไม่ใช่แมลง เช่น แมงมุม ไร นก งู มด เป็นต้น ตัวห้ำ 1 ตัว สามารถกินศัตรูพืชได้ทีละหลายๆตัว ตลอดชีวิตของมันจึงกำจัดศัตรูพืชได้เป็นจำนวนมาก ตัวห้ำจึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมปริมาณศัตรูพืชไม่ให้ระบาดทำความเสียหายต่อพืช แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 50 14:47:53 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 50 14:46:13 จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 14:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2                       . มวนพิฆาต ศัตรูเป้าหมายคือ หนอนทุกชนิดและแมลงที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม                        . มวนเพชฌฆาต ศัตรูเป้าหมายคือ หนอนทุกชนิดและแมลงที่มีลำตัวนุ่ม                        . ด้วงเต่าตัวห้ำ ศัตรูเป้าหมายคือ เพลี้ยชนิดต่าง ๆ ไข่และหนอนศัตรูพืช                        . แมลงช้างปีกใส ศัตรูเป้าหมายคือ เพลี้ยชนิดต่างๆ ไข่และหนอนศัตรูพืช                        .ไรตัวห้ำ ศัตรูเป้าหมายคือ ไรศัตรูพืช และเพลี้ยไฟ                        . แมลงหางหนีบ ศัตรูเป้าหมายคือ เพลี้ยชนิดต่างๆ ไข่ และหนอนศัตรูพืช รวมทั้ง แมลงที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 50 14:54:24 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 50 14:52:59 จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 14:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อเปรียบเทียบระหว่างการใช้สารเคมีและการใช้ตัวห้ำควบคุมศัตรูพืช ใช้สารเคมี * แก้ปัญหาได้เฉียบพลันแต่ช่วงระยะสั้น ๆ * สิ้นเปลืองเพราะต้องเสียค่าสารเคมีและค่าจ้างพ่น * สารเคมีุทุกชนิดอันตรายต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม * ทำให้แมลงต้านทานสารเคมีและเกิดศัตรูพืชชนิดใหม่ * สารเคมีฉีดพ่นแล้วโดนแสง หรือความร้อนจะเสื่อมลง ใ้ช้ตัวห้ำ * แก้ปัญหาได้ในระยะยาว * ประหยัดไม่ต้องซื้อ และไม่ต้องจ้าง * ปลอดภัยเพราะมีอยู่ในธรรมชาติ * ช่วยให้ธรรมชาติสมดุลไม่มีศัตรูพืชระบาด * ขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณได้เองตามธรรมชาติ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 14:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวเบียน ศัตรูพืชธรรมชาติของศัตรูพืช           ตัวเบียน คือสิ่งมีชีวิต ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเบียดเบียนอยู่บน หรืออยู่ในศัตรูพืชเพื่อการเจริญเติบโต หรือดำรงอยู่จนครบวงจรชีวิต ทำให้เหยื่ออ่อนแอ และตายในที่สุดมีทั้งที่เป็นแมลงและสัตว์อื่นๆ เช่น แตนเบียน และไส้เดือนฝอย ตัวเบียนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมปริมาณศัตรูพืชโดยธรรมชาติเพื่อสร้างความสมดุล ตัวเบียนทำลายศัตรูพืชได้ทุกระยะ เช่น ตัวเบียนไข่ ตัวเบียนหนอน ตัวเบียนดักแด้ ตัวเบียนตัวเต็มวัย ตัวเบียนต้องดำรงชีวิตจนครบวงจรชีวิตในเหยื่อจึงเสาะหาศัตรูพืชพื่อเป็นแหล่งอาหารและขยายพันธ์ แม้ตัวเบียนมีความจำเพาะเจาะจงต่อศัตรูพืชแต่ก็เป็นแมลงที่มีมากทั้งชนิดและปริมาณจึงมีบทบาทในการลดปริมาณศัตรูพืชลงอย่างมาก จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 14:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวเบียนอยู่หลายชนิดที่มีการผลิตกันอยู่ในขณะนี้ ได้แก่                       1. แตนเบียนไข่ทริคโคแกรมม่า การทำลายตัวเมียวางไข่ในไข่แมลง                       2. แตนเบียน หนอน ชอนใบส้ม การทำลายตัวเมียวางไข่ในหนอน                       3. แตนเบียนมวนลำใย การทำลาย ตัวเมียวางไข่ในมวนลำไย                       4. แตนเบียนหนอนโคทีเชีย การทำลายตัวเมียวางไข่ในตัวหนอน                       5.ไส้เดือนฝอยตัวเบียน การทำลายเข้าไปอาศัยกินและขยายพันธ์แล้วปล่อยสารพิษในเหยื่อที่เป็นหนอนชนิดต่างๆ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 15:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณคร้าบ กำลังสงสัยว่าตัวห้ำ  ตัวเบียน หน้าตาเป็นไง  ตอนนี้แจ่มแจ้งแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 50 17:43:56 จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 25 พ.ย. 50 17:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ใครมีข้อมูลของตัวอะไรที่เป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเกษตรกร รวมทั้งการปลูกพืชที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอื่นๆ มาช่วยกันมาแชร์ข้อมูลกัน คงจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำเกษตรแบบชีววิถีได้ สาวสวนแตงกลับมาจาก 3ชุกแล้วหรือครับ มีอะไรมาฝากบ้าง (ทวง อิอิ) จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 19:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผลงานของ "แตนเบียน" จากหนังสือพิมพืแนวหน้า ดร.เฉลิม สินธุเสก นักกีฏวิทยา 8 สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยกับเกษตร "แนวหน้า" ว่า หลังจากกรมฯได้ร่วมกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประ ชาชาติ(FAO) นำเข้าแตนเบียนจากประเทศเวียดนาม เพื่อนำมาเลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์เพื่อใช้ กำจัดแมลงดำหนามมะพร้าวที่แพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ภาคใต้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้ ปล่อยแตนเบียนสู่ธรรมชาติในบริเวณเกาะสมุย เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี รวมทั้ง จ.ชุมพร และ นครศรีธรรมราช แล้วจำนวนกว่า 600,000 ตัว ขณะนี้การกำจัดแมลงดำหนามมะพร้าวด้วยวิธีดังกล่าว เริ่มได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก โดยสัง เกตได้จากยอดของต้นมะพร้าวในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพงัน และอำเภอทับสะแกถูกทำลายน้อยลง และเริ่มเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเขียวเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้จะเห็นเป็นสีขาวโพลนทั่วทั้งเกาะ อย่างไรก็ตาม กรมฯยังต้องมีการศึกษาและเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์การเข้าทำ ลายหนอนแมลงดำหนามมะพร้าว เพื่อให้มั่นใจว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลจริงหรือไม่ นอกจากนั้นกรมฯ ยังร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร เตรียมแผนที่จะส่งเสริมเกษตรกรให้ ผลิตแตนเบียนที่มีคุณภาพ และเพิ่มปริมาณให้เพียงพอสำหรับใช้ควบคุมและกำจัดแมลงดำหนามมะ พร้าวที่ระบาดในพื้นที่อื่นๆ ขณะเดียวกันยังได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร(สวพ.) ทั้ง 8 เขตทั่วประเทศ มีการเฝ้าระวังและเตือนภัยศัตรูพืชโดยเฉพาะโครงการเฝ้าระวังแมลงดำ หนามมะพร้าว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการระบาดขยายเป็นวงกว้างและทำลายพืชเศรษฐกิจทั้งมะพร้าว และปาล์มน้ำมันด้วย จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 19:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผลิต"แตนเบียน"เชิงพาณิชย์ ธุรกิจใหม่วงการเกษตร   การกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วยกลยุทธ์ "ชีววิธี" หรือ "แมลงปราบแมลง" นับเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เลี่ยงการใช้สารเคมี อย่างกรณีของการระบาดหนักของ "แมลงดำหนาม" ในสวนมะพร้าวเกษตกรไทยทั่วประเทศกว่า 3 แสนไร่นั้น กรมวิชาการเกษตรเลือกใช้ "แตนเบียน" หยุดการขยายวงจรชีวิตของมัน จึงเป็นที่มาของธุรกิจใหม่ที่คนทั่วไปไม่คุ้นเคยนัก วรชัย มโนมัธย์ กรรมการ บริษัท อีกอส อีโคซิสเต็ม จำกัด บอกว่า รับงานผลิตแตนเบียนจากกรมวิชาการเกษตรออเดอร์จำนวน 1 ล้านมัมมี่ (1 มัมมี่ มีแตนเบียนประมาณ 50-70 ตัว) ในวงเงินจัดจ้างมูลค่า 38 ล้านบาท และทยอยส่งมอบงานเป็นระยะๆ ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2549 จึงตั้งฐานการผลิตที่ ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวสำคัญของพื้นที่ภาคใต้ "หัวใจสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ คือ ต้องใช้สิ่งมีชีวิตควบคุมสิ่งมีชีวิต ดังนั้น บริษัทจึงดำเนินธุรกิจผลิตสิ่งมีชีวิตสำหรับกำจัดแมลงศัตรูพืช หรือที่เรียกว่า ศัตรูธรรมชาติ จำหน่ายเมื่อ 3 ปีก่อน โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแมลงฆ่าแมลง กลุ่มเชื้อโรคฆ่าแมลง เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น และสุดท้ายกลุ่มไส้เดือนฝอย" วรชัย อธิบาย เขาบอกอีกว่า การนำ "ชีววิธี" มาใช้ในระบบเกษตรกรรม ถือเป็นแนวทางที่ทั่วโลกยอมรับ เนื่องจากเป็นการใช้ธรรมชาติควบคุมความสมดุล ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และในระยะยาวยังช่วยลดต้นทุนการผลิตด้วย "แตนเบียน" ที่ใช้ควบคุมปริมาณ "แมลงดำหนาม" นั้น เป็นแมลงขนาดเล็กที่ทำลายตัวหนอนของแมลงดำหนาม ตัวเต็มวัยมีลำตัวยาวประมาณ 0.5-0.7 มม. ปล้องหนวดยาวเรียวเล็กลงไปตามหลายหนวด เพศเมียขนาดใหญ่กว่าเพศผู้เล็กน้อย กระเปาะท้องยาว ปลายท้องมีอวัยวะวางไข่ ลักษณะคล้ายเข็มเล็กๆ ยาวเรียวซ่อนอยู่ที่ใต้ท้อง ส่วนเพศผู้มีกระเปาะท้องยาวเรียวกว่า ปลายท้องค่อนข้าวเรียวแหลม "แตนเบียน" สามารถทำลายหนอนแมลงดำหนามได้ทุกระยะ เริ่มจากแตนเบียนเพศเมียที่ผสมพันธุ์แล้ว จะใช้อวัยวะวางไข่แทงเข้าไปในลำตัวของหนอนแมลงดำหนาม เมื่อหนอนของแตนเบียนฟักออกจากไข่จะดูดกินของเหลว เจริญเติบโต และเข้าดักแด้ภายในลำตัวของหนอนแมลงดำหนาม หลังถูกเบียนมันจะเคลื่อนไหวช้า กินอาหารน้อยลง และตายภายใน 5-7 วัน หนอนที่ถูกเบียนตายแล้วลำตัวจะมีสีดำและแข็ง เรียกว่า "มัมมี่" เมื่อแตนเบียนโตเต็มวัย จะออกจากดักแด้โดยกัดผนัง "มัมมี่" จากนั้นสามารถจับคู่ผสมพันธุ์ได้ทันที หลังผสมพันธุ์ 1-2 ชั่วโมง แตนเบียนจะสามารถเข้าเบียนหนอนแมลงดำหนามเช่นกัน ตัวเต็มวัยของแตนเบียนมีอายุอยู่ได้ 1-3 วัน ระยะการเจริญเติบโตตั้งแต่ระยะไข่จนถึงเป็นตัวเต็มวัย ประมาณ 17-20 วัน วิธีปล่อยแตนเบียนให้ได้ประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงดำหนาม ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น "อุปกรณ์" ป้องกันฝนและมด ที่สำคัญควรมีราคาถูกและหาง่าย "จุดที่แขวนอุปกรณ์" เป็นจุดที่หนอนแมลงดำหนามระบาด สังเกตจากมียอดมะพร้าวถูกทำลาย โดยแขวนอุปกรณ์ปล่อยแตนเบียนไว้บนทางมะพร้าว หรือแขวนไว้กับต้นมะพร้าวที่ระดับความสูงประมาณ 15 เมตร "อัตราการปล่อย" ที่นักวิชาการทดลองได้ผล คือ ปล่อย 5-10 มัมมี่ (ประมาณ 250-500 ตัว) ต่อ 1 จุด แต่ละจุดห่างกันประมาณ 200 เมตร โดย - เกรียงศักดิ์ เผ่าอินทร์ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 19:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ฮวบล่ะ พ่อดอกไม้ทะเล   ชวนชมที่สวนโดนฮวบกิน ช้ำและเน่าหลุดทั้งช่อเลยค่ะ จากคุณ : เฟื่องฟ้าสาวิตรี - [ 25 พ.ย. 50 21:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พี่แหม่มครับ ฮวบหรือแมลงบั่ว เป็นแมลงตัวเล็กๆ มีรูปร่างลักษณะและ ขนาดเท่าริ้นหรือยุง การป้องกันกำจัดโดยชีววิธี ไรตัวห้ำ เป็นตัวห้ำทำลายไข่แมลงบั่ว และมีแตนเบียนหนอนหลายชนิด เช่น platygasterid, eupelmid, pteromalid จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 25 พ.ย. 50 22:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แหะๆ แล้วจะจุดธูปเชิญแมลงพวกนี้มาในสวนได้ยังไงอะคะ จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. - [ 25 พ.ย. 50 22:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พี่แหม่ม อันนี้เป็นการใช้สารเคมีครับ อาการดอกร่วงก่อนบาน บานเเล้วดอกหงิกงอ ช่อดอกอ่อนไหม้กรอบ คล้ายดอกเน่า ภายในดอกตูมที่ร่วงจะฉ่ำน้ำ บีบดูจะมีน้ำออกมา ถ้าฉีกดอกดูจะพบหนอนตัวเล็ก ๆ สีขาว สาเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากเเมลงบั่วหรือไอ้ฮวบ ลอง ใช้ สารอะบาเเม็กตินหรือ ไซเปอร์เมทธิล ถ้าบวกกันก็จะได้สองเเรงคือ ได้ทั้งดูดซึมเเละไอระเหย จากคุณ : ตัวอ่อนของฮวบ (ดอกไม้ทะเล) - [ 26 พ.ย. 50 03:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณหนูน้อยต้อยตีวิด คงต้องดูว่าตัวห้ำหรือตัวเบียนชนิดใหนที่จำเป็นสำหรับสวนเรา แล้วก็หามาเลี้ยง ปล่อยครับ อย่างสวนของคุณหนูน้อยปลูกไม้ผลพวกมะละกอ อาจเจอปัญหาจาก ไรแดงเป็นแมลงศัตรูมะละกอประเภทปากดูด โดย ไรแดงจะดูดน้ำเลี้ยงอยู่ใต้ผิวใบมะละกอ ขนาดของตัวเล็กมาก ตัวแก่จะเป็นสีแดงหรืออมชมพูหรือสีเหลือง อาศัยอยู่ใต้ใบพืช เมื่อพลิกใบดูอาจจะเห็นสีขาวคลุมอยู่ เมื่อไรแดงระบาดมาก ใบมะละกอเป็นสีเหลืองซีด ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แห้งและร่วงไปในที่สุด ผลมะละกอที่ถูกไรแดงดูดน้ำเลี้ยง จะเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีเหลือง และจะแก่ก่อนกำหนด รสชาดไม่หวานเหมือนการสุกตามปกติ ไรแดงเข้าทำลายต้นมะละกอตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาวและฤดูร้อนจะพบมากที่สุด ฤดูฝนพบบ้างแต่ไม่มาก ศัตรูธรรมชาติที่สำคัญของไรแดงคือ ไรตัวห้ำ แมงมุม ด้วงเต่า จากคุณ : ไรตัวห้ำ (ดอกไม้ทะเล) - [ 26 พ.ย. 50 04:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การเพาะเลี้ยงไรตัวห้ำ http://www.doa.go.th/fieldcrops/ipm/th/books/cabi_natural_enemies_2_3/book_9.htm จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 26 พ.ย. 50 04:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เยี่ยมไปเลยค่ะ พ่อดอกไม้ น่าสนใจ ตัวห้ำ ตัวเบียน เคยได้ยินชื่อมานาน แต่ไม่ได้รู้ว่ามีประโยชน์ ใช้ศัตรูพืชธรรมชาติของศัตรูพืช นี่ดีๆ เกษตรกรจะได้ลด  ละ เลิก การใช้สารเคมี   "ชีววิธี" หรือ "แมลงปราบแมลง" นี่แจ่มดีค่ะ  เดี๋ยวจะขอก๊อบเอกสารบางตัวไปเก็บด้วยนะคะ จากคุณ : สาวบ้านนา (Farm Girl in High Sierra) - [ 26 พ.ย. 50 12:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้โห....ความรู้นี้มากหลายจรินะพ่อดอกไม้ทะเล ขอบพระคุณหลายๆเด้อค่ะ แต่ยังไม่กล้าใช้สารเคมีน่ะค่ะ เค้าบอกว่าเหม็นมาก  แต่จะลองคุยกับคนสวนส่วนตัวดูก่อนเผื่อเค้ายอมทำ จากคุณ : เฟื่องฟ้าสาวิตรี - [ 26 พ.ย. 50 16:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ ดอกไม้ทะเล คะ ในเมื่อตัวห้ำ แตนเบียน และแมลงต่างๆเป็นมิตรกะเกษตรกร แล้วทำไม ตัวห้ำ ต่างๆ และ ตัวเบียน ต่างๆ จึงเป็นศัตรูกับต้นอ้อย ละคะ หรือว่าอ้อยมันหวาน ตัวแมลงเหล่านี้จึงชอบเจาะกินต้นอ้อยอย่างนั้นหรือคะ ตัวอย่างตัวแมลงต่างๆ ที่เป็นศัตรูกับอ้อยค่ะ  อธิบายหน่อยค่ะ  มีดังนี้ http://web.ku.ac.th/agri/scnebugs/scnebugs.html จากคุณ : digy - [ 26 พ.ย. 50 17:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สาวบ้านนา สาวสวนแตง เคยได้ยินมานานเหมือนกัน ไอ้ตัวห้ำ ตัวเบียน เนี่ย         แต่ไม่เคยเห็นหน้า ค่าตากันซักที เจอแต่ตัวเบียด คิกๆ จะลองหาไปปล่อยไว้ที่ไร่ทำลายหนอนเจาะต้นสัก ซักหน่อย พี่แหม่มผมมีเวลาว่างเยอะ ค้นนู่น ค้นนี่ไปเรื่อย หาข้อมูลให้พี่ ผมก็ได้ข้อมูลไปด้วย ได้ผลยังไงอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ   จากคุณ : ว่างจัง อยากค้นอีก (ดอกไม้ทะเล) - [ 26 พ.ย. 50 17:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เปล่าเลยครับ คุณ digy แมลงต่างๆตามข้อมูลนั้นเป็นตัวทำลายศัตรูที่มาทำลายพืช แต่เวลาที่เขาใช้คำ อาจทำให้เข้าใจผิด เขาจะเรียกแมลงศัตรูธรรมชาติ ซึ่งที่จริงก็คือแมลงที่คอยช่วยทำลายแมลงด้วยกัน นั่นเอง โดยตัวห้ำจะทำลายโดยการกันกินโดยตรง แต่ตัวเบียนจะอาศัยอยู่แล้วทำให้เหยื่ออ่อนแอ และตายไปแบบเนียนๆ จากคุณ : พอเข้าใจมั้ยครับ ผมอ่านก็งงๆ (ดอกไม้ทะเล) - [ 26 พ.ย. 50 17:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แมลงที่เป็นตัวห้ำและตัวเบียน นั้น....มี ผลข้างเคียงกับต้นไม้บ้างไหมคะ จากคุณ : แมกไม้ไทย - [ 26 พ.ย. 50 19:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แวะมาอ่าน Bio Control ครับ จากคุณ : seto16 - [ 26 พ.ย. 50 19:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ใบสะเดาและทั้งต้นของสาบเสือ มาเผาให้เป็นขี้เถ้า พอจะใช้ก็ผสมน้ำในอัตรา 1 ลิตร / 5 ลิตร รดแทนน้ำในช่วงที่แมลงกำลังระบาดรับรองไม่มีแมลงมารบกวน อีกสูตร วันหนึ่งทิน้อย แกไปทอดแหที่บึงท้ายหมู่บ้าน ทอดไปทีไร แหแกขาดทุกที แก่โกรธมากเลยจับตัวการไปย่างไฟเล่น แล้ววางใว้ข้างๆกองไฟ วันรุ่งขึ้น วันต่อมาก็ไปทอดแหอีก สังเกตุเห็นหนูตายหลายตัว ก็เลยนึกได้ว่าคงเป็นเพราะปลาปักเป้าที่แกเผาไฟเมื่อคือ หลังจากนั้นมาหนูนาที่กมลาไสยจึงขาดตลาด และไม่มาทำลายข้าวอีกเลย สรุป 1. ปลาปักเป้าที่มีพิษ ตาสีแดง ตัวเขียวเข้ม 2. ย่างไฟให้หอม บดให้ละเอียด 3. ผสมข้าวสุก หรือ ปลาย่าง หรืออาหารอื่นๆ 4. วางตามท้องนาที่มีหนูระบาด ในช่วงทำนา ตายไม่มีเหลือ ขอขอบคุณ ทิดน้อย ประจำหมู่บ้าน บึง ต. หลักเมือง อ. กมลาไสย จ. กาฬสินธุ์ ผมถามแกแล้วบอกไม่สงวนลิขสิทธิ์ จะเอาไปทำขาย ก็ไม่ว่ากัน จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 26 พ.ย. 50 20:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สงสัยมัคำต้องห้าม....เลยแว๊บ...หายไปเรย...เฮ้อ... ทั้งหมดมาจากเว็บขุนดงครับ... จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 26 พ.ย. 50 20:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พี่แมกไม้ ตัวห้ำกินแมลงที่เป็นเหยื่อได้เป็น จำนวนมาก แต่ตัวเบียนใช้แมลงที่เป็นอาหารเพียงตัวเดียว ตัวห้ำจึงมีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้มากกว่า และรวดเร็วกว่าตัวเบียน แต่ตัวห้ำมักไม่ค่อยจำเพาะเจาะจงเหยื่อที่กิน บางครั้งจึงอาจทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์ไปด้วย แต่ตัวห้ำบางชนิดก็เจาะจงทำลายแมลงที่เป็นศัตรูพืชเท่านั้นเช่น มวนพิฆาต-หนอน ซึ่งกินเฉพาะหนอนผีเสื้อซึ่งส่วนมากเป็นศัตรูพืช ทั้งตัวห้ำ และตัวเบียนต่างก็ช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชด้วยกันจนเป็นผลสำเร็จได้อย่างน่าพอใจครับ จากคุณ : มวนพิฆาต (ดอกไม้ทะเล) - [ 26 พ.ย. 50 21:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ seto บอกว่าปุ๋ยมีแนวโน้มจะขึ้นราคา เรามีวิธีผลิตปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพใช้เองบ้างมั้ยครับ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 26 พ.ย. 50 21:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอนำสูตรยาฆ่าแมลงกับยาเบื่อหนูไปใช้บ้างนะครับ พี่สายลม ว่างๆก็มาเผยเคล็ดลับให้น้องๆเก็บใส่คลังข้อมูลอีกนะครับ คุณขุนดงของพี่สายลม ไม่แน่ใจว่าเป็นคนที่ชอบเล่นปาล์มหรือเปล่า ผมเคยเจอใน web tawatpalm อ่ะครับ จากคุณ : หน้าตาน่ารักแต่พิษเยอะจัง (ดอกไม้ทะเล) - [ 26 พ.ย. 50 21:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณค่ะ คุณดอกไม้ทะเล.... ถามคุณสายลมนิดนึงค่ะ....ปลาปักเป้า น้ำจืดนี่ หายากไหมคะ มีตามห้วยหนองคลองบึง ที่เขาไปตกเบ็ด หรือทอดแห ไหมคะ.... มันมีสารอะไร ถึงยับยั้งหนูได้ชะงัด ....คิดว่าถ้ามีไซนาไนด์ก็เอา ไซยาไนด์มาคลุกกะปลาเผา ได้ป่ะคะ....ไอ้ที่ว่าตายไม่มีเหลือนี่ น้องม๋าน้องแม๊ว ด้วยสิเนอะ... คนเกลียดหนอนเป็นโรคประจำตัว....ไม่มีเหตุผล เกลียดฝังลึกตั้งแต่จำความได้ ..... แล้วก็เกลียดสารเคมีการเกษตรทุกตัว....ขี้เหนียวมั้ง... คนแบบนี้จะเป็นเกษตรกร ได้ไหมคะ.....อาจารย์ตัวห้ำกะตัวเบียนและอาจารย์ปุ๋ย กะ ยา ไปกางเต้นท์หน้าน้ำตกนี่กันค่ะ....ตาดฟาน เอ หรือตาดเยื้อง หว่า.... เลือกเอาหนึ่งชื่อ....หึ หึ ... จากคุณ : มาเสียดึก....พรุ่งนี้ลาเจ้าค่ะ (แมกไม้ไทย) - [ 26 พ.ย. 50 22:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ในกรณีที่ปุ๋ยขึ้นราคา ผมว่าเราน่าจะใช้ปุ๋ยด้วยความระมัดระวังมากขึ้นจะดีกว่าครับ คือว่าจากเมื่อก่อนใช้วิธีหว่านๆๆๆเอา พอปุ๋ยแพงผมอยากให้ใช้ปุ๋ยให้ถูกวิธีมากขึ้นเช่น ให้หวานในระยะราก หรือ รอบทรงพุ่มครับ สำหรับการให้ปุ๋ยอินทรีย์แนะนำให้ทำใช้เองครับ เช่นหมักเอง อาจจะใช้พวกทะลายปาล์มหรือพวกใบไม้มากองๆๆ แล้วหว่านยูเรียนิดหน่อย รดน้ำ หรือผสมยูเรียกะน้ำไปเลย ถ้าไม่มี พ.ด.ก็ไม่จำเป็นอิๆ แล้วก็รอๆๆกลับกองบ้างก็ได้แล้ว เวลาใช้ก็ใช้พวกนี้เพื่อปรับปรุงดินให้ร่วนให้ ออกซิเจน ลงไปได้ แล้วถ้าให้ดี ผมว่าผสมๆๆกะพวกปรับปรุงดินพวกนี้หละครับ แล้วค่อยใส่ครับ หรือ.... วางระบบท่อแล้วให้ปุ๋ยพร้อมน้ำครับ เป็นการใช้ทรัพยากรทั้งน้ำและปุ๋ยที่คุ้มค่าที่สุด แต่เป็นการลงทุนที่มากที่สุดครับ เห็นในห้องนี้มีหลายๆคนที่เก่งระบบน้ำ ผมว่าให้เขาช่วยวางแผนระบบน้ำ แล้วเพิ่มระบบการให้ปุ๋ยพร้อมน้ำเข้าไปด้วยจะดีมากๆครับ แล้วเดี่ยวถ้าคิดออกจะมาเพิ่มเติมให้ครับ ถ้าผิดพลาดประการไดก็ขออภัยด้วยครับ เขียนออกมาสดๆเลย ไม่ได้เปิดหนังสือเลยอิๆ จะผิดวิธัป่าวอิๆๆ จากคุณ : seto16 - [ 26 พ.ย. 50 23:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สงสัยต้องมาเป็น นักวิจัยแมลงบ้างแล้วเรา  อิอิ   คิดว่าน่าจะมีเกษตรกรต้องการเยอะมากๆ เลยแต่ไม่มีความรู้ในการเลี้ยงและดูแล จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 26 พ.ย. 50 23:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ปักเป้า ฆ่าหนู เยี่ยมไปเลย น่าลองมั่ง ขอบคุณคุณสายลมลอยเที่เอาแบ่งปัน พ่อดอกไม้ และเพื่อนๆด้วย ทู้นี้ดีๆ มีสาระ  ช่วยกันเก็บเข้าคลังกันค่ะ จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 27 พ.ย. 50 02:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณสายลมลอย เป็นสมาชิกเวปนี้เหมือนกันหรือค่ะ ไปที่นี่เลยน้องดอกไม้ทะเลพี่ก็ได้พันธ์ไม้ส่วนใหญ่มาจากที่นี่ www.khundong58.th.gs ล่าสุดที่ได้มาพยุง จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 27 พ.ย. 50 04:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จำได้ว่าน้องดอกไม้ทะเลเคยถามว่าได้มาจากไหนบ้าง ขอตอบในนี้เลยล่ะกัน ได้มาจากการเก็บข้างทาง(ขอเจ้าที่เจ้าทาง) ก็มี จากการสั่งทางไปรษณีย์ก็มี ลองเปรียบเทียบต้นที่ขอเจ้าที่กับต้นที่สั่งซื้อซิผิดกันเลย ต้นอินทผลัมใบเงินต้นที่ขอเจ้าที่โตกว่าเยอะเลย จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 27 พ.ย. 50 04:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มะค่าโมง อันนี้หาง่ายมากเพราะมีญาติที่สุโขทัยเก็บมาให้ป้าเอาไว้คั่วกินกะหมากทีละเป็นกระสอบ  ซื้อตามตลาดที่จ.ตากก็มีถุงละ 5 บาท จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 27 พ.ย. 50 04:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีเมล็ดโมกมันเหลือ จะลองเพาะดูบ้างมั้ยล่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 27 พ.ย. 50 04:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รวมผลิตผล ทองหลางป่า  ทองกวาว  จาก  สำโรง โมกมัน มะขวิด กัลปพฤกษ์ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 27 พ.ย. 50 05:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพื่อน ๆ ครับ.. ข้อมูลจากที่นั่น ผมเห็นว่าจะมีประโยชน์ครับ เลยแบ่งปัน ปลาปักเป้าโดยส่วนใหญ่มีพิษอยู่แล้วใช่ไหมครับ?? ชาวญี่ปุ่นชอบ ส่วนปักเป้าน้ำจืดเนี่ยะ ผมไม่คุ้นครับ เพราะอาจไม่ได้ใช้ชีวิตแบบหาปลา เลยไม่ค่อยรู้จัก www.khundong58.th.gs ครับ..ใช่แล้ว ส่วนเคมีที่เกิดจากสัตว์และพืช ย่อมดีกว่า เคมีจากการสกัดแน่นอนครับ เม็ดทุ้งฟ้าสนไหมครับ ต้นสูง เนื้อค่อนไปทางแข็ง โตเร็ว ดอกหอม แลกกับโมกมันหน่อย ไม่เห็นต้นมานานมากแล้ว นะ..คุณ ธัมมะระตี นะครับ เม็ดอื่นก็น่าสน แลกกัน ดูที่อยู่ ที่ เว็บขุนดงได้เลยครับ.. จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 27 พ.ย. 50 07:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แล้งนี้จะเก็บต้น กัลปพฤกษ์ กาฬพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ รัตนพฤกษ์ ราชพฤกษ์ มาเพาะค่ะ...ขอคำแนะนำด่วนค่ะ ว่าควรเก็บฝักมาตอนไหน ปกติเก็บที่ร่วง ไม่มีหนอนเจาะ...ได้ฝักแล้ว ทำอย่างไรต่อคะ....เคยเพาะแล้ว ไม่สำเร็จ สักต้นค่ะ.... จากคุณ : รัตนพฤกษ์... (แมกไม้ไทย) - [ 27 พ.ย. 50 07:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ไม้ตระกูลนี้ต้องเอาเมล็ดมาลวกน้ำร้อนก่อนเพาะค่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 27 พ.ย. 50 08:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พี่แมกไม้ น้ำตกนั่นอยู่ที่ลาวใต้ ใช่มั้ยครับ ผมเกือบได้ร่วมทริปกับเวบคนแบกเป้ ไปเที่ยวน้ำตกบนที่ราบสูงโบโลเวน ลาวใต้มีน้ำตกสวยๆ ซ่อนอยู่อีกเยอะเลย พี่ช่วยบอกชื่อเล่นหน่อยซิครับ ว่าไอ้พฤกษ์ๆ นะ เรียกอะไรมั่ง รู้แต่ราชพฤกษ์คือต้นคูน ผมชอบไม้ที่ดอกเหลืองๆ อ่ะ มันสุกสกาวดี ชอบดอกคูน ฝ้ายคำ กับเหลืองอินเดีย  intrend สีในหลวงพอดี จากการสังเกตุ ผมว่า          ไม้ที่ดอกสีขาว มักจะมีกลิ่นหอม          ไม้ที่มีสีสดใส แดง ชมภู มักจะไม่มีกลิ่น          ไม้สีเหลือง จะออกดอกเก่ง ดก จะทิ้งใบก่อนออกดอก ธรรมชาติจะยุติธรรมเสมอนะครับ จากคุณ : พี่แมกไม้ชอบแมวไทย (ดอกไม้ทะเล) - [ 27 พ.ย. 50 10:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 พี่ธัมมะ ชอบทั้งธัมมะทั้งธรรมชาติเลยนะครับ ถ้าเข้าใจธรรมชาติก็คงจะ เข้าใจธัมมะด้วยใช่ใหมครับ จะลองเข้าไปดูที่เวบ ขุนดงบ้าง เมล็ดพันธุ์ กล้าไม้ หลากหลายมาก เป็นผู้ชำนาญการเพาะกล้าไม้ป่าเลยครับ จากคุณ : มีธัมมะมาฝากเพื่อนๆ (ดอกไม้ทะเล) - [ 27 พ.ย. 50 10:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ช่วยพี่สายลมตอบเรื่องปลาปักเป้า ปักเป้าน้ำจืดที่พบในเมืองไทยมี 3 สกุล 12 ชนิด 1. สกุล Carinotetraodon เพศผู้และเพศเมียมีความแตกต่างกันมาก ทั้งในเรื่องรูปร่างและสีสัน ปลาเพศผู้จะมีลำตัวใหญ่กว่า แบนข้างมากกว่า และมีสีสวยงามมาก ปักเป้าสกุลนี้มีขนาดค่อนข้างเล็กกว่าปักเป้าสกุลอื่น เช่นปักเป้าสมพงษ์ จากคุณ : ปักเป้าสมพงษ์ เพศผู้ (ดอกไม้ทะเล) - [ 27 พ.ย. 50 11:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 45 2. สกุล Chonerhinus ปักเป้าสกุลนี้มีลักษณะที่เด่นกว่ากลุ่มอื่น ตรงที่มีลำตัวค่อนข้างแบนข้าง มีครีบหลังและ ครีบก้นค่อนข้างใหญ่ ว่ายได้รวดเร็วกว่าปักเป้าน้ำจืดกลุ่มอื่น พองได้น้อยกว่า ปักเป้ากลุ่มอื่น เป็นปักเป้าที่มีความอันตรายต่อความเป็นชายมากกว่ากลุ่มอื่น เช่นปักเป้าทอง จากคุณ : ปักเป้าทอง (ดอกไม้ทะเล) - [ 27 พ.ย. 50 11:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 46 3. สกุล Tetraodon มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม ส่วนมากปลาปักเป้าในสกุลนี้มักมีนิสัย ชอบซุ่มโจมตีเหยื่อ มากกว่าที่จะออกแรงว่ายน้ำไล่ โดยส่วนมากปักเป้าในสกุลนี้ ในขณะที่พองจะสามารถขยายขนาดได้มากกว่าสองสกุลแรก เช่นปักเป้าท้องตาข่าย จากคุณ : ปักเป้าท้องตาข่าย (ดอกไม้ทะเล) - [ 27 พ.ย. 50 11:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณ seto เรื่องการทำปุ๋ยอินทรีย์ ใบไม้ที่พอจะเอามาทำปุ๋ยได้ ก็คงเป็นใบสัก ใบใหญ่ๆ เก็บง่ายดี เพราะผมต้องลิดกิ่งเป็นประจำ เพื่อให้ต้นตรง คุณญี่ปุ่น เรื่องแมลงปราบแมลงในอนาคต ผมว่าจะมีประโยชน์มาก ดีทั้งต่อพืช ทั้งต่อคนด้วย ได้อะไรน่าสนใจ เอามาแบ่งปันกันครับ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 27 พ.ย. 50 12:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อันนี้ก็มิตรแท้ของเกษตรกร ในยามว่าง อิอิ ในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ประชาชนในชนบทในภาคเหนือ  เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจการงาน  พวกผู้ชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน  มักจะหากิจกรรมการละเล่นต่างๆ  เพื่อสร้างความสนุกสนานและเกิดความสามัคคี คบค้าสมาคมในหมู่ชาวชนบททั้งในหมู่บ้านเดียวกันและข้างเคียง     ซึ่งกิจกรรมหนึ่งคือการเล่น “ชนกว่าง”  ที่นับว่าเป็นกีฬาพื้นบ้านที่มีความนิยมชมชอบไม่น้อยไปกว่าการชนไก่  กัดปลา ชนวัว หรือวิ่งควาย ของทางภาคอื่น “กว่างนักสู้แห่งล้านนา”   เป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านที่อยู่คู่กับชาวชนบททางภาคเหนือมายาวนาน จนทำให้มีการสังเกตและจัดประเภทตามลักษณะของกว่าง โดยเฉพาะเอกลักษณะของ “เขา” กว่าง  ที่โค้งยาวไม่เท่ากัน  ซึ่งรวมถึงตัวเมียด้วย อย่างไรก็ตาม    รวม 4 ประเภท คือ กว่างโซ้ง กว่างกิ  กว่างแซม  และกว่างอีลุ้ม   บางครั้งจะรวมเอาด้วงชนิดอื่นที่มีเขาเข้าไปอยู่ในกลุ่มของกว่างด้วย   เช่น กว่างหนวดขาว  กว่างก่อ  กว่างงวง   กว่างซาง จากคุณ : สาวบ้านนาเคยเล่นมั้ย (ดอกไม้ทะเล) - [ 27 พ.ย. 50 12:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โห ไปขุดภาพกว่าง มาจากไหนคะเนี่ยพ่อดอกไม้  ของดังเมืองน่านเขาหล่ะ  ตอนเด็กๆ เล่นค่ะ  ที่สวน มีต้นไม้ที่กว่างชอบอยู่บนจอมปลวก ตอนเด็กๆ ไม่กลัวงู ไปขย่มต้น แล้วไล่เก็บกว่างมาเล่น  แต่แกร่มาเนี่ย ชักกลัวบาปแฮะ ปลาปักเป้า ของพ่อดอกไม้ กะ คุณสายลมลอย น่ากิง เย้ย น่ากัวว 555 แต่แถวลุ่มน้ำน่าน ตอนบนไม่ยักมีปลาปักเป้าแฮะ  ไปซื้อที่ระยอง แช่น้ำแข็งส่งรถเมลล์มาจะใช้ได้ผลมั้ยเนี่ย หนูนาที่บ้านเยอะมาก จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 27 พ.ย. 50 16:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ใครมีปลาปักเป้า หรือค้นพบที่ไหนก็ใส่บ่อเลี้ยงไว้(แยก)นะครับ เอาไว้จัดการกับหนู จริง ๆ เรื่องการแลกเปลี่ยนแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ เป็นแนวคิดที่น่าสนใจมาก ผมเลยลองแซะ ๆ เสริจ ๆ หาแนวร่วม เมื่อวานก็เพิ่งส่งเม็ดไม้บางอย่าง(ติดตามในเว็บ)ให้เว็บขุนดงไปหลายทีเดียว ใครมีต้นไม้แปลก ๆ ในสวนก็ถ่ายภาพดอกใบผล ต้นไว้นะครับเผื่อติดผลจะได้แจกจ่ายให้ทั่ว ๆ ปลูกไม้ในหัวใจแล้วค่อยเอามันลงไป-ในดิน จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 28 พ.ย. 50 07:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สาวบ้านนาตอนเด็กนี่แก่นแก้วใช้ได้เลยน่ะ เห็นด้วยกับแนวคิดการแลกเมล็ดพันธุ์ของพี่สายลม เพราะจัดส่งง่ายกว่า ถ้าจะรอแลกกล้าไม้ ก็คงนานๆครั้ง คนที่ได้รับจะได้นำไปเพาะ ปลูกตามที่ดินส่วนตัวบ้าง ที่สาธารณะบ้าง ก็คงจะมีประโยชน์ดีนะครับ ผมมีปาล์มอยู่ต้นนึง หน้าบ้านเลย เวลาแทงช่อดอกจะมีตัวต่อ ผึ้ง นก มากินน้ำหวาน กินหนอน ปลูกประดับก็ได้ ค่อนข้างทนและโตเร็ว ใครสนใจแจ้งชื่อ ที่อยู่ จำนวนเมล็ดที่อยากได้ มาทางหลังไมค์ จะทยอยส่งไปให้นะครับ ชื่อพื้นเมือง : ปาล์มพัด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pritchardia pacifica seem. & Wendl. ชื่อวงศ์ : Palmae (Arecaceae) ชื่อสามัญ : Fiji Fan Palm การกระจายพันธุ์ : หมู่เกาะแปซิฟิค ประโยชน์ : ไม้ประดับ จากคุณ : Fiji Fan Palm (ดอกไม้ทะเล) - [ 28 พ.ย. 50 08:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ปาล์มที่พ่อดอกไม้มี คือ ปาล์มพัดอย่างในรูปเหรอ ทรงใบสวย สาวบ้านนา จองไว้แลกต้นไม้ที่มี 3-4 เม็ด พอจะกะไว้ปลูกแค่ 2 ต้นพอ อีกสามสี่เดือนค่อยไปเอาเด้อ จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 28 พ.ย. 50 13:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สาวบ้านนา ปาล์มเหมือนในรูปครับ มีเมล็ดอยู่ประมาณ 300 แต่มีต้นเล็กๆ กำลังเพาะอยู่ 20 ต้น สูงประมาณคืบนึง ฝนเอาแบบเป็นต้นไปเลยน่ะ เพื่อนๆท่านอื่นสนใจมั้ยครับ ช่วงนี้เปรี้ยวปาก อยากแจก จากคุณ : ปลูกเยอะๆตรงๆ แล้วจะแนวดี 555 (ดอกไม้ทะเล) - [ 28 พ.ย. 50 15:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เวลาจะเก็บต้องปีนแบบนี้ จากคุณ : cliff hanger (ดอกไม้ทะเล) - [ 28 พ.ย. 50 15:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ใบเป็นรูปพัด เอามาโบกได้ น่าจะมีประโยชน์ เช่นทำหัตถกรรม ทำหลังคา ห่อเมี่ยง จากคุณ : พัดโบก (ดอกไม้ทะเล) - [ 28 พ.ย. 50 15:22:19 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ลูกที่แก่ได้ที่จะสีดำแดง เพาะไม่เกินสามอาทิตย์ก็งอกแล้ว จากคุณ : สีสวย น่ากิน (ดอกไม้ทะเล) - [ 28 พ.ย. 50 15:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอด้วยค่ะ จะแจกแบบต้นหรือเมล็ดก็ได้ รับได้หมด คุณสายลมลอย   อาทิตย์หน้าจะส่งเมล็ดโมกมันไปให้ค่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 28 พ.ย. 50 15:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอที่อยู่ด้วยนะครับ พี่ธัมมะ พี่เพาะเก่ง งั้นส่งเมล็ดไปให้นะครับ แล้วถ้ามีมีตติ้งผมจะเอาแบบต้นไปให้อีกที จากคุณ : ดีใจจัง มีคนอยากได้ด้วย (ดอกไม้ทะเล) - [ 28 พ.ย. 50 16:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 โห....ทู้นี้มีทุกอย่างเลย ห่ำหั่น  เชือดเฉือน เบียดเบียน ฮวบฮาบ ลดแลก แจกแถม แบ่งปัน   ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แบ่งปัน ครับ จากคุณ : BongKoch - [ 29 พ.ย. 50 06:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เก็บๆๆๆ เข้าคลัง จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 14 ธ.ค. 50 07:21:58 ]