ผักก็เหมือนกับคนนั่นแหละคะ ปลูกไปนานมากๆ ไม่เก็บเกี่ยว มันก็จะแก่ตายไปเอง เหมือนกันคะ
ตอนนี้เราปลูกอยู่คะ ต้นทุนค่อนข้างสูง
แต่เพิ่งไปเรียนกับอาจารย์ที่ม.เกษตรมา เอาแบบคร่าวๆ สำหรับปลูกไว้ทานเองที่บ้านนะคะ แบบประยุกต์
1. กะละมัง
2. ตัวพ่นออกซิเจนในตู้ปลา (เรียกอะไรไม่ทราบเหมือนกันคะ แต่เราเรียกแบบนี้) + สายท่อ + หัวกลมๆ ที่ปล่อยออกซิเจน (กำลังไฟ กะ จำนวนหัว ดูที่ความกว้างของกะละมังและความลึกของน้ำนะคะ)
3.น้ำปุ๋ย (ซื้อสำเร็จมีขายคะ ของเราซื้อแผงผักของบางไทร เราเลยรู้แต่ว่าบางไทรมีน้ำปุ๋ยสำเร็จขายคะ แต่ที่อื่นอาจจะมีก็ได้นะคะ เพราะว่าเราไม่ทราบเหมือนกันคะ)
4. โฟม ความหนาประมาณ 1.5 - 2 ซ.ม. ความกว้าง ยาว ขึ้นอยู่กับขนาดของกะละมัง
5. ฟองน้ำ หนาประมาณ 1 ซ.ม.
6. เมล็ดพันธุ์ผัก (ต้องเป็นผักจำพวกคะน้า ผักกาดต่างๆ ผักบุ้งก็ได้คะ)
วิธีการเตรียมต้นกล้า
- นำฟองน้ำตัดเกือบขนาดเป็นรูปสี่เหลี่ยม ประมาณ 1.5 x 1.5 ซ.ม. กรีด เป็นรูป + เพื่อจะสามารถใส่เมล็ดผักได้ (ถ้าต้องการให้สะดวก ก็ไปซื้อแบบสำเร็จก็ได้นะคะ)
- นำฟองน้ำไปแช่ให้มันดูดน้ำ แล้วใช้มือบีบเบา เราต้องการแค่ฟองน้ำที่เปียกหมาดๆ
- นำฟองน้ำไปใส่ในภาชนะที่ไม่รั่ว ใส่เมล็ดผักลงไปใน + อย่างละ 3 เม็ด
รดน้ำพอให้ฟองน้ำเปียก นำภาชนะที่เพาะนี้ไปไว้ในที่มืด (ของเราไว้ในห้องน้ำ) ถ้าจะให้ดี หาผ้าดำคลุมไว้หน่อยก็ดีคะ หมั่นรดน้ำ เช้าเย็น อย่าให้ฟองน้ำแห้ง
- หลังจากนั้น 2-3 วัน เมล็ดจะงอกเป็นต้นอ่อน สีเหลือง ให้นำออกไปที่ร่ม รดน้ำเช้าเย็นเหมือนเดิม ประมาณ 3 วัน
- ต้นกล้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว แล้วเริ่มมีใบอ่อนออกมาสัก 2- 3 ใบแล้ว
หมายเหตุ : ควรเพาะเผื่อไว้ด้วยคะ เพราะไม่ใช่ว่า ทุกเมล็ดจะสามารถงอกเป็นต้นได้
วิธีการปลูกลงแปลง
- นำกะละมังใส่น้ำประมาณ 3 - 4 นิ้ว (น้ำที่ใช้ จากที่เรียนมา คือ น้ำปะปาทั่วไป หรือน้ำกลั่น ไม่ควรใช้น้ำบาดาล เพราะในน้ำบาดาลมีแร่ธาตุอื่นๆ ปะปนมาด้วย ทำให้เวลาใส่ปุ๋ยน้ำ จะมีสารอาหารบางตัวขาด และ เกิน จนยากจะควบคุมได้)
- ตัดโฟมให้เป็นวงกลม ขนาดวางพอดีข้างในกะละมัง ณ. ระดับน้ำที่เราต้องการ (โฟมที่ซื้อมา ไม่จำเป็นต้องใหญ่เท่ากะละมังเลยก็ได้คะ ตัดต่อ เอาก็ได้คะ ของเราใช้เอง) เจาะรูปขนาดเท่าฟองน้ำ เช่น เราตัดฟองน้ำเกือบขาด ขนาด 1.5 x 1.5 ซ.ม. รูที่เจาะโฟมก็ต้องขนาด 1.5 x 1.5 ซ.ม. เจาะรูสำหรับใส่สายยางท่อออกซิเจนด้วยนะคะ ระยะห่างระหว่างช่องโฟม ประมาณ 5 x 5 ซ.ม. แต่ถ้าเป็นกะหล่ำปลี ก็ 10 x 10 ซ.ม.
- นำต้นกล้ามาเพาะ ให้ฉีกฟองน้ำทีละ 1 อัน( 1 อัน = สี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกตัดจนเกือบขาด แล้วมี + ตรงกลาง) เลือกต้นที่ค่อนข้างแข็งแรง
- นำฟองน้ำของต้นกล้าแต่ละก้อน ใส่ตามช่องของโฟมที่เจาะเอาไว้
- ประกอบตัวพ่นออกซิเจน โดยเอาสายท่อที่มีหัวพ่นออกซิเจนจุ่มลงในน้ำ ผ่านโฟม (ที่ไปเรียนกะอาจารย์ ท่านให้เอาไว้สูงกว่ากะละมัง เผื่อไฟดับ น้ำจะได้ไม่ไหลย้อนเข้าเครื่องพังคะ)
- เปิดสวิทต์เครื่องพ่นน้ำ และวางโฟมที่มีฟองน้ำของต้นกล้า ลอยในน้ำบนกะละมัง
- ให้ผักกินน้ำก่อน 1 วัน เพื่อปรับสภาพแวดล้อม (ผักกล้าที่เหลือ ให้คอยหมั่นรดน้ำ เช้า-เย็นไว้ก่อนนะคะ เผื่อผักที่เราลงไปตาย จะได้มีเปลี่ยน)
- ใส่น้ำปุ๋ยลงในน้ำ ค่อยๆ ใส่ทีละน้อย ในปริมาณที่เท่าๆ กัน ( ปุ๋ยน้ำจะมี 2 ชนิดที่ใส่ประกอบกัน โดยแต่ะละชนิด ต้องใส่ห่างจากกันประมาณ 4 ช.ม.เป็นอย่างต่ำ เพราะสารอาหารบางตัว ถ้าใส่พร้อมกัน จะทำให้สารอาหารแปรสภาพเป็นตะกอน จนใช้ไม่ได้ - จะใส่ตัวไหนก่อนก็ได้คะ แต่อย่าใส่พร้อมกัน)
- ควรนำกะละมังออกไปตั้งบริเวณมีแดดส่องถึง
- ประมาณ 1 อาทิตย์แรก ถ้าโฟมช่องไหน ผักตายหมด ก็เอาสำรองเปลี่ยนได้นะคะ (ถ้าเกิน 1 อาทิตย์ไม่แนะนำให้เปลี่ยนนะคะ เพราะต้นกล้าที่กินแต่น้ำจะอ่อนแอ เมื่อยามโต)
- ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ต่อครั้ง (***ทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำต้องใส่ปุ๋ยน้ำใหม่ด้วยคะ***)
- เมื่อผักโตไประยะหนึ่งแล้ว ผักจะเริ่มหยุดการเติบโต (ประมาณ 15 วัน) ให้คุณลองยกโฟมขึ้นดู จะพบว่า รากผักยาวมากเลยคะ ถึงขั้นนี้แล้ว ผักต้องการอากาศเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ให้เรานำก้อนหิน หรืออิฐบล็อค ตั้งเป็นขารองรับโฟม โดยให้โฟม กับน้ำ ห่างกันประมาณ 2 - 3 ซ.ม. ดูว่า รากยังคงยาวจนจุ่มน้ำได้อยู่ เราต้องการแค่ช่องว่างของอากาศใต้โฟมเล็กน้อยเท่านั้นคะ ***ยังคงต้องเปลี่ยนน้ำและใส่ปุ๋ยตามเดิมอยู่นะคะ แต่ถ้าสัปดาห์สุดท้ายก่อนเวลาเก็บเกี่ยว เราจะใส่ปริมาณสัดส่วนของปุ๋ยน้ำน้อยลงหน่อย เพื่อกระตุ้นให้ผักกินน้ำปุ๋ย เพราะผักเมื่อเริ่มโตมากๆ มันจะดื้อไม่ค่อยจะยอมกินน้ำปุ๋ยสักเท่าไหร่ ***
- เลี้ยงจนได้ขนาดตามต้องการ เมื่อคุณจะเก็บผักทาน ***ให้เปลี่ยนน้ำ โดยใส่เฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้น*** เป็นเวลา 1 วัน ก่อนการเก็บเกี่ยว (ก็จะปลอดภัยแล้วคะ)
วิธีการดูว่า ผักได้สารอาหารที่ต้องการพอแล้วหรือไม่
- ถ้าใบเหลือง แสดงว่า คุณให้น้อยไปคะ ให้ใส่เพิ่ม ในปริมาณที่เท่าๆ กัน
- ถ้าใบเขียวเข้ม หรือเขียวแก่ ผิดจากผักทั่วไปตามสายพันธุ์ แสดงว่า คุณให้ปุ๋ยเยอะไป ให้เติมน้ำเข้าไปคะ
*** หมั่นดูน้ำในกะละมังด้วยนะคะ ยิ่งผักโตไวเท่าไหร่ ยิ่งกินน้ำปุ๋ยมากเท่านั้น อย่าให้มันขาดน้ำนะคะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- น้ำปุ๋ยเก่าที่ต้องการจะเปลี่ยน สามารถนำไปรดน้ำต้นไม้ทั่วไปได้คะ
- ต้นกล้าที่เหลือ เพาะเกินเสียดายทำไง? เอาไปเพาะลงดินได้คะ
- ผักที่ปลูก หากไม่ต้องการให้แมลงรบกวน ควรทำตาข่ายรูถี่ๆ กั้นปิดโดยรอบกะละมังไว้ แต่ให้สูงเผื่อผักโตเต็มที่ด้วยนะคะ
- น้ำ + อากาศในน้ำ (จากตัวพ่นออกซิเจน) + ออกซิเจนจากอากาศทั่ว + แดด เป็นสิ่งที่พืชต้องการ เพราะงั้น ควรนำกะละมังอยู่ที่ๆ มีแดด
***แต่ถ้าต้นกล้าที่เพิ่งเพาะใหม่ๆ ลงโฟม แนะนำว่า ไม่ควรตากแดดแรงๆ อาจจะเป็นที่ร่มที่พอมีแสงผ่าน ไปก่อนเพราะมันยังเล็ก อาจจะตายได้คะ ถ้ามันโตขึ้นกว่าขนาดต้นกล้ามากสักหน่อย(มันมีใบสัก 4 - 5 ใบ) ค่อยเอามันออกแดดแรงๆ ได้คะ (มันชอบมากคะ)
- แล้วเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า ผักไม่แก่เกินไป? ประมาณ 1 เดือนในช่วงหน้าหนาว 1 เดือนครึ่งในช่วงหน้าร้อน
- ผักแก่ กับ ผักกำลังกิน แตกต่างกันอย่างไร? ผักแก่จะเหนียว และแข็ง ผักกำลังกินจะกรอบ เมื่อนำไปผัดจะนิ่มกว่าผักที่ปลูกในดิน
- ระยะเวลาการปลูกในดิน กับในน้ำต่างกันเท่าไหร่? ในดินจะใช้เวลาเพิ่มอีกครึ่งหนึ่งของในน้ำ
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 50 11:29:19
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 50 11:27:51
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 50 11:24:00