วันนี้วันดี
เราเริ่มต้นตรงที่ความอยากเห็นเด็กๆในอุปการะของหลวงพ่ออุดมแห่งวัดทำเลทอง พวกเค้าตัวเป็นๆ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เราเดินทางโดยรถโดยสารไปที่วัด เดินทางไปมือเปล่าแต่แบกเอาหัวใจที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
วินาทีแรกที่เดินทางถึงที่หมาย...ภายในบริเวณวัดเงียบสงบ...มีน้องหมาเดินอยู่ประปราย...
เอ...กรงน้องหมาอยู่ไหนหว่า!!!!!
เดินวนรอบๆ...หรือจะแอบอยู่ด้านหลัง...ไม่มี(ทั้งคนและหมา)...
เสียงแว่วๆ...ลองเดินไปข้างๆ กำแพง เผื่อเค้าจะเอาเจ้าพวกนี้แอบๆ ไว้ เพราะคนไปวัดใช่จะอยากเห็นน้องหมาซะทุกคนเนอะ
โน่นไง...เสียงดังมาจากนอกกำแพงวัด ข้ามถนนเล็กๆไป
ภาพแรกที่เราเห็น...น้องหมาอยู่ในกรงขนาดใหญ่...ในแต่ละกรงมีหมาอยู่จำนวนมากพอสมควร แต่ไม่ถึงขนาดแออัดยัดเยียดกัน
เดินผ่านไปยังกรงด้านใน...น้องหมาส่งเสียงทักทายกันระงม...สภาพภายในกรงสะอาด...แต่...แต่...เต็มไปด้วยกับระเบิดชนิดสด...สด...สดจริง
เราเคยเจอแต่แบบแห้ง ผ่านการอาบแดดมาไม่น้อยไปกว่าสี่ห้าแดด....เอ้อ....เอ้อ...เยอะจัง...เด็กๆนอนอยู่ข้างกับระเบิดที่มีสีเหลืองนวล ส่วนกลิ่นน่ะเหรอ...สุดยอดละกัน
เดินเข้าไปอีกนิด ถามหาป้าแดง...
ป้าแดงเดินย่องๆมา...ป้าแดงยังไม่สบายอยู่ ดูจากอาการแล้ว ป้าคงยังทำอะไรไม่ได้ เท่าที่คุยกันเล็กน้อย ป้าบอกว่า เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาไม่นานนัก...ลองไปทำงาน(ทำความสะอาดน้องหมา)ดูก็เกิดอาการตกเลือดขึ้นมาอีก ก็เลยต้องนอนพักอีกระยะ คาดว่าคงไม่นานนัก
ถามถึงเรื่องอาหารการกินของน้องหมาก็ทราบว่าท่านเจ้าอาวาสเป็นหลักในการดูแล ยิ่งในตอนนี้ป้าแดงมาป่วยเสียแล้วภาระทั้งหมดตกอยู่ที่ท่านเต็มๆ
ว่าแล้วก็เดินไปนมัสการท่านเจ้าอาวาส...หลังจากที่ปุชฉา-วิสัชนาเรื่องของน้องหมา ก็ถึงเวลาบ่ายสามพอดี ได้เวลาอาหารเย็น ก็เลยขันอาสาช่วยแจกข้าวเด็กๆ (จะไหวไหมหนอ!!!!!)
เรา(ข้าพเจ้า+เจ้าอาวาส)เดินมาที่กรงน้องหมาก่อน ท่านชี้ให้ดูว่าเมื่อเช้า มีคนเอาเจ้าตัวเล็กประมาณ 6-7 ตัวมาวางทิ้งไว้คาดว่าคงตากแดดอยู่นานกว่าจะมาพบ โชคดี(ในโชคร้าย)อยู่นิดตรงที่ คนใจร้ายเอาน้องหมาใส่กรงมาด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้ เพราะบริเวณนั้น มีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา
หลวงพ่อเดินนำเข้าไปด้านใน มีกรงเล็กๆอยู่มากมาย ภายในนั้นเราเจอโกลเด้นใจดีที่อยู่รวมกับเด็กๆ(ตัวน้อย)กว่าสิบตัว ไอ้เจ้าตัวเล็กนั่งทับพี่ใจดีเสียมิด นั่งทับจริงๆนะ ทุกตัวปีนขึ้นไปนั่งบนตัวเจ้าโกลเด้น หลวงพ่อบอกว่า เจ้านี่เค้าใจดีมาก ไม่แสดงอาการใดๆ เวลากินก็จะให้น้องๆกินก่อน ตัวเองทีหลัง...หลวงพ่อบอกว่าเจ้าตัวนี้ เจ้าของเอามาฝากไว้ เพราะภรรยาเค้าคลอดลูกไม่สามารถดูแลมันได้ และที่สำคัญ...มันขาเสีย เค้าบอกว่ารักมาก อย่าให้ใครไป...แค่ฝากไว้เท่านั้น(เวรกรรม-ของใครหว่า)
เดินต่อไปเรื่อยๆ น้องหมาขาหลังพิการ...ขาทั้งสองข้างเป็นแผลยาวเพราะว่าลากไปกับพื้นกรง...เจ้าของเอามาฝากไว้เหมือนกัน มีรถเข็นมาด้วยนะ พร้อมบอกหลวงพ่อว่า ช่วยเอาใส่รถเข็นให้มันเดินเล่นบ้าง....เอ้อ...อึ้งเลยเรา
คิดได้ไง ทิ้งไว้ให้พระเลี้ยงทั้งยังสั่งให้พาเดินเล่นอีก...เวร
ลึกเข้าๆไปอีกนิด ชเนาเซ่อร์โดนทิ้ง ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยขี้ตาเกรอะกรัง แต่น่ารักมาก เข้ามาหา ยืนเกาะเราด้วยความดีใจ....
เขยิบอีกนิด...เป็นกรงเล็กๆสามกรงติดกัน กรงที่น่าหดหู่ใจที่สุด เจ้าหมาพันธุ์ทางเพศเมีย ตาบอดทั้งสองข้าง...จะเรียกว่าอะไรดี มีเนื้อสีแดงปิดลูกนัยตาทั้งสองข้างจนมิด มันคงมองไม่เห็นแล้ว ส่วนอวัยวะเพศก็เป็นมะเร็ง เนื้อสีแดงบวมใหญ่โผล่ออกมา...หลวงพ่อบอกว่ามีคนเอามาทิ้งเมื่อไม่นานมานี้เอง.....
ถึงตอนนี้เขื่อนก็แตก...เราหันหลัง พร้อมกับพยายามกลืนก้อนน้ำลายในคอ...พยายามเอาแขนเสื้อปาดออก ไม่ว่ามันจะเป็นน้ำเหงื่อหรือน้ำตา
ติดๆกันเป็นแม่กับลูกอีกสอง สีเทาดำ คาดว่าเป็นพันธุ์ผสมพุดเดิ้ลชเนาเซ่อร์ อาการยังดี สภาพสวยงามมาก...อยากฟังคำแก้ตัวของเจ้านายมันจัง
เริ่มงาน...ตอนนี้เราก็เริ่มเอาสายยางเข้าฉีดภายในบางกรงก่อน ไล่เอาเจ้าอุนจิเหลวออก เพื่อเตรียมกินข้าวกัน
ประมาณเกือบสี่โมงรถเข็นข้าวก็มา...มีข้าวจำนวนมาก...มากขนาดเต็มกระบะผสมปูน(ขนาดใหญ่) 3 กระบะ หลวงพ่อมีผู้ช่วยสามคน หลวงตา(อายุมากแล้วแต่ยังแข็งแรง) พระลูกวัดหนุ่ม คนงานผู้ชายวัยกลางคน
ส่วนเราทำได้ก็เพียงเดินไปหยิบกะละมังข้าวและช่วย(ใช้พลั่ว)ตักข้าวใส่ถัง หนักใช่ย่อย
ระหว่างกินกันก็เกิดศึกเป็นปรกติ(ของเขา) ข้าวหกเรี่ยราด เลือดสาดเป็นหย่อมๆ...เฮ้อ หมาจริงๆ
กว่าภารกิจนี้จะลุล่วง(เอาข้าวไปเทให้น้องหมาๆ)เกือบสองชั่วโมง ทราบมาว่าหลังจากนี้ก็ยังต้องกรง ล้างพื้นกันอีกรอบ เพราะท่านๆกินเสร็จ ท่านก็กระจายกำลังกันวางระเบิดแบบปูพรม หลวงพ่อและคนงานยังต้องเหนื่อยอีกรอบ พี่คนงานบอกว่าบางทีสองทุ่มตัวเองยังไม่ได้กลับไปหุงข้าวเลย
อย่ากระนั้นเลย...เราคงอยู่ถึงขนาดนั้นไม่ได้แน่ รถเมล์อาจหมดเสียก่อน...กราบลาหลวงพ่อแล้วก็สวัสดีพี่คนงานก่อนละกัน
งานนี้ไม่มีภาพ-คำบรรยายต่างๆไม่อาจทำให้เพื่อนรู้สึกได้ สิ่งที่เรานำมาบอกกล่าวเพียงเพื่ออยากบอกใครอีกหลายๆคน ได้ชื่นใจบ้างว่า อีกด้านของโลกที่เลวร้าย ก็ยังสวยงาม คนดีๆ ที่เสียสละ ยังมีอยู่ แต่บางทีพลังที่จะทำดีมันก็มีแผ่วลงไปบ้าง ว่างๆ เพื่อนๆก็ลองไปเยี่ยมน้องหมาบ้าง มีแรงก็ช่วยแรง ช่วยกวาดช่วยล้าง หรือไม่ก็ช่วยลูบหัวเจ้าตัวเล็ก มีทรัพย์ที่เหลือจากกิน จากเที่ยว ก็แบ่งเป็นค่าข้าวเด็กๆบ้างก็ดีนะ
ปล.สิ่งที่เราเจอในวันนี้ไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ หมาส่วนใหญ่ขี้ตาแฉะ มีน้ำมูกไหลย้อย ก็เพราะว่าน้องเกด ช่วงนี้ติดเรียน คาดว่าภายในวันสองวันนี้ เธอจะนำยาไปฉีดให้เด็กๆ เดี๋ยวเด็กๆก็จะดีขึ้นแล้ว
จากคุณ :
konmeekaam
- [
วันพ่อแห่งชาติ 23:17:04
]