ความคิดเห็นที่ 1 มาดูอุปกรณ์กันก่อนนะคะ อย่างแรก คือ ภาชนะที่จะเพาะเลี้ยง ของเราใช้ลังอันเดิมของอาจารย์ที่ม.เกษตรให้ตอนไปเรียนมา เพราะไม่มีกะละมังว่างเลย แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:02:46 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. โฟม ของเราไปซื้อจากเครื่องเขียนมา พยายามเลือกแผ่นที่หนาที่สุดนะ อันนี้ 20 หรือ 30 บาทเนี่ยแหละ (ลืมถ่ายตอนยังไม่ได้ตัดออกไป - -") จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:04:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เวลาตัดก็วัดขนาดขอบด้านใน แล้วตัดโฟมเป็นรูปภาชนะ แล้วอย่างลืมช่องสำหรับใส่ฟองน้ำที่เลี้ยงผักของเราด้วยนะคะ อันนี้ของเราตัดช่องห่างกันมากๆ เพราะต้องการปลูกผักกะหล่ำปลี ซึ่งพอมันโตแล้วจะหนักมาก จึงต้องปลูกเพียงไม่กี่ต้น เพราะเกรงว่าโฟมจะรับน้ำหนักไม่ไหว แต่ของเพื่อนๆ ก็เจาะรูถี่กว่าเราได้นะคะ แต่ไม่ควรห่างต่ำกว่า 5 x 5 ซ.ม.นะคะ เพราะมันจะแน่นไป แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 00:56:13 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:34:28 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถาดเพาะต้นกล้า จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฟองน้ำ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตัดพอขาดแบบนี้ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วก็ตัดเป็น + หรือ x ก็ได้แบบนี้ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พระเอกของงานเลยคะ เมล็ดพันธุ์ผัก จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เมล็ดผักนี้ ของเราไปซื้อที่โลตัสมาคะ เมล็ดอะไรก็ได้คะ ที่คุณอยากปลูก เมล็ดที่เหลือ ก็ใส่ซองแบบภาพแล้วไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาไว้ได้คะ แต่ยิ่งเก็บไว้นาน อัตราการงอกก็จะลดลงตามเวลานะคะ เพราะงั้นทางที่ดี ควรซื้อแต่พอปลูกนะคะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:12:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาถึงขั้นตอนการปลูกนะคะ ขั้นแรกเลย เราก็ต้องเตรียมต้นกล้าสำหรับปลูกกันก่อนคะ ในภาพคือ นำฟองน้ำไปแช่น้ำ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วบิดให้พอหมาดๆ คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ใส่เมล็ดที่ต้องการปลูกในช่อง + หรือ x ของฟองน้ำแต่ละอัน ควรใส่ 2 - 3 เมล็ด จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นำใส่ถาดเพาะต้นกล้า จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รดน้ำ เช้า - เย็นและให้อยู่ที่ๆ มืด 2- 3 วัน ของเราไว้ในห้องน้ำคะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หลังจากนั้น ต้นไม้จะงอกออกมาเป็นต้นอ่อน สีเหลืองอ่อน เหมือนถั่วงอกคะ ให้นำออกมาไว้ในที่ร่ม เพื่อโดนแสงบ้าง แต่อย่านำออกไปตากแดดนะคะ ต้นไม้ยังไม่แข็งแรงพอจะโดนได้ รดน้ำ เช้า - เย็นเหมือนเดิม ประมาณ 3 - 4 วัน ก็จะได้ต้นกล้าพร้อมปลูกแบบนี้คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงเวลาเตรียมภาชนะปลูกจริงแล้วนะคะ นำภาชนะที่คุณจะใช้ปลูกใส่น้ำ พอประมาณ ไม่ลึกไป ไม่ตื้นจนเกินไปนะคะ น้ำที่ใช้ ของเราใช้น้ำปะปาธรรมดาจากก๊อกโดยตรงเลยคะ มีนักวิชาการหลายท่านลงความเห็นว่า มันพอใช้ได้คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฉีกฟองน้ำเป็นช่องๆ ใส่ตามช่องของโฟม ใส่มันทั้งฟองน้ำเลยนะคะ แต่ของเราที่เห็นมีอย่างละต้น ไม่ใช่ว่า ให้คุณดึงต้นอื่นที่งอกทิ้งนะคะ คือ ตัวอย่างของเรา เราเพาะอย่างละเม็ดเองคะ ถ้าของคุณเพาะไว้อย่างละ 3 เม็ด ต่อช่อง มันขึ้นหมด ก็ไม่ต้องดึงนะคะ ใส่มันทั้ง 3 ต้นเลยคะ แต่ไม่ควรปลูกเกินกว่า 3 ต้น ยกเว้นผักบุ้งนะคะ เพราะว่ามันจะแน่นจะเกินไป ทำให้บางต้นแคระ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:26:56 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:24:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เวลาใส่เสร็จแล้ว ลองหันมาดูอีกด้านหนึ่ง ให้รากยื่นออกมาเหนือโฟมนะคะ อ๋อ..ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง เวลาใส่ฟองน้ำลงโฟม ระวังรากต้นกล้าขาดด้วยนะคะ :P จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ง่า ลืมถ่ายรูปรากต้นไม้มา เอาเป็นดูรูปจากรากต้นผักกาดขาวไดโตเกียวที่เราปลูกแทนแล้วกันนะคะ อันนี้รากของมันตอนอายุ 15 วันคะ สังเกตที่ฟองน้ำนะคะ มันจะยื่นออกมาหน่อย เพราะว่าโฟมมันลอยเหนือน้ำคะ ถ้าฟองน้ำไม่ยื่นออกมาเล็กน้อย น้ำจะไปไม่ถึงรากต้นไม้และฟองน้ำคะ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:33:16 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาดูพระรองของงานนี้นะคะ ดันลืมแนะนำในตอนแรกไป - -" ของเราที่กำลังทำนี้ เรียกว่า ระบบน้ำลึกแบบอากาศไหลเวียนนะคะ เพราะงั้น พระรองของเราก็คือ เครื่องปั๊มลมคะ ป.ล.ขอบคุณคะ คุณต้นโพธิ์ต้นไทร เราเองก็ไม่ได้เก่งหรือมีความรู้มากมายหรอกคะ มีอะไรจะเสนอแนะ ก็รบกวนแนะนำด้วยนะคะ เพราะเห็นหลายคนบอกว่าการปลูกผักแบบนี้ เป็นเรื่องยาก เราเป็นคนไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่คะ แต่ชอบทำเรื่องที่ยากให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ และคิดว่ามันไม่ยากแบบหลายคนเขาบอกกัน ก็เลยลองทำ How to อันนี้ดู แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 01:41:27 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุ้นๆ ไหมคะ สำหรับเซียนเลี้ยงปลา ลองดูใกล้ๆ อีกทีนะคะ ^^ ใช่แล้วคะ เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในตู้ปลาเลี้ยงทั่วไปนั่นแหละคะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 นำโฟมที่ใส่ต้นกล้าเรียบร้อยแล้วไปลอยในน้ำ แล้วต่อเครื่องปั๊มลมแล้วปล่อยมันลงในน้ำเลยคะ สังเกตตรงมุมโฟมของเรานะคะ เราตัดเฉียงไว้เล็กน้อย เพื่อจะได้ใส่ลูกตุ้มและสายยางออกซิเจนในภาชนะได้ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 01:45:23 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 17:25:00 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:43:19 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อย่างที่เคยบอกในกระทู้ของคุณกล้วยบวชชีไปนะคะ ว่า เครื่องปั๊มลมต้องอยู่สูงกว่า ภาชนะปลูกผักเพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนทำความเสียหายให้กับเครื่อง เวลาไฟดับ เราปลูกในบ้าน (ห้องนอนตัวเอง) เพราะว่า บังเอิญที่บ้านมีคนอยู่น้อยและติดมุ้งลวดทั้งหลัง ก็เลยจะประหยัดเรื่องมุ้งกันแมลงคะ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 01:46:19 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:56:41 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อายจัง ถ่ายออกมาติดเตียงนอนของนังลูกสาวจอมโหดมาด้วย ^^" จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:44:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เสียบไฟ ให้เครื่องออกซิเจนทำงาน ไม่รู้ว่าจะพอมองเห็นไหมคะ ออกซิเจนถูกพ่นในน้ำ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ้า...นึกว่าลืมถ่าย ที่แท้ ก็เป็นรูปเดียวกะออกซิเจนในน้ำนั่นเอง ลองสังเกตุที่โฟมนะคะ เห็นเส้นขาวๆ เล็กๆ ไหมคะ อันนี้ของจริงคะ รากของต้นกะหล่ำปลีที่เราเพาะ ต้องให้มันยื่นออกมาแบบนี้นะคะ เวลาใส่ฟองน้ำในโฟมน่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:53:35 จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 16:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วันนี้เสริฟแต่น้ำเปล่าให้ต้นไม้กินไปก่อนหนึ่งวันนะคะ เพื่อให้มันปรับสภาพกับสิ่งแวดล้อมใหม่ไปก่อน พรุ่งนี้เราจะมาโพส how to อันนี้ต่อ ถึงขั้นตอนการใส่ปุ๋ยนะคะ สังเกตที่โฟมนะคะ ถึงเราจะปลูกในบ้าน แต่แสงยังคงสำคัญด้วยเช่นกัน ต้องเป็นที่ๆ แสงส่องถึง เพราะต้นไม้ต้องการแสงแดดในการสังเคราะห์อาหารเช่นกัน ถึงแม้ว่าปุ๋ยที่ให้ไปนั้นจะเป็นปุ๋ยที่เป็นสารอาหารโดยตรงแล้วก็ตาม จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 17:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นอย่างไรบ้างคะ วิธีการที่เพิ่งผ่านไป หวังว่ามันคงจะไม่ยุ่งยากจนเกินไปสำหรับมือใหม่นะคะ พรุ่งนี้เราจะมาดูการใส่ปุ๋ยกันนะคะ รูปอาจจะไม่ค่อยชัดหรือมืดไปหน่อย เพราะคนทำ ไม่มีกล้องดีๆ ถ่าย มีแต่มือถือที่พอจะถ่ายรูปได้เท่านั้นเองคะ T^T อันนี้เรามาอุ่นเครื่องก่อนการเติมปุ๋ยกันนะคะ เห็นภาพรูปแรกด้านบนไหมคะ เป็นภาพผักกาดขาวไดโตเกียวของเราที่ปลูกไว้ขายด้วย กินเองด้วยนะคะ เราอยากให้ดูที่สีของใบ เห็นไหมคะ เกือบเหลืองเลย อันนี้แสดงว่า ใส่ปุ๋ยน้อยไปคะ มันเลยเหลือง ไม่ใช่ผักกำลังจะตายนะคะ *.* จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 17:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้คะน้าเห็ดหอม เห็นไหมคะ สีของใบเหมือนกับคะน้าทั่วไป แสดงว่า อันนี้ใส่ปุ๋ยพอดีคะ จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 17:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ทุกๆ ครั้งไม่ใช่ว่า ปลูกแล้วจะได้ผล 100% นะคะ ของเราปลูกมาครึ่งปีกว่าๆ แล้ว ก็ยังพบปัญหา การตายของต้นอ่อน เวลาลงแปลงจริง หรือปลูกแล้วต้นกล้าไม่งอก อย่าท้อนะคะ...เป็นปัญหาปกติ ที่มือโปรท่านอื่นๆ ก็ยังเป็นเหมือนกันคะ แต่ของเขามีต้นสำรองเยอะ ปลูกจำนวนแปลงเยอะ ก็อาจจะมีซ่อมแซม ได้ แต่อย่างของเรา เราเองก็มีคะ ที่ปลูกแล้วไม่ขึ้น แต่ของเราปลูกจำนวนน้อยคะ ก็เลยมีสำรองไม่มาก ถ้าสุดๆ แล้วเกิน 1 สัปดาห์ ลงแล้วตายอีก ก็ต้องปล่อยแล้วคะ เพราะถ้าลงซ่อมผักเพิ่ม แปลงผักจะเสียสมดุล เนื่องจากรุ่นเดิมอายุผักมากกว่า รุ่นใหม่ใส่เสริมจะตามไม่ทัน แล้วเวลาการให้ปุ๋ย กับ การเก็บผัก จะยิ่งวุ่นวายกันไปใหญ่ (ให้ดูเลยคะ เดี๋ยวจะหาว่า โห..เอาแต่ด้านดีๆ มาให้ดู) จากคุณ : วิหคลม - [ 17 ธ.ค. 50 17:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่า จะลองผสมปุ๋ยเกล็ดลองทำดูบ้างและ   เผื่อจะงามบ้าง   ดู พี่วิหคลม  เป็นตัวอย่าง  แบบนี้  เอาไปเรียนแบบได้ สบายเลยครับ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 17 ธ.ค. 50 17:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แจ๋วจริง เด๋ยวต้องลองทำดูบ้างล่ะ จากคุณ : i_nam - [ 17 ธ.ค. 50 19:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณวิหคลมทำให้ดูแล้วง่ายมากๆ เลยครับ เมื่อ 7-8ปีก่อนเคยไปอบรมที่โคราช อาจารย์อธิบายให้ฟัง+แสดงตัวอย่างให้ดูแล้วงงมากๆ ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : นายทิว - [ 17 ธ.ค. 50 21:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โอ้ โห มีรูปประกอบ  step by step  อย่างนี้ ทำตามได้ไม่ยาก ขอบคุณวิหคลม สำหรับรอยหยักซาหม๋อง วันนี้  แจ่มมากค่า จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 18 ธ.ค. 50 05:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ..จะง่าย ขะ-ไหน-หนาด นั้นนนนน..... ได้เพิ่มรอยหยักซาหมอง             สุดปลายยอด  เจ้งๆๆ...เอามาต่อเร็วๆนะคับ...     .^^.                ปูเสื่อนอนรอ ชมตอนต่อไป....... จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 ธ.ค. 50 08:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณสำหรับความรู้ที่สุดยอดมาก ๆ จะลองปฏิบัติตามนี้เลยคะ จากคุณ : jingji9 - [ 18 ธ.ค. 50 12:50:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับคำชมที่มีให้ และเรารู้สึกมีความสุขที่ได้แบ่งปันในสิ่งที่รู้ให้กับคนที่ต้องการ วันนี้เราจะมาดูเรื่องการเติมปุ๋ยกันนะคะ อย่างแรกเลย คือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ภาพที่เห็นคือ เหยือกที่มีขีดบอกจำนวนปริมาณ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 14:29:43 จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ปุ๋ยน้ำสำหรับพืชไร้ดิน จะมีอยู่ 2 อย่าง ซึ่งต้องใส่ผสมกัน ในปริมาณที่เท่าๆ กัน จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เราสามารถหาซื้อได้ตามแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์และแปลงปลูกพืชไร้ดินทั่วไปนะคะ อย่างของเรา เราซื้อจาก ที่นี่คะ เขาจะมีฟองน้ำสำเร็จขายด้วยคะ http://www.bangsaiagro.com/ หรือที่นี่ ก็มีน้ำปุ๋ยขายนะคะ http://www.thaimeehydrofarm.com/ แต่ถ้ายุ่งยากจนเกินไปเอาแบบง่ายๆ นะคะ หาปุ๋ยชนิดน้ำตามร้านขายทั่วไปที่มีส่วนผสม ดังนี้ 1. โปแตสเซียมไนเตรท 2.แคลเซียมไนเตรท 3.แอมโมเนียมซัลเฟต 4.แมกนีเซียมซัลเฟต 5.เหล็กคีเลท 6.มังกานีสซัลเฟต 7.บอริกแอซิค 8.คอปเปอร์ซัลเฟต 9.ซิงค์ซัลเฟต 10. แอมโมเนียมโมลิบเดท ***ส่วนผสมเคมีในปุ๋ยทั้งหมดนี้ ของเราคัดลอกมาจากชีทที่อาจารย์แจกให้ตอนไปเรียนนะคะ ถ้าคุณไปเจอปุ๋ยน้ำที่มีส่วนผสมครบแบบนี้ ก็ใช้อันนั้นเลยก็ได้คะ *** จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทำไมถึงต้องใส่ 2 อันปนกัน? เพราะว่า สารละลายอาหาร(ปุ๋ยน้ำ) จะมีสารอาหารอันหนึ่ง ในถัง A ที่รวมกับสารละลายอีกอันหนึ่งของถัง B แล้วจะทำปฎิกิริยาตกตะกอนคะ เมื่อตกตะกอนแล้ว พืชจะไม่ได้รับสารเคมี 2 ตัวนั้น จึงทำให้พืชได้สารอาหารไม่ครบ ดังนั้น วิธีการใส่ ก็คือ ใส่ทีละอย่าง ในปริมาณที่เท่ากัน อย่างตัวอย่าง เราเริ่มใส่จากถัง B ก่อน (จะใส่จากถังไหนก่อนก็ได้นะคะ) สำคัญที่ระยะเวลาห่างของการเติมสารเคมี 2 ชนิด ต้องห่างกันอย่างต่ำ 4 ช.ม. แต่ถ้าคุณเองต้องทำงานแต่เช้า วิธีง่าย ๆ ก็คือ ใส่ตัวหนึ่งตอนก่อนไปทำงาน และใส่อีกตัวหนึ่ง หลังจากกลับมาจากที่ทำงานก็ได้คะ ข้อสำคัญเพียงอย่างเดียวก็คือ อย่าลืมใส่อีกตัวก็แล้วกันคะ ^^ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 14:51:09 จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อันนี้ของเราทดลองใส่ไป 250 มิลิลิตร (อ่ะเปล่านะ - -" เราเรียกหน่วยมันไม่ถูกอ่ะ) จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 43 นี่ ... ใส่ลงไปเลย แบบนี้ ^^ จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 44 หลังจากนั้น ก็ต้องรอเวลา 4 ช.ม. ถึงจะใส่อีกตัวลงไป วิธีการง่ายๆ ของเรา ไม่ต้องมาจำว่าใส่ไปเท่าไหร่ในตัวแรก ก็คือ ตวงตัวที่ 2 รอไว้ก่อนเลย แล้วนำไปวางใกล้ๆ กับภาชนะปลูกของเราเลยคะ สังเกตุนะคะ น้ำปุ๋ยอันแรกจะเป็นสีเหลือง แล้วอีกตัวจะเป็นสีเขียว แต่อย่างตอนไปเรียนจะเป็นสีเหลือง กับ สีฟ้า (ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมมันไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนโง่ๆ แบบเราที่จะเข้าใจคะ -.-") จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 14:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เป็นไงคะ สำหรับวิธีการเติมปุ๋ย อาจจะยุ่งยากเรื่องการหาปุ๋ย แต่วิธีการเติม คงไม่ยุ่งสักเท่าไหร่นะคะ อ๋อ...เรื่องที่ลืมบอกไปจากเมื่อวาน วิธีนี้เหมาะสำหรับปลูกผักกินใบนะคะ ไม่เหมาะสำหรับผักกินผล เพราะโฟมไม่สามารถพยุงลำต้นที่สูงมากๆ ได้คะ แต่คุณอาจจะประยุกต์มากกว่านี้อีกหน่อยได้ โดยการ สร้างเสา เหมือนราวตากผ้า แล้วเอาเชือกผูกลำต้น กับราวตากผ้าอันจิ๋วเหล่านั้น คอยช่วยพยุงลำต้นตอนที่มันโตก็ได้คะ ผักกินใบประเภทหัว อย่างพวกกะหล่ำปลีที่เราทดลองปลูกจะกินปุ๋ยมากกว่าผักประเภทกินใบทั่วไป อย่าง คะน้า กวางตุ้ง นะคะ ถ้าคุณอยากปลูกผักสลัด ก็สามารถหาซื้อเม็ดผักสลัดมาเพาะได้คะ แต่เวลาก่อนคุณจะใส่กล้าต้นผักสลัดที่อยู่ในฟองน้ำลงโฟม ให้คุณไปซื้อขนมปีโป้ (เราต้องการถ้วยพลาสติกมันคะ) นำถ้วย มาตัดก้นกรวยออก แล้วนำฟองน้ำที่มีต้นกล้าใส่ถ้วยปีโป้ก่อนชั้นหนึ่ง แล้วนำถ้วยปีโป้ซ้อนลงไปในรูโฟมที่เราเจาะไว้ ทำไมต้องใส่ถ้วยปีโป้ก่อนด้วยล่ะ? เพราะว่า ผักสลัดจะมีลักษณะต้นพุ่ม หนา และมีน้ำหนักมาก ส่วนมากจะอวบน้ำด้วยคะ (ผักอวบน้ำ = ผักที่เก็บกักน้ำไว้ตามกิ่งก้านเป็นพิเศษ) ถ้วยปีโป้จะช่วยพยุงทรงไม่ให้ผักล้มคะ (อันนี้ใช้กับผักกาดหอมด้วยนะคะ) แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 01:55:16 จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 46 หวังว่าเขาคงไม่ว่านะ - -" เราไปจิ๊กภาพผักสลัดมาให้เพื่อนๆ ที่นี่ดูจาก เวปนี้คะ http://www.agrocm.com/hydo.html ลองดูดีๆ ที่ตรงโคนต้นไม้นะคะ มันจะมีขาวๆ เป็นถ้วยนะคะ ที่เราบอกว่าประยุกต์ไปใช้ถ้วยปีโป้ (ขนมของลูกแทนอ่ะคะ ^^") ****อ้อ...ลืมอีกแหละ - -" ถ้าปลูกผักประเภทผักสลัด เวลาเพาะกล้า ต้องเพาะอย่างละ 1 เมล็ดต่อ 1 ฟองน้ำนะคะ ไม่สามารถปลูก 3 - 4 ต้น เหมือนผักกินใบนะคะ เพราะว่ามันจะแน่นเกินไป**** จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ประมาณ 2 วัน ลองดูนะคะว่า สีใบของผักเป็นอย่างไร ถ้าเป็นสีเขียวอ่อนออกเหลือง หรือว่า เหลือง แสดงว่า ต้องเติมปุ๋ยลงไปอีก ให้ทำวิธีเดียวกันกับวิธีการเติมปุ๋ยที่กล่าวมาแล้วนะคะ แต่ถ้ามันเขียวปี๋เลย แสดงว่า น้ำปุ๋ยเยอะไป เติมน้ำปะปาลงไปเพิ่มนะคะ เปลี่ยนน้ำทุกๆ 1 สัปดาห์ (แต่เราว่า เราจะลองดูสัก 2 สัปดาห์ล่ะ ^^) จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว ตามที่เรียนมาคือ 1 เดือนสำหรับหน้าหนาว 1 เดือน 15 วัน สำหรับหน้าร้อน แต่ของเราปลูกกินเอง ก็ดูตามความพอใจของเราก็ได้คะ ถ้าคิดว่า o.k. พอแหละ ก็ให้เตรียมเก็บเกี่ยวได้ แต่อย่าควรนานจนถึง 2 เดือนนะคะ ผักมันจะแก่มากเลยคะ ใยผักจะเยอะจนเหนียวเลยคะ *~* จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 หลายๆ คนมักตั้งคำถามว่า แล้วมันจะปลอดภัยเหรอ? ในเมื่อเป็นเคมีล้วนๆ ในสารอาหาร ขอตอบคำถามตามที่เรียนมานะคะว่า พืชที่ปลูกในดิน ก็มีสารเคมีที่เรียกว่าไนเตรท ซึ่งสารเคมีตัวนี้อาจทำอันตรายกับร่ายกายได้ และพืชไร้ดินก็มีเช่นกันคะ วิธีการทำให้ไนเตรท หมดไปจากผักของเรา เมื่อคุณต้องการเก็บผัก ให้เปลี่ยนน้ำล่วงหน้า 1 วัน โดยใส่แต่น้ำเปล่าเท่านั้น!!!! ไนเตรทจะแทบไม่มีเหลือ หรือเหลือ ก็มีปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่ายกายได้คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 50 โรคและแมลงที่จะมารบกวนผัก สำหรับแมลง เราแนะนำว่าให้หามุ้งลวดหรือตาข่ายพลาสติกถี่ๆ ที่แสงสามารถลอดผ่านได้ มาคลุมนะคะ หรือไม่ก็ปลูกแบบเราก็ได้คะ บ้านเราปิดมุ้งลวดทั้งหลัง เลยเอามันมาปลูกในบ้านซะเลย ประหยัดค่ามุ้งลวดคะ หรือบ้านไหนมีมุ้งเด็กเล็กที่ไม่ใช้แล้ว ก็เอามาครอบไว้ก็ได้คะ ***แต่อย่าลืมนะคะ มันต้องมีแดดส่องถึง ต้นไม้ต้องการแดดพอ ๆ กับน้ำและอาหาร*** สำหรับโรคที่เราเจอ แทบไม่ค่อยมีนะคะ จะมีที่เป็นคือ โรคทริบเบิน (ใบอ่อนข้างในเริ่มเป็นรอยไหม้ตามขอบใบ) อันนี้จากที่เรียน สาเหตุเพราะว่า เมื่อผักใกล้เก็บเกี่ยวแล้ว มักจะไม่ค่อยยอมกินสารอาหาร (มันดื้อคะ - -*) ตอนนี้หลายๆ ท่านยังหาวิธีรักษาไม่ได้คะ เขาแนะนำให้เก็บก่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่เรากำลังอยู่ระหว่างทดลองวิธีแนวความคิดของเราเองอยู่นะคะ คือ ในอาทิตย์สุดท้าย เราจะค่อยๆ ลดปริมาณปุ๋ยและเพิ่มปริมาณน้ำทุกๆ วัน วันละนิดคะ เพื่อไม่ให้ผักขาดสารอาหาร  ผลการทดลอง รุ่นแรกได้ผลดีคะ ไม่เป็นโรคทริบเบินเลยคะ แต่รุ่น 2 วันนี้ไปดูเริ่มมีอาการบ้างแล้ว - -" ก็อย่างที่บอกนะคะ ว่ากำลังอยู่ระหว่างทดลอง ใครจะลองทดลองร่วมกะเราก็ได้นะคะ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 15:34:09 จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 51 บทเรียนยังไม่จบนะคะ ยังเหลือขั้นตอนของผัก เมื่ออายุ 15 วัน ซึ่งตอนนี้เพิ่งเริ่มปลูกตอนทำ How to ... คงต้องรอหน่อยนะคะ อีกประมาณ 15 วัน (นับจากเติมน้ำปุ๋ยหนแรก) เราจะมาโพสต่อให้ดูนะคะ วิธีการเพิ่มออกซิเจนให้รากต้นไม้ ทำอย่างไร อันนีก็สำคัญนะคะ เพราะถ้าไม่ทำ ผักจะโตแค่ระยะเดียวและจะไม่ยอมโตต่อไปคะ โปรดติดตามตอนต่อไป... จากคุณ : วิหคลม - [ 18 ธ.ค. 50 15:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ......ตามมาชม     .....จ่ายค่าตั๋วได้ที่ไหนคับ  ...ฮิ..ฮิ       ปูเสื่อนอนรอ  ตามระเบียบคับ..//smeile จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 ธ.ค. 50 21:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ปรบมือให้ครับ ถ่ายทอดได้ดีมากๆ เข้าใจง่าย รายละเอียดครบ เพื่อประโยชน์สูงสุด  ขออนุญาตนำลิงก์ไปเผยแพร่ต่อในห้องต้นไม้ด้วยครับ ขออนุญาต รบกวนให้แก้ไขนิดนึง "เครื่องพ่นออกซิเจน" คำเรียกที่ถูกต้อง ควรจะเป็น"ปั๊มลม"  หรือ "เครื่องปั๊มลม" เพราะอากาศที่ออกจากเครื่องนี้ เป็นอากาศหรือลมธรรมดาๆที่เราใช้หายใจที่มีทั้งไนโตรเจน ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซค์ ฯลฯ หากใช้คำว่า "เครื่องพ่นออกซิเจน" จะกลายเป็นทำให้เข้าใจว่า พ่นเฉพาะออกซิเจนออกมา เก็บกระทู้เข้าคลัง เรียบร้อยแล้ว จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 19 ธ.ค. 50 07:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มา นั่งแถวหลัง  ไม่ต้องจ่ายค่าชมน๊อ คริ คริ ข้อมูล ละเอียดดี  ดู ภาพ อ่านข้อมูลแล้วนึกภาพตามได้   ขยันทดลองซะด้วย สมกะเป็นเจ้าแม่ไฮโดรโปรนิก  เข็นมาอีกค่ะ จะรอชมต่อ จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 19 ธ.ค. 50 07:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ของผมเป็นผักสลัดครับ ซื้อชุดสำเร็จรูปมาลงพร้อมเลย ตอนนี้ก็ได้เวลาเอามาชิมแล้วล่ะ มีเรื่องสงสัยนิดนึงครับว่า ทำไมลงปลูกพร้อมกันแต่โตไม่เท่ากันล่ะครับ จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 11:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ลืมบอกไปว่าผักชนิดเดียวกันแต่โตไม่เท่ากันครับ และที่สงสัยอีกอย่างนึงคือในบรรดาสลัดใบเขียวที่ผมปลูกก็มีแต่กรีนโอ๊คนี่แหละครับที่สีอ่อนสุดจนเกือบเหลือง ถ้าเป็นเพราะปุ๋ยน้อยไปทำไมมันถึงไม่ออกเหลืองทั้งหมดครับ โดนแดดก็โดนเท่าๆกันนะ ใครก็ได้ช่วยบอกที จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 11:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อันนี้ก็butter head บานได้สะใจดี ปัญหาน้อยมาก จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 11:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ส่วนเจ้าcosนี่ก็สมบูรย์ดีครับ ใบที่เสียหายไม่มี จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 11:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 59 แต่สำหรับfileyโตได้เท่านี้เอง มีปัญหาใบเสียหายพอสมควร มีfileyอยู่ต้นนึงดูเหมือนโคนจะเน่าด้วยครับ แต่ก็พอกินได้น่ะ จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 12:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 60 red oak มีใบเสียหายเล็กน้อย สัมผัสดูแล้วเหมือนใบจะกรอบมาก จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 12:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ส่วนred coralนี่มีขนาดเล็กเป็นอันดับสองต่อจากfiley และเจอหนอนเขียวตัวเล็กอีกหนึ่งตัวที่ใต้ใบครับ ไม่รู้ว่ามาจากไหน กัดกินใบเสียหายไปบางส่วน จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 12:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ใบที่เสียหายส่วนมากเป็นเพราะแดดครับ โดนแดดจนถึงบ่ายสามคงมากเกินไป ใบเหี่ยวแห้งและไหม้ไปหลายใบ ต้องคอยฉีดfoggyวันละหลายๆรอบ หมดรอบนี้ผมกะว่าจะย้ายโต๊ะปลูกไปไว้มุมอื่นดูบ้าง แล้วของคุณวิหคลมนี่อยู่ในบ้านแดดพอมั้ยครับ คนขายเค๊าบอกผมว่าถ้าแดดน้อยเกินไปลำต้นมันจะสูงแล้วไม่เป็นพุ่มเท่าไหร่ ถ้าขายราคาจะไม่ดีเหมือนทรงพุ่ม จริงมั้ยครับ หรือเป็นแต่เฉพาะผักสลัด จากคุณ : ปุลากง - [ 19 ธ.ค. 50 12:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เรื่องแสง ช่วงนี้แสงจัด เนื่องจากพระอาทิตย์อยู่ใกล้โลก และท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆหมอก แนะนำให้ขึงสแลนกรองแสงแดดให้เค้า ประมาณ ๔๐-๖๐%ครับ (ไม้ใหญ่ลงใหม่ ยังไม่รอดเลย ต้องขึงสแลนบังแดดให้เค้า ถึงรอด) จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 19 ธ.ค. 50 12:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 โอ๊ววว นี่มันกระทู้จุดประกาย พลังชายไร่ของผมชัด ๆ เลย ชอบครับ เล่าเรื่องได้เข้าใจง่าย + รูปภาพด้วย เข้าใจง่ายหนักเข้าไปอีก เยี่ยมเลยครับ เสาร์นี้จะทำบ้าง รูปผักสวยจังเลยครับ ผมชอบต้นผักต่าง ๆ เพราะมันสวยมากเลย น่ารักดีครับ จากคุณ : The Cole - [ 19 ธ.ค. 50 16:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณวิหคลม เก่งจังค่ะ ถ่ายทอดความรู้ได้เยี่ยมมาก จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 19 ธ.ค. 50 18:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เยี่ยมมากๆค่ะ ทุกท่าน อยากปลูกผักทานเองบ้างจังค่ะ แต่ติดเรื่องพื้นที่ และหาปุ๋ยกะสารอาหารยากอยู่อะค่า จากคุณ : paninee - [ 19 ธ.ค. 50 22:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณนะครับคุณต้นโพธิ์ต้นไทร สแลนนี่ถ้าซื้อซักสามเมตรเค๊าจะแบ่งขายมั้ยเอ่ย แล้วใช้สีไหนถึงจะกรองแสงได้โดยไม่บดบังแสงมากจนเกินไป จากคุณ : ปุลากง - [ 20 ธ.ค. 50 01:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณคุณต้นโพธิ์ต้นไทรมากเลยคะ สำหรับการเรียก เครื่องปั๊มลม สำหรับคุณปุลากงนะคะ ของคุณเป็นระบบรางน้ำคะ เขาจะทำให้รางจะมีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อน้ำจะได้ไหลจากที่สูง ซึ่งเป็นต้นทางไปยังที่ต่ำ ซึ่งเป็นปลายทาง ก่อนที่จะลงสู่ตัวถังรวมของน้ำที่อยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นน้ำจะถูกแรงดันสูบขึ้นไปยังต้นทางอีกครั้ง ที่ผักโตไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะว่า ผักต้นทางจะได้ปุ๋ยก่อน พอถึงผักที่อยู่ต้นปลายทาง มันจะได้อาหารเป็นต้นสุดท้าย ทั้งรางจึงจะได้ไม่เท่ากันคะ เพราะกว่าจะมาถึงปลายทาง มันก็โดนต้นอื่นแย่งไปจนเกือบหมด สำหรับผักสลัด มักจะใช้สแลงกั้นป้องกันการโดนแสงแดดโดยตรง ที่เขาใช้ตามลานจอดรถกลางแจ้งภายในบริเวรณห้างไงคะ แบบนั้นแหละคะ เราเคยให้พี่สาวซื้อให้จากโลตัสคะ นำมาตัดเท่าความยาวของแปลงเรา คลุมด้านบนไว้นะคะ เคยไปดูงานในสวนระบบนี้นะคะ  เวลาทำความสะอาดหลังเก็บผักแล้ว เขาจะใช้แปรงต่อด้วยไม้ยาวๆ เข้าไปขัดรางเพื่อทำความสะอาด แล้วพี่เจ้าของฟาร์มที่ไปดูงาน เขาซื้อคลอรีนจากร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีวิทยาศาสตร์มาผสมเจือจางในถังน้ำของเขา เปิดเข้ารางเพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังจากนั้น เขาก็ถ่ายทิ้ง ทิ้งไว้ 1 - 2 วัน ให้แห้ง จึงเริ่มเปิดน้ำทำการปลูกใหม่ ระบบนี้จะมีปัญหาตรงที่ว่า หากเกิดการติดเชื้อ มันจะเป็นยกแผงเลยคะ เพราะระบบการกระจายน้ำ มาจากถังเดียวกันหมด เพราะงั้นต้องหมั่นทำความสะอาดหลังปลูกแต่ละครั้งหน่อยนะคะ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 09:44:10 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 01:30:54 จากคุณ : วิหคลม - [ 20 ธ.ค. 50 01:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แต่ที่เราไปเรียนมาจากอาจารย์ที่ม.เกษตรนะคะ นี่เลยคะ ยาฆ่าเชื้อโรคของเรา (ไฮเตอร์ชนิดธรรมดา - มันจะมีธรรมดา กับสีชมพูนะคะ ยี่ห้อนี้อ่ะ) ใช้เจือจาง หลังจากแช่น้ำยาเจือจางไปสักพัก เราตามด้วยน้ำเปล่า 2 - 3 รอบเพื่อความมั่นใจว่า จะไม่มีน้ำยาหลงเหลืออยู่แล้ว หลังจากนั้น เราก็จะตากแปลงผักไว้สัก 1 -2 วัน ให้แห้งเลยคะ แล้วค่อยปล่อยน้ำปลูกใหม่อีกครั้ง ของเราปลูกผักทั่วไปคะ คุณปุลากง เพราะเราอยู่จ.นนทบุรีคะ ที่นี่แดดแรงมาก ไม่เหมาะสำหรับปลูกผักสลัดคะ เพราะผักสลัดต้องการแดดก็จริง แต่ต้องไม่ลืมนะคะ ผักพวกนี้เป็นผักต่างประเทศ มันสู้แดดแรงๆ แบบบ้านเราไม่ได้คะ คุณต้องใช้สแลนแบบที่เขาบอกนั่นแหละ ของเราใช้แค่ตอนต้นเล็กๆ แต่ของคุณต้องใช้ตลอดเลยนะคะ ไม่ต้องเอาออกคะ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 01:29:22 จากคุณ : วิหคลม - [ 20 ธ.ค. 50 01:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สแลนที่ขายๆกัน หน้ากว้าง ๙๐ และ ๑๘๐ซม.ครับ มี ๒-๓สี คือเขียว น้ำเงิน(ฟ้า) ดำ (สีที่จะใช้ ก็ตามชอบเลยครับ) มีเปอร์เซ็นต์ความเข้ม ในการกรองแสง ตั้งแต่ ๔๐,๕๐,๖๐,๗๐,๘๐% ซื้อแบ่งเค้าก็ขาย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 20 ธ.ค. 50 05:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าใครอยากปลูกผักสลัด หรือจำพวกผักกาดหอม ลองสังเกตุ รูปจากความคิดเห็นของคุณปุลากง ที่ 55 และ 58 นะคะ และไปอ่านความคิดเห็นที่ 45 ของเราใหม่นะคะ จะเห็นว่า ต้นผักสลัดของคุณปุลากง จะมีถ้วยพลาสติก ซึ่งเจาะรูตรงก้นถ้วย (อันนี้ถ้าใครอยากปลูกผักสลัด ก็ใช้ถ้วยขนมปีโป้ หรือพวกคุ๊กกี้กล่องละ 10 - 20 บาท ที่มันมีพลาสติคที่วางขนม มาประยุกต์แทนจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อคะ) สวัสดียามเช้าคะ คุณต้นโพธิ์ต้นไทร จากคุณ : วิหคลม - [ 20 ธ.ค. 50 09:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 72 วันนี้มาอัพเดทต้นกะหล่ำปลีของเราให้ดูคะ หลังจากผ่านการเติมน้ำปุ๋ยไปแล้ว 2 - 3 วัน สีของใบยังคงเป็นสีเขียวไม่เหลือง แบบนี้ก็ o.k. แล้วคะ จากคุณ : วิหคลม - [ 20 ธ.ค. 50 09:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 73 แต่มีบางต้นที่กำลังจะเริ่มตายด้วยเหมือนกัน กิ่งมันจะอ่อนปวกเปียกเลยคะ ไม่ตั้งตรงแข็งเหมือนต้นอื่นๆ จากคุณ : วิหคลม - [ 20 ธ.ค. 50 09:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้าใครปลูกผักจำพวกกินหัวแบบเรา ต้องหมั่นสังเกตใบหน่อยนะคะ เพราะอย่างที่บอกเบื้องต้นไปแล้ว ว่าผักประเภทนี้กินปุ๋ยมาก คุณอาจจะต้องเติมปุ๋ยถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำแต่ละสัปดาห์ก็ได้ เอาไว้โครงการกะหล่ำปลี o.k. แล้วเมล็ดผักหมดก่อน อาจจะลองปลูกผักสลัดเหมือนคุณปุลากงมั่ง ^^ จากคุณ : วิหคลม - [ 20 ธ.ค. 50 09:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณคุณวิหคลมและคุณต้นโพธิ์ต้นไทรครับ ถ้ามีเวลาจะลองหาโอกาสปลูกผักคะน้าดูบ้าง จากคุณ : ปุลากง - [ 21 ธ.ค. 50 04:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 76 แหล่มเลย เอาบ้าง ๆๆๆ จากคุณ : biebie999 - [ 21 ธ.ค. 50 08:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณมากครับ เป็นพระคุณกับผู้ที่สนใจมากๆครับ คุณวิหกลม อยู่นนท์ แถวไหนครับ ผมอยู่ไทรม้า กลางสวนชาวบ้าน อากาศดีมาก แต่ก็รู้สึกว่าแดดแรงครับ จากคุณ : หนุ่มไทรม้า (เป็ด) - [ 22 ธ.ค. 50 10:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณชาวพืชไฮโดร มากค่ะ.....ได้รับความรู้เพิ่มเติมอีกแล้ว..... จากคุณ : แมกไม้ไทย - [ 23 ธ.ค. 50 23:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อยู่หมู่บ้านบางบัวทอง หลังโรงเรียนนานาชาติกสิณธรคะ เลยบางใหญ่ 3 ป้ายรถเมล์คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 25 ธ.ค. 50 06:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อ่า...ผิดความคาดหมาย ต้นกะหล่ำปลีน้อย พากันตายหมด ไม่รอดเลยสักต้น ภายในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรก เกิดจากต้นกล้าอ่อนแอเกินไป เลยต้องเพาะใหม่ แต่เห็นว่าหลาย ๆ คน เริ่มทำตามแล้ว - -"  ก็เลยจะอธิบายแบบใช้ภาพวาดเอานะคะ สมมติว่า พอต้นไม้อายุประมาณ 15 วัน หรือสังเกตุว่า ต้นเริ่มที่จะหยุดการเติบโต ให้หาขวดพลาสติกเล็กๆ เช่น ขวดยาคูล ขวดนมเปรี้ยวขนาดเล็ก ล้างให้สะอาด แล้วใส่น้ำลงในขวด เพื่อเพิ่มน้ำหนักไม่ให้ขวดล้มได้ หลังจากนั้น ก็ให้นำไปวางลงในน้ำปุ๋ย โดยให้น้ำปุ๋ยอยู่ต่ำกว่าประมาณ 1 - 2 เซนติเมตร จากขอบปากขวดพลาสติคที่นำไปวางเพื่อเป็นฐานรองรับโฟม หลังจากนั้นก็นำโฟมของต้นผักวางไว้ตามเดิม พยายามวางขวดพลาสติคอย่าให้ตรงกับรากผักนะคะ ข้อสังเกตุ : ให้รากของผักที่เราปลูก ยังยื่นยาวลงไปถึงน้ำปุ๋ยได้นะคะ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 50 13:58:14 จากคุณ : วิหคลม - [ 26 ธ.ค. 50 13:52:39 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ให้เกิดช่องว่างระหว่างน้ำกับโฟมที่ปลูกผักของคุณเล็กน้อยนะคะ ลองดูภาพนี้อีกหนนะคะ ให้เห็นชัดๆ อีกที จากคุณ : วิหคลม - [ 26 ธ.ค. 50 13:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่รู้ว่าจะเข้าไหมนะคะ คือ สอบตกศิลปะมาตั้งแต่เด็ก - -" ได้เท่าที่เห็นเนี่ยแหละคะ วิธีวาด เราจะวางโฟมไว้เหนือน้ำปุ๋ยแบบนี้ จนกว่าจะเก็บผักเลยนะคะ โดยต้องไม่ลืมนะคะ เหมือนเดิมคะ เปลี่ยนน้ำปุ๋ยทุกสัปดาห์แบบเดิม วันสุดท้าย ก่อนเก็บผักมาทาน เปลี่ยนน้ำปุ๋ย ไปเป็นน้ำเปล่าล้วนๆ เพื่อความปลอดภัย อ๋อ...จำไม่ได้ว่า บอกแล้วหรือยัง ว่า น้ำปุ๋ยที่เปลี่ยนทิ้งนั้น อย่าให้เสียของเปล่านะคะ เอาไปรดน้ำต้นไม้บนดินได้ ยกเว้นพืชจำพวกเห็ดนะคะ (เท่าที่ทราบ เพราะว่า เห็ดต้องการสารอาหารที่แตกต่างจากพืชชนิดอื่นคะ) ในรูปเป็นรากของผักกาดขาวไดโตเกียวที่อายุ 15 วันนะคะ จากคุณ : วิหคลม - [ 26 ธ.ค. 50 14:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ข้อสังเกต : เวลาซื้อผักไร้สารนะคะ ให้ดูที่รากผักคะ ผักที่แข็งแรงดีและสะอาด สีของรากจะเป็นสีขาว หรือเกือบขาวแบบในภาพคะ ถึงตอนนี้ ก็เป็นอันจบแล้วนะคะ เรื่องการปลูกพืชไร้ดิน แต่พรุ่งนี้เราจะเก็บผัก แล้วคะ จะถ่ายภาพของผักที่เป็นทริบเบิน หรือ ใบอ่อนไหม้ มาให้ดูนะคะ แต่อาจจะรอสักวันจันทร์หน้านะคะ เพราะต้องทำการล้างแปลงผักก่อน 1 วันเก็บผัก อีก 2 วัน ล้างแปลงผัก (คือ ทำอยู่คนเดียวคะ เลยทำได้ช้า - -") จากคุณ : วิหคลม - [ 26 ธ.ค. 50 14:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มาปูเสื่อรอดูต่อค่ะ คุณวิหคลม จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 28 ธ.ค. 50 16:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อันนี้เป็นรูปถ่ายของผักที่เป็นโรคทริบเบิน จากคุณ : วิหคลม - [ 2 ม.ค. 51 10:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นไหมคะ? ใบของแกนกลางเริ่มเฉา ทั้งๆ ที่ใบใหญ่ๆ ก็ยังคงดีอยู่ ถ้าปลูกทานเอง ก็แค่ตัดรอยไหม้ออก ก็ทานได้ทั้งต้นแล้วนะคะ แต่ถ้าจะปลูกขาย แบบนี้ก็ต้องทิ้งอย่างเดียวเลยคะ  งวดนี้เป็นเยอะซะด้วย T^T จากคุณ : วิหคลม - [ 2 ม.ค. 51 10:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ถ้าใครคิดอยากจะปลูกเป็นอาชีพนะคะ แนะนำว่า ลงทุนไปเรียนกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก่อนนะคะ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ) ค่าคอร์สค่อนข้างแพง เปิดเฉพาะช่วงปิดเทอม แต่ถ้าลงทุนแล้วเกิดปัญหา (ต้นทุนที่ลงไปแพงกว่าคะ) เคยถามพี่เจ้าของฟาร์มที่ไปดูงานมา เขาก็ว่า ลงทุนไป 1 ล้านบาท (เขาปลูกผักสลัดระบบเดียวกับของคุณปุลากงคะ) เขาว่า ถ้าตอนนั้นรู้แบบตอนนี้ เขาก็คงเอาเงินนั่นไปทำอย่างอื่นดีกว่า (เราด้วย T^T) ไม่ใช่ว่าอาชีพนี้ไม่ดีนะคะ - -" แต่ว่า จะมีปัญหาเรื่องโรคของผัก ที่ทำให้ขายไม่ได้ (แต่กินได้ ต้องเข้าใจนะคะ เวลาขายเนี่ย มันก็ต้องสวยๆ ใช่ไหมคะ? ไม่งั้นเราเองไปซื้อยังไม่หยิบเลย ถ้ามันดูไม่ดี) เป็นปัญหาที่ทุกฟาร์มก็ต้องฟาดฟันเหมือนๆ กันคะ นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องของตลาดคะ ตอนไหนเราผักเยอะ คนอื่นๆ ที่ปลูกขาย ก็เยอะด้วยเช่นกัน ตอนไหนเราขาด คนอื่นก็ขาดด้วยเช่นกัน แถมยังมีผักบนดินมาช่วยตัดราคาอีก Y^Y (กล้ายืนยันได้เลยคะ เป็นทุกฟาร์ม) ถ้าใครที่ลงทุนทำเพื่อการค้าแล้วล่ะก็... ก็ขอเป็นกำลังใจ และบอกเหมือนพี่เจ้าของฟาร์มที่ไปดูงาน ให้กำลังใจมาว่า "สู้ๆ คะ ^^ " จากคุณ : วิหคลม - [ 2 ม.ค. 51 10:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ฟังแล้วไม่กล้าปลูกเป็นอาชีพเลยครับ แต่ปลูกกินเองนี่น่าสนใจมากครับ ต้องลอง ๆ ขอบคุณ คุณวิหกลม ณ บางบัวทอง มากครับ ขอให้บุญกุศล ที่ได้เผยแพร่ความรู้นี้ จงดลบันดาลให้คุณวิหกลม ประสบผลตามที่ตั้งใจทุกประการเทอญ สาธุ...เพี้ยง... จากคุณ : หนุ่มไทรม้า (เป็ด) - [ 3 ม.ค. 51 17:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 89 โอ้โห  อึ้งกิมกี่ ยังงี้ต้องลองปลูกดูบ้างแล้ว พอดีอยากหารายได้เสริมค่ะ อยากจะทำสลัดขายหน่ะค่ะ ถ้าได้ปลูกผักเองก็คงจะดีน่ะค่ะ  แต่ตอนนี้คงต้องลองปลูกกินเองซ่ะก่อนแล้ว จากคุณ : มี้นำโชค - [ 4 ม.ค. 51 17:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากครับ  ได้ความรู้หลายๆเลย จากคุณ : เห็ดเหม็น - [ 12 ม.ค. 51 17:56:52 ]