ความคิดเห็นที่ 1 น่ากลัวจังเลย แมวจากไปเร็วมาก จากคุณ : Fullgold - [ 19 ธ.ค. 50 22:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เท่าที่เห็นในห้องแมว เขาจากเราไปแล้วสามตัว แต่ตามคลีนิค  บ้านคน วัด อีกไม่รู้เท่าไหร่ ทุกวันที่พาตัวโน้ตไปหาหมอ พบแมวที่มีอาการเดียวกันในแต่ละวัน ไม่ต่ำกว่า 20 ตัว แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 50 22:44:32 จากคุณ : เช้านี้ยังมีเธอ - [ 19 ธ.ค. 50 22:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ อยากทราบว่า ถ้าแมวที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด/หวัดแมวแล้ว มีภูมิคุ้มกัน (วัคซีนเข็มละประมาณ 180-240 บาท แล้วแต่คลีนิค) จะมีโอกาสเป็นโรคนี้ไหมค่ะ จากคุณ : ~ เหมียวอารีย์ ~ - [ 19 ธ.ค. 50 22:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่ากลัว....ไม่มีทางป้องกันเลยเหรอ จากคุณ : แมวแสบ (แมวแสบ) - [ 19 ธ.ค. 50 22:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น่ากลัวจังค่ะ เดี๋ยวจะรีบเอาไปทำวัคซีนเลย จากคุณ : happypookie - [ 19 ธ.ค. 50 22:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โรคไข้หัดแมว “มหันตภัยร้ายสำหรับแมวที่คุณรัก” Pets Health Club โดย....อ.น.สพ.จตุพร หนูสุด ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกสัตว์เลี้ยง คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรคไข้หัดแมว “มหันตภัยร้ายสำหรับแมวที่คุณรัก” คนเลี้ยงแมวทั้งหลายคงจะเคยได้ยิน “โรคไข้หัดแมว” มาบ้างนะครับ หลายคนคงจะคุ้นจากโรคนี้ เพราะได้ยินคุณหมอพูดถึงเจ้าโรคนี้แล้ว เรามารู้จักเจ้าโรคไข้หัดแมวกันหน่อยนะครับเพื่อเป็นความรู้รอบตัว โรคไข้หัดแมวนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มพาร์โวไวรัส (feline parvovirus) มีผลต่อระบบทางเดินอาหารของแมว (แต่ไม่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ เหมือนไข้หวัดแมวนะครับ)                มีรายงานการพบโรคนี้นานแล้ว ซึ่งสามารถพบในแมวทุกตระกูล ไม่ว่าจะเป็น เสือ สิงโต แมวป่า หรือแม้แต่แมวบ้านทุกพันธุ์ นอกจากนี้ยังพบได้ในสัตว์ตระกูลอื่นๆ อีก เช่น สกั๊งค์ เฟอเร็ต มิ้งค์ แรคคูน ซึ่งโรคนี้ทำให้สัตว์มีอาการ “คล้ายเป็นหวัดและท้องเสีย” ซึ่งมีอาการเหมือนโรคไข้หัดสุนัข หรือโรคดิสเท็มเปอร์ ของสุนัข จึงมีคนเรียกชื่อต่างๆ มากมาย เช่น “โรคไข้หัดแมว” (Cat distemper) และ “โรคลำไส้อักเสบในแมว” (Feline Parvovirus Enteritis)                โรคไข้หัดแมวนี้จะรุนแรงมากในแมวอายุน้อย โดยมีอาการที่สำคัญที่พบคือ มีไข้สูง อาเจียน ท้องเสีย และมีผลต่อการทรงตัวของลูกแมว และทำให้ลูกแมวตาบอดได้ ส่วนในลูกแมวโตเมื่อเกิดการติดเชื้อระยะหนึ่งแล้วร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ก็จะอาการดีขึ้น แต่แมวที่หายจากโรคใหม่ๆ สามารถพบเชื้อไวรัสออกมากับอุจจาระได้หลายสัปดาห์ ส่วนในแมวตั้งท้องอาจแท้งลูกหรือลูกตายหลังคลอดได้ การติดโรคเกิดขึ้นได้อย่างไร                แมวสามารถติดโรคไข้หัดแมวได้จากการติดต่อโดยตรงจากแมวป่วยไปยังตัวอื่น โดยเฉพาะทางอุจจาระ ภาชนะใส่อาหาร น้ำ กรงหรือที่ขับถ่ายของแมว พื้นดินที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อไวรัส นอกจากนี้อาจเป็นเสื้อผ้าหรือรองเท้า การแพร่โรคได้ง่ายขึ้นระหว่างแมวที่เลี้ยงปนกันหลายๆ ตัว อาการของแมวที่เป็นไข้หัดแมว               โรคไข้หัดแมว มีระยะการฟักตัวของโรค 2-7 วัน โดยแมวอายุน้อยส่วนใหญ่ตายอย่างรวดเร็ว อัตราการตายอยู่ระหว่าง 25-90%          แมวป่วยจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย ร่างกายขาดน้ำ เป็นโรคที่มีอัตราการตายสูง โดยเฉพาะในกลุ่มแมวที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน เมื่อตรวจเลือดพบเม็ดเลือดขาวต่ำมาก จึงมีชื่อเรียกโรคนี้ว่า “Feline Panleukopenia” เมื่อคลำบริเวณช่องท้องจะเจ็บท้อง บางทีพบเป็นลำของลำไส้หนาตัว ภายในมีแก๊สและของเหลว จากคุณ : วชิรา - [ 19 ธ.ค. 50 23:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ พรุ่งนี้สั่งพ่อแมวแล้ว ห้ามปล่อยแมวออกจากบ้านเด็ดขาด เฮ้อ.... น่ากลัวจังเลยนะคะ จากคุณ : รักแมวดำ (kikucat) - [ 19 ธ.ค. 50 23:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อแมวของท่านเป็นโรคไข้หัดแมวควรทำอย่างไร                ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะเป็นโรคติดต่อร้ายแรง โดยเฉพาะแมวที่ไม่กินอาหารเลย มีอาเจียน ท้องเสีย จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียทรุดโทรมมาก สัตว์อาจอยู่ในสภาพช็อคได้                แนวทางการรักษาโรคนี้คือ การรักษาตามอาการและพยุงชีวิตให้สัตว์สามารถสร้างภูมิต้านทานต่อโรคได้ โดยการให้สารน้ำ (Fluid therapy) และฉีดยาร่วมด้วย โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน นอกจากนี้อาจฉีดยาระงับการอาเจียนและลดการทำงานของลำไส้ โดยการงดอาหารและน้ำ ให้วิตามินบีรวมโดยการฉีดเข้าทางเส้นเลือด                เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง มีแต่การรักษาเพื่อประคับประคองชีวิตเท่านั้น ควรระวังแมวที่ยังไม่เป็นโรคไข้หัดอย่างไร                ควรรีบแยกแมวป่วยออกจากแมวปกติตัวอื่นทันที เพราะโรคนี้เป็นได้กับแมวทุกอายุ และต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่อาจแพร่ออกมากับอุจจาระ ปัสสาวะ ด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรด์                เจ้าของแมวที่เพิ่มมีแมวตายด้วยโรคไข้หัดแมวใหม่ๆ ไม่ควรนำลูกแมวที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนเข้ามาเลี้ยงอีก จากคุณ : วชิรา - [ 19 ธ.ค. 50 23:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การป้องกันแมวที่คุณรักไม่ให้เป็นโรคไข้หัดแมว               โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดแมวจำหน่ายหลายยี่ห้อ และยังเป็นวัคซีนรวมอีกด้วย คือ ใช้ป้องกันได้ทั้งโรคไข้หัดแมวและโรคไข้หวัดแมวไปพร้อมๆ กัน ซึ่งสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามคลินิกสัตวแพทย์ทั่วๆ ไป                ส่วนสัตว์ป่าตระกูลแมว และแมวทุกเพศ ทุกวัย ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโดยใช้โปรแกรมเดียวกับแมวเลี้ยงดังนี้                โปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดแมว                เข็มที่ 1 ฉีดเมื่อลูกแมวอายุ 2 เดือน                เข็มที่ 2 ฉีดเมื่อลูกแมวอายุ 2 ½ เดือน                เข็มที่ 3 ฉีดทุกปี ปีละเข็ม โรคไข้หัดแมวนี้ สามารถติดต่อถึงคนได้หรือไม่          โรคไข้หัดแมวนี้ เป็นโรคเฉพาะสัตว์ในตระกูลแมวเท่านั้น ไม่มีรายงานติดถึงคน เพราะฉะนั้นโรคไข้หัดแมวไม่ติดถึงคนครับ                สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าท่านผู้อ่านซึ่งเป็นคนรักแมวอยู่ในจิตใจ คงตระหนักถึงความร้ายกาจของโรคไข้หัดแมวนะครับ คงจะไม่อยากให้โรคนี้ไปเยือนบ้านท่านนะครับ ถ้าเป็นหละก็คงจะ “ตายยกบ้าน” หรือ “เทกระจาด” เลยที่เดียวครับ ทางที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคมหันตภัยร้ายนี้นะครับ“โรคหัดร้ายจะไม่มาเยือนถ้าร่วมใจกันฉีดวัคซีนป้องกัน” ข้อมูลจากเอกสารการประกวดสุนัขและแมว งานเกษตรแฟร์ 49 คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ http://www.petnews2005.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=365650&Ntype=2 จากคุณ : วชิรา - [ 19 ธ.ค. 50 23:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 = = = = โรคไข้หัดแมว = = = = -------------------------------------------------------------------------------- โรคไข้หัดแมวอาจเรียกได้หลายชื่อ เช่น โรคไข้แมว โรคลำใส้อักเสบในแมว เป็นต้น เหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะโรคนี้ทำให้มีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน เม็ดเลือดขาวต่ำมาก มีการอาเจียน ท้องเสีย(อาจถ่ายเป็นเลือดสดๆ)ทำให้ร่างกายแมวขาดน้ำ แมวที่เป็นโรคนี้มีโอกาสรอดต่ำมาก โดยเฉพาะในกลุ่มแมวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน สาเหตุ เกิดจากเชื้อ Parvovirus ใน Family Parvoviridae ซึ่งเชื้อนี้เป็นเชื้อที่ทนทานในสภาพแวดล้อมทั่วๆไปได้ดีมาก และสามารถอยู่ได้นานเป็นปี แต่เชื้อนี้สามารถทำลายด้วย 70% แอลกอฮอล์ คลอเทอร์นารีแอมโมเนีย โซเดียมไฮโปคลอไรด์ ไวรัสมีชนิดเดียวแต่มีหลายเสตรน ซึ่งแต่ละเสตรนจะก่อให้เกิดความรุนแรงได้ไม่เท่ากัน ระบาดวิทยา โรคนี้มักเกิดหลังหน่านม 2-3 เดือน เนื่องจากช่วงกินนม ลูกแมวยังสามารถรับภูมิคุ้มกันจากแม่ได้ แต่ในกลุ่มของแมวโตมักพบว่ามีโอกาสเป็นได้ตลอด ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ เสตรนของเชื้อไวรัสและการแทรกซ้อนของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ การติดต่อ การติดต่อโดยตรง (Direct contact) หมายถึงการติดต่อจากแมวป่วยไปยังแมวตัวอื่นจากการสัมผัสโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางอุจจาระ ภาชนะใส่อาหาร น้ำ กรง หรือที่ขับถ่ายของแมว การติดต่อโดยทางอ้อม (Indirect contact) หมายถึงการติดต่อโดยผ่านตัวนำ เช่น การติดจากเสื้อผ้า มือ รองเท้าของผู้เลี้ยง หรือสัตวแพทย์ผู้รักษา แมลงวันหรือแมลงอื่นๆก็อาจเป็นตัวนำโรคได้ การรักษา การรักษาคือการรักษาตามอาการ (Symtomatic treatment) และการพยาบาล (Nursing care) ที่ดีจนกระทั่งแมวสามารถสร้างภูมิต้านทานจนพอที่จะหายจากโรคได้ การป้องกัน ปัจจุบันมีการใช้วัคซีนในการฉีดป้องกันโดยวัคซีนนี้จะรวมกับวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจแมว โรคช่องปากและลิ้นอักเสบ และวัคซีนบางชนิดยังรวมโรคตาเจ็บ(Chlamydia)เข้าไปด้วย โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้เมื่อลูกแมวมีอายุ 2 เดือนขึ้นไป และต้องมีการกระตุ้นโดยการฉีดวัคซีนเข็มที่สองห่างจากวีคซีนเข็มแรก 2-4 สัปดาห์ http://members.fortunecity.com/meechaibp/story_8.htm จากคุณ : วชิรา - [ 19 ธ.ค. 50 23:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 น่ากลัวจังเลยค่ะ ที่คลีนิคแถวบ้านก็มีแมวและน้องหมามารักษาเต็มเลยค่ะ น้องหมาก็มีโอกาสเป็นได้ด้วยค่ะ จากคุณ : ambrochia - [ 19 ธ.ค. 50 23:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณหมอบอกว่า ยังไม่มีวัคซีนค่ะ ไม่มียบารักษาโดยตรง ต้องรักษาตามอาการ เช่นให้ยาลดน้ำมูกน้ำลาย ให้ยาปฏิชีวนะ ให้น้ำเกลือ และใวตามินเสริม กรณีที่ไม่กินอาหาร อาการจะเป็นแบบเฉียบพลันมาก คือชั่วโมงก่อนยังวิ่งสนุกสนาน ชั่วโมงถัดมา ซึม น้ำลายฟูมปาก ตัวร้อนจัด อันนี้สำคัญมาก ต้องคอยเช็ดตัว อาเจียรมีสีเหลืองอมเชียว บางรายอาจจะมีท้องเสีย มีไอ จาม เสียงแหบแห้ง แต่ละตัวจะแสดงอาการไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าวางใจค่ะ จากคุณ : เช้านี้ยังมีเธอ - [ 19 ธ.ค. 50 23:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะคุณวชิรา สำหรับข้อมูลดีๆ ที่ควรระวัง จากคุณ : happypookie - [ 19 ธ.ค. 50 23:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับข่าวนะคะ  น่ากลัวมากค่ะ จากคุณ : Snow Queen - [ 19 ธ.ค. 50 23:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลูกๆที่บ้านก็เคยเป็นค่ะ  ใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะดีขึ้น  ในช่วงที่ไม่สบายแมวจะไม่ทานอาหารเลยล่ะค่ะ  น่าสงสารมาก  ผอมลงอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว   ลูกแมวอายุประมาณเกือบ 3 เดือน  มีอาการตัวร้อนในช่วงเที่ยงคืน  เวลาเดินเริ่มเซไปเซมา  พอตอนเช้าก็จากไปแล้วค่ะ  เร็วมากเลย   เป็นโรคที่น่ากลัวมากค่ะ  ยอมรับเลยว่าแมวจากไปเพราะโรคหัดแมวมาแล้ว 2 ตัวค่ะ  จากไปแบบที่เราไม่ได้ตั้งตัวเลยจริงๆ   มีอาการตอนกลางคืน  จะพาไปหาหมอในตอนเช้า  ก็สายไปเสียแล้ว  เร็วมากจริงๆค่ะ จากคุณ : เอ๋อ (pickkyboy) - [ 19 ธ.ค. 50 23:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น่ากลัวจัง ขอบคุณที่แจ้งข่าวคะ จากคุณ : sawkitty - [ 19 ธ.ค. 50 23:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไข้หวัดแมว กับไข้หัดแมว ต่างกันนะคะ ที่เป็นหนักๆกันตอนนี้ แบบเฉียบพลัน คือ ไข้หัดแมว ซึ่งรุนแรงมากกว่า ล่าสุดหลังจากโชคดีตาย ...จำปีฯ ไม่ให้แมวที่เหลือออกนอกบ้านเลย ถึงแม้จะทำให้เขาทรมานนิดหน่อยก็ตาม (ยกเว้นแม่แมวแจ๊คพอท ที่ห้ามมันไม่ได้เลย แต่ว่าแมวโต มันไม่มีอาการอะไรค่ะ เพราะเขาโตแล้ว) วันอาทิตย์ที่แล้วพา3ตัวที่เหลืออยู่ไปหาหมอฉีดวัคซีนรวมทันที และจะกระตุ้นอีกทีเดือน มกราคม  เข็มที่2 นี่แหล่ะที่เขาเรียกว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย (ด่าตัวเอง) จากคุณ : จำปีขี้สงสาร - [ 19 ธ.ค. 50 23:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ปล. ข้อมูลที่คุณเช้านี้ฯ ทราบมาจากหมอ  เหมือนกับที่หมอของจำปีฯ พูด เป๊ะๆๆๆ เลย ทุกอย่างค่ะ จากคุณ : จำปีขี้สงสาร - [ 19 ธ.ค. 50 23:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แสดงว่า แมวที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด/หวัดแมว จะมีภูมิป้องกันโรคนี้ /  ถูกต้องไหมค่ะ ถ้าใช่ เพื่อน ๆ ที่มีแมว และไม่เคยทำวัคซีนโรคนี้ แนะนำให้พาไปทำนะค่ะ เข็มละ 180-240 บาทเองค่ะ (ราคาแล้วแต่คลีนิค) แมวที่จะทำวัคซีน ต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย ไม่ซึมนะค่ะ ภูมิเค้าถึงจะขึ้นได้เต็มที่ค่ะ จากคุณ : ~ เหมียวอารีย์ ~ - [ 19 ธ.ค. 50 23:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 น่ากลัวจังเลยค่ะ ต้องระวังคอยสังเกตลูกๆ ซะแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ นะคะ จากคุณ : Cat Slave - [ 19 ธ.ค. 50 23:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตามที่พี่เหมียวอารีย์บอกค่ะ ไม่ควรละเลยที่จะฉีดวัคซีนรวมให้เค้า 2 เดือนควรจะไปฉีดเลย จะพบในแมวเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ที่บ้านแมวโตไม่มีใครเป็นอะไรเลย จากคุณ : Take me home - [ 20 ธ.ค. 50 00:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 .. เท่าที่อ่านข้อมูลจากคุณเช้านี้ยังมีเธอ เหมือนจะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน คือถึงแม้เราฉีดวัคซีนป้องกันหัด/ หวัดแมวแล้ว ยังมีโอกาสเป็นอีก เข้าใจถูกต้องไหมคะ คุณเช้านี้ยังมีเธอ เพราะจะได้ป้องกันเด็กที่บ้านยิ่งๆ ขึ้นค่ะ (ที่บ้านฉีดวัคซีนปกติครบ) ยังงัยขอเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ เข้มแข็งมากๆ ขอให้ตัวโน้ตทั้งหลายหายป่วยในเร็ววัน มีคุณยายดูแลอย่างดีมากอยู่แล้ว สู้ๆ ค่ะ จากคุณ : RakRae' - [ 20 ธ.ค. 50 00:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่ากลัวจังเลยค่ะ แก๊งค์ตัวเล็ก 3 ตัวที่บ้านเพิ่งฉีดวัคซีนไปเข็มเดียวเอง จากคุณ : แมวเอิง (ayanami_rei) - [ 20 ธ.ค. 50 00:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ฉีควัคซีนให้กาฟิวประจำ แต่ก็ไม่ประมาทคะ ขอบคุณที่แนะนำมานะคะจะได้เฝ้าดูแมวเหมียวสุด love จากคุณ : มัฟฟิ่น - [ 20 ธ.ค. 50 00:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โรคร้ายน่ากลัวและรวดเร็วจริงๆ ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : Mona...Da Vinci - [ 20 ธ.ค. 50 00:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอเก็บกระทู้นี้ไว้ในคลังคู่มือ พ่อแมว......นะครับ น่ากลัวจัง  ไข้หวัดแมว! จากคุณ : คุณชาย...หูกาง - [ 20 ธ.ค. 50 00:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โรคนี้น่ากลัวจังเลยอะ ขอบคุณ คุณเช้านี้ยังมีเธอสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : noonmini - [ 20 ธ.ค. 50 02:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม จากคุณ : outside islander - [ 20 ธ.ค. 50 03:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โอ... น่ากลัวจังอ่ะ ขอบคุณค่ะ .. จากคุณ : Dino เหมียวจอมซ่าส์ - [ 20 ธ.ค. 50 05:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณ มากๆ เลย ที่นำข้อมูล มาบอก น่ากลัวๆ ตอนนี้ก็ เฝ้า ดู เด็กๆ ที่บ้านอยู่ แต่ ยังไม่มีอาการอะไร ซน กันทั้งวันเลย จากคุณ : ++SaNoyNa++ - [ 20 ธ.ค. 50 08:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล จากคุณ : แม่ค๊อกเกอร์ - [ 20 ธ.ค. 50 08:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แมวเราชื่อเฉาก๊วยเคยเป็นนะ  แต่หาย   ตอนนั้น พี่แม่บ้านเราเค้าสังเกตว่า เฉาก๊วย ลิ้นแข็ง เลยกินอะไรไม่ได้ ที่น้ำลายยืดก็เพราะว่า เจ็บลิ้น เจ็บคอ กลืนน้ำลายไม่ลง   พอเราไปบอกหมอ  เค้าเลยให้ยาป้ายลิ้นเพิ่ม จากยาปกติพวกแก้อ้วก แก้ไข้ แก้ท้องเสีย น้ำเกลือผสมกลูโคสผสมยา พอให้ยาป้ายลิ้นแก้อักเสบหรือไงนี่แหละ  ไม่ได้ถามหมอ   แมวก้ออาการดีขึ้น เลียน้ำได้ กินข้าวได้ แล้วเค้าก็แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันฆ่าเชื้อโรคในตัวได้เอง จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว - [ 20 ธ.ค. 50 09:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 น้องแมวที่บ้านวัคซีนครบแล้วคะ ทำวัคซีน fip แล้วด้วยคะ จากคุณ : hidrolite - [ 20 ธ.ค. 50 09:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอคุณ คุณยายของตัวโน๊ตมากๆนะคะ ที่ทำลิ้งข้อมูลดีส่งไปให้ ที่บ้านก็จะพยายามเฝ้าระวังลูกสาวไม่ให้ป่วยค่ะ ขอให้ตัวโน๊ตทั้ง สามหายไว้ๆนะคะ แล้วก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนๆ ที่ต้องสูญเสียลูกไป ด้วยนะคะ จากคุณ : MonkeyCat - [ 20 ธ.ค. 50 09:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หรือว่าแมวดำ มันจะอึดและถึกนิ จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว - [ 20 ธ.ค. 50 09:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เด็กดำอีกตัว  ชื่อสำลี   ไม่เป็นไรเลย แต่แมวเด็กๆ สีอื่น ตายเรียบ !!!!!! โรคนี้น่ากลัวมาก ขอโบวก จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว - [ 20 ธ.ค. 50 09:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนนั้นแมวเด็กตัวแรกที่ป่วย ชื่อ ขาว  ตายก่อนเพื่อนๆ จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว - [ 20 ธ.ค. 50 09:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อุ่ย  ขออภัย  ลืมรูปค่ะ จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว - [ 20 ธ.ค. 50 09:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เสาร์นี้จะพาหนูกริ๊งไปฉีดยา ผ่านมาหลายเดือนไม่ได้ฉีดยาไรเลย แม่แฟนกลัวแมวแพ้ยา ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : มามี๊หนูกริ๊ง - [ 20 ธ.ค. 50 09:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 น่ากลัวมากค่ะ  พิมเคยมีประสบการณ์กับเชื้อไวรัสแมวชนิดหนึ่ง (คุณหมอบอกแต่พิมจำชื่อไม่ได้) เมื่อสองสามปีก่อนที่ห้องเลี้ยงแมวอยู่ตัวนึง พิมเรียกว่า เจ้าเหมียวใหญ่   เพราะเค้าตัวอ้วนใหญ่มาก  ก็อยู่กันมาปกติสุขดี ต่อมาพิมเจอลูกแมวเล็กๆมีคนเอาทิ้งแถวลานจอดรถที่ทำงาน ก็เก็บใส่กระเป๋ากลับบ้าน  ก่อนเข้าบ้านก็แวะหาหมอ ตรวจสุขภาพ ถ่ายพยาธิเรียบร้อย   คุณหมอบอกว่าเด็กน้อยสุขภาพดีมาก  ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ก็เอาเข้าบ้าน เจอพี่เหมียวใหญ่  พี่ก็ยินดีต้อนรับ เลียหัวหูกันอย่างดี   ผ่านไปสองวันจู่ๆพี่เหมียวใหญ่ก็เดินไม่ได้  เดินไม่ได้เลยนะคะ  ขาหลังไม่มีแรง ล้มแผละไปเฉยๆ  แตะลงไปที่ขาเค้าเค้าก็จะร้องแบบเจ็บปวด  พิมคิดว่าเค้าโดนตัวอะไรต่อยมารึปล่าว  เพราะเค้าอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยออกไปข้างนอก เพราะฉะนั้นตัดปัญหารเรื่องอุบัติเหตุ  ก็พาไปหาหมอที่ศรีวรา   คุณหมอตรวจเช็คละเอียดก็ไม่พบความผิดปกติอะไร   เอ็กซเรย์ดูกระดูกก็ปกติดีทุกอย่าง  แต่คุณหมอก็ให้ยามากิน   กลับมาบ้าน พี่เหมียวใหญ่อาการหนักมากขึ้น  ไม่กินข้าวกินน้ำ  และขยับตัวไม่ได้เลย  แม้แต่ทรงตัวนั่งก็ไม่ได้ และเนื้อตัวเริ่มมีแผลผุพองเป็นจุดๆทั้งตัว  ก็เลยพาไปที่เกษตร  คุณหมอตรวจละเอียดมาก ทั้งเอ็กซเรย์อีกรอบ ทั้งตรวจเลือด ตรวจอึ  สุดท้ายพบว่า พี่เหมียวใหญ่ติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง  คุณหมอฉีดยาและให้ยามากินหลายขนานมาก   แต่เราก็ยื้อชีวิตพี่เหมียวใหญ่ไว้ไม่ได้  พี่เหมียวใหญ่จากไปไม่กี่วันหลังจากนั้น ส่วนเจ้าตัวเล็ก "เจ้าวันสุข" ปกติดีค่ะ   ต่อจากนั้นอีกหนึ่งปี พิมได้เด็กเล็กๆตัวนึงมาจากวัด มีคนเอามาทิ้งในวันปีใหม่ ก็ตั้งชื่อว่า "เจ้าปีใหม่"  โดนทิ้งมาสามตัว   พี่คนนึงในห้องแมวนี่แหละ รับไปสองตัว  พิมรับมาตัวนึง เหมือนเคย พิมพาเจ้าปีใหม่ไปหาหมอ  ตรวจรายละเอียดทุกอย่างก่อนเข้าบ้าน  เข้าบ้านแล้วก็ไม่ได้ให้คลุกคลีกับ พี่วันสุขนะคะ  แยกไว้ก่อน  จนเริ่มแน่ใจว่าไม่มีปัญหา ถึงให้เล่นด้วยกันได้  แต่... ค่ะ...  ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยค่ะ  พี่วันสุขมีอาการเหมือนพี่เหมียวใหญ่  พิมกลัวมากรีบพาไปหาหมอที่เกษตร   พี่วันสุขอาการหนักหนาสาหัสกว่าพี่เหมียวใหญ่ด้วยซ้ำ  เค้าเดินไม่ได้ ทรงตัวไม่ได้  กินไม่ได้  ขับถ่ายไม่ได้ แตะลงไปตรงไหนเค้าก็เจ็บปวดทรมาน พิมร้องไห้จนแทบบ้า ต้องพาไปหาหมอตามนัดในทุกๆครั้ง แต่เค้าดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ตัวเค้าเริ่มเปื่อยค่ะ  จากแผลผุพอง เริ่มเน่าเปื่อยตั้งแต่หัวจรดหาง  คุณหมอบอกว่า ให้พิมให้ยาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวแผลจะแห้งลง ซึ่งก็จริงค่ะ  แผลที่ผุพองเค้าจะเจ็บปวดทรมาน  แต่พอแผลแตกเปื่อยมีน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกมา  เค้าเริ่มดีขึ้น  เริ่มกินน้ำได้เอง  แต่อาหารยังต้องป้อนอาหารเหลวอยู่  ประมาณอาทิตย์ที่สามเค้าเริ่มทรงตัวได้  ขับถ่ายได้เอง ต่อมาก็เริ่มกินอาหารได้เอง  พอจะทรงตัวเดินไปเองบ้างนิดหน่อยพร้อมๆกับแผลเปื่อยเริ่มแห้งลง  ระหว่างนั้นก็แยกกันเด็ดขาดกับน้องปีใหม่   เชื่อไหมคะประมาณสองเดือนกว่า  กว่าที่เค้าจะหายเป็นปกติ  ระหว่างนั้นพิมเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลเกษตรบ่อยมาก  ลางานจนเกือบถูกไล่ออก ได้คุยกับพี่ที่รับเจ้าสองตัวไปเลี้ยง ปรากฏว่า ลูกๆที่พี่เค้าเลี้ยงอยู่แล้ว มีอาการคล้ายๆพี่วันสุข  เรียกว่าแทบจะอาการเดียวกันเลย  แต่พี่เค้าโชคร้ายกว่า ต้องเสียลูกไปตัวหนึ่ง พิมยังรู้สึกผิดอยู่เลย.... ตอนนี้ทั้งพี่วันสุข และเจ้าปีใหม่ สบายดี แจ่มใส  แต่ปลายหางพี่ปีใหม่ยังแหว่งอยู่เลยค่ะ  ผลจากอาการเปื่อยครั้งนั้นตั้งแต่หัวจดหาง   จนวันนี้พิมยังเป็นโรคจิตอยู่เลย  ไม่กล้ารับแมวตัวไหนเข้ามาเพิ่มอีกเลย  ทั้งที่บางครั้งไปปิ๊งลูกแมวที่วัดอยู่บ่อยๆ   แต่กลัวค่ะ  กลัวจริงๆ   ความรู้สึกตอนนั้นทรมานมาก  แทบจะขาดใจตายเลยทีเดียว  ตอนนี้ระแวงขนาดว่าถ้าออกไปข้างนอก แม้จะไปแค่ปากซอยไม่ได้ไปจับไปแตะแมวตัวไหน  พอกลับเข้าบ้านพิมก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที  ไม่งั้นไม่กล้าจับตัวลูกๆ  ไม่กล้าแม้แต่จะจับจะแตะอะไรในห้องทั้งนั้น  กลัวแตะแล้วจะทิ้งเชื้อโรคไว้แล้วลูกๆจะไปโดนเข้าให้อีก  กลัวจับใจจริงๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 10:12:37 จากคุณ : พิมปะการัง - [ 20 ธ.ค. 50 10:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอให้อาหารดีขึ้นในเร็ววัน แล้วกันนะคะ จากคุณ : vedas - [ 20 ธ.ค. 50 11:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนน้องเงินถุงยังเล็ก ๆ ก็เคยเป็นหวัดแมวค่ะ  อาการตอนนั้นน่ากลัวมากจริง ๆ ป่วยวันเดียวตัวเหลือแต่กระดูกเลย  ตัวร้อน  ไม่มีแรงเดิน  กินข้าวได้นิดหน่อย (หน่อยเดียวจริง ๆ)  ต้องพาไปให้น้ำเกลือตั้งแต่เด็ก ๆ  แต่ก็รักษาหายแล้วนะคะ  เราพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอรักหมา แถวแจ้งวัฒนะ  หมอเค้าให้ยาแบบที่เป็นหลอดก้างปลา  รู้สึกจะเป็นยาฆ่าเชื้อ  หรืออะไรทำนองนี้  ป้อนยาครบอาทิตย์นึงก็หายป่วยเป็นยัยตัวแสบเหมือนเดิม จากคุณ : Eldarin - [ 20 ธ.ค. 50 12:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ใหม่ๆนะคะ...ต้องดูแลลูกๆอย่างดีแล้วล่ะเนี่ย จากคุณ : .::BiLLoW::. - [ 20 ธ.ค. 50 13:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 44 น่ากลัวจังค่ะ วันก่อนมิ้ลกี้ซึม ๆ เอาแต่นอน ก็กลัวว่าจะป่วย ทำงานก็กังวลถึงแต่มิ้ลกี้ รีบกลับไปเผื่อต้องพาไปหาหมอ ปรากฏว่า วิ่งทั่วบ้านได้แล้ว..ค่อยโล่งอกค่ะ ตอนนี้ก็ปกติดี แต่เชื้อไวรัสน่ากลัวจังนะคะ จากคุณ : sunmannarak - [ 20 ธ.ค. 50 13:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 45 น่ากลัวจังเลยค่ะ จากคุณ : ban_ri - [ 20 ธ.ค. 50 13:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ...คลาวดี้กับฮันนี่จะเป็นมั้ยคะนี่ ตั้งแต่เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วตั้งใจจะพาคลาวดี้ไปทำหมัน ก็ออกเดินทางไปรพ.เกษตรตั้งแต่ 7 โมงเช้าคะไปทำบัตรรอคิว (วันนั้นพาคลาวดี้ไปคนเดียว) แล้วก็รอหมอตรวจเพื่อนัดวันมาทำหมัน แต่วันนั้นหมอตรวจพบว่าเค้าเป็นไข้ 103องศา พร้อมกับตรวจเลือด วันนั้นยังได้แค่นัดดูอาการอาทิตย์ต่อมาถ้าไข้ลดก็จะทำหมันได้เลย พอวันนัดต่อมาก็พาเค้ามาหาหมอตามที่ได้นัดเอาไว้ ผลตรวจเลือดมาหมอบอกปกติดี...เน้น ปกติดีทำหมันได้ แต่กลับไข้สูงกว่าเดิมคะคราวนี้ 104องศา เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเค้าเป็นไข้นะ... ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะให้เค้านอนกับเราห้องแอร์รึเปล่า เพราะแยกกับฮันนี่อีกตัว   รอบนี้มาพอหมอเห็นไข้สูงกว่าเดิมก็เลยให้ยามาทานคะ เป็นหลอดก้างปลาเหมือนกัน เราก็ให้เค้าทานทุกเช้า จนมาถึงวันนี้เป็นวันนัดดูอาการอีกครั้ง (เปลี่ยนหมอตรวจด้วยคะ) ปรากฏว่าหมอคนใหม่ในวันนี้ตรวจ เค้าอธิบายอย่างละเอียดแถมดูผลเลือดของคลาวดี้ให้อีกครั้ง บอกว่า คลาวดี้มีเกร็ดเลือดต่ำ ไข้ลดลงจากเมื่ออาทิตย์ก่อนเหลือ 103 องศา แถมผลตับออกมามีค่าสูง วันนี้เลยได้ยามาให้คลาวดี้ทานเป็นยาหลอดก้างปลาให้ทานต่อ กับยาบำรุงตับอีกตัวนึงคะ ส่วนฮันนี่วันนี้ก็พามาหาหมอก็มีไข้เหมือนกัน 103องศา แต่หมอบอกว่าไข้ต่ำๆถึงจะยังทำหมันให้ไม่ได้แต่ก็ยังไม่ถือว่าอาการหน้าเป็นห่วง สรุปทั้งคู่ก็ได้ใบนัดมาในอาทิตย์หน้า ถ้าฮันนี่ไข้ไม่มีก็ทำหมันได้ คลาวดี้ก็เช่นกัน........ เรากลัวเจ้าสองตัวจะเป็นไข้หวัดแมวจังเลยคะ เราเก็บเค้ามาเลี้ยงจากบ้านญาติเราเองเหมือนเค้าเป็นลูกของแมวจรแล้วแม่คาบมาทิ้งเอาไว้ รับเค้ามาเลี้ยงตั้งแต่ประมาณ 1-2เดือน พอรับมาก็พาไปหาหมอ ถ่ายพยาธิวัคซีนทุกเข็มฉีดครบ วัคซีนกระตุ้นก็ฉีดครบ หยอดยาทางจมูกก็หยอดครบ มั่นใจมากคะว่า สองตัวนี้ดูแลอย่างดีมากๆ (แต่วัคซีนทั้งหมดที่ทำนั้นทำอยู่ที่ รพ.สัตว์สุวรรณฯ แถวสุขาฯ 3......คิดว่า เค้าน่าจะรักษาได้ดี) แต่เห็นหลายๆคนบอกถึงอาการลูกๆแล้ว....กลัวจังเลยคะ ทำยังไงดี กลัวลูกเราจะเป็นเหมือนกัน.........เพราะบางทีก็เจออาเจียนกองอยู่เป็นน้ำใสๆบางทีก็ออกเขียวๆ บางทีก็อาเจียนมีอาการปนออกมา แต่ทั้งคู่ก็ถ่ายปกติ กินข้าว วิ่งเล่นกันได้อย่างปกติ ถ้าเค้าเป็นจริงๆเพื่อนๆว่าเค้าจะสามารถสร้างภูมิมาต้านทานได้มั้ยคะ??? เพราะวัคซีนหวัดแมวเราก็ฉีดครบแล้ว..... มีใครฉีดแล้วลูกๆยังเป็นแล้วก็รักษาไม่หายจนจากเราไป มีบ้างมั้ยคะ??? ---------- นี่เจ้าสองตัวจ่ะ พามาอวดอ้วนท้วนสมบูรณ์ จากคุณ : OnceAgain - [ 20 ธ.ค. 50 14:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะคะ ... ระวังเรื่องความสะอาดเสมอ  เข้าขั้นโรคจิตนิด ๆ เลยอ่ะค่ะ ไปจับแมวที่อื่นต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า  อาบน้ำ  ก่อนมาเล่นกะลูก ๆ ตัวเอง จะรับแมวมาใหม่ก็กลัวจนขี้ขึ้นสมอง  กลัวจะพาเชื้อโรคมาติดลูก ๆ ที่บ้าน .... ส่วนวัคซีน  เป็นเรื่องแรกที่ให้ความสำคัญอยู่ทุกปีค่ะ .. แต่ถ้าโรคไหนไม่มีวัคซีนก็น่าห่วง ... จากคุณ : nit161026 (หม่ามี้ของม่าเหมียว) - [ 20 ธ.ค. 50 15:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เด็ก ๆ ที่บ้านตายไป 2 ตัวเร็วมาก ๆ เมื่อวันก่อนยังซน วิ่งเล่น พังข้าวของกันอยู่เลย เมื่อคืน กลับถึงบ้านทุ่มกว่า ๆ ให้อาหารพวกเขา เจ้าหนึ่ง ลายสลิดไม่กินข้าว แอบไปนอนเงียบ ๆ ตาใสแจ๋ว ไม่มีน้ำมูก แต่เดินเหมือนไม่มีแรง นิ้วมือนิ้วเท้าเย็น ๆ เจ้าสอง สีส้ม กินเล่นตามปรกติ แต่ตัวอุ่น ๆ เจ้าสาม สลิดสามสี มีน้ำมูก ซึม ๆ แต่กินข้าวได้ เจ้าสี่ ลายเปรอะ ไม่กินข้าว นอนหลับอยู่ แต่คิดว่าเดี๋ยวคงตื่นมากัน เพราะกินเก่ง ถ้าหิวจะโวยวายเรียกให้เทอาหารให้ ตื่นเช้ามา เจ้าหนึ่งนอนตัวแข็งตายไปแล้ว เจ้าสอง วิ่งตามกินอาหารได้ เจ้าสามไม่ยอมกินข้าว เจ้าสี่ หนีไปนอนในกระถางต้นไม้หน้าบ้าน แต่มือเท้าเย็น รีบพาไปหาหมอ เจ้าสอง เจ้าสาม มีไข้ตัวร้อน ฉีดยาลดไข้ ได้ยามากิน เจ้าสี่อุณหภูมิต่ำมาก ฉีดยา และให้น้ำเกลือ ป้อนวิตามิน ให้มีแรง กลับมาดูอาการที่บ้าน และลูกก็โทรมาว่า เจ้าสี่ตายซะแล้ว ตอนบ่าย 3 เฮ้อ...ยังห่วงเจ้าสามเพราะอาการหนักกว่าเจ้าสอง พวกเขาเพิ่ง 2 เดือนกว่า ๆ ยังไม่ได้ทำวัคซีนเลย แต่ถ่ายพยาธิแล้ว ไปหาหมอมาแล้วรอบหนึ่งเพราะตาแฉะ เป็นหวัด ติดจากแม่ แต่ก็หายแล้ว กลับมาเป็นอีก เฮ้อ จากคุณ : Jookjik - [ 20 ธ.ค. 50 15:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จับแมวอ้วนฉีดทุกปีเลยค่า กลัวเขาเป็นโรคหัดแมวมาก จับฉีดตั้งแต่ได้เกณฑ์เลยอ่ะค่ะ จนตอนนี้แมวอ้วนแก่แล้วก็ยังคงฉีดอยู่ค่ะ จากคุณ : มะหมา+มะเหมียว - [ 20 ธ.ค. 50 16:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เข้าไปอ่านมาหมดแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ตอนนี้ก็สังเกตุไอ่ม้วนไอ่หล่อไปด้วยค่ะ จากคุณ : appletabo - [ 20 ธ.ค. 50 21:20:21 ]