Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    พี่มันแย่พี่แพ้ ป.4

    เล่นกล้วยไม้มาตั้งนาน เพิ่งมารู้ว่าแพ้เด็กป.4ตรงที่เพิ่งมาถึงบางอ้อว่าวิชาการสังเคราะห์แสงของพืช  ถ้านำมาใช้กับการเลี้ยงกล้วยไม้ ทำให้เราเรียนรู้วิธีที่จะเลี้ยงดูเขาให้ดีได้อย่างไร ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านที่เป็นนักวิชาการทางด้านเกษตรที่ผมนำเอาความเชยมาเล่าให้เพื่อนในเรือนกล้วยไม้ ผิดถูกอย่างไรช่วยเสริมให้ด้วยนะครับ
          เรื่องมีอยู่ว่าเมื่องานที่สามพรานไปซื้อแคทลียา
    วอคเคอเรียน่าบลู  มาขวดหนึ่ง เลยสงสัยว่าเจ้าต้นเล็กๆเมื่อออกขวดเขาจะทนทานต่อความแห้งแล้งเหมือนเจ้าต้นโตหรือเปล่า (ปรกติวอคเคอเรียน่า เขาชอบอยู่แล้งๆตามลักษณะที่เขาอยู่ในป่า) เลยต้องค้นคว้าเพิ่มและได้พบว่า
      Photosynthesis คือการรวมเข้าด้วยกันระหว่างคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำโดยใช้แสงอาทิตย์เป็นพลังงานกลายเป็นคาร์โบไฮเดรท(แป้งและน้ำตาล เป็นพลังงานสะสม)+ออกซิเจน  
      Respiration คือขบวนการตรงข้ามกับphotosynthesis
    โดยใช้พลังงานสะสมในแป้งและน้ำตาล มารวมกับ ออกซิเจนได้ ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ
       Stomata คือรูที่ใบ(ปากใบ)หรือที่ลำต้น ที่จะเปิดรับคาร์บอนไดออกไซด์CO2 และคายออกซิเจน O2 ขณะที่ทำการPhotosynthesis โดยมี guard cells  เป็นตัวควบคุมการปิดเปิด รูนี้
       Transpiration คือการระเหยของน้ำออกทางStomataเมื่อเปิดstomata อยู่ ซึ่งจะดึงเอาน้ำและสารละลายขึ้นสู่ส่วนยอดของลำต้นได้มากแต่ก็ทำให้พืชเสียน้ำและขาดน้ำได้
      Water Use Efficiency (WUE)คือสัดส่วนระหว่างการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์กับการเสียน้ำระหว่างการเปิดstomata ในระหว่างtranspiration   พืชที่ดีคือเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากโดยเสียน้ำน้อย
      Photorespiration ในภาวะแสงแดดจัด ร้อนจัด เอ็นไซม์ RUBISCOที่จับคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อphotosynthesisอาจเปลี่ยนมาจับออกซิเจนแทนและกลายเป็น
    respiration แทนที่photosynthesis ทำให้การสร้างแป้งและน้ำตาลน้อยลง

      PHOTOSYNTHESIS : มี 3 แบบ คือ C3 , C4 และ CAM

       C3 Photosynthesis   พืชส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้และเป็นวิธี   ที่ทุกท่านทราบตั้งแต่ป.4            
                -ที่เรียก C3 เพราะ  CO2 เริ่มต้น incorperate ไปเป็น 3 carbon compound
               - มี  Stomata ที่เปิดช่วงกลางวัน
                -มี เอ็นไซม์RUBISCO มาช่วยในการจับ  CO2
                -ขบวนการphotosynthesisนี้เกิดที่ใบ
               - ภายใต้ความชื้น,แสง และอุณหภูมิปรกติ พืช C3ใช้ขบวนการเกี่ยวกับอวัยวพิเศษและเอ็นไซม์ของพืชน้อยกว่า  C4 และ CAM นั่นคือประสิทธิภาพดีกว่า
                -พืชส่วนใหญ่เป็น C3 plant
                 
        C4 Photosynthesis    เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมให้สังเคราะห์แสงได้เร็ว ขึ้นในภาวะแสงแดดจัดและความร้อนสูง   แห้งแล้ง เช่นแบบทะเลทราย โดย
                  -ที่เรียก C4 เพราะ Co2 เริ่มต้น incorperate ไปเป็น 4 carbon  compound
                  -มี stomata ที่เปิดช่วงกลางวัน
                  -ใช้ PEP Carboxylase เอ็นไซม์ในการจับ CO2 ได้เร็วขึ้น และส่ง CO2ให้RUBISCOโดยตรงทำให้โอกาสที่RUBISCOจะจับ O2ไปเป็น  Photorespiration น้อยลง
                  -photosynthesis เกิดที่ inner cells (requires special anatomy called Kranz Anatomy)
                   -WUE (water use efficiency)ดีขึ้นเพราะการที่ PEP Carboxylase จับ Co2ไปส่งให้เร็วทำให้การเปิดstomata( เพื่อรับCO2ให้เพียงพอ สำหรับการสังเคราะห์แสง)  ใช้ เวลาสั้นลงการสูญเสียน้ำทาง Transpiration จึงน้อยลง
                    -C4 Plants มีหลายพันชนิดspeciesพืช  ตย. ข้าวโพดก็ เป็นพวกนี้

          CAM(Crassulacean Acid Metabolism)  Photosynthesis  
                      -พบครั้งแรกในพืช Family Crassulaceae และCO2ถูกเก็บไว้ในรูป Acid
                        ก่อนการมี photosynthesis Metabolism จึงเรียกย่อว่า CAM
                       -Stomata เปิดในเวลากลางคืน ซึ่งอัตราการระเหยของน้ำจะต่ำและปิดในเวลากลางวัน  ทำให้การสูญเสียน้ำน้อย ทนแล้งได้ดี           CO2ที่ได้รับจากการ    เปิดstomata จะถูกเปลีjยนไปเก็บไว้ในรูป Acid ในตอนกลางคืน   พอถึงเวลา กลางวัน Acid จะแตกตัวให้ Co2 แก่ RUBISCO เพื่อ photosynthesis
                         -WUE ดีกว่า C3 plant  นอกจากนี้ CAM idle  ยังสามารถปิดstomata ได้ทั้ง
    ในเวลากลางวันและกลางคืนในภาวะแล้งจัดมากๆ   O2 ที่จะเสียไปในการphotosynthesis
    ถูกเก็บเพื่อ respiration    CO2 ที่จะเสียไปในการRespirationถูกเก็บไว้เพื่อ photosynthesis
                          -CAM plants ได้แก่พืชอวบน้ำเช่น แคคตัส ,อกาเว่,  บางชนิดของกล้วยไม้ และ Bromeliads


            กล้วยไม้ที่เป็น CAM orchidท่านว่า มักจะใบหนาๆเช่น Phalaenopsis  , Cattleya แต่ก็ไม่แน่นอนนัก ที่จริงแล้ว เขาจะหาว่าเป็น CAM orchidหรือไม่เป็น    ได้โดยการศึกษา การสะสมของกรดในส่วนของพืชตอนกลางคืน และการศึกษา carbon isotope  ปัจจุบันมี
    คนทำการหาชนิดของกล้วยไม้แยกเป็นสายพันธุ์ต่างๆว่าเป็นCAM orchids หรือไม่ไว้แล้ว
    ข้อมูลพวกนี้ยังขายกันอยู่ตามบทความต่างๆ     สำหรับพวกเราที่ไม่อยากเสียเงินซื้อList
    รายชื่อไม้เหล่านี้   คงต้องใช้วิธีตามเข้าไปศึกษาว่าดั้งเดิมของไม้พันธุ์แท้เขาอยู่แล้งมากอากาศโหดๆก็น่าจะเป็น CAM orchid ส่วนลูกผสมที่เกิดจากไม้พันธุ์แท้เหล่านี้ก็น่าจะไดรับความเป็น CAM orchid มาบ้าง
                ทีนี้ถ้าเผอิญได้ครอบครองไม้ที่เป็น CAM orchids ที่ว่าแล้วจะมีประโยชน์อะไร
    เราคงต้องมาคิดและหาวิธีเลี้ยงเขาใหม่ เพื่อเขาจะได้โตไวๆมีดอกมาให้เราชื่นชม
                 สำหรับ C .walkeriana ที่ผมไปซื้อมาพบว่ามีรายงานการเป็น CAM orchid ตั้งแต่แบเบาะเลย ดังนั้นคงไม่ต้องไปห่วงเรื่องความชื้นให้เขามากมายจะได้ไม่เน่า  โตแล้วก็คงต้องเลี้ยงแบบติดตอ  สแฟกนั่มมอสก็คงไม่ต้องใช้  แสงแดดก็คงให้ได้เต็มที่   เวลาให้น้ำพักยกหลังจากชกมาทั้งวันก็คงต้องเปลี่ยนมาเป็นตอนเย็นมั๊งต้องลองดู ที่สำคัญคงต้องไปเลี้ยงใต้ต้นโมกที่ใบน้อยๆแวดล้อมด้วยต้นไม้ที่ให้ CO2 ในตอนกลางคืน เพราะมีรายงานการที่ให้CO2ระดับสูงกว่าในการเลี้ยง CAM orchid จะโตเร็วกว่า    เป็นเรื่องเลยพี่คงแย่พี่แพ้ป.4  ก็เพราะกรณีนี้ละครับ    

                       
     
                     
                   -

    จากคุณ : the_gift - [ 20 ธ.ค. 50 16:09:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom