PANTIP.COM : J6189227 สวัสดีปีใหม่.............. เกษตรกรไทยอยากได้รับพรอะไรที่สุดเอ่ย [มุมเกษตรกร]

ความคิดเห็นที่ 8

http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=73738

ในอดีตที่ผ่านมา วัฏจักรของราคาสินค้าเกษตรไทยมีความผันผวน ขึ้น-ลงอยู่เสมอ คาดเดาแนวโน้มราคาได้ยาก พอปีไหนที่สินค้าตัวใดราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ปีถัดมาเกษตรกรก็จะแห่กันปลูกจนผลผลิตล้นตลาด ราคาตก นำไปสู่การเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้าไปแทรกแซงราคากันเป็นประจำ ได้เห็นภาพม็อบเกษตรกรกันจนชิน

แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรหลายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการของตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ผลผลิตของหลายประเทศเกิดปัญหาจากภัยธรรมชาติ ผลพวงจากภาวะโลกร้อน ประเทศไทยนับว่าโชคดีที่ภูมิประเทศอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และบรรดานักวิชาการจากหลายสำนัก มีความเห็นสอดคล้องกันว่าในปี 2551 นี้จะเป็นปีทองของสินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะพืชที่สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนได้ จะมีแนวโน้มราคาสดใส

เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หลายประเทศจึงหันกลับมามองพืชที่สามารถผลิตเป็นพลังงานทดแทนการนำเข้าน้ำมัน

แม้แต่สหรัฐอเมริกาเอง ที่เคยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวโพด ก็ประกาศหยุดส่งออก เพราะนำข้าวโพดไปผลิตเป็นเอทานอล ส่งผลให้ราคาข้าวโพดในตลาดโลกขยับสูงขึ้นทันที

ขณะที่ประเทศไทยเอง ก็หันมาเดินหน้าเรื่องพืชพลังงานหลายชนิดอย่างเต็มที่ พร้อมคาดการณ์กันว่าพืชพลังงานในปี 2551 ราคาจะอยู่ในเกณฑ์ดี แยกเป็นรายสินค้าที่สำคัญดังนี้คือ

ปาล์มน้ำมัน จากข้อมูลของ สศก.คาดว่า ในปี 2551 จะมีผลผลิตปาล์มน้ำมันประมาณ 8.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.94 ล้านตันจากปี 2550 เป็นผลมาจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มพันธุ์ดีในช่วงที่ผ่านมา เริ่มให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาผลปาล์มสดที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้เกษตรกรดูแลรักษาดีขึ้นและขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น

ปี 2550 ที่ผ่านมา รัฐบาลส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันอย่างเต็มที่ โดยช่วงส่งท้ายปี ครม.มีมติอนุมัติแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปี 2551-2555 และเห็นชอบการสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรกรอบวงเงิน 9,520 ล้านบาท มีเป้าหมายในการปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ 2.5 ล้านไร่ และปลูกทดแทนสวนเก่าด้วยพันธุ์ดี 500,000 ไร่ เพิ่มผลผลิตจาก 3 ตันต่อไร่ต่อปี เป็น 3.5 ตันต่อไร่ต่อปี เพิ่มอัตราการให้น้ำมันจาก 17% เป็น 18.5% ภายใน 4 ปี

ส่วนราคา คาดว่าผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ปีนี้จะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปี 2550 ที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ดีมากเฉลี่ย กก.ละ 3.86 บาท ขณะที่ปี 2549 อยู่ที่ กก.ละ 2.33 บาท แนวโน้มการส่งออกน้ำมันปาล์มปี 2551 จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้บริโภคและนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล

มันสำปะหลัง กว่า 2 ปีที่มีการขยายโรงงานผลิตเอทานอลเพื่อนำมาผสมน้ำมันเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์ มันสำปะหลังเป็น 1 ในวัตถุดิบที่สำคัญ โดยผลผลิตปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 27.62 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 กว่า 700,000 ตัน

เหตุที่คาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังจะเพิ่มขึ้น เพราะราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้ ในระยะที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก จึงกระตุ้นให้เกษตรกรขยายพื้นที่การผลิต โดยปี 2551 คาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังถึง 7,398,702 ไร่

ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ คาดว่าจะเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.27 บาทต่อ กก. ใกล้เคียงปี 2550 ซึ่งเกษตรกรพึงพอใจ ส่วนการส่งออกตลาดที่สำคัญยังเป็นจีน และสหภาพยุโรป หรืออียู ที่ความต้องการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งมันอัดเม็ด มันเส้น และแป้งมัน ส่งผลให้ราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นมาก

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นำไปผลิตเอทานอล ทำแก๊สโซฮอล์ได้เช่นกัน และยังมีความต้องการสูงในการนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์ ช่วง 1-2 ปีมานี้ราคาข้าวโพดจึงอยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด

ในปี 2551 คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ กก.ละ 6.68 บาท ใกล้เคียงกับปี 2550 ซึ่งถือว่าราคาดีมาก เพราะราคาข้าวโพดปี 2548-2549 อยู่ที่ กก.ละ 4-5 บาท เท่านั้น

นอกจากพืชพลังงานที่อนาคตแจ่มใสแล้ว สินค้าเกษตรของไทยที่โดดเด่นมากอีกตัวคือ “ยางพารา” จากราคาเมื่อเดือน ม.ค. 2545 อยู่ที่ กก.ละ 21.79 บาท พุ่งโด่งขึ้นไปแตะ กก.ละกว่า 100 บาทเมื่อช่วงกลางปี 2549

สร้างรายได้ให้ชาวสวนยางอย่างเป็นกอบเป็นกำ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงเช่นกัน ยางสังเคราะห์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากน้ำมันจึงแพงตามกันไปด้วย ดันให้ฟากของราคายางพาราพุ่งสูงตามขึ้นมา ปัจจุบันราคายางพาราก็ยังสูงอยู่ที่ กก.ละประมาณ 70-80 บาท และ สศก.คาดว่าปี 2551 ราคายางพาราที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มสูงขึ้น ผลจากการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก

ข้าว คาดว่าราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยผลผลิตข้าวคาดว่าจะอยู่ที่ 30.8 ล้านตัน การส่งออกข้าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปี 2550 ผลผลิตข้าวของโลกจะยังคงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการยังมีมาก รวมทั้งสต๊อกข้าวของโลกลดลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี ทำให้การค้าข้าวของโลกเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสทองของไทยที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามประสบภัยธรรมชาติผลผลิตเสียหาย

สินค้าปศุสัตว์ ไก่เนื้อ คาดว่าในปี 2551 จะมีปริมาณการผลิตรวมทั้งประเทศ ประมาณ 935 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 5.70% เมื่อเทียบกับผลผลิตในปี 2550 ในด้านราคาคาดว่าจากเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น และการแข่งขันของการส่งออกที่รุนแรง จะทำให้ราคาไก่เนื้ออ่อนตัวลง ส่วนการส่งออก ตั้งเป้าไว้ที่ 330,000 ตัน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2550

สินค้าประมง การทำประมงค่อนข้างมีปัญหาจากราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนถึง 60% ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการออกเรือประมง แต่การส่งออกสินค้าประมง คาดว่ามีแนวโน้มสดใสโดยเฉพาะการส่งออกสัตว์น้ำจืด เนื่องจากการผลิตปลาของตลาดส่งออกหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ อียูและรัสเซีย ไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้ต้องมาบริโภคปลาน้ำจืดในเขตร้อนมากขึ้นเพราะมีราคาถูกว่าปลาในเขตหนาว

แม้ว่าแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ในปี 2551 จะอยู่ในภาวะที่ดี เรียกได้ว่าเป็นปีทอง แต่ยังมีความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และเกษตรกรจะต้องระมัดระวังไว้คือปัญหาภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภัยแล้งที่อาจจะทำให้ผลผลิตลดลง

ขณะที่ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทและราคาน้ำมัน จะส่งผลให้ต้นทุนและปัจจัย

------------------

เย้ๆๆๆ ปีนี้ราคาผลไม้จะดีขึ้นแล้ว
แต่เอ.. ทำไมราคามะละกอเราตกลงหว่า

..เฮ้อ

จากคุณ : Michy - [ 2 ม.ค. 51 11:26:31 ]