ความคิดเห็นที่ 1 รายได้ที่มีเข้ามาเมื่อหักลบกลบหนี้แล้วบางปียังไม่พอ ก็ต้องหยิบยืมเงินทั้งในและนอกระบบเพื่อนำมาลงทุนในปีต่อไป นอกจากนี้ยังต้องเสี่ยงกับฤดูกาล ฝนแล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง เพลี้ยแมลงระบาดบ้าง ฯลฯ ดูซิ...วงจรชีวิตของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ ต้องล้มลุกคลุกคลาน  จึงยากที่จะลืมตาอ้าปากได้ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 5 ก.พ. 51 22:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตเกษตรกรมันก็เป็นอย่างนี้มาชั่วนาตาปี จะเรียกร้องขอความช่วยเหลือหรือความเห็นใจใดๆ ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องช่วยตนเองก่อน ดังคำพระท่านว่า “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” แปลว่า “ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน”  ใช่แล้ว....ตนต้องเป็นที่พึ่งของตนเองนั่นแหละดีที่สุด   การรู้จักพึ่งพาตนเอง ด้วยการน้อมนำพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง”  ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานมาประยุกต์ใช้ นี่แหละทางรอดของชาวเกษตรกร แนวคิดที่มุ่งเพาะปลูกเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวก่อน หากเหลือจากการบริโภคแล้วค่อยนำไปขาย จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 5 ก.พ. 51 22:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องลดสิ่งของฟุ่มเฟือยต่างๆ แต่ถ้าหากสิ่งนั้นจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ก็ถามต่อว่ารอก่อนได้ไหม ถ้ารอได้ก็ให้รอไปก่อน หรือนำสิ่งอื่นที่มีอยู่มาใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ แม้จะเพิ่มความลำบากบ้าง ก็ให้ถือเสียว่าเป็นการออกกำลังกายก็แล้วกัน ก่อร่าง....สร้างตัว จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 5 ก.พ. 51 22:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แม้ที่พักอาศัย ไม่ต้องฝันไปไกลหรอก บ้านเดี่ยวหลังงาม มีจัดสวนสวยๆ ทาวเฮาส์หรูหรา ที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์  โอ๊ย...ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ.... ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว สำหรับหลบแดด หลบฝน  “กระท่อมชาวดิน” เรือนรับรอง.....เชิญเลยครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 5 ก.พ. 51 22:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อาหารการกินก็เท่าที่พอจะหาได้แถวข้างๆ บ้าน หยิบๆ จับๆ โน้นบ้าง นี่บ้างพอได้มาเป็นเมนูลูกทุ่ง ก็พอจะหย่อนลงกระเพาะไปได้   เมื่อท้องหิว อาหารที่อยู่ข้างหน้าก็ล้วนแต่ของวิเศษทั้งนั้น....ว่ามั๊ย อาหารมื้อใหญ่.....เชิญทุกท่าน จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 5 ก.พ. 51 22:33:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยังมีต่อครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 5 ก.พ. 51 22:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขออนุญาตปาดให้กำลังใจนะคะ สู้ สู้ จากคุณ : ลูกแมง - [ 5 ก.พ. 51 22:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาแอบกินไก่ทอด ส้มตำ ข้าวเหนียว อิอิ จากคุณ : soomchon - [ 6 ก.พ. 51 00:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โรงเรือน ดูจะร้อนไปหน่อยนะครับ   สงสัยต้องหาพืชจำพวกผัก  เช่น ตำลึง .......นึกไม่ออกแล้วครับ   เอามาเป็นกำแพงสีเขียวๆ  เก็บยอดกินได้แถมยังบังความร้อนให้เราได้ด้วย ...........รอชมต่อครับ   เมนูอำมตะ  ข้าวเหนียวส้มตำ + ไก่ทอด จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 6 ก.พ. 51 04:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไอเดียน้องญี่ปุ่นเข้าท่านะคุณตะวันส่อง  บังร้อน แถมเก็บกินได้ด้วย  ต้นบวบ  ฟักทอง ก็น่าสนนะคะ มาเห็นด้วยอย่างเป็นที่สุด ชีวิตพอเพียง  หากเราเพียงพอ  อยู่ได้อย่างมีความสุข   อิจฉาคุณตะวันส่องนะเนี่ย  พอเพียงก่อนเราอีก เป็นเกษตรกร จะเจอมรสุมรุมเร้า  ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาคนในครอบครัว  ทุกคนพยักหน้าให้กำลังใจ  แม้ไม่มีคำพูดใดๆ เอ่ยอออกมา  แค่รู้ว่าพวกเขาให้กำลังใจ  บอกเราว่า  สู้ต่อนะ  มันก็ช่วยให้ฝ่าฟันวิกฤติและปัญหาได้โดยง่าย กลางคืน  เมื่อยล้าจากการงาน  พลอยให้หลับไหลไปอย่างง่ายดาย  ลืมปัญหาและเรื่องทุกข์ร้อนในแต่ละวัน ตื่นมา  รู้สึกมีพลังที่จะลงไปจับจอบ จับเสียมอีก  วัฎจักรของเกษตรกรทที่พอเพียง  ความสุขอย่างนี้เอง  หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วค่ะ   แม้แต่ บิลเกตท์ ก็คงแอบอิจฉาพวกเรา  น่าน....... ว่าไป   จากคุณ : positive thinking อะไรก็ดีหมด (Farm Girl in High Sierra) - [ 6 ก.พ. 51 05:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นคุณตะวันส่องปลูกหน่อไม้เยอะ แกงเปรอะหน่อไม้ แถวเมืองเหนือ ใส่น้ำใบย่านางและกบย่างด้วย กล้ากินริเปล่าคะเนี่ย จากคุณ : กบในท่อซีมเนต์เก่า (Farm Girl in High Sierra) - [ 6 ก.พ. 51 05:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รออ่าน........อยู่ครับ (สู้โว๊ย......ย) จากคุณ : C.KURT - [ 6 ก.พ. 51 07:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ว่าง ๆจะไปนั่งเก้าอี้ตั้วนั้นค่ะ  ชมไผ่พันกอ  ชิมเมนูอมตะ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 6 ก.พ. 51 10:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สักวันหนึ่ง จะเป็นแบบนี้บ้างค่ะ ตอนนี้เริ่มเบื่อชีวิตในเมืองเต็มทีแล้ว จากคุณ : ขอให้รักเรามั่นนิรันดร - [ 6 ก.พ. 51 11:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อยากไปอยู่แบบนี้บ้างเหมือนกันครับ แต่ที่ฟาร์มผมมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ ผมเลยไม่กล้าไปค้างสักทีครับ จากคุณ : นายทิว - [ 6 ก.พ. 51 13:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.ที่5 หมดรึยังคับ...ขอเพิ่มอีกชุดคับ..  เอิ้กๆๆ.... โดนอีกแล้ว...พี่ท่านตะวันส่อง โดนทั้งใจเลยคับ...  ...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด .... ยืมพี่สอบวา มาคับ.. ผมก็จะไปทำแบบนี้แหละคับ  ... จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 6 ก.พ. 51 14:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณตะวันส่อง  ปลูกไผ่ครบพันกอรึยังค่ะ เดี๋ยวถ้าไปแถวลพบุรีแล้วขออนุญาตแวะไปเยี่ยมน่ะค่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 6 ก.พ. 51 17:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาเรื่อยๆเลยครับ คุณตะวันส่อง ชอบดู ชอบอ่าน ที่มา แนวคิดของเพื่อนกสิกรแต่ละท่าน "กระท่อมชาวดิน" ได้ใจดีครับ อยากให้เพื่อนๆท่านอื่น โพสต์แบบนี้บ้าง ผมว่าเปิดใจดีครับ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 6 ก.พ. 51 19:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีครับ ทุกๆ ท่าน ขอบคุณทุกความเห็น ทุกคำแนะนำและทุกกำลังใจที่มอบให้ ขออนุญาตตอบทุกท่านก่อนครับ ...........คุณลูกแมง            ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ...........คุณ soomchon      เชิญเลยครับ  หากไม่พอก็บอกนะครับ ยินดีบริการ ...........คุณญี่ปุ่น35           เป็นความคิดที่ดีครับ กะว่าหน้าฝนมาจะลงแฟงให้ท่วมหลังคาเลยครับ ...........คุณสาวบ้านนา       เป็นเช่นนั้นครับ กำลังใจเป็นยาขนานวิเศษ ทำให้เกิดพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตเกษตรกรยินดีที่ได้ พอใจที่มี แสวงหาในขอบเขตความสามารถ เท่าไรก็เท่านั้นตามอัตภาพ นี่หรือเปล่า....พอเพียง ส่วนเมนูที่นำเสนอนั้นน่าสนใจ เคยกินแต่ยำกบ  และใช้ถ่านไฟฉายตรากบ  โอ๊บๆ ...........คุณ C.KURT         ชูสองนิ้ว สู้อยู่แล้วครับ ถึงเสียงจะไม่ดังก็ตาม ...........คุณสาวสวนแตง     เชิญเลยครับ นั่งพักให้เย็นใจ มีเมนูหน่อไม้ไว้รับรอง ...........คุณขอให้รักเรามั่นนิรันดร   เป็นกำลังใจให้สู้ไปด้วยกันครับ ...........คุณทิว                ใช่แล้วครับ เมื่อลงทุนแล้วต้องหมั่นรักษาครับ  พี่ชายผมลงทุนเลี้ยงไก่โดยจ้างลูกน้องดูแลแทน  ก่อนถึงคิวจับไก่ ลูกน้องเกรงลูกพี่จะเหนื่อยเกินไปเลยช่วยจับไปก่อน ในที่สุดเจ๊ง แต่ลูกน้องรวยครับ ...........คุณคนดง              เต็มที่เลยครับ หากไม่พอเดี๋ยวมีเพิ่ม   กำลังเรียนรู้ แต่ยอมรับนานมาแล้ว  ตอนนี้พยายามทำให้ดีที่สุด ...........คุณธัมมะระตี          ปีนี้จะลงให้ครบครับ กำลังเตรียมแปลงปลูกอยู่ แต่ดินมันแข็งเกินไปจึงต้องรอก่อน         หากมีเวลาว่างก็เชิญเลยครับ สวนไผ่ตะวันส่องยินดีต้อนรับ  ถือเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่ให้ความสนใจ ถือเสียว่าเป็นการพักรถพักคนไปในตัว ..........คุณดอกไม้ทะเล       ความจริงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้อยู่แล้วครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กำลังใจเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าและมีคุณอนันต์ ยามเมื่อท้อแท้และสิ้นหวัง กำลังใจจากคนรอบข้างทำให้มีพลังลุกขึ้นยืนหยัดสู้ด้วยกำลังแขนขาแห่งตน เอ้า.....สู้ต่อไป วิถีแห่งความพอเพียงเมื่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น  ทำให้เงินทองที่มีอยู่ก็ร่อยหรอแทบจะไม่ชนเดือน จึงต้องหันกลับมาสำรวจว่าจะลดรายจ่ายอะไรได้อีกบ้าง  แก๊ส...ครับ แพงจังเลย ทำอย่างไรดีล่ะ......มาลงแรงสร้างเตาเผาถ่านใช้กันดีไหม เตาเผาถ่านถังน้ำมัน 200 ลิตร  สิ่งประดิษฐ์จากภูมิปัญญา จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรามาเริ่มพร้อมๆ กันเลยครับ การเลือกสถานที่          การก่อสร้างเตาเผาถ่านต้องเลือกสถานที่ควรเป็นที่ดอน ควรอยู่ห่างจากบ้านเรือนอย่างน้อย  50 เมตร  อยู่ใกล้แหล่งไม้ฟืน  หรือวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์ 1.ถังน้ำมัน  200  ลิตร 1  ถัง  (ส่วนของผมใช้   2  ถัง) 2.ท่อใยหิน  เส้นผ่านศูนย์กลาง   4 นิ้ว  ยาว  1 – 1.5  เมตร  1  ท่อ 3.ข้องอใยหิน (90 องศา) เส้นผ่านศูนย์กลาง  4  นิ้ว 4.อิฐบล็อก  5  ก้อน 5.ดินเหนียว 6.ขี้เถ้าแกลบ (แกลบดำ) 7.ดินหรือทราย (ทำฉนวนหุ้มเตา) 8.ไม้ไผ่  เส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 3  นิ้ว เจาะทะลุปล้อง  ความยาวอย่างน้อย 5  เมตร (ปล่องควันนี้ของผมเตรียมได้เพียง  3.5 เมตรเท่านั้น ไม่ใช่หาไม้ไผ่ไม่ได้ แต่การเจาะทะลุปล้องนั้นไม่ง่ายครับ เท่าที่ได้ก็หืดจับ) 9.ภาชนะใส่น้ำส้มควันไม้  ควรเป็นถังพลาสติกทรงสูง  เพราะน้ำส้มควันไม้เป็นกรด   ถ้าหากใช้ภาชนะรองเป็นโลหะ   กรดจะกัดโลหะทำให้น้ำส้มควันไม้คุณภาพไม่ดี จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การเตรียมถังน้ำมัน 200 ลิตร 1.  เปิดฝาถังด้านเดียว   (ในตำราบอกให้ใช้หินเจียตัดขอบปากถัง แต่เท่าที่สังเกต ที่ปากถังจะมีเหล็กเส้นสำหรับยึดปากถังให้แข็งแรง หากตัดขอบปากถังแล้ว ความแข็งแรงจะหมดไป เมื่อถูกความร้อนอาจจะเสียรูปทรงได้ จึงใช้วิธีการตัดเฉพาะแผ่นด้านหน้าเหลือขอบถังไว้ แล้วนำเหล็กแผ่นมาทำตัวพักฝาถังอีกที) 2.  ร่างแบบรูป  4 เหลี่ยม ขนาด 20 x 20 ซม. ชิดขอบฝาถังด้านในด้านหนึ่ง จากนั้นตัดฝาถังที่แบบร่าง 3.  เจาะรูอีกด้านหนึ่งของถัง (ก้นถัง) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  5 นิ้ว เพื่อไว้สำหรับใส่ข้องอฉาก (ในส่วนของผมใช้ท่อเหล็ก 4 นิ้ว เชื่อมต่อกับก้นถังเลย ) 4.  เจาะรูขนาด  2  นิ้ว ที่ด้านล่างของข้อ 90 (ใช้สำหรับระบายน้ำที่ไหลย้อนกลับ) จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การประกอบตัวเตา อันดับแรกต้องปรับพื้นที่ให้ลาดเอียงเล็กน้อย โดยหน้าเตาอยู่สูงกว่าท้ายเตา หรือใช้ก้อนอิฐรองปากถังให้สูงนิดนึงก็ได้ และให้ความยาวของถังหันตามแนวทิศทางลม จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อันดับต่อไป นำถังน้ำมันมาวางยาวตามแนวทิศทางของลม โดยให้รูกลมที่เจาะไว้อยู่ด้านล่าง ทำการยึดถังให้มั่นคงก่อน ขั้นตอนนี้ หากทำผนังเตาทั้ง 2 ด้านแล้วก็นำดินหรือทรายที่เตรียมไว้มาเทลงตรงกลางถังทั้ง 2 ด้านก็ได้  แต่หากยังไม่ได้ทำผนัง (เหมือนผม) ก็ใช้ก้อนหินมายันไว้ก็ได้ ไม่ผิดกติกานะครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ประกอบท่องอใยหินฉาก 90 เช้ากับที่ก้นถัง   โดยให้ด้านใหญ่ที่สุดสวมกับท่อเหล็ก 4 นิ้วที่เตรียมไว้ (หรือนำด้านเล็กของท่อใส่เข้าไปในถังที่เจาะไว้เฉยๆ ก็ได้) จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นำท่อตรงใยหินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 1 – 1.5 เมตร มาสวมต่อกับข้องอ 90  ที่ประกอบไว้แล้ว  ฝังเสาสำหรับยึดท่อ จากนั้นมัดท่อยึดกับเสาให้แน่น   อุปกรณ์ทุกอย่างสิ่งเหลือใช้ทั้งนั้นครับ  ยกเว้นข้องอกับท่อใยหิน จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตำราบอกให้ตอกเสาหลักเป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ว่าดินที่นี่มันแข็งเหลือเกิน ขุดหลุมฝังเสาก็แล้วกัน ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด  (ถ้าถังใบเดียวก็ให้มีระยะห่าง 80 x 80 ซม.  แต่ถ้าถังคู่ละก็....ตามสบายครับ) จากนั้นก็นำแผ่นสังกะสี กระเบื้องหรือวัสดุที่ทนความร้อนได้มากั้นทำเป็นผนังประคองไม่ให้ฉนวนเตากันความร้อนพังลงมา สำหรับผนังเตาด้านหลังให้ห่างจากข้องอประมาณ 10 – 15 ซม. จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เนื่องจากหาวัสดุเป็นผนังประคองฉนวนกั้นด้านหน้าเพื่อให้เข้ากับรูปถังน้ำมันไม่ได้  จึงนำโคลนมาก่อด้วยเศษก้อนหินแถวนั้น ว่ากันตามมีตามเกิด แต่ก็น่าจะแข็งแรงดีครับ เล่นโคลนด้วยกันไหมครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ฉาบผนังหน้าเตาด้วยโคลนเสร็จแล้ว หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขั้นตอนต่อไปก็เตรียมนำดินหรือทรายมาใส่เพื่อทำเป็นฉนวนกันความร้อน ส่วนที่นี่ประหยัดตังค์...จึงหาดินแถวใกล้ๆ นั้นมาใส่แทนครับ ใช้ได้เหมือนกันนะ นำดินมาใส่เข้าไปจนเต็มก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนในการก่อตัวเตา จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แม็กโครของผมครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอขอบคุณทุกท่าน สำหรับการติดตามชมครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แหล่งข้อมูล การพัฒนาเตาเผาถ่านพลังงานชีวมวล ‘นวตกรรมใหม่’ ที่ต้องใช้ทุกครัวเรือน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้ให้ข้อมูลเผยแพร่เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี ด้านพลังงานทดแทนเกี่ยวกับพลังงานชีวมวล สำหรับโครงการหมู่บ้านพลังงานชนบท และโครงการบ้านมั่งคงด้านพลังงาน ชีวมวล (Biomass) คือ สารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งแหล่งสะสมหรือกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติ สามารถนำไปใช้ผลิตพลังงานได้ เช่น พืชต่างๆ หรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหรือกาก จากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมการเกษตร เช่น แกลบ ชานอ้อย เศษไม้ รวมถึงพลังงานจากธรรมชาติประเภทโปรตีน และน้ำตาล ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานจากชีวมวลได้ จากกระบวนการทางชีวภาพการใช้พลังงานชีวมวล โดยกระบวนการความร้อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นได้ทั่วไปในลักษณะการนำถ่านไม้ ฟืน และเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงในการจุกไฟ เพื่อให้เกิดความร้อนสำหรับนำไปใช้ในการหุงต้ม และกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคเกษตร หรือประโยชน์ในด้านอื่น ๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือการ ขาดแคลนทรัพยากรป่าไม้ และถ่านฟืน เริ่มหายากและมีราคาแพงมากขึ้น ดังนั้นเพื่อสอดคล้องความจริญทางเศรษฐกิจชุมชนอย่างต่อเนื่องจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากชีวมวล ให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างประหยัด และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีการสูญเสียพลังงานน้อยที่สุด ณ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีด้านพลังงานจากชีวมวลผลิตความร้อน ที่ได้รับการพัฒนา โดยหลักวิชาการแล้ว มีรายละเอียดแบบแสดงเทคโนโลยีพลังงานชีวมวลผลิตความร้อนตามลำดับ ดังนี้ 1. เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง 2. เตาเศรษฐกิจ 3. เตาเผาผลิตถ่านประสิทธิภาพสูง 4. เตาเผาขยะ 5. เตาเคี่ยวน้ำตาล 6. เตาย่างไก่ 7. เตาขนมจีนแบบ 1 เตา และ 2 เตา 8. เตานึ่งก้อนเชื้อเห็ด 9. เตาทอดหนังหมู 10. เตาต้มปอสา 11. เตาต้มก๋วยเตี๋ยว 12. เตาแก๊สชีวมวล 13. เตาคั่วใบชา เตาเผาถ่าน 200 ลิตร จะแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ เตาเผาถ่านแบบตั้ง หรือ แบบชนิดปล่องขนานข้างเตาและแบบนอน ซึ่งจะเป็นเตาเผาถ่านที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเตาเผาถ่านแบบดั้งเดิม ประมาณ 1.2 – 1.5 เท่า โดยใช้ถังขนาด 200 ลิตรเป็นตัวเตา เตาประเภทนี้จะอาศัย ความร้อนไล่ความชื้นในเนื้อไม้ที่อยู่ในเตา ทำให้ไม้กลายเป็นถ่าน หรือที่เรียกว่า “กระบวนการคาร์บอนไนเซซั่น (Carbonization)” นอกจากนี้ เตายังมีโครงสร้างที่มีลักษณะปิด ทำให้สามารถควบคุมอากาศได้ จึงไม่มีการลุกติดไฟของเนื้อไม้ ผลผลิตที่ได้จึงเป็น ถ่านที่มีคุณภาพ สารก่อมะเร็งต่ำ ขี้เถ้าน้อยและผลได้จากกระบวนการเผาถ่านอีกอย่างหนึ่งคือ “น้ำส้มควันไม้ หรือ Wood Vinegar” ที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ในเกษตรกรรมธรรมชาติได้ด้วย ส่วนเตาเผาผลิตถ่านแบบประหยัดพลังงานขนาด 200 ลิตร อีกชนิดหนึ่งคือแบบ ชนิดปล่องขนานข้างเตาหรือแบบตั้ง เป็นเตาที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น (ใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร) โดยได้ปรับปรุงและพัฒนาจนมีประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดียิ่งขึ้น ทำให้ถ่านที่ผลิตได้มีคุณภาพดี ประหยัดเวลา และที่สำคัญ ประกอบง่าย ราคาถูก เหมาะสำหรับครัวเรือนในชนบท ที่มีการใช้ถ่านเป้นพลังงานในการหุงต้ม ประกอบอาหาร อีกทั้งมีผลพลอยได้ คือ ได้น้ำส้มควันไม้จากการเผาถ่าน สำหรับนำไปเป็นยาฆ่าแมลงกำจัดศัตรูพืช ลักษณะเด่นของเตาเผาถ่าน 200 ลิตร 1. ด้านวัตถุดิบ และอุปกรณ์ - ไม้ที่นำมาเผาถ่าน และเชื้อเพลิงหน้าเตาหาได้ง่าย - สามารถใช้ไม้ที่มีขนาดเล็กที่เกิดจากการตัดแต่งกิ่งไม้ได้ ช่วยลดการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ - ใช้เชื้อเพลิงในการเผาถ่านน้อย - อุปกรณ์ประกอบเตา หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องก่อสร้างทั่วไป - ตัวเตาดูแลรักษาง่าย อายุการใช้งานนาน 2. ด้านกรรมวิธีการผลิต - ใช้เวลาในการเผาถ่านสั้น (ภายใน 1 วัน) สามารถใช้แรงงานคนเดียวในการเผา - ควบคุมอากาศในการเผาไหม้ได้ตามต้องการ - การเผาถ่าน เกิดเป็นขี้เถ้าน้อย 3. ด้านผลผลิต - ได้ถ่านมีคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ เพราะถ่านที่ได้มีปริมาณน้ำมันดิน (ทาร์) น้อย - ได้ปริมาณผลผลิตถ่าน (ประมาณ 20 – 22 %) - ได้ผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือจากถ่าน คือ น้ำส้มควันไม้ 4. ด้านการลงทุน - ลงทุนน้อย (ไม่เกิน 500 บาท) เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มีต่อครับ สำหรับการเผาถ่านนั้น จะต้องมีวิธีการในการเผาถ่านคือจะต้องนำไม้มาจัดแยกกลุ่ม ตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไม้เป็น 3 กลุ่ม คือ ขนาดเล็ก ขานดกลาง ขนาดใหญ่ เมื่อคัดขนาดได้แล้วนำไม้มาเรียงในเตา โดยให้ไม่ที่มีขนาดเล็กไว้ด้านล่างของเตา ขนาดใหญ่ไว้ด้านบน โดยวางทับไม้หมอนยาวประมาณ 30 –40 เซนติเมตร การเรียงไม้นี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากอุณหภูมิในเตาขณะเผาถ่านไม่เท่ากัน โดยอุณหภูมิด้านล่างเตาจะต่ำ ส่วนอุณหภูมิที่อยู่ด้านบนเตาจะสูงกว่า จึงจะมีความร้อนมากกว่า ถ้านำไม้ขนาดเล็กไว้ข้างบนไม้จะไหม้เป็นเถ้าถ่าน จึงต้องนำไม้ที่มีขนาดใหญ่ไว้ข้างบน ขันตอนในการเผาถ่าน ช่วงที่ 1 เป็นขั้นตอนของการไล่ความชื้น หรือคายความร้อน เริ่มจากจุดไฟเตา บริเวณที่อยู่หน้าเตา ใส่เชื้อเพลิงให้ความร้อนกระจายเข้าสู่เตาเพื่อไล่อากาศเย็นและความชื้นที่อยู่ในเตาและในเนื้อไม้ ควันที่ออกมาจากปล่องควันจะเป็นสีขาว ควันจะมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นกลิ่นของกรดประเภทเมธานอลที่อยู่ในเนื้อ อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 70-75 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 150 องศาเซลเซียส ถ้าใส่เชื้อเพลิงต่อไป ควันสีขาวตรงปล่องควันจะเพิ่มขึ้น อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควัน ประมาณ 70 – 75 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 200 –250 องศาเซลเซียส ควันมีกลิ่นเหม็นฉุน ช่วงที่ 2 เมื่อไม้กลายเป็นถ่าน หรือปฏิกิริยาคลายความร้อน เมื่อเผาต่อไปอีกระยะหนึ่ง ควันสีขาวจะเริ่มบางลง และเปลี่ยนเป็นสีเทา อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 80 85 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ ภายในเตาจะประมาณ 300 –400 องศาเซลเซียส ไม้ที่อยู่ในเตาจะคลายความร้อนที่สะสมเอาไว้ เพียงพอที่จะทำให้อุณหภูมิในเตาเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงนี้ค่อย ๆ ลดการป้อนเชื้อเพลิงหน้าเตา และเริ่มเก็บน้ำส้มควันไม้ หลังจากหยุดการป้อนเชื้อเพลิงหน้าเตาแล้ว จะต้องควบคุมอากาศโดยการหรี่หน้าเตา หรือลดพื้นที่หน้าเตาลงให้เหลือช่องพื้นที่หน้าเตาประมาณ 20 –30 ตารางเซนติเมตร สำหรับให้อากาศเข้า เพื่อรักษาระดับของอุณหภูมิในเตาไว้ให้นานที่สุด และยืดเวลาการเก็บน้ำส้มควันไม้ให้นานที่สุด โดยช่วงที่เหมาะสมกับการเก็บน้ำส้มควันไม้ควรมีอุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 85 – 120 องศาเซลเซียส เนื่องจากเป็นช่วงที่สารเนื้อไม้ถูกขับออกมา จากนั้นควันก็เปลี่ยนสี จากควันสีเทาเป็นสีน้ำเงิน จึงหยุดเก็บน้ำส้มควันไม้ อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 100 –200 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 400 – 450 องศาเซลเซียส ช่วงที่ 3 ช่วงทำถ่านให้บริสุทธิ์ ขั้นตอนนี้เป็นช่วงที่ไม้จะเปลี่ยนเป็นถ่าน ต้องทำการเพิ่มอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว โดยการเปิดหน้าเตาประมาณ 1 ใน 3 ของหน้าเตา ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เมื่อควันสีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นสีฟ้า แสดงว่า ไม้เริ่มเป็นถ่านใกล้หมด จากนั้นควันสีฟ้าจะอ่อนลง และจะกลายเป็นควันใสแทน เมื่อมีควันใส เริ่มทำการปิดหน้าเตา โดยใช้ดินเหนียวปิดรอยรั่ว และรอยต่อ จากนั้น ทำการปิดปล่องควันให้สนิทและอุดรูรั่วทั้งหมด ไม้ให้อากาศภายนอกผ่านเข้าไปได้ ช่วงที่ 4 เป็นช่วงทำการให้ถ่านในเตาเย็นลง เกลี่ยดินบนเตาออกให้เห็นหลังเตา เพื่อระบายความร้อน จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน หรือประมาณ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ถ่านดับสนิท แล้วจึงเริ่มการเปิดเตาเพื่อนำถ่านออกจากเตา และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ผลพลอยได้ที่ได้จากการเผาถ่านชนิดนี้ จะทำให้ได้น้ำส้มควันไม้ขึ้นมา เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้ หลายทาง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ในชุมชน ที่จะหารายได้เข้าสู่ท้องถิ่นของตนเอง น้ำส้มควันไม้เกิดจากอะไร ควันที่เกิดจากการเผาไหม้ถ่านในช่วงที่ไม้กำลังเปลี่ยนเป็นถ่าน เมื่อทำให้เย็นลงจนควบแน่นแล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ของเหลวที่ได้นี้เรียกว่า น้ำส้มควันไม้ มีกลิ่นไหม้ ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิติก มีความเป้นกรดต่ำ มีสีน้ำตาลแกมแดง หลังจากให้นำน้ำส้มควันไม้ที่ได้ทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติกประมาณ 3 เดือนในที่ร่ม ไม่สั่นสะเทือนเพื่อให้น้ำส้มควันไม้ที่ได้ตกตะกอนและแยกตัวเป็น 3 ชั้นคือ น้ำมันเบา (ลอยอยู่ผิวน้ำ) น้ำส้มไม้ และน้ำมันทาร์ (ตกตะกอนอยู่ด้านล่าง) แยกน้ำส้มควันไม้มาใช้ประโยชน์ต่อไป ประโยชน์และการนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ประโยชน์ น้ำส้มควันไม้มีสารประกอบต่าง ๆ มากมาย เมื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรมีคุณสมบัติ เช่น เป็นสารปรับปรุงดิน สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช และสารเร่งการเติบโตของพืช นอกจากนี้ มีการนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม เช่น ใช้ผลิตสารดับกลิ่นตัว ผลิตสารปรับผิวนุ่ม ใช้ในการผลิตยารักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น จะเห็นได้ว่า การเตาเผาถ่านจะให้ประโยชน์ได้มากกว่าการที่ได้ถ่านเพียงอย่างเดียว ยังจะให้ประโยชน์ในการได้น้ำส้มควันไม้เพื่อนำมาใช้ในการกำจัดศัตรูพืชและอย่างอื่นอีกมากมาย หนำซ้ำยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นนั้น ๆ อีกด้วย อ้างอิง http://www.tj.co.th/optnews/modules/articles/article.php?id=93 http://picasaweb.google.com/sothorn/200/photo#5117073019424979490 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 นี่ก็ใช่...ครับ การสร้างเตาเผาถ่านโดยใช้ถังน้ำมัน 200 ลิตร ก่อสร้างเตาเผาถ่านต้องเลือกสถานที่ในการสร้างเตา โดยควรเป็นที่ดอน ควรอยู่ห่างจากบ้านเรือนอย่างน้อย 50 เมตร อยู่ใกล้แหล่งไม้ฟืน หรือวัตถุดิบ วัสดุ / ส่วนประกอบ 1. ถังน้ำมัน 200 ลิตร 1 ถัง 2. ท่อใยหิน เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 1 – 1.5 เมตร 1 ท่อ 3. ข้องอใยหิน เส้นผ่านศุนย์กลาง 4 นิ้ว 4. อิฐบล๊อก 4 ก้อน 5. ดินเหนียว 6. ขี้เถ้าแกลบ (แกลบดำ) 7. ดินหรือทราย (ทำฉนวนหุ้มเตา) 8. ไม้ไผ่ เส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 3 นิ้ว เจาะทะลุปล้อง ความยาวอย่างน้อย 5 เมตร 9. ภาชนะใส่น้ำส้มควันไม้ ควรเป็นถังพลาสติกทรงสูง เพราะน้ำส้มควันไม้เป็น กรด ถ้าหากใช้ภาชนะรองเป็นโลหะ กรดจะกัดโลหะทำให้น้ำส้มควันไม้คุณภาพไม่ดี 10. สายยาง ขั้นตอนการประกอบเตา 1. นำถังน้ำมัน 200 ลิตร ตัดฝาด้านใดด้านหนึ่งออก ให้สามารถเปิดปิดได้ นำ ฝาที่ตัดออกเจาะเป็นรูสี่เหลี่ยม 20 x 20 เซนติเมตร ส่วนฝาอีกด้านหนึ่งไม่ต้องตัดออก แต่ให้เจาะรูกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้ว 2. ปูพื้นด้วยทราย ให้มีขนาดความกว้าง – ยาว เท่ากับถังน้ำมัน 200 ลิตร และ นำถังน้ำมันไปวางไว้ 3. ประกอบข้องอและท่อใยหิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นปล่องควัน ต่อเข้ากับเตาที่ได้ เจาะรูขนาด 4 นิ้ว พร้อมกับประสานรอยต่อโดยใช้ดินเหนียวผสมกับขี้เถ้าแกลบ 4. นำดินเหนียวไปหุ้มเตาทั้ง 3 ด้าน คือด้านข้าง 2 ด้าน และด้านบน ความหนา ประมาณ 30 เซนติเมตร จะทำให้เก็บความร้อนภายในเตาได้ดีขึ้น (เป็นฉนวน) 5. ใช้เหล็กเส้นความยาวประมาณ 1 ฟุต 2 อัน วางไว้ภายในเตาในแนวขวาง หัว – ท้าย เพื่อให้ความร้อนหมุนเวียนได้ดีขึ้น 6. นำไม้ฟืน ตัดให้มีความยาว 80 เซนติเมตร (ถังน้ำมัน 200 ลิตร ยาว 90 ซม.) วางไปตามความยาวของเตาจนเต็ม ไม้ที่นำไปเผาไม่ควรสด - แห้งจนเกินไป 7. ปิดฝาถัง จากนั้นนำอิฐบล๊อก มาวางไว้ด้านหน้าเตา บริเวณช่องที่เจาะไว้ และประสานรอยต่อโดยใช้ดินเหนียวกับขี้เถ้าแกลบ ขั้นตอนการเผา / การเก็บน้ำส้มควันไม้ 1. จุดไฟบริเวณหน้าเตา โดยค่อย ๆ ใส่เชื้อเพลิง ความร้อนจะกระจายเข้าสู่ตัว เตา เพื่อไล่อากาศเย็นและความชื้นที่อยู่ในเตา ในระยะแรกควันจะมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นกลิ่นกรดที่อยู่ในไม้ 2. ค่อย ๆ ใส่เชื้อเพลิงเข้าไปเรื่อย ๆ ควันสีขาวตรงปล่องควันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 70 C อุณหภูมิภายในเตา 200 - 250 C ควันจะมีกลิ่นเหม็นฉุน (ช่วงนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง) 3. เมื่อเผาไปอีกระยะหนึ่ง ควันสีขาวจะเริ่มบางลงและเปลี่ยนเป็นสีเทา อุณหภูมิ ปากปล่องควัน 80 - 85 C อุณหภูมิภายในเตา 300 - 400 C ช่วงนี้จะต้องลดเชื้อเพลิงลง เนื่องจากเป็นช่วงที่สารที่อยู่ในเนื้อไม้ถูกขับออกมา สังเกตโดยบริเวณปากปล่องควัน จะมีสารสีดำที่เรียกว่ายางไม้ หรือ Tar ติดอยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่จะเริ่มเก็บน้ำควันไม้ได้ดีที่สุด (ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง) 4. จากนั้นควันจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีน้ำเงิน อุณหภูมิปากปล่องควันประมาณ 100 - 120 C อุณหภูมิภายในเตา 400 – 500 C (ช่วงนี้ใช้เวลา 2 – 3 ชั่วโมง) 5. ขั้นตอนต่อไป จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นช่วงที่ไม้จะเปลี่ยนเป็น ถ่าน ให้เฝ้าสังเกตดูควันที่ปล่องควันจะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีฟ้า แสดงว่าฟืนภายในเตาเริ่มจะกลายเป็นถ่าน จากนั้นควันสีฟ้าจะอ่อนลง ยางไม้ที่เกาะอยู่บริเวณปล่องควันด้านในจะแห้ง อุณหภูมิภายในเตาจะสูงมาก ประมาณ 500 C ในที่สุดควันสีฟ้าก็จะหมดไป และเปลี่ยนเป็นควันใส ซึ่งแสดงว่าไม้ที่อยู่ในเตาได้กลายเป็นถ่านไปหมดแล้ว ให้เริ่มทำการปิดหน้าเตาก่อน โดยใช้ดินเหนียวปิดรอยรั่ว รอยต่อ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ปิดปล่องควันให้สนิท ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการเผาถ่าน จากนั้นทิ้งไว้หนึ่งคืน หรือประมาณ 10 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ถ่านดับสนิท แล้วจึงเปิดเตาเพื่อเอาถ่านออก วางเรียงในที่โล่งแจ้งก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ถ่านกลับติดลุกเป็นไฟ แล้วจึงบรรจุใส่ภาชนะหรือกระสอบ วิธีเก็บน้ำส้มควันไม้ ในการเก็บน้ำส้มควันไม้ แนะนำให้เก็บในช่วงอุณหภูมิปากปล่องควันประมาณ 80 – 85 C ช่วงอุณหภูมิภายในเตาจะประมาณ 300 – 400 C ถ้าเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 300 C จะได้สารประกอบที่มีประโยชน์น้อยมาก และถ้าเก็บควันในช่วงที่อุณหภูมิเกิน 425 C น้ำมันดินหรือน้ำมันทาร์ (Tar) จะสลายตัวเป็นสารก่อมะเร็ง น้ำส้มควันไม้สามารถเก็บได้โดยใช้เครื่องมือง่าย ๆ โดยอาศัยการถ่ายเทความร้อนจากปล่องดักควันที่มีอุณหภูมิสูง สู่อากาศรอบปล่องดักควันที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า ความชื้นในควันจะควบแน่นเป็นหยดน้ำ นำมารวบรวมและทำให้บริสุทธิ์ขึ้น ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จุดสำคัญของการเก็บน้ำส้มควันไม้ก็คือ ต้องให้ปล่องดักควันอยู่ห่างจากปากปล่องควันของเตาผลิต เกิน 20 – 30 เซนติเมตร หากทั้งสองส่วนเชื่อมต่อกันโดยตรง จะเท่ากับเป็นการต่อความยาวให้กับปล่องควันของเตา และส่งผลถึงคุณภาพและผลผลิตของถ่านไม้ด้วย 1. นำเอาไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ ให้ส่วนโคนอยู่เหนือปล่องควัน 20 – 30 เซนติเมตร ส่วนปลายให้ชี้ขึ้นทำมุม 45 องศา โดยนำวัสดุยึดไว้ 2. เจาะรูด้านล่างของไม้ไผ่ ขนาด 1 เซนติเมตร บริเวณโคนของไม้ไผ่ 3. นำปลายสายยางด้านหนึ่งไปสวมไว้ที่รูไม้ไผ่ อีกด้านหนึ่งหย่อนลงในถัง พลาสติก 4. ควันที่อกจากปล่องควัน จะเป็นไอร้อน เมื่อกระทบกับอากาศในลำไม้ไผ่ จะ เกิดการควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ แล้วจะไหลย้อนกลับลงมาผ่านรูที่เจาะ ผ่านสายยางลงสู่ถังพลาสติก น้ำที่ได้ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ จะต้องทำให้บริสุทธิ์เสียก่อน การทำน้ำส้มควันไม้ให้บริสุทธิ์ น้ำส้มควันไม้ที่ได้จากการเก็บจากเตาผลิตถ่าน ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที เพราะจะไปปิดปากใบของพืชและเกาะติดรากพืช ทำให้พืชโตช้าหรือตายได้ ดังนั้น จึงต้องทำให้บริสุทธิ์เสียก่อน ซึ่งทำได้ 3 วิธีคือ การปล่อยให้ตกตะกอน โดยนำน้ำส้มควันไม้มาเก็บในถังทรงสูง มีความสูงมากกว่าความกว้างประมาณ 3 เท่า โดยทิ้งให้ตกตะกอนประมาณ 90 วัน น้ำส้มควันไม้จะตกตะกอนแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นน้ำมันใส (Light Oil) ชั้นกลางเป็นของเหลวสีชา (Wood Vinegar) และชั้นล่างสุดจะเป็นของเหลวสีข้นดำ คือ น้ำมันดิน (Tar) ผงถ่านผสมน้ำมันดิน สามารถนำไปโรยรอบอาคาร เพื่อป้องกันสัตว์ต่าง ๆ เช่น มด ปลวก ตะขาบ ฯลฯ และจะสลายตัวได้เองภายในเวลาไม่นานนัก แต่ห้ามทิ้งลงแหล่งน้ำเด็ดขาด หลังจากตกตะกอนจนครบกำหนดแล้ว นำน้ำส้มควันไม้มากรองซ้ำอีกครั้งด้วยผ้ากรอง แล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้ น้ำส้มควันไม้ที่บริสุทธิ์ ต้องมีน้ำมันดินไม่เกิน 1% ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายโดยดูความใส หากมีน้ำมันดินเกิน 1% น้ำส้มควันไม้จะขุ่นและมีสีดำ น้ำส้มควันไม้ที่ดีจะมีลักษณะใสสีชา หรือน้ำตาลแดง แตกต่างกันไปตามชนิดของไม้ โครงสร้างของเตาเผาถ่านจากถังน้ำมัน 200 ลิตร เพื่อเก็บน้ำส้มควันไม้ อ้างอิง http://www3.pantown.com/data/29945/content3/para1.txt จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอขอบคุณอีกครั้บ สำหรับการติดตามชมจนกระทั่งจบบริบูรณ์ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 6 ก.พ. 51 21:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ วิถีชาวทุ่ง...ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะและมีพละกำลัง เพื่อกิจการภายในไร่ ให้ประสบความสำเร็จดั่งใจฝันค่ะ เหนื่อยกายไม่เท่าไร นอนหลับฝันดี ตื่นขึ้นมาก็หายค่ะ..เป็นกำลังใจค่ะ สวนไผ่ ของคนขยัน วันนี้พันกอ วันหน้าก็ไปถึงพันไร่ได้ค่ะ สู้ สู้ จากคุณ : แมกไม้ไทย - [ 7 ก.พ. 51 07:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ทุกกระบวนการ ล้วนถูกต้องเรียบร้อย....สวยงาม... เว้นเสียแต่ว่า...... อ้อ....ถามก่อน เผาบ้างยังครับ? ถ้าเผาแล้ว....เกิดปัญหาอะไรบ้างครับ? ถ้ามีปัญหาถามผมได้ ผมเผา(เกือบ)ทุกวัน เตาเดียว...มีทริกนิดหน่อย ซึ่งสำคัญมาก จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 7 ก.พ. 51 10:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามมาชมตอนต่อไปนะคับ... ... น้ำส้มควันไม้แก้วนึ่ง  น้ำแข็ง ม่ า ย ต้อง...งงง..     ^^ ตรงนั้นเพิงน้อยๆ นิ กลายเป็นโรงงานเตาเผาถ่านซะแระ...  ...แต่บรรยากาศดีจังคับ....   ชอบ    ^^ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 51 13:27:50 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 ก.พ. 51 13:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณตะวันส่อง ทำเตาเผาได้สวย แหล่มเลย ทำร้าน หรือ โต้ะไว้นอนเฝ้าเตาถ่านด้วย  จะได้ครบสูตร ถูกใจแม็คโคร  รุ่นนั้นที่บ้านก็มีเด้อ  อิ อิ  แต่ของคุณตะวันส่องถ้าจะทำงานบ่อย  รู้งาน  ดูสวนไผ่สะอาดสะอ้าน แถมตัดแต่งกิ่งไผ่ ดูโล่ง และเป็นระเบียบมาก     ถ้าว่างๆ  และไม่รบกวนมากไป  ขอช่วยเอารูปตอนกลั่นน้ำส้มควันไม้มาให้ชมอีกค่ะ  กำลังสนใจเรื่องนี้พอดี จากคุณ : แบ็คกราวด์ ยังกะฉากในหนังจีน (Farm Girl in High Sierra) - [ 8 ก.พ. 51 05:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีครับ เพื่อนๆ สมาชิกห้องหัวมุมทุกท่าน เพิ่งกลับจากเดินทางไกลเพื่อไปเยี่ยมเยือนญาติเกือบพันกิโล เหนื่อย...แต่ก็สุขใจ เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ ...........คุณแมกไม้ครับ  คิดว่าแค่พันกอก็จะพอเท่านั้นครับ มีแรงงานจำกัด ส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยก็จะลงพืชชนิดอื่นๆ บ้าง   ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้ครับ ...........คุณคนดงครับ   ม่ายอาวว...น้ำเเข็ง แล้วกับแกล้มล่ะครับ  จะรับอะไรดี มะขามเปียกจิ้มเกลือ มะขามป้อม หรือมะดันดอง ????? ...........คุณสาวบ้านนาครับ  ตอนนี้มีเก้าอี้ ก็ตัวสีแดงนั่นแหละครับ เอาไว้ นั่งพัก แต่เห็นคุณสาวสวนแตงจองซะเเล้ว  ม่ายรู้จะให้เจ้าของสวนนั่งได้บ้าง หรือเปล่า...อิอิ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 51 22:39:08 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 8 ก.พ. 51 22:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับคุณสายลมลอย ได้เห็นความเห็นของคุณแล้ว เห็นว่าถ้าจะตอบรวมกันไปอาจจะไม่เหมาะแน่ เพราะจะต้องมีปฏิปุจฉาด้วย  ดังนี้ 1.  เว้นเสียแต่ว่า         ......คืออะไรครับ....วานบอก??? 2.  อ้อ....ถามก่อน เผาบ้างยังครับ?         .....ยังไม่ได้เริ่มเผาเลยครับ รอให้เตาแห้งก่อน เพราะผมนำน้ำมาฉีดใส่ จนดินเปียกเป็นโคลนแล้วอัดดินจนเเน่นเลยครับ ยอมรับไว้ตรงนี้เลยว่า ได้เห็นแบบเตาของสวนขี้คร้านที่นำดินเหนียวมาก่อ แล้วน่าสนใจ จึงพยายามเลียนแบบบ้าง ถึงจะไม่เหมือนเสียเลยทีเดียว แต่ได้มา 1 ใน 100 ผมก็พอใจแล้ว 3. ถ้าเผาแล้ว....เกิดปัญหาอะไรบ้างครับ?    ......ตอบแล้วข้อ 2 4. ถ้ามีปัญหาถามผมได้ ผมเผา(เกือบ)ทุกวัน เตาเดียว...มีทริกนิดหน่อย ซึ่งสำคัญมาก    .........นี่เเหละครับ ที่ต้องการทราบมาก แต่จะให้ถามก่อนก็เกรงว่าไม่รู้ว่า จะถามอย่างไร เพราะยังไม่มีประสบการณ์ โดยใจจริงก็อยากจะลองผิด ลองถูกด้วยตนเอง แต่ก็เกรงว่าจะหลงทาง ถ้าจะกรุณาต่อสมาชิกหน้าใหม่ ในเรื่องเตาเผาถ่านแล้วละก็  ขอความกรุณาบอกเถอะครับ ที่ว่า "มีทริกนิดหน่อย ซึ่งสำคัญมาก"  ทริกที่ว่านั้นคืออะไร???? ถ้าไม่สะดวกก็ หลังไมค์ แต่ถ้าจะให้เป็นวิทยาทานต่อสาธารณชนก็หน้าบัญชรนี้เลยครับ _/|\_ _/|\_  _/|\_ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 51 23:17:58 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 8 ก.พ. 51 23:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โอ๊ย โอ๊ย......โดนพาดพิง  ถ้าไม่ให้เจ้าของสวนนั่งละก้อ  ต้องยกเก้าอี้ไปไว้ที่สุ1000  อิ...อิ... จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 9 ก.พ. 51 09:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มิทราบว่าพี่ท่านตะวันส่อง  มีต้นพันธุ์ไผ่ม่ะคับ มีมากน้อยวานบอก.. เป็นพันธุ์ใดบ้าง สนใจ.. มีเงื่อนไขใด ในการที่จะได้มา...คับ.. จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 9 ก.พ. 51 11:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 1. เว้นเสียแต่ว่า ......คืออะไรครับ....วานบอก??? - การทำเตาเผาแบบเปิดฝาหน้าในการเผาและใส่ฟืนรวมทั้งเก็บถ่านออกมาจากในเตาภายหลังการเผาเสร็จสิ้น เต็มไปด้วยปัญหาครับ...ไหนจะอากาศซึมเข้าเพราะดินเหนียวแตกอันสืบเนื่องมาจากความร้อนจัดของเตาบวกกับความเย็นของดินเหนียว กระทั่งแห้ง และแตกร้าว แม้จะผสมทรายและแกลบแล้วก็ตาม ฯลฯ ดังนั้น จึงควรผ่าด้านบนของเตา กว้าง 1 ฟุต ยาวสองฟุต ห่างจากขอบหน้าหลังอย่างละคืบโดยประมาณ จะได้รู(รู - รูป 4 เหลี่ยมผืนผ้า) และแผ่นโค้งของฝา จากนั้น ต่อเดือยออกมารับด้วยการเชื่อมเหลือก 1 หุน 4 จุดเพื่อกันการหล่นลงไปของฝา ด้านหน้าเตา ควรใช้ด้านล่างของถัง 200 ลิตร ด้านตูดที่เจาะระบายควันใช้ด้านที่มีฝาเปิดของถัง(คงเข้าใจนะ) 2. อ้อ....ถามก่อน เผาบ้างยังครับ? .....ยังไม่ได้เริ่มเผาเลยครับ รอให้เตาแห้งก่อน เพราะผมนำน้ำมาฉีดใส่ จนดินเปียกเป็นโคลนแล้วอัดดินจนเเน่นเลยครับ - หากยังไม่ได้เผา...แนะนำให้รื้อ อย่าเพิ่งทำอะไรถาวรหากยังไม่ได้เริ่มต้นทำครับ เพราะมันจะปวดเศียรเวียนกระบังลมมาก เสียทั้งเวลา และอารมณ์ แต่หากจะเขียนตำราเอง....อันนั้นไม่ว่ากัน เลิน หนิง บาย ดู อิ๋ง ว่าแบบนั่นก็ดำเนินการต่อได้เลยครับ 4. ถ้ามีปัญหาถามผมได้ ผมเผา(เกือบ)ทุกวัน เตาเดียว...มีทริกนิดหน่อย ซึ่งสำคัญมาก .........นี่เเหละครับ ที่ต้องการทราบมาก _/|_ _/|_ _/|_ ทริกอยู่ที่ข้อ 1 คือ หากจะเป็นการเรียนรู้ อย่าทำอะไรเป็นการถาวร เพราะมันจะรู้สึกเสียดายเวลาที่ได้ทุ่มลงไป หากต้องรื้อใหม่ หรือ พาลขี้คร้านไปเลย... ก่อนเผา ควรขอสมาดินน้ำฟ้า และจิตวิญญาณบรรพชนด้วย จะดีมากแลฯ (เป็น สะ ปิ หริต จ้วน อ๊อป เธอะ ฟิฟธ์ อีลีเม้ลลลลลลลลท์ เฟธ - ว่าซั่น) ทริกถัดจากนั้น ต้องเรียนรู้ขณะเริ่มเผา การดูควัน เรื่องเก็บน้ำส้มควันเอาไว้เตาต่อไปเมื่อเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นเซียนเผาถ่านแล้ว ซึ่งไม่สายหากวัสดุที่มาจากสิ่งมีชีวิตยังมีอยู่บนโลก ทริกต่อมาเรื่องการปิดอากาศเมื่อรู้แล้วว่าควันแบบนั้น แบบนี้ สมควรแก่เวลาแล้ว ถัดจากนั้น อีก12 ชม.ต่อมา....ทริกเรื่องการเปิด และเก็บถ่าน โอย...โลกเอ๋ย....โลกนี้เต็มไปด้วยรายละเอียดอันเปราะบางและกรอบเกรียม ปล..และดำปิ๊ดปี๋ ขอให้สนานกับการเผาโลกให้ร้อนขึ้นกว่าเดิม ด้วยมิตร สายลมลอย จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 9 ก.พ. 51 12:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ้อ..ลืมอีกอย่างก่อนเจาะหน้าเตา(ด้านที่ใส่ฟืนเผา) หลังจากแบบร่างรูทำเสร็จ (คห. 22) ที่มีขนาด 20X20 ซม. ด้านที่เป็นด้านบน ให้เซาะออกสามด้าน ยกเว้นด้านบนเว้นไว้แล้วพับเปิดขึ้นมา เพื่อจะได้รองรับทรายหรือเศษดินที่ร่วงลงมาจากการกั้นฉนวนกันความร้อน จากนั้นตีเคาะให้เรียบ จัดวางอิฐบล็อคทับอีกที อย่างในคห. 20 ทริกก็คือ เอาด้านบนของถัง(เมื่อวางในแนวตั้ง) เป็นด้านตูดระบายควันของเตาเมื่อวางในแนวนอน เจาะรูระบายให้ตรงกับรูน้ำมันของฝาถัง ซึ่งจะเหลือรูเล็ก 1 รูปิดฝา(ขันเกลียวให้แน่น) โดยเอายางกันน้ำ(โอริง)ออกก่อน และเอาด้านตูดของถัง 200 เมื่อวางในแนวตั้ง เป็นด้านหน้าของเตาเผา เมื่อวางในแนวนอน และความสูงของรูหน้าเตาอาจสูงมากกว่า 20 ซม.ก็ได้ เพื่อสะดวกในการเติมฟืนหน้าเตาซึ่งบวกกับความสูงของอิฐที่หนุนปากเตาแล้วนั่นเอง หรืออาจจะมากกว่านิดหน่อย นะ จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 9 ก.พ. 51 16:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นแมคโตรแล้ว หัวเราะก้ากเลยครับ ศิลปการใช้ชีวิตแบบพอเพียงนี่มันสุดยอดเลยนะ เรียบง่ายแบบอุดมปัญญาจริงๆ แค่ทำถ่านใช้เองนี่ จะมีคนเมืองสักกี่คนที่คิดจะทำ ใช้แต่แก้สหมดแล้ว จุดเตาถ่านยังไม่เป็นเลยมั้ง ขอบคุณครับ คุณตะวันส่อง และคุณสายลมลอย จากคุณ : หนุ่มไทรม้า (เป็ด) - [ 9 ก.พ. 51 17:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีครับเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน  และมาให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ จุดประสงค์ของการโพสกระทู้ก็เพื่อเสนอสาระที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อผู้สนใจ ในยุคที่เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นขยับขึ้นราคากันเป็นทิวแถว และเตาเผาถ่านใช้เองนี้ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดรายจ่ายได้ เป็นอย่างดีครับ .........คุณสาวสวนแตง.............ผมเองก็ม่ายรู้ คิดว่าเหมือนโรงแรมที่ ผู้เช่าจองแล้ว เจ้าของไม่มีสิทธิ์เข้าไปใช้ ต้องรอจนกว่าแขกจะคืนห้อง ถ้างั้นก็แบ่งกันนั่งก็แล้วกันน๊อ...อิอิ .........คุณสายลมลอย.............ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับที่กรุณา บอกทริกสำคัญ นี่แหละครับภูมิปัญญาที่เกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ ตรง ซึ่งความรู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจอีกเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญ ข้อแนะนำของคุณส่งผลให้กระทู้ของผมดูมีสาระขึ้นมากทีเดียวครับ .........คุณหนุ่มไทรม้า (เป็ด).....ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือนกันครับ ใช่ครับ....ชีวิตพอเพียง....เนี่ย  เรียบง่าย ยินดีในสิ่งที่ได้ และพอใจใน สิ่งที่มี         บางครั้งเมื่อมือล้วงกระเป๋าแล้วพยายามควานหาสตางค์ที่คิดว่ามีอยู่ แต่บัดนี้มันไม่ได้อยู่ที่นั่นเสียแล้ว  มันคงจะหายไปภายหลังจากได้ยินเสียง ร้องไห้ของแก้วตาดวงใจในครั้งท้ายสุด เพื่อแลกกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ อย่างเริงร่ากลับคืนมานั่นเอง                 เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งใดที่พอจะทดแทนแก๊สที่ใช้ในครัวเรือนได้ก็ต้อง พยายามสร้างขึ้นมา ไม่ได้หวังมากมายเพียงแค่ให้ได้ปรุงอาหารเลี้ยงดู สมาชิกในครอบครัวให้กินอิ่มนอนหลับได้ เพียงเท่านี้ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็มีความสุขแล้ว แม้จะเเลกด้วยหยาดเหงื่อสักกี่หยดก็ตาม จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 9 ก.พ. 51 22:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ....รอชมภาคต่อไป นะคับ.พี่ท่านตะวันส่อง ....   ...ขอฉากที่มี ป่าไผ่มากหน่อยนะคับ...  ชอบ...ชอบ...... จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 10 ก.พ. 51 20:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นฝีมือก่อดินเหนียวแล้ว น่าจะทำโครงการบ้านดินเป็นโครงการต่อไปนะ จากคุณ : วัตครับ - [ 11 ก.พ. 51 11:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ...............หวัดดีครับ  คุณตะวันส่อง  คุณสายลมลอย คุณหนุ่มไทรม้า อ่านข้อมูลแล้วได้ความรู้ดีครับ  โดยเฉพาะเรื่องการเผาถ่าน........แต่ที่บ้านผมไม่ได้เผาถ่านครับ  ใช้ฟืนครับ พอประหยัดค่าใช้จ่ายได้บ้าง ตามมีตามเกิดครับ ..............คุณตะวันส่อง สรุปวิถีชีวิตของเกษตรกรได้ชัดเจนดีครับ  โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่ม หรือ เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย (หมายถึงที่ทำกินน้อยด้วย)  แต่ละวันมีแต่เรื่องกะตังค์ออก  กะตังค์เข้ามาบางครั้งมันก็ยาก.......ปีที่แล้วขายมังคุดกิโลละ 8 บาท ยังไม่คุ้มกับค่าแรง  ค่าไฟฟ้ารดน้ำ หรือแม้นแต่ค่าปุ๋ย  อาศัยใจรัก ก็พออยู่ได้  ...........พอมาปีนี้ ระบบน้ำเหวี่ยงให้น้ำผลไม้ก็มาพังท่อแตก...... ไม่ให้น้ำต้นไม้ก็เหี่ยวเฉา......ต้นมังคุดที่ปลูกมาเป็นเวลานับสิบปี........ก็พอจะขาดน้ำตาย   สุดท้ายก็ต้องตัดใจทำใหม่  ขายมังคุดอีกสัก 2-3 ปี จะพอได้ทุนค่าทำระบบน้ำใหม่ก็เห็นจะยาก ...............ชีวิตจึงอยู่ได้ด้วยความลำเค็ญ  แต่ก็มีความสุข  เกษตรผสมผสานก็กลายเป็นทางออกของการดำเนินชีวิต  ปลูกทุกอย่างที่กิน  กินทุกอย่างที่ปลูก จีงเป็นบทสรุปของชีวิตเกษตร และมีความละเอียดที่ถ้วนในการใช้ประโยชน์จากผืนดินผืนนั้น  แม่เคยบอกว่า "คิดจะทำสวน ต้องเป็นคนมือถี่  ตี-นถี่ "  วันนี้.......จึงเข้าใจ ................นอกจากมังคุดที่ทำ  งานประจำอีกอย่างจึงเป็นการคอยเก็บหมากสุกที่ร่วงหล่นมาตากให้แห้ง  แล้วแกะเอาแต่เนื้อหมากข้างในไปขาย ยามว่างจากสวน จึงจำเป็นต้องหลังขดหลังแข็งแกะหมาาเงินมาซื้ออะไรอีกหลายอย่างที่ทำเองไม่ได้ .........หน้าตา มือไม้ ผิว จึงดำกร้าน นิ้วมือมีแต่แผลถลอก  หรือไม่ก็รอยขีดข่วน.. เหงื่อไหลยามเหนื่อย  ยามร้อน......กลับกลายสิ่งที่สอนให้เรามีความอดทนกับทุกสิ่งรอบข้าง สู้กับความทุกข์ความยากชีวิต..........รู้คุณค่ากับธรรมชาติของผืนดิน ผืนป่า ..................บ่นมาก็นานแล้ว   แต่ก็ทำต่อไป จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 11 ก.พ. 51 13:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ............ ยังยิ้มสู้อยู่ครับ .............. จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 11 ก.พ. 51 15:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณฟ้าสางขรา......เวลานั่งแกะหมากมันเป็นการฝึกความอดทนอย่างดีเชียวแหละ ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นก็สวดมนต์  ภาวนา  เข้าสมาธิไปด้วย  จะรู้สึกเย็นใจอย่างประหลาด  รอบข้างก็เย็นและโล่ง  ไม่รู้สึกว่าโลกกำลังวุ่นวายหนอ คุณตะวันส่อง..........เปิดโฮมสเตย์ไผ่พันกอ  มีอาหารพื้นบ้าน  ต้มน้ำใบเตยในกระบอกไม้ไผ่ หุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่  ดื่มน้ำจากจอกไม้ไผ่  ขายผลิตผลจากหน่อไม้ หน่อไม้ต้มใบย่านาง  ทำหน่อไม้แห้งเป็นของฝาก  คิด ๆ แล้วน่าหนุกหนานกับสวนไผ่พันกอจัง แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 51 20:14:50 จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 11 ก.พ. 51 20:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ................คุณสาวสวนแตง ไอเดียช่างบรรเจิดเสียจริง  / ส่วนผมแกะหมากไปก็ฟังเพลงลูกทุ่งไป  ก็เลยไม่ได้ไม่ค่อยได้สวดมนต์ ภาวนาเท่าไรครับ  กว่าจะเสร็จหลังแข็ง มือพองไปหมดครับ .............  คุณตะวันส่องเปิดโฮมสเตย์ละก๊อ  จะไปสนับสนุนนะครับ  ว่าแต่สวนไผ่พันไร่  เอ๊ย ไผ่พันกอ อยู่แถวไหนครับ  ผ่านไปจะได้แวะขอไปค้างแรมใต้ถุนบ้านสักคืนครับ จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 11 ก.พ. 51 20:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณทุกๆ ความเห็นที่กรุณาเข้ามาพูดคุยกันครับ ..............คุณคนดง คนเดิม              ไม่รู้ผ่านความเห็นของคุณไปได้อย่างไร              "......มีต้นพันธุ์ไผ่ม่ะคับ มีมากน้อยวานบอก.."      ....ที่สวน ยังไม่ได้ทำเองครับ แต่ถ้าสนใจก็แนะนำได้ครับ  หลังไมค์มาครับ              ".....เป็นพันธุ์ใดบ้าง ......"   เจ้าของสวนที่แนะนำมาบอกว่า มาจากเพชรบูรณ์ครับ              ภาคต่อไปว่าจะว่าด้วยเรื่อง "ของดำ"  ครับ   ไม่ต้องคิดไปถึงของดำ 8 อย่าง ที่ใช้บูชาพระราหูนะครับ  อิอิ ก็เรื่องของการเผาถ่านนั่นแหละครับ  รอให้หายยุ่งก่อนครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 51 08:33:02 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 12 ก.พ. 51 08:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณฟ้าสางที่บางแสนครับ ชื่นชมคำสอนคุณแม่ครับ "คิดจะทำสวน ต้องเป็นคนมือถี่  ตี-นถี่ " ต้องขออนุญาตเขียนไว้ติดฝาไว้ เตือนตนเอง เพราะแค่จำได้คงไม่เพียงพอ ชีวิตเกษตรกรที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้แหละครับ กว่าจะได้กินก็ต้องปากกัด ตี-นถีบเชียวละ แต่ก็พยายามเรียนรู้และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง ถือคติว่า "ความขยัน  ไม่เคยฆ่าคน  แต่ความเกียจคร้าน จะฆ่าคน" ชีวิตเกษตรกรในปัจจุบันต้องพยายามศึกษาเรียรู้ (ยอมรับ) ด้วย และประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ไม่ฝากความหวังไว้กับพืชอย่างเดียว ทำหลายๆ ชนิด มากบ้าง น้อยบ้าง  ใช้พื้นดินให้คุ้มค่า เพราะที่ดินทุกตารางวามีคุณ "ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก"  เห็นด้วยจริงๆ ส่วนที่เหลือก็เลือก ระหว่างแจกกับขาย   ที่สวนของคุณก็ดูร่มรื่นน่าอยู่ดีครับ ปล. ".....ผ่านไปจะได้แวะขอไปค้างแรมใต้ถุนบ้านสักคืนครับ "                        ค้างแรมใต้ถุนบ้าน....ไม่ได้ครับ....บ้านต่ำมั่กๆๆ   55 แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 51 08:49:47 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 12 ก.พ. 51 08:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณสาวสวนแตง (จาปาตี)  ครับ ขอขอบคุณสำหรับแนวคิดที่ดีมากจริงๆ ครับ   โฮมสเตย์ไผ่พันกอ สโลแกนนี้ใช้ได้ไหมครับ  "คิดถึงไผ่  คิดถึงตะวันส่อง" 55 ถ้ายังงั้นก็ต้องเปิดรับสมัครประชาสัมพันธ์เเล้วละ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 12 ก.พ. 51 09:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 58 บ้านใครไม่รุ๊   มีเขื่อนป่าสัก  ทุ่งทานตะวัน  และไผ่พันกอ   คงมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนค่ะ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 12 ก.พ. 51 09:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณฟ้าสางคะ...จำได้ว่านักศึกษาอาชีวะ ที่ไหนสักแห่งประดิษฐ์เครื่องมือเล็กๆไว้แกะหมากนะคะ...ลองถามๆดูค่ะ เผื่อจะได้เก็บมือไว้จับมือสาวๆ...อิอิ อากาศร้อนๆตอนแดดร่มลมตกนี้ อยากกิน แกงเปรอะหน่อไม้อีกแล้วค่ะ คุณตะวันส่อง สาวจาปาตีคะ...เงาะนั่นอร่อยไหมคะ..น่าสนุกจัง จากคุณ : แมกไม้ไทย - [ 12 ก.พ. 51 16:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เงาะหวานล่อนค่ะ  มังคุดก็อร่อยค่ะ  ไม่มีเสียซักลูกเลย  เก็บกินจนเต็มท้องเลยค่ะ  แล้วก็ซื้อกลับบ้านกันอีก จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 12 ก.พ. 51 19:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 61 .............คุณแมกไม้ไทย  หาซื้ออยู่เหมือนกันครับ แต่ไม่ได้เรื่องได้ราว  ใช้ไม้ทุบ กับมีดหนึ่งเล่ม  แกะไปก่อนแล้วกัน ประเภทมีอะไรก็ใช้ไอ้นั่น ....ประหยัดเข้าไว้ ............คุณสาวสวนแตง ท่าทางจะชอบเงาะกับ มังคุด   ทุเรียน ลองกองเป็นพิเศษ   ปีนี้เค้าว่ากันว่าผลไม้จะดกเป็นพิเศษ...........คงได้กินกันเปรม ............คุณตะวันส่อง  ผมว่าฉายา " หนุ่มใหญ่  ไผ่พันกอ   รูปหล่อเข้าท่า  ราชาของดำ (ถ่าน) "  พอไหวมั๊ยครับ  อิ อิ  ..........นอนใต้ถุนบ้านคุณตะวันส่องไม่ได้ เนื่องจากบ้านต่ำมั๊ก  ๆ .......ไม่เป็นไร  งั้นก็นอนตากน้ำค้างมันซะเลย  ......... .............คุณคนดง คนเดิม  วันนี้เงียบ ๆ ครับ .......สงสัยจะขายมือถือดีไม่มีเวลามาตอบคำถามครับ ............ ผมทำงานต่อไปจนกว่าจะเที่ยงคืน จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 12 ก.พ. 51 22:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีครับ คุณสาวสวนแตง น่านซิ.....ม่ายรู้บ้านใคร เห็นดอกทานตะวันใหญ่ๆ รอยยิ้มอย่างสุขใจ หากคิดถึงบรรยากาศนี้เมื่อไหร่ มีเพื่อนทางไกลที่เป็นเจ้าบ้านยินดีต้อนรับครับ ที่พัก อาหาร เมนูที่โปรดปราน สถานที่ดอกทานตะวันบาน ต้องเป็นช่วง ปลายฝนต้นหนาวครับ  อากาศกำลังดี เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน อย่างแท้จริง เชิญเลยยยย จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 13 ก.พ. 51 08:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คุณแมกไม้ไทย  ครับ เมนูขาวบ้านที่ไม่ต้องซื้อหา อาศัยเครื่องเคียงที่ริมรั้ว แกงไปมั่วๆ ปรุงรสตามชอบ ก้อร่อยดี นี่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่มาของชื่อเมนู "แกงเปรอะ"  คือใส่มั่วไปหมด อยากใส่อะไรก็ใส่ สนใจซักถ้วยไหมครับ....เชิญสาวข้างบนด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 51 08:48:13 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 13 ก.พ. 51 08:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คุณฟ้าสางฯ ครับ ขอบคุณสำหรับฉายาที่ตั้งให้ ก็เข้าท่าดีครับ แต่ขอแก้ไขหน่อย "หนุ่มใหญ่  ไผ่พันกอ   รูปหล่อไม่ได้ลงตะไบ ทำอะไรไม่ค่อยเอาถ่าน" นั่นแหละครับ  พอจะเข้าเค้าบ้าง   หนุ่มใหญ่........ใช่ครับ.....ตัวใหญ่มั่กๆ ไผ่พันกอ........ใช่ครับ.....จะลงแปลงปลูกให้ครบพันในปีแหละครับ                     กำลังเตรียมแปลงปลูก และกิ่งพันธุ์ คาดว่าประมาณเมษา                     ก็น่าจะเห็นรูปเห็นร่าง รูปหล่อไม่ได้ลงตะไบ ........ใช่ครับ.....เพราะช่างยังไม่มีเวลาว่าง เลยปล่อย                    ให้รอก่อน..........55 ทำอะไรไม่ค่อยเอาถ่าน........ใช่ครับ.....ก็แหม....ทั้งดำ...ทั้งฝุ่น...                     ออกอย่างนั้น อิอิ  สนใจเผาถ่านด้วยกันไหมครับ ปล.  ทำงานดึกๆ อย่างนี้ แม้จะเป็นงานในหน้าที่ แต่ก็เป็นงานที่เป็นบุญกุศล        ที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ที่มีความทุกข์ให้รอดพ้นจากความลำบาก        ขอสนับสนุนครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 13 ก.พ. 51 08:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 65 นำภาพมาฝากเพิ่มความสดชื่นครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 13 ก.พ. 51 08:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณตะวันส่อง  ณ เมืองลิง.............มารับคำเชิญด้วยความเต็มใจคร้า อีกหน่อยอาจจะเปลี่ยนคำพูดเป็น  มาเยอะไม่กลัว  กลัวมาบ่อย 5555 เหลือคุยกัน 3 คนแล้วอ่ะ  วังเวง ๆ คุณฟ้าสาง...........ผลไม้ดกเก็บไม่ทันก็โยนมาทางนี้ได้นะคร้า จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 13 ก.พ. 51 10:47:40 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เข้ามากินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.. โดยเฉพาะคับ  อิอิ...  ไม่มีอะไรมาก  อยากบอกว่า  คิดถึงกลิ่นฝนตก เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาที่บ้านมากๆๆๆๆๆๆๆ......  ไม่รู้ว่า  เวลาไปทำอย่างที่ตั้งใจไว้  จะทำได้ต็มที่แค่ไหน..  แต่ว่า  ก็อยากมากๆๆๆๆๆ.... เอ๋...หนุ่มไร่พันกอ จะมีต้นพันธุ์ไผ่แล้วรอๆๆๆ....   หากว่าเปิดแจกเมื่อไร จะเหมารถไป หานะ  คับบบบ.... จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 13 ก.พ. 51 16:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สวัสดี ทุกๆ คนครับ 2 -3 วันมานี้ผมนั่งอ่านกระทู้ ในกลุ่มย่อย มุมเกษตรกร ผมรู้สึกว่าผมได้ความรู้มากเลยครับ ผมไม่ได้เข้ามาในนี้ซะนาน รู้สึกว่ามุมเกษตรกรนี้ คึกครื้นมากเลย ผมก็มีใจรักในด้านการเกษตรแต่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ใจรัก ก็ได้แต่เก็บเกี่ยวความรู้ไปเรื่อยๆ พอดีผมได้อ่านเรื่องราวสวนไผ่ของ คุณตะวันส่อง แล้วรู้สึกสนใจ แล้วได้ดูรูปใน ค.ห.ที่65 เลยอยากจะถามถึงขั้นตอนการเตรียมพื้นที่ สำหรับปลูก   ระยะห่างต่อต้นว่าเท่าไรครับ จากคุณ : pik - [ 13 ก.พ. 51 16:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ................คุณตะวันส่อง  หนุ่มใหญ่  ไผ่พันกอ..... มีคนเสริมอีกว่า ณ เมืองลิง  เอ......ชักไปกันใหญ่      ฉายาที่ตั้งให้เปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ...ล้อเล่นสนุก  ๆ  ไปงั้นแหละครับ   .สวนไผ่ดูเข้าทีดีนะครับ ชักอยากไปเห็น เมื่อไรผ่านไปจะไปกราบคาระวะ.........ที่ชวนไปเผาถ่านก็พอไหว.......ถ้าชวนให้ไปกินถ่านละ เอาไว้ก่อน ขอทำงานที่อยากทำให้สำเร็จก่อนละกัน  .............ทำงานก็สนุกมั้ง เบื่อมั้ง  เวียนว่ายไปกับอารมณ์ของผู้คน........เมื่อวานคนบางคนสังเวยความรักด้วยยา พาราเซตามอล จำนวน 30  เม็ด..........ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ..............ผลที่ตามมาก็ตับวาย.............สุดท้ายไม่อยากตาย  ก็ต้องตาย..........ละครโรงใหญ่ ปิดฉากไปอีกหนึ่ง ................ยินดีต้อนรับคุณ pik  ที่เข้ามาอ่าน คุณตะวันส่อง หนุ่มใหญ่ ไผ่พันกอ  คุณคนดงคนเดิม   2  คนนี้  พอเป็นงานเป็นการ Reference ได้  ส่วนผมไม่ได้เรื่องครับ ..............คุณคนดง คนเดิม  อยากไปทำไร่ทำสวน  เอ้า ๆ  รีบ  ๆ เข้า ฝนตกแล้วครับ ฤดูหว่านไถ กำลังจะเริ่มขึ้น ..........ฝนนี้ปลูกอะไรกันดีครับ   ..............คุณสาวสวนแตง   ผลไม้ไม่ค่อยดกมากครับ  มีพอกินครับ ...... ฝนตกเร็วนะครับปีนี้   คุณสาวสวนแตงจะปลูกอะไรบ้างครับ  ขายไอเดียหน่อยครับ...........จะเลียนแบบ จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 13 ก.พ. 51 18:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 70 พี่ตะวันส่อง ไผ่ให้ประโยชน์เยอะมากเลยนะครับ ทั้งไม้ใช้สอย ทั้งอาหาร ร่มเงา ทำปุ๋ย อย่างนี้ต้องหาไปปลูกที่ไร่เยอะๆบ้างแล้ว ยินดีต้อนรับคุณ pik นะครับ บางทีทำงานเหนื่อย ได้เข้ามาคุยกับเพื่อนๆก็มีความสุขดีครับ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 13 ก.พ. 51 20:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณฟ้าสาง...............สงสัยจะผิดหวังอย่างแรงถ้ารอจะลอกการบ้านของสาวสวนแตง ไม่ค่อยรู้เรื่องเกษตรค่ะ  ได้แต่อ่าน ๆ ๆ ยังไม่ได้เริ่มปลูกอะไรเลยค่ะ ได้แต่เชยชมสวนเพื่อน ๆ ไปก่อน สายลมลอย.............ต้นถั่วลมว่าวโตประมาณคืบนึงแล้ว  ถ้าโตกว่านี้จะถ่ายรูปมาให้ชม  อยากเห็นฝักไวไว เมล็ดบุหรงสุราษฎร์  แดงได้ใจเลยค่ะ  คงเพาะได้หลายต้น  จะส่งไปเพาะที่ 3 ชุกก่อน   คุณตะวันส่อง..........ดินที่สวนไผ่ดูร่วนดีนะคะ  ป่าไผ่ยุงจะเยอะ  หาสมุนไพรกันยุงไว้บ้างเด้อค่ะ ขอแกงไตปลาใส่หน่อไม้เยอะ ๆ ด้วยค่ะ คุณ pik ................เข้ามาคุยเล่นกันก็ได้ค่ะ  ห้องหัวมุม......เชิญพักสายตาชมนกชมไม้ในสวนเพื่อน ๆค่ะ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 13 ก.พ. 51 21:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณตะวันส่อง     คห.65  ไผ่อะไรค่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 14 ก.พ. 51 05:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สวัสดีครับ  คุณสาวสวนแตง มาบ่อยไม่กลัวครับ มิตรภาพต้องช่วยกันหมั่นต่อ หมั่นสาน จึงจะยืดยาวและมั่นคง กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว มิตรภาพก็เช่นกัน “.............เหลือคุยกัน 3 คนแล้วอ่ะ  วังเวง ๆ”   นั่นซิ.....น่าจะหาเพิ่มอีกคนน๊อ...จะได้ครบขา.....55 แต่ว่า .นี่เป็นเวทีย่อยนี่ครับ  ความคึกคักจึงลดลงไป ถึงอย่างนั้นคุณภาพยังคงเต็มเปี่ยมครับ   ว่าแต่พวกเราก็ยังคงเข้าไปแจมที่เวทีล้อมฟางกันอยู่แล้ว....ว่ามั๊ย .....ส่วนเรื่องยุงจะมีมากช่วงหน้าฝนครับ แต่ที่รำคาญที่สุด ก็เห็นจะเป็นตัวริ้นครับ ตัวเล็ก กัดเจ็บ คัน ป้องกันยาก ที่บ้านใช้เถาและใบเงาะป่า หรือต้นสลกบาตร มาขยี้ แล้วถูบ้าง ทาบ้าง พกติดตัวบ้าง ก็ว่ากันไป ......ว่าแต่คุณเที่ยวป่าบ่อยๆ มีสมุนไพรอะไรดีๆ ป้องกันตัวริ้นได้บ้างครับ? แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 51 07:49:10 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 07:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 74 สวัสดีครับคุณคนดง เชิญเลยครับ  เมนูบ้านผมก็ลูกทุ่งอย่างนี้แหละครับ หากรับได้.... มีอีกเพียบ ชีวิตเด็กจากท้องทุ่งถึงไปชุบตัวในเมืองแสงสีนานเท่าใด ก็ไม่อาจจะลืม รากเหง้าของตนเองได้  ฝนตกเมื่อไร นอนฟังเสียงเม็ดฝนตกกระทบหลังคา ภาพอดีตก็ผุดขึ้นมาพาให้อดคิดถึงไม่ได้   ยิ่งพอสายฝนหยุด กลิ่นไอดิน ก็ฟุ้งขึ้นมากระทบสัมผัสแห่งจมูก คิดถึงบ้านจับใจ..... ผมก็เคยเป็นเช่นนี้เหมือนกัน.....ครับ ส่วนคำถาม....          “...... จะมีต้นพันธุ์ไผ่แล้วรอๆๆๆ....   หากว่าเปิดแจก เมื่อไร จะเหมารถไป หานะ  คับบบบ....” ขอเวลาหน่อยนะครับ.....ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเองครับ ......แต่ถ้าสนใจจะปลูก ไว้ทำพันธุ์หรือไว้กินในครัวเรือนก็....พอแบ่งได้บ้างครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 07:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สวัสดีครับคุณ  pik ขอบคุณนะครับที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมชม   เพื่อนๆ หลายคนที่ห้องนี้ก็เป็นเหมือนเช่นคุณครับ มีใจรักด้านเกษตรกรรม ทั้งนั้น แต่บางก็ไม่มีโอกาส บางคนรอโอกาส บางคนเริ่มลงมือทำแล้ว บางคนก็ประสบความสำเร็จแล้ว แต่เพื่อนๆ เหล่านั้นก็ยังสละเวลาเข้ามา ทักทาย พูดคุยเปรียบเสมือนเป็นเวทีชาวบ้าน ที่เพื่อนๆ แต่ละคนสามารถ พูดคุยในเรื่องที่ตนเองมีความถนัดหรือสนใจ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ซึ่งกันและกันอย่างไม่ปิดบัง              เรียนเชิญนะครับ....หากคุณมีเวลาว่างก็เข้ามาทักทายกัน กระทู้นี้เป็นเพียงกระทู้เฉพาะกิจเท่านั้นครับ  แต่ถ้าต้องการข้อมูลหลากหลาย ต้องเป็นเวทีใหญ่ ซึ่งตอนนี้ก็คุยกันยาวมาถึง “ตอน 12# เวทีล้อมฟาง...” แล้วครับ       สำหรับขั้นตอนการเตรียมพื้นที่ สำหรับปลูกสวนไผ่นั้นก็ไม่ยากครับ เริ่มจาก      1.  การเตรียมพื้นที่ด้วยการไถพรวนดินด้วยผาน 3 เพื่อปรับพื้นที่ ตากดินไว้ประมาณครึ่งหรือ 1 เดือน จากนั้นก็ไถพรวนด้วยผาน 7 เพื่อปรับดินให้เรียบ และละเอียด หากพื้นที่ลุ่มก็ขุดร่องระบายน้ำ หรือ ยกร่องปลูกเพื่อให้ระบายน้ำได้ดี     2.  ขุดหลุมกว้าง 30 xยาว 30 x ลึก 30 ซม. หรือขนาดวางถุงไผ่ได้ แล้วกลบดินได้พอดี  รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกด้วยก็ยิ่งดี นอกจากนั้นโรย ด้วยฟูราดานป้องกันมดปลวกก็ดี     3. เลือกกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ รากเดินเต็ม มีการแตกกิ่งหรือแขนงเพิ่ม ลำต้นใหม่     4.  ระยะปลูก ก็เลือกตามความเหมาะสมกับพื้นที่แหละครับ ระยะห่างต้น x  ห่างแถว เช่น      4.1 ปลูกไร่ละ 400 ต้น ขนาดระยะ  2 x 2 เมตร      4.2 ปลูกไร่ละ 250 ต้น ขนาดระยะ  2 x 3 เมตร      4.3 ปลูกไร่ละ 200 ต้น ขนาดระยะ  2 x  4 เมตร      4.4  ปลูกไร่ละ 169 ต้น ขนาดระยะ 3 x  3 เมตร     ปล. ถ้าไม่อยากจะรดน้ำบ่อยๆ ก็เลือกปลูกในช่วงต้นฝน  แต่ช่วงเริ่มปลูก ใหม่ๆ ต้องหมั่นรดน้ำให้ไผ่ติดตัวก่อนครับ  ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็เริ่มแตกตา กิ่งใหม่แล้ว ส่วนวัชพืชถ้ารกมากก็ดายทิ้งบ้างก็ได้ อยากให้โตเร็วๆ เดือนนึง ไปแล้วก็ใส่ปุ๋ยคอกหรือยูเรียก็ตามสะดวก ....สงสัยอะไรก็ถามได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ยินดีตอบให้ทราบครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 08:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 76 การปลูก ครับ ง่ายๆ  ไม่ยุ่งยาก จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 08:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 77 หลังจากปลูกแล้ว เมื่อต้นกล้าติดตัว ก็เริ่มแทงหน่อแล้วครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 08:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คุณฟ้าสางที่บางแสน  ครับ ถุกกกกก    ถูกต้องคร๊าบบบบบ......ณ เมืองลิง   ก็ลพบุรีเป็นเมืองลิงนี่ครับ   ........ เมื่อไรผ่านไปจะไปกราบคาระวะ.........         เอ....ถ้าถึงกราบกันละก้อ....ขออนุญาตเตรียมทำน้ำมนต์ก่อนละกัน ว่าแต่ชอบบทสวดไหนครับ....จะได้สวดให้เป็นพิเศษเลย....โยมจ๋า .........นี่แหละครับ...ที่เรียกว่าอารมณ์ชั่ววูบ.....ทำก่อนคิด .... และมักไม่ค่อยคิดก่อนจะทำ         คนประเภทนี้ชื่อว่าเป็นพวกไม่รักตนเอง  พ่อแม่เลี้ยงมา 20  30 ปี ไม่ค่อยจะเชื่อฟัง  ท่านห้าม ท่านบอกก็ย้อนเถียง  ส่วนคนที่มาหลอกละก็ บอกอะไรเชื่อหมด ให้ทำอะไร  ทำหมด พอหมดรักแล้วหนีจากก็เสียใจ น้อยใจ กินยาตายประชดรัก จะทำให้เขาหลาบจำหรือเสียใจหรือก็เปล่า      แต่ผู้ที่เสียใจกลับเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องต่างหาก และท่านเหล่านี้แหละ ที่รักจริง  แต่มักไม่ค่อยได้ยินคำว่า “รัก” จากปากของพวกท่าน       อย่างไรก็ตามก็ขอให้ผู้ที่สังเวยความรักไปสู่สุคติก็แล้วกัน  และสำหรับ ผู้ที่ยังอยู่ก็อย่าคิดสั้นกับเรื่องความรักเลย โลกนี้ยังมีสิ่งที่โสภา สิ่งที่เป็น ประโยชน์ สิ่งที่ต้องค้นหา สิ่งที่ต้องตอบแทนอีกมาก เรามามอบความรักให้กับคนข้างเคียงและบุพการีกันดีกว่า.....มั๊ย ขอขอบคุณ สำหรับคติดีๆ ไว้เตือนใจวันแห่งความรัก  ครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 08:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สวัสดีครับ คุณดอกไม้ทะเล เป็นเช่นนั้นครับ  ไผ่มีประโยชน์มากตั้งแต่รากจนถึงใบ ที่สำคัญ..ก็เพราะไผ่นี่แหละครับ....ที่ทำให้ผมต้องสร้างเตาเผาถ่าน เพราะอีกหน่อยเมื่อลำไผ่เเก่ถีงคราวต้องตัดสาง  ก็นำลำไผ่ใส่เตาถ่าน เลยครับ  ได้ประโยชน์อีกอย่าง ถ้ามีที่ว่างๆ ก็ปลูกเถอะครับ  กินก็ได้ ใช้ก็ดี เป็นปุ๋ยก็งาม.....ฯลฯ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 08:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สวัสดีครับ คุณธัมมะระตี จากคห.65  เจ้าของต้นพันธุ์ที่ผมนำมาปลูกตัวก็บอกว่าเป็นพันธุ์ไผ่หวาน เพชรบูรณ์ครับ  แต่ไม่ได้ระบุเจาะจงลงตรงไป เเต่จากการสังเกตลักษณะของหน่อจะไม่มีขนที่หน่อมากจนทำให้รู้สึกว่า คายมือ   แต่มีอีกพันธุ์พี่ชายนำมาปลูกก่อน ลักษณะของหน่อก็คล้ายกัน แต่ที่ต่างกันคือ มีขนคายมือจนรู้สึกได้เลยครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 14 ก.พ. 51 08:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ...............สาธุ   สาธุคุณแห่งความรัก  ตะวันส่อง.............สงสัยจะหลวงพ่อจะผ่านเรื่องรัก ๆ  มาเยอะละดิ.....ดูเชี่ยวจัง    ธรรมดาแหละครับ อกหักที่กว่ารักไม่เป็น..........แต่ ...............อยากให้ทุกคนรักตัวเองก่อน  รักให้มาก ๆ  มีความรักมากมายเพียงพอแล้ว จึงเหลือเฟือเผื่อแผ่ไปรักคนอื่น..... เหมือนน้ำที่เต็มแล้วจึงไหลรินไปชะโลมใจใบไม้ใบหญ้าสรรพสิ่งรอบข้าง..........มิใช่ฉะนั้น การพร่องซึ่งความรักอยู่แล้ว  ยังโหยหาให้ผู้อื่นมารักอีก  ก็ไม่ต่างอะไรกับการฝันลม ๆ แล้ง  ๆ รอคอยความรักจากคนอื่น ..............จะไปคิดรักผู้อื่นได้อย่างไร ในเมื่อตนเองยังไม่รักตนเอง........ เป็นความรักที่พร่องอยู่เสมอ ต้องการหรือบกพร่องความรักในตนเอง  จึงต้องการความรักจากผู้อื่นมาเติมเต็มความรักของตน.............เมื่อนั้นไม่ชื่อว่า...รัก..... แต่เป็นความรู้สึกเป็นเจ้าของชีวิตของผู้อื่นมากกว่า..........อนิจจา.....ตัวคนอื่นไม่ใช่ตนเอง  คนอื่นก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเรา เช่น นกในกรง ที่จะหาทางโบยบิน หรือเลือกเจ้าของใหม่ไม่ได้  ความรักจึงจบลงด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส......ถ้าคิดจะรักใคร ควรเริ่มด้วยการรักตนเองก่อนให้เต็มให้สมบูรณ์อย่างที่สุดก่อน แล้วที่จึงคิดไปรักคนอื่น...........และถ้าเริ่มรักแล้วที่สำคัญ  ก็อย่าลืมเผื่อใจไว้เจ็บด้วย  (ไม่มากก็น้อย) ..............การจบชีวิตด้วยความรัก คนที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานที่สุดคงไม่ใช่ใครนอกจากตัวเราเอง บางชีวิตก็ต้องลาโลกไปด้วยวัยที่ไม่สมควร  ผู้ที่เจ็บปวดไม่แพ้เราคือผู้ให้กำเนิด  ความทุกข์ยากของชีวิตอาจต้องดำเนินต่อไปอย่างลำเค็ญ เมื่อความหวังของพ่อแม่ในวัยชรา ที่หวังจะพึ่งพาลูกสักคนก็จบไป  ใครเล่าจะหาน้ำอาหารมาให้ยามไร้เรี่ยวแรง   คู่กรณีแห่งความรักคงจะเจ็บปวดทรมานอย่างชั่วคราว  หรือไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับคนที่ไม่รักตัวเองอย่างนั้น  ความทรงจำจะลืมเลือนไป  ความรักคราใหม่ของเขาคงจะเข้ามา.............เหตุผลอะไรเล่าจึงจบชีวิตตนเอง......นอกจากประชดรัก ......โลกนี้ยังดำเนินต่อไป.......เรื่อย ๆ อย่างมิรู้กาลเวลา........มีกลางวัน ก็มีกลางคืน.........มีฝนแล้ง ......ก็มีวันฝนตก.......มีสีดำ ......ก็มีสีขาว....สิ้นหวังได้......ก็มีหวังได้   และที่สำคัญวันพระไม่เคยมีหนเดียว.........ฝืนยิ้มสู้ต่อไปข้างหน้า.......รับโชคชะตาในวันนี้.........รอคอยวันที่สิ่งใหม่ ๆ  จะมาถึง............ใครจะรู้ว่าความรักในอนาคตของคุณครั้งใหม่จะ perfect อะไรเช่นนี้             มอบให้คนที่กำลังมีรัก  คนที่ไร้รักและคนที่เคยมีรัก  และพิเศษสุดสำหรับเจ้าของกระทู้คุณตะวันส่อง ครับ             วันพฤหัส ขึ้น ๘ ค่ำ เดือนสาม  ปีกุน.....  วันนี้เป็นวันพระ   ตรงกันวันที่ ๑๔  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๑             วันที่ใคร ๆ เรียกว่า วันวาเลนไทน์.....วันแห่งความรัก จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 14 ก.พ. 51 08:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณตะวันส่อง   ณ เมืองลิง............ไถ 3 ผาน 7 ผาน  เห็นบางคนก็เรียก ฝาน  ที่ถูกต้องคือคำไหนแน่ค่ะ แถวเมืองละโว้  ค่าไถไร่ละเท่าไหร่ค่ะ  เมื่อเดือนก่อนเพิ่งไถไป  เขาคิดไร่ละ 250. ค่ะ เขาบอกว่าไถแบบตีดินให้แตก  หลังจากไถ 3 ผานเสร็จแล้ว   ตอนไถ 3 ผานก็อีกราคานึง  โดนไปหลายดอกค่ะ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 14 ก.พ. 51 10:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผานครับ ผานไถ เป็นคำโบราณนับเนื่องแต่มีการไถนาด้วยแรงควาย และส่วนประกอบของไถจะมี ผาน หัวหมู หางยาม แอก คัน อะไรอีกอย่างนึงหนอ?? พาด รัด หรืออะไรหนอ ลืม...ไม่อยากค้นตรงนี้ ด้นสด จากคุณ : ชื่อ (สายลมลอย) - [ 14 ก.พ. 51 19:53:49 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คุณตะวันส่องกับคุณฟ้าสางคุยกันแต่เรื่องรักเศร้า ๆ น่ะ  คุยกันเรื่องต้นไผ่ต่อดีกว่า   ไผ่ที่เขาขายกันแพง ๆ   ไผ่ที่ชื่อจีน ๆ น่ะน่าซื้อมาปลูกมั้ย จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 15 ก.พ. 51 06:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 85 สวัสดีครับ คุณฟ้าสางฯ สาธุ....เเจ่มแจ้ง มีเหตุ มีผล เหมาะสมสำหรับเป็นคติเตือนใจผู้ที่กำลังมีรัก คนที่ไร้รัก และคนที่เคยมีรัก  จริงๆ   ครับ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ที่มอบให้ แต่ว่าข้าเจ้า  ขอแก้ข้อสงสัย.....หน่อย ".............สงสัยจะหลวงพ่อจะผ่านเรื่องรัก ๆ  มาเยอะละดิ.....ดูเชี่ยวจัง" .............ไม่ได้เชี่ยวหรอกครับ  .....แต่เข้าในลักษณะ "ยืนบนภู  ดูเขาทะเลาะกัน"  ต่างหาก จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 15 ก.พ. 51 07:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีครับ คุณสาวสวนแตง มาตอบข้อสงสัยเรื่อง "ผาน" ก็ตามความเห็นของคุณสายลมลอยนั่นแหละครับ แต่ที่บางคนก็เรียก ฝาน  น่าจะมาจากลักษณะของการทำงานของผาน ที่มีการเฉือนดินออกเป็นริ้ว เข้าลักษณะนามของการ "ฝาน" อาจจะเป็น เช่นนี้ก็ได้  ไม่ยืนยันครับ  (แต่เรียกแล้ว เข้าใจตรงกันก็ใช้ได้) อิอิ แฮ่ะๆๆ  ดัน....จะให้เข้าตำราให้ได้.....ดูซิน่ะ ......แถวเมืองละโว้  ค่าไถไร่ละเท่าไหร่ค่ะ   ......ค่าไถ  3 ผาน  รับประทานไปไร่ละ 350.-  ครับ แต่ถ้าผาน  7  ก็ 250.- ใช่ครับ.....โดนไปหลายดอก.....เหมือนกัน จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 15 ก.พ. 51 07:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สวัสดีครับ  คุณสายลมลอย ขอบคุณที่กรุณาเข้ามาตอบข้อสงสัยของคุณสาวสวนแตงครับ เอ....คำถามว่า   "อะไรอีกอย่างนึงหนอ?? พาด รัด หรืออะไรหนอ" ใช่....เชือกที่รัดระหว่างแอกกับคันไถหรือเปล่าครับ....ถ้าใช่...ผมก็ไม่รู้จัก ชื่อเหมือนกัน  . .....แต่มีเรื่องขำๆ เกี่ยวกับเชือกที่ว่านี้  ในสมัยก่อนแถวบ้านจะใช้หนังควาย สดๆ มากรีดเป็นริ้วๆ แล้วบิดเป็นเกลียว แล้วตากให้แห้งเพื่อทำเป็นเส้นเชือก เพราะเหนียว ทนทาน  ไม่ขาดง่าย  แต่ถ้าถูกน้ำหรือฝนตกละก็....เป็นเรื่อง .....หนังควายก็คือหนังควาย พอเปียกน้ำ กลิ่นหนังสัตว์ก็จะโชย  เท่านั้นแหละ สุนัขคาบไปรับประทาน (แด....) ทุกที   .....เรื่องนี้สอนให้รู้จักรอบคอบ และให้รู้จักเก็บรักษาของใช้ได้เป็นอย่างดี ไม่ปล่อยทิ้งเรี่ยราด  ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 51 08:19:20 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 15 ก.พ. 51 07:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 88 สวัสดีครับ คุณธัมมะระตี เพื่อให้เข้ากับวันแห่งความรัก....จึงปรับสี.....หน่อยครับ มาว่ากันด้วยเรื่องไผ่       "........ไผ่ที่เขาขายกันแพง ๆ   ไผ่ที่ชื่อจีน ๆ น่ะ น่าซื้อมาปลูกมั้ย" .......ใช่ไผ่กิมซุ่ง หรือเปล่าครับ  .....ถ้าใช่....เคยติดต่อสอบถามมาแล้ว เป็นของสวนทิพยสมบัติ ราคา 250.-/กิ่ง  ครับ  ที่ถุงกิ่งพันธุ์จะมีโลโก้ชื่อ สวนของเขาติดรับรองมาเลยครับ .......น่าซื้อมาปลูกมั้ย.......อันนี้ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจครับ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 15 ก.พ. 51 08:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 89 มีข้อมูลมาฝากนิดหน่อย เพื่อประกอบการตัดสินใจ ข้อมูล ..... พื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกไผ่ได้จำนวนต้นต่อไร่ 100 ต้น (4x4 เมตร) .....การเตรียมหลุมปลูกไผ่กิมซุ่ง ขุดหลุมกว้าง ลึก 30 เซนติเมตร อาจจะ มากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ ควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก .....พื้นที่ใดไม่มีระบบชลประทานควรปลูกต้นฤดูฝน ส่วนพื้นที่ใดมีน้ำดี ปลูกได้ทุกวันในรอบปี แต่มีระบบน้ำให้ ปุ๋ยที่ใส่ให้กับไผ่นั้น ต้นฤดูฝนใส่ปุ๋ย หมัก ปุ๋ยคอก .....การให้น้ำ 3-4 วัน ต่อครั้ง ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 22-7-12 เดือนละ 1 ครั้ง ปริมาณที่ใส่ให้ แล้วแต่ว่ากอไหนมีจำนวนลำมากหรือน้อย โดยทั่วไปการให้ปุ๋ยประมาณเพียงกอละ 1 กำมือ จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 15 ก.พ. 51 08:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 90 .................คุณตะวันส่อง  สวัสดีตอนเช้า ...........ผมชักจะติดใจและชื่มชมห้องนี้แล้วครับ  (อันนี้พูดจริง ๆ ครับ)  อยากให้คุณตะวันส่องตั้งกระทู้.....ชีวิตที่พอเพียง....ต่อไปอีกครับ  ผมจะได้มีที่ว่างมาแทรกตัวพูดคุยกับคนที่มีความรู้สึกนึกคิดคล้าย ๆ กัน     บางทีเข้าไปคุยในห้องอื่น ๆ   จะรู้สึกว่าเหลือตัวเล็กนิดเดียว...... ...............บางครั้งรู้สึกว่าแตกต่าง (ถึงแม้ไม่แตกแยกก็ตาม  ไม่ได้คิดมากนะครับ  แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ  มันจะกลายเป็นเข้าห้องผิด  คิดไม่ตรงสเปค ).........อยากให้ห้องนี้ยึดหลัก.....เกษตรกรติดดิน  ใช้หยาดเหงื่อ  สมองกับสองมือ ความสามารถ บวกกับปัญญาและแรงกายที่มีอยู่สู้กับชีวิต........ตามหลักการของเกษตรพอเพียง.........การทำแบบนี้เป็นบทเรียนสำหรับคนจนที่ชีวิตต้องสู้ครับ     ............... ตัวผมเองแม้นชีวิตจะทำราชการเป็นหลัก  ไม่ได้ทำสวนเป็นหลักแต่ก็ศรัทธาในความสามารถของคนผู้นั้นที่ได้ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ บนพื้นฐานแห่งความพอเพียง........อย่างคุณตะวันส่อง หรือ คุณสายลมลอย..ตามที่เคยได้อ่านผลงานครับ  รวมทั้งอีกหลาย ๆ ท่านครับ   และไม่สู้จะนิยมหรือศรัทธาปรัชญาประเภท  Richer on The parents base    หรือ  Economic never sufficiency  เสียด้วยซิครับ    จริง ๆ  ก็ไม่ได้บังอาจไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือ แสดงความคิดเห็นอันเป็นการจาบจ้วงใครนะครับ  เพราะมันเป็นความพอดีของเขาในทางมีมาก   ส่วนผมมันประเภทพอดีในทางมีน้อย  ต้องขอโทษมาด้วยนะโอกาสนี้  เพราะของอย่างนี้มันเข้าตำรา  " เกิดมารวย  ช่วยไม่ได้"   ...................จึงสนับสนุนให้ห้องนี้คงอยู่ต่อไป สนองงานตามพระราชดำริทฤษฏีพอเพียง  เพื่อสังคมเกษตรกรและปราชญ์เดินดินทุกท่านครับ ...................คุยเรื่องชวนปวดขะมองแต่เช้าเชียว คุณตะวันส่อง  วันนี้ทำงานอย่างมีความสุขนะครับ.............อย่างผมเนี่ยะ กินแค่อิ่ม  นอนให้หลับ ไม่มีโรค  ไม่มีภัย...........ก็เจ๋งแล้วครับ                   วันศุกร์ ขึ้น ๙  ค่ำ   เดือน  ๓   ปีชวด.  พ.ศ ๒๕๕๑ จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 15 ก.พ. 51 08:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จะมาบอกเพื่อนๆ ว่า   พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้กันที่กระทู้นี้  หรือกระทู้ไหนๆ ในห้องนี้ ก็ได้ความรู้ แง่คิด ได้เพื่อน มิตร ที่รักการเกษตรเหมือนกันทั้งน้าน ตามสะดวกดีกว่า   วันนี้ขอแอบฟังเจ้าของสวนไผ่พันกอ สวนแตงแห่งเมืองไวพจน์ สวนขี้คร้าน และสวนมังคุดเมืองตราดสนทนากันก่อนเด้อ   ไว้สาวบ้านนาแว๊ปหนีช่วยงานพ่อบ้านได้    ออนไลน์เมื่อไหร่ จะมาแจมด้วยเน้อ พอดี ช่วงนี้เก็บข้าวของยังไม่เสร็จ หัวฟูเลย  ใครเคยย้ายบ้านคงรู้ดีว่ามันยุ่ง jeepหาย   แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 51 01:34:42 จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 15 ก.พ. 51 14:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 92 .................แอบมาดูเจ้าของสวนต่างๆ เค้าเม้ากัน  ฮิฮิ...    ^ ^                               จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 15 ก.พ. 51 15:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 93 แอบฟังด้วยคนครับ   จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 15 ก.พ. 51 15:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณตะวันส่องคะ...ไผ่คุณหมิง ล่ะคะเป็นเยี่ยงใด วันก่อนซื้อมา สองกอน้อยๆยังอยู่ในถุงดำเลยค่ะ กอละ 50 บาท ตอนนี้ฝากเขาเลี้ยงไว้ที่สระบุรี แต่หน่อไม้ที่ซื้อมาด้วยก็หวานกรอบดีค่ะ เขาแจกเอกสารมาด้วย ช่วยไม่ได้ หายไปแล่ว...ถ้าเอามาลงรอบๆไร่ ที่เป็นนา น้ำมีทั้งปีนี่ จะมีปัญหาอะไรไหมคะ...เพราะเขาว่าถ้าซื้อมากๆ จะได้ลดราคาอีก แล้วไผ่อะไรคะ ที่อร่อยๆ ถูกตังค์หน่อย และที่สำคัญ เลี้ยงง่ายๆ ค่ะ ถ้าตอบไม่ถูก ระวังนะคะ ว่าเพื่อนๆจะเลี้ยง ไผ่ฟรี ไผ่ขอ อิอิอิ...ละกัน จากคุณ : แมกไม้ไทย - [ 15 ก.พ. 51 19:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 95 สวัสดีครับ คุณฟ้าสางฯ ขอบคุณครับที่ให้กำลังใจในการตั้งกระทู้ ความตั้งใจนำเสนอว่าด้วยเรื่อง การสร้างเตาเผาถ่าน  และผลสำเร็จที่ได้จากการลงเเรง เพราะที่สวนพอมี วัตถุดิบและที่สำคัญเพื่อช่วยลดรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่วนชีวิตพอเพียงนั้น มันเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว อะไรประหยัดได้ก็ประหยัดไว้ก่อน อะไรทำเองได้ ก็ทำไว้ก่อน  อย่างที่ เคยบอกไว้ "ที่ดินทุกตารางวา...มีคุณ"  ดังนั้น อยากกินอะไร ปลูกเถอะ ปลูกแอบๆ กันไว้ ไม่นานก็ได้กิน มีผลดีต่อสุขภาพด้วย ที่สำคัญได้ออก กำลังกาย จะได้ห่างจากโรคภัย ไม่ต้องเกรงใจกันครับ เพื่อนๆ ทุกคนในห้องนี้ ล้วนมีน้ำใจ ใจกว้างพร้อมที่ จะให้ข้อมูลที่คุณสนใจได้ ถึงจะตัวเล็กตัวลีบอย่างไร เพื่อนๆ ก็ยินดีแบ่งปัน พื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้เข้ามาพูดคุยแสดงความเห็นด้วยความ เต็มใจอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 51 08:23:43 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 16 ก.พ. 51 08:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณฟ้าสาง          มาแนวเดียวกับคุณสายลมลอยเลย  ทุกคนในห้องนี้มีอุดมการณ์เหมือนกันค่ะ   แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ ไม่มีคำว่ายากดีมีจน  ทุกคนเท่ากันหมดค่ะ  คุยกันได้  สบายใจได้ค่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 16 ก.พ. 51 08:28:48 ]

ความคิดเห็นที่ 97 คุณสาวบ้านนา ................ฝากเมนูที่เคยติดค้างไว้ที่ เวทีล้อมฟาง ตอน 12 แล้วครับ และขอให้รีบเก็บของเร็วๆ ใกล้สงกรานต์แล้วครับ...เดี๋ยวตกเครื่อง คุณคนดง คนเดิม กับคุณดอกไม้ทะเล ...............เเหมํ    ใยต้องแอบละครับ....คนกันเองแท้ๆ คุณแมกไม้ไทย ...............เรื่องไผ่นี่ผมยังเป็นอนุบาลอยู่ครับ  ยังศึกษาไม่ถึง จึงให้ข้อ คิดเห็นได้ไม่เต็มที่ครับ  แต่ผมว่าถ้าจะปลูกเพื่อทานในครอบครัว ติดใจ รสชาติ ก็ปลูกเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยลดโลกร้อน .............. ถ้านำมาปลูกรอบๆ ที่นาก็ได้ครับ แต่คนโบราณท่านแนะนำว่า .... อย่าปลูกไผ่ริมคันแดน....เพราะว่า...ไผ่เป็นพืชที่เดินได้....อาจจะมีปัญหา กับเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันได้ ...............ที่บ้านปลูกไผ่เลี้ยงครับ  (แบบว่า  เลี้ยงเจ้าของ...น่ะ) ม่ายช่าย..ปลูกไผ่ฟรี ไผ่ขอ  ครับ.....   55 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 16 ก.พ. 51 08:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ..............คุณตะวันส่อง  รีบมาดักคอเลยนะ  ไม่มีไผ่ฟรี  ไผ่ขอ   ส่วนผมนั้นชอบไผ่หยิบ  กับ ไผ่จิ๊กครับผม    ...........ถามเป็นงานเป็นการหน่อยละกัน กอไผ่หนาม (หนามเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่เค้าใช้เผาข้าวหลามกัน) มันกอใหญ่มากและก็บังร่มต้นมังคุด มากเกินไป  มีวิธีเอาออกยังงัยบ้างครับ  เอาแบบไม่ต้องใช้มีดฟันกับถางนะครับ   ไม่อยากเสียโลหิต..... ..............คุณแมกไม้ไทย  เอาไผ่ไปลงบริเวณริมแดน ก็อาจจะมีปัญหาอย่างที่คุณตะวันส่องว่าครับ  ไผ่มันเดินได้จริง  ๆ  และมันชอบเดินไปยังที่เพื่อนบ้านซะด้วยครับ  แต่ถ้าทำลำลาง หรือร่องน้ำชัดเจน ก็พอไหว  แต่พอหน้าฝนน้ำไหลไม่สะดวกเพราะใบร่วงลงไปต้องคอยรอกคูน้ำครับ แต่ถ้านาข้าวมันร่มมาก  อาจจะไม่ค่อยงามมั้งครับ ..............คุณคนดง คนเดิม กับคุณดอกไม้ทะเล  มาแอบทำอะไรครับ  ไม่ต้องแอบครับ .......พอดีเป็นพวก  Exhibitionist......ครับ  มานั่งฟังใกล้ ๆ  หาน้ำ หาท่ากินกันก่อนดีกว่า   คิ คิ ..............คุณสาวบ้านนา เก็บข้าวของจาหนีตามใคร.......กัน   รีบเก็บซะขนาดนั้น.........กลับบ้านเมื่อไรครับ   เข้าห้องนี้มาบ่อยเด้อครับ......คึดฮอดอีหลี....... .............คุณธัมมะระตี  พี่ใหญ่ใจดีของผม..........ขอบคุณครับสำหรับมิตรภาพและสิ่งดีดี ...............เมืองชล ฟ้าครึ้มฝนทำท่าจะตก....แต่ยังไม่ตกอีกตามเคย    เอาเรื่องเอาราวไม่ค่อยได้เลย.......เหมือนใจคนแหละครับ .......เบื่อ เบื่อ  อยาก อยาก............... คล้าย ๆ กับใครบางคนแถว  ๆ  นี้แหละครับ              วันเสาร์ขึ้น ๑๐ ค่ำ  เดือน ๓   ปีกุน ............... จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 16 ก.พ. 51 09:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ได้ยินเสียงแว่วๆว่า .........เมนท์ที่คห.99......... รับไผ่ไมตรีฟรีค๊าบพี่น้อง เอ็หรือว่าไผ่เลี้ยง.....เลี้ยงเพื่อนเจ้าของ....อิ...อิ...อิ คุณฟ้าสาง....................ใบบัวบกจิ้มน้ำพริก  แกงใส่หมูสับ  แต่ว่ามานขยายพันธุ์วิธีไหนค๊าบ  อยากปลูกมั่งอ่ะค่ะ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 16 ก.พ. 51 11:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ............คุณสาวสวนแตง   ใบบัวบกจิ้มกับน้ำปลาหวานแบบที่กินสะเดาก็อร่อยดีครับ   คนตราดจะเรียกใบบัวบก ว่า  "ผักแว่น" ครับ  เวลาปลูกก็ใช้ รากหรือเหง้าที่ติดมากับต้นมันปลูกลงไปในดิน  ขึ้นง่ายครับ ............ ผักแว่นชอบความชื้นเป็นพิเศษ  แสงรำไร  ไม่ต้องปลูกครับมันขึ้นเอง คลุมหน้าดินบริเวณโคนต้นไม้ป้องกันดินแห้งในหน้าแล้ง    เวลาให้น้ำต้นไม้ก็ได้น้ำไปด้วยครับ   ..............ฝนนี้ตั้งใจปลูกอีกหลายอย่าง ทั้งชะอม  มะละกอ กระเพรา  มะเขือพวง แมงลัก โหระพา  และพริกขี้หนู   คงพอได้กินเองมั้งครับ จากคุณ : ฟ้าสางที่บางแสน - [ 16 ก.พ. 51 13:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ............ไม่แอบอ่านแล้วคับ..คิคิ        เห็นแว๊บๆ.....มีอะไรฟรี   .....ต่อแถวด้วยคนคับ จะทันมั้ยนั้น..อิอิ .....สาระเพียบจริงๆ จะว่าไปผมยังต้องดูแลที่ดินของพ่อผมอยู่ รึของแม่ ?.. เอาเป็นว่าของ ที่บ้าน ยังไม่มีของผมแท้ๆเลย  มีอะไรก็ เข้ามาคุยมาระบายในนี้แหละคับ  อบอุ่น  พึ่งพาคำปรึกษาได้.. ......ได้มิตรทางไกล จากทั่วประเทศ มีโอกาสจะเดินทางไปเยี่ยม ทุกท่านๆ..            ....ระวังตัวไว้ คุณพี่ทั้งหลาย ผมอาจไปเยี่ยม ในไม่ช้าๆๆๆๆๆๆ......นี้ก็ได้...ฮิ....ฮิ... ......ด้วยมิตรคับผม..     .....ปล.แตกกระทู้เถอะคับ อืดแระ... แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 51 13:08:07 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 17 ก.พ. 51 12:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ชีวิตพอเพียง ตอนที่ 2 จากคุณ : ตะวันส่อง - [ 17 ก.พ. 51 20:07:21 ]