Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องของ "หมา" ตัวหนึ่ง

    ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะบันทึกบางสิ่งไว้ในหน้าอินเตอร์เน็ต ก่อนที่มันจะเลือนลาง

    ผมเป็นเด็กคนนึง ที่เพิ่งจะมีบ้านที่เป็นของพ่อแม่จริงๆ  เอาตอน ปี 2537 ตอนนั้นก็อายุแค่ 5 ขวบ
    ชีวิตผม ใฝ่ฝันที่อยากจะเลี้ยง "หมา" ซักตัว เพราะค่านิยม ของสังคม ที่ทำให้ผมเห็นว่า "หมา" เป็นเพื่อนเราได้ แต่ด้วยฐานะที่ค่อนข้างอัตคัต ทำให้ผม เลี้ยงได้เต็มที่ก็แค่ "ปลา"

    แต่แล้วความฝันของผมก็เป็นจริง  ผมมี "หมา" เป็นของตัวเองซักที
    แต่สภาพที่ผมพบในโลกแห่งความเป็นจริง มันต่างจากที่ผมเคยคิดไว้พอสมควร...

    พ.ศ.2542 หมาตัวหนึ่ง วางไว้อยู่หน้าทาวเฮ้าส์ที่มีพื้นที่ไม่กว้างนักของบ้านผม หมาที่ผมคุ้นเคยดี เพราะเคยเห็นเคยเล่นกับมันตั้งแต่ ย้ายบ้านมาใหม่ๆ หน้าตาสีผิวมันยังเหมือนเดิม แค่สภาพบางอย่างเปลี่ยนไปนิดหน่อย เพราะมันเพิ่ง "ตาบอด"

    "ขาว" ชื่อที่ผมเรียกมัน เนื่องจากสีขน ที่ออกครีมๆ ปนน้ำตาล ผมจะเรียกว่าครีม ก็คงแปลกๆ ผมจึงตัดสินใจเรียกมันว่า "ขาว"

    "ขาว" อยู่ในภาวะสลบ ตัวถูกพลิกนอนไปทางด้านซ้าย ลิ้น ถูกดึงให้ออกมาจากในช่องปาก เพื่อป้องกันการขาดอากาศระหว่างหลับ ตาของ "ขาว" หายไป หนังตาบนและล่าง ถูกเย็บติดกัน ทั้งสองข้าง ขาวเห็นเพียง "ความมืด"

    วันนั้น เป็นวันที่ผมนั่งอยู่บนลังน้ำแข็งหน้าบ้าน มอง "ขาว" บนพื้น และเสียน้ำตาสำหรับมัน หยดแรก

    เดิมที "ขาว" เป็นหมาจรจัดที่หน้าปากซอย "ขาว" มีลูก มีหลาน มากมาย แม้แต่วันนี้ สายเลือดของ "ขาว" ก็ยังคงอยู่หน้าปากซอยบ้านของผม ครั้งแรกที่ผมเจอ "ขาว" เป็นหมาที่มี สัตวสัมพันธ์ดี ตาใส โปนๆ แลบลิ้น กระดิกหาง ให้ทุกคนที่เดินผ่าน หน้าตาของ "ขาว" เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน บาดแผลจากการฝ่าฟันชีวิตแบบหมาจรจัด มาอย่างโชกโชน

    ทุกครั้งที่ผมมีข้าวเหลือจากมื้อเย็น ผมจะแบ่งใส่ถุงพลาสติก และเดินไปให้ ที่หน้าปากซอย คอยกันลูกๆ หลานๆ ที่ชอบแย่งของบุพการีกิน จน "ขาว" กินเสร็จเสมอๆ จนกระทั่ง วันหนึ่ง ผมล่อ "ขาว" เข้ามาหน้าบ้าน เพื่อให้มื้อเย็นของเรา แต่อาจจะเป็นมื้อเช้าของ"ขาว" เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

    ความประทับใจ ต่อ "ขาว" ก็เกิดขึ้น

    ทุกๆ วัน เวลาประมาณ  1 ทุ่ม "ขาว" จะเข้ามาพิงประตูหน้าบ้าน นอน และเวลาประมาณ ตี 3 "ขาว" ก็จะกลับไปยังที่อยู่ของตนเอง ทุกวัน "ไม่ว่าผมจะมีข้าวให้ขาวกินหรือไม่ ขาวก็ยังคงเข้ามาเสมอๆ"

    เวลาเที่ยงของวันหนึ่งใน ปี 2542 "ขาว" นอนอยู่ใต้ท้องรถคุณพ่อ ทันทีที่คุณพ่อสตาร์ทรถ "ขาว" ร้องเอ๋งเบาๆ พร้อมกับเดินออกมา ด้วยสภาพ ตาข้างหนึ่ง หายไป อีกข้างหนึ่ง ห้อยอยู่ที่แก้ม

    ผมต้องดูแลน้องที่ยังเล็กที่อยู่ในบ้าน  คุณพ่อ มีภาระงานที่ต้องทำ

    เพื่อนบ้านใจดี ชื่อ "พี่โอม" อาสา พา "ขาว" ไปหาหมอ

    คุณแม่ ขึ้นรถกะบะ ของพี่โอม พร้อมกับนั่ง ประคอง "ขาว" ไว้ ในสองมือ

    นั่นคือมูลเหตุที่สภาพของ "ขาว" ต้องเปลี่ยนแปลงไป

    ครอบครัวของผม เดิมที ปฏิเสธการเลี้ยงหมาในบ้าน อย่างแข็งขัน เนื่องจากสภาพของบ้าน ไม่เหมาะแก่การเลี้ยง กอปรกับ ต้องขายของหน้าบ้าน จึงไม่ดีนัก หากมีสัตว์เลี้ยงที่เดินไปเดินมาในบริเวณนั้น
    แต่ด้วยสภาพของ "ขาว" ที่เกิดขึ้น ทุกคนตัดสินใจ "รับหมาจรจัดจากปากซอย ใส่ปลอกคอให้ขาว เป็นครั้งแรก"

    "ขาว" ต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิต ภายใต้ความมืดอย่างมากในช่วงแรก แต่ผมก็พบว่า "ขาว" เก่งมาก ที่สามารถอยู่กับความมืดได้ ถึง  8 ปี

    ในสองสามวันแรก หลัง "ขาว" ใช้ชีวิตอยู่ในความมืด "ขาว" อยู่อย่างยากลำบาก เดินชนข้าวของร้องเอ๋งๆ ทั้งวัน กลางคืน "ขาว" ก็จะ กลายเป็น "หมาพยศ" ทำข้าวของเสียหาย ล้มระเนระนาด
    จนคุณแม่ พูดขึ้นมาว่า "ถ้าเป็นแบบนี้ แย่แน่ๆ เลย หรือจะต้องไปฝากสถานรับเลี้ยงสัตว์พิการ" ผมไม่รู้ว่า "ขาว" รู้เรื่อง ฟังออกหรือเปล่า แต่หลังจากนั้น "ขาว" ก็งดกิริยา "หมาพยศ" จนแทบไม่ปรากฏขึ้นมาอีก

    "ขาว" เริ่มปรับตัวกับการใช้ชีวิตแบบใหม่มากขึ้น "ขาว" รู้จักหลบหลีกข้าวของ ที่วางอย่างระเกะระกะ ได้อย่างเชี่ยวชาญ

    ทุกๆ เย็น คุณแม่ จะพา "ขาว" ไปวิ่งเป็นวงกลม พร้อมๆ กับโซ่ที่คล้องคอไว้ เพื่อให้ "ขาว" ทำธุระ ส่วนตัว บริเวณถนนหน้าบ้าน หากคุณแม่ทำโซ่หลุดจากมือ "ขาว" จะหยุดวิ่ง และ รอให้คุณแม่เก็บโซ่ขึ้นมาก่อน จึงจะวิ่งต่อ

    "ขาว" ใช้ชีวิต อย่างปกติสุข อาจจะขลุกขลักบ้าง ตามอัตภาพ เรื่อยมา

    จนกระทั่ง ราวๆ สามเดือนก่อน "ขาว" มีก้อนเนื้อที่ท้องด้านซ้าย ขนาดเท่าลูกมะพร้าว ป่องออกมา
    คุณพ่อแม่คุณแม่ จึงพา "ขาว" ไปหาหมอ
    ผลปรากฏว่า ต้องผ่าตัดเอาเนื้อออก

    หลังจากการผ่าครั้งนั้น "ขาว" มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ร่าเริงแจ่มใส เราทุกคนดีใจ และมีความสุข
    แต่ความโชคร้ายของ "ขาว" ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อ มีก้อนเนื้อขึ้นบริเวณ หลัง อีกรอบ
    คุณหมอบอกว่า เป็นเชื้อมะเร็ง ต้องทำคีโม

    จากการปรึกษา ผมตัดสินใจว่า ผมไม่อยากเห็น "ขาว" ต้องขนร่วง กินข้าวไม่ลง และเซื่องซึม
    ผมจึงไม่ยอมให้ทำคีโม และขอให้ รักษาพยุงอาการ

    เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน
    ก้อนเนื้อของ "ขาว" เริ่มมีน้ำเหลือง มีหนอง  คุณแม่ผม ก็ใส่ยา และ ทำแผลให้เป็นระยะ

    "ขาว"ยังคงร่าเริง และมีความสุขกับการ เล่นๆ นอนๆ


    ผมรู้เสมอ ว่า ซักวัน "ขาว" ต้องจากผมไป

    จนวันนี้ ผมพบว่า การที่ผมรู้เหตุการณ์นั้นก่อน ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย

    สามวันก่อน เท้าซ้ายด้านหน้าของ "ขาว" บวมเป่ง จน "ขาว" แทบลุกไม่ขึ้น
    แต่เมื่อ"ขาว" อยากทำธุระ "ขาว" ก็จะพยายามลุก เพื่อออกไปนอกบ้าน

    "ขาว" เริ่มซึม นอนซม และกินข้าวได้น้อยลง ทำธุระของตัวเองได้ลำบากมากขึ้น

    เมื่อคืนนี้ ผมกลับบ้านตอน ตี 2 ก่อนเข้าบ้าน ผมก็เดินเข้าไปหา "ขาว" ลูบหัวอย่างเคย
    "ขาว" นอนเอาหัววางบนขาข้างที่บวม นิ่ง ไม่ตอบรับเหมือนเก่า จนผมคิดว่า "ขาว" ตายแล้วเหรอ
    ผมจึงพูดออกไปว่า "ขาวไปแล้วเหรอ" ขณะนั้นเอง ท้องของขาวก็ขยายตัว
    ผมโล่งใจ ที่เห็นว่า "ขาว" ยังหายใจ "ขาว" ยกหัวขึ้นมา ส่ายไปส่ายมา และ ลงไปนอนต่อเหมือนเดิม


    จนกระทั่ง เช้าวันนี้ เวลา ประมาณสิบโมงกว่า คุณแม่ปลุกผมไปดู "ขาว"

    "ขาว" อยู่ในสภาพเหมือนวันแรกที่ผมเจอ ไม่ผิดเพี้ยน ณ ตำแหน่งเดิม ลิ้นออกมาจากปาก ตายังคงแนบสนิทกันเหมือนเดิม ต่างกันแค่ ผมยืนดูขาว แทนที่จะเป็นการนั่ง เหมือนครั้งแรก "ขาว" นอนไปทางด้านขวา  ธุระของ "ขาว" เลอะเทอะ เต็มพื้น และท้องของ "ขาว" ไม่ยุบพองตามลมหายใจ เท่านั้นเอง

    คุณแม่บอกว่า คุณแม่กลัว"ขาว" หิว เลยหยิบข้าวเกรียบไปให้ "ขาว" กินเล่น เมื่อตอน 9.47 ของเมื่อเช้า "ขาว" เลีย แต่ไม่กิน "ขาว" ลุกขึ้นมา ร้อง หงิงๆ ยกขาชี้ฟ้า หายใจแรงขึ้น คุณแม่ลูบหัว แล้วเดินเข้าบ้าน เพราะรู้แล้ว  คุณแม่ออกไปดูขาว อีกรอบ ตอน 9.50

    "ขาวไปแล้ว" รวมเวลาทั้งสิ้น เราใช้ชีวิตด้วยกัน 2944 วันโดยประมาณ หรือราว แปดปีกว่า




    ผมไม่รู้ว่า  "ขาว" เกิดวันไหนปีไหน ผมรู้แค่ว่า "ขาว" เป็นหมาจรจัดที่มีชื่อธรรมดา ๆ ที่ผมเรียก เป็นหมาพันธุ์ผสม ที่ถูกคนทิ้งเอาไว้ และ "ขาว" หนัก  15 กิโลกรัม

    ผมรู้ว่า "ขาว" เป็นหมาที่มี สัตวสัมพันธ์ดี  "ขาว" เป็นมิตร กับทุกคน ที่มาดี และ คำรามใส่ คนที่นิสัยไม่ดี
    จนเพื่อนผมแซวว่า "ขาวเป็นหมารับแขก"

    ผมรู้ว่า "ขาว" เป็นหมารักสะอาด ไม่ทำเลอะเทอะ เวลาจะทำธุระ "ขาว" จะร้องบอกให้พาออกไปเดิน

    ผมรู้ว่า "ขาว" เป็นหมาที่ ไม่เลือกกิน กินได้ทุกอย่างทั้งแต่ ทุเรียน ยันข้าวเหนียวเปล่าๆ

    ผมรู้ว่า "ขาว" จะกระดิกหางเดินออกมาหา ทุกครั้งที่ผมเปิดประตู และเลียมือ เมื่อผมลูบหัว

    ผมรู้ว่า "ขาว" จะหลบเมื่อผมบอกว่า ขวางที่จอดมอเตอร์ไซด์

    ผมรู้ว่า "ขาว" จะลุกขึ้นทุกครั้งที่ผมเปิดประตูบ้าน เพื่อลงจากพื้นที่ยกก่อนหน้าประตู เพราะ กลัวเกะกะ

    ผมรู้ว่า "ขาว" ชอบกิน ปาท๋องโก๋ ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์รสถั่วแดง และขนมหวาน  และจะขอปาท๋องโก๋  1 คู่ ทุกครั้งที่แม่กลับมาจากตลาด

    ผมรู้ว่า "ขาว" จะค่อยๆ งับ ของที่ให้ "ขาว" กินเพราะกลัวกัดโดนมือเรา

    ผมรู้ว่า "ขาว" เป็นหมาที่มีความอดทน ทนเจ็บ ทนทุกอย่าง เมื่อรู้ว่าเราหวังดี ไม่ว่าจะอุ้มให้นอน ก็จะนอน อุ้มให้ลุกก็จะลุก ไม่ว่า เราจะทำถูกแผลของ "ขาว" เจ็บแค่ไหน แม้กระทั่งยามที่ตาของขาวห้อยอยู่ที่แก้ม "ขาว" รู้ว่า เรากำลังจะพาไปหาหมอ "ขาว" ไม่ดิ้น ไม่แสดงความอ่อนแอ "ขาว" ยังคง นั่งอย่างสง่าผ่าเผย

    ผมรู้ว่า "ขาว" ไม่เคยกัด เรา

    ผมรู้ว่า "ขาว" ปลอบผมไม่เป็นเวลาผมเสียใจ แต่ขาวก็ปฏิบัติกับผม ด้วยความจริงใจเหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ว่าผมจะอยู่ในอารมณ์ไหน

    ผมรู้ว่า "ขาว" คงรอลาเราทุกๆ คน "ขาว" เจอทุกคนในบ้าน วันนี้ และเจอแม่เป็นคนสุดท้าย ก่อน "ขาว" จะออกเดินทางไกล


    ผมเสียใจ ที่ผม มีรูป "ขาว" อยู่ไม่กี่รูป  หลังจากที่แม่ พยายามบอกให้ผมถ่าย "ขาว" เหลือเกิน

    ณ วันนี้ ผมไม่เห็น "ขาว" เป็นสัตว์เลี้ยงสุดโปรด หรือ หมาตัวแรกที่ผมใฝ่ฝัน

    "ขาว เป็นสมาชิกคนนึงในครอบครัว ที่กินข้าวหม้อเดียวกัน อยู่ด้วยกัน หลายปี ตั้งแต่บ้านใหม่ๆ จนเป็นบ้านโทรมๆ"

    "ขาว เป็น เพื่อนคนนึงของผม และ ดีที่สุดด้วย"

    สิ่งที่ผมทำให้"ขาว"ได้ เป็นสิ่งสุดท้าย ก็คือ ห่อ"ขาว" ด้วยผ้าดิบเมตรครึ่ง  พร้อมกับ "ขนมปัง การ์ดิเนียร์ รสถั่วแดง กับ สังขยา" ให้อย่างละใบ และอยากจะขอโทษที่หาฟาร์มเฮ้าส์ให้ไม่ได้ เพราะเซเว่นไม่มีขายแล้ว
    อยากให้ "ขาว" เอาไว้กิน ตอนเดินทางไกล จะได้ไม่หิว ไม่มีคนให้กินก็ไม่เป็นไร กินขนมปังของผมได้ หิวเมื่อไหร่ ก็มา หน้าบ้านได้เสมอ

    ผมตั้งใจจะเอา "ขาว" ไปนอนอยู่ใต้ก้อนดิน ผมขับรถไปหลายๆ ที่ ไกลจากบ้านที่พอจะ ให้"ขาว"นอนได้
    แต่ที่ๆ ไปถึง กลับมีตลาดนัด ทำให้ผม ไม่สามารถ ใช้จอบที่เอาไป ขุดดินได้

    สุดท้าย ผมก็ ทำได้แค่ พา "ขาว" ไปนอน ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ ในป่าใกล้ๆ บ้าน "ขาว" จะได้ไม่ร้อน เวลาโดนแดด ไม่เปียกเวลาโดนฝน และจะได้เดินมาหาได้บ่อยๆ


    ผมดีใจ ภูมิใจ และ ศรัทธา กับ เพื่อนคนนี้ของผม

    กับความอดทน ความดี และความจริงใจ

    ที่มีให้กัน เสมอมา ตลอดเวลา 8 ปี

    ผมอาจไร้สาระที่มาเขียนอะไรยาวยืด

    แต่นี่ คือสิ่งสุดท้าย ที่ผมจะทำให้ "ขาว" ได้

    นั่นคือ บอกให้คนในโลกรู้ว่า "ขาว หมาโนเนม ที่หลายๆ คน รู้สึกรังเกียจ เวลาพบเจอข้างถนน แต่ขาวนี่แหละ คือคนที่ ทำให้ผม มีกำลังใจ คอยอยู่ข้างๆ ผมและครอบครัวตลอดเวลา"

    ขอบคุณนะครับ ที่อ่านจนจบ
    "ขาวคงดีใจครับ ที่ยังมีคนสนใจ เรื่องของเขาอยู่"

     
     

    จากคุณ : ballkungs - [ 13 ก.พ. 51 02:28:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom