ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นด้วยการกำจัดขยะอินทรีย์ ด้วยการนำมาหมักเป็นปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพก่อนนะครับ ก่อนอื่นเราควรทำหัวเชื้อไว้ใช้เองก่อนนะครับ จะได้ซื้อหัวเชื้อครั้งเดียวพอ ใช้ได้ตลอด เพียงแค่ใส่หัวเชื้อ EM (ซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์การเกตรทั่วไป อย่าซื้อร้านขายต้นไม้ นะครับ จะแพง) ผสมกับน้ำผสมกากน้ำตาล สัดส่วนก็กากน้ำตาล 1 ลิตร ต่อน้ำ 6 ลิตร ก็ใช้ได้แล้ว สำคัญว่าน้ำที่ใช่ห้ามมีครอรีนผสมเด็ดขาด เชื้อ EM จะตายหมด หมักทิ้งไว้จน สังเกตุว่าที่ผิวน้ำมีผ้าขาวๆ เป็นแผ่นราเมือกลอยอยู่ น้ำมีกลิ่นเหมือนน้ำเชื่อมเอียนๆ คล้ายฝัก ต้นจามจุรี ก็ใช้ได้ล่ะ พอเราตักไปใช้แล้ว ก็เอาน้ำผสมกากน้ำตาลมาเติม หรือสังเกตุว่า ราเมือกที่ลอยอยู่หายไป ก็เติมกากน้ำตาลลงไปเพิ่ม แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 51 00:19:24 จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้มาดูการทำปุ๋ยน้ำหมักบ้าง การหมักปุ๋ยจริงๆ จะเอาแบบอลังการงานสร้าง ใส่เครื่องแยะๆ ก็ได้อยู่นะ แต่ว่ามากเรื่องมากความ เอาแต่ใช้รดต้นไม้งาม ไม่เสียตังมากพอล่ะ ถังหมักพื้นฐานในบ้าน 1 หลัง ควรมีถัง 3 ใบนะครับ เอาใบโตๆ แบบที่ตั้งในห้องน้ำไปเลย ถังหนึ่งไว้หมักขยะพืชสด ผลไม้ ใบไม้ใบหญ้าที่เราตัดๆ ทิ้ง อีก 2 ถังไว้หมัก เศษอาหาร ที่ต้องมี 2 ถังเพราะว่า เศษอาหารจะใช้เวลาหมักนานมาก แล้วกลิ่นจะรุนแรง รับรองว่าไม่หอม การหมักก็ไม่ยาก นำน้ำ(ไม่มีครอรีนเหมือนเคย) ผสมกากน้ำตาล อันนี้ไม่สำหรับผมไม่มีสัดส่วน เพราะบางทีน้ำตาลแพงผมก็ไม่ใส่ซะงั้น หมักได้เหมือนกันหล่ะ บางที่ก็ใส่รำข้าวหมูลงไปด้วย จะช่วย ให้มันเน่าเร็วขึ้น แล้วมีขยะอินทรีย์อะไรก็ใส่ๆ มันลงไป หมั่นเปิดฝาคนๆ บ้าง เท่านั้นเอง ถ้าอยากให้มันสลายตัวเร็วก็เปิดฝาทิ้งไว้ คนบ่อยๆ แต่ผมปิดฝาไว้นะ เพราะถ้าเปิดไว้ หนอนมันจะมาไข่เป็นที่ขยะแขยง หมักครั้งแรกสัก 1 เดือนก็ใช้ได้ ก็ดูว่าผักมันเริ่มเน่าเละเหลว นั่นหล่ะ โอเค ต่อไปก็ใส่พืชผักหมักไปใช้ไปได้ตลอดครับ ส่วนการหมักเศษอาหาร หมัก 3 เดือน ถ้าน้อยกว่านั้น เหม็นจนไม่อยากใช้ แต่จะเป็นปุ๋ยชั้นเลิศ เลย ข้อพึงระวังคืออาหารนั้น ห้าม เค็ม (ทำให้ดินเค็ม) ห้ามน้ำมัน (น้ำมันจะลอยปิดช่องให้น้ำ และอากาศแรกเปลี่ยนออกซิเจนกัน ทำให้มันเน่า เหม็นมากเลย) แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 51 23:26:36 จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วก็มาดูสูจน์เด็ดกัน จะทำอย่างไรให้ขยะหอมจริงๆ ขอบอกว่ากลิ่นน้ำหวานเอียนๆ นะ ไม่หอมหรอก ออกจะเวียนหัว บ้านผมจะมีพืชมีกลิ่นหอมหลายๆ ชนิด เคยทดลองเอามาหมักแล้ว ไม่ได้ผล ไม่นานกลิ่นก็หมด จนเจอต้นว่านเก่าแก่ที่คุณตาเลี้ยงไว้ที่บ้านมาหลายสิบปีแล้ว นั่นก็คือ สเน่จันทร์ขาว ว่าวสเน่จันทร์ขาว นี้จะมีกลิ่นทั้งต้น เมื่อเกิดแผลจะได้กลิ่นหอมแบบเดียวกับลูกจันทร์สุก ผมใช้ใบและก้านสเน่จันทร์ขาว ใส่ลงในถังหมัก ขอบอกครับ กลิ่นไม่เปลี่ยนเลย ทิ้งไว้ 3 เดือน กลิ่นยังคงที่ ไม่หอมลดลงเลย พอรู้ว่าสเน่จันทร์ขาวมันหอมแบบนี้ ก็เลยนำไปประยุกต์ทำนำยาดับกลิ่นแบบที่ขายกันในตลาดนะครับ วิธีการทำน้ำยาดับกลิ่นก็ไม่มีอะไรเลย ง่าย ใช้น้ำตาลทรายขาวผสมน้ำ 1 ส่วน ต่อ 6 ส่วน (ห้าม ใช้กากน้ำตาล หรือนำตาลทรายแดงนะครับ เวลาเอาไปฉีดตรงไหน จะติดสีน้ำตาลไปหมด) จากนั้นใส่ EM และสเน่จันทร์ขาวลงไป หมักจน มีราเมือกขึ้นอย่างที่บอก ก็โอล่ะ เอาใส่กระบอก ฉีด ไว้ฉีดตามที่มีกลิ่นสัตว์เลี้ยง ฉีดตามพื้นห้องน้ำ จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนการนำปุ๋ยน้ำหมักไปใช้รดน้ำต้นไม้นั้น จะต้องผสมน้ำให้เจือจางก่อนนะครับ เพราะปุ๋ยน้ำมีความ เป็นกรดสูงมากๆ ถ้ารดต้นไม้เพียวๆ ตายคาที่ได้เลยครับ ส่วนกากที่เหลือ เอาไปกอกทิ้งไว้สัก 1 เดือน ก็กลายเป็นปุ๋ยใช้ได้ล่ะ แต่สำหรับคนที่ไม่อยากรออีก 1 เดือน ผมแนะนำเพื่อนคู่หูเพื่อผลิตปุ๋ยในบ้านอีกตัวหนึ่ง นั่นคือใส้เดือนแดง การเลี้ยงใส้เดือนแดงเพื่อผลิตปุ๋ยและกำจัดขยะทำได้ง่ายๆ ครับ อย่างแรกต้องหาบ่อซีเมนที่มีรูระบายน้ำ เปิดปิดได้มาก่อน รองพื้นบ่อด้วยหญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ลงไป ใส่ผักผลไม้ผสมลงไปด้วย จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใส่ดินผสมใบไม้แห้งกลมทับพอให้ไส่เดือนวิ่งเล่นได้ จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โรย พด.2 ของกรมพัฒนาที่ดิน (พอดีเขาเอามาแจก) จริงๆ ก็หัวเชื้อ EM แห้งนี่เอง จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รดน้ำตาม น้ำไม่มีครอรีนเช่นเคย จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปล่อยไส้เดือนที่น่ารักลงไป จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ใส่เศษขยะพืชผัก มีอะไรก็ใส่มันลงไป อย่าใส่มากล่ะ มันเน่าแล้วเหม็นๆๆ จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:52:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปิดฝาซะหน่อยกันแมลง ฝานี้ถ้ามืดหน่อยจะดี เพราะไส้เดือนขึ้นมากินเศษอาหารตอนมืดๆ ถ้ามืดตลอด 24 ช.ม. มันก็จะกินอาหารเร็ว แต่ฝาก็ต้องมีรูระบายอากาศด้วยนะครับ จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ทีนี้จากประสบการณ์พบว่า ไส้เดือนจะกินอาหารที่เริ่มเน่าแล้วเท่านั้น ไม่ทานของสด ทำให้บ่อกำจัดเกิดกลิ่น นอกจากนี้แก๊ซที่เกิดขึ้นจะทำปฏิกริยากับเมือกของใส้เดือน เกิดเป็นกรดที่ทำให้เป็นอันตรายต่อไส้เดือน ก็เลยหมักเศษอาหารให้เน่าด้วยในถังหมักปุ๋ยน้ำก่อน แล้วนำมาเลี้ยงไส้เดือน ปรากฏไส้เดือน ชอบมาก โตเร็ว กินกันได้รวดเร็ว ไส่ลงไปไม่นานกลายเป็นดินหมด จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 21 มี.ค. 51 23:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนการนำไปใช้ประโยชน์นั้น ก็ได้ 4 ทางนะครับ คือ 1. นำน้ำที่เกิดจากปัสสวะไส้เดือน ผสมน้ำที่เกิดจากการสลายตัวของเศษอาหาร ซึ่งเรียกว่าปุ๋ยน้ำชา (ขายกันในตลาดแพงโขอยู่) ไปผสมน้ำรดต้นไม้ 2. นำมูลไส้เดือน เป็นดินเลย ไปใส่เป็นปุ๋ย 3. นำตัวไส้เดือนใส่กระถางต้นไม้ ทำหน้าที่พรวนดินแล้วพลิกหน้าดิน 4. นำใส่เดือนไว้เลี้ยงปลาในบ้าน ฮิๆ เอาไปขายก็ได้นะ ตัวล่ะ 1 บาท เป็นราคาตอนนี้ จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 22 มี.ค. 51 00:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อวานนี้ได้หมักเศษอาหารผลไม้ในครัวเรือนเป็นครั้งที่ 2 ตอนแรกคิดว่าจะไม่หมักน้ำขีวภาพอีกแล้ว เพราะครั้งแรกที่หมักไปได้ใช้ใส่ในบ่ออึเพื่อดับกลิ่นจนหมดถัง ส่วนเศษที่หมักก็ทิ้งไปเพราะเป็นบ้านตึกแถวไม่มีที่ดินให้ทิ้งเศษปุ๋ยหมัก แต่ต้องมาหมักอีกครั้งเพราะบ่ออึเริ่มมีกลิ่นอีกเลยต้องมาหมักน้ำชีวภาพอีกครั้งเพื่อเอาไปใส่ในบ่ออีอีก ขอบอกว่าได้ผลดีจริงๆ ดับกลิ่นในบ่อได้ดีมากๆ และไม่ต้องเรียกเขตรักษามาสูบบ่ออึเลยหลายปีแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนต้องเรียกเขตมาสูบทุกปี นี่ 3-4 ปีแล้วไม่เคยเสียเงินเลยสักบาทเพราะใช้น้ำหมักขีวภาพลาดลงไป ได้ผลดีจริงๆขอบอก จากคุณ : digy - [ 22 มี.ค. 51 00:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #14 การหมักน้ำหมักเพื่อนำไปใส่แหล่งน้ำเสีย หรือบ่อเกริกปฏิกูล ไม่จำเป็นต้องใส่เศษอินทรีย์ นะครับ ใส่แค่กากน้ำตาล+น้ำ+หัวเชื้อพอแล้วครับ ใช้ได้ ไม่มีกากให้ต้องหาทางกำจัดด้วย เศษอินทรีย์ที่ใส่ลงไปนั้น เพื่อให้เกิดปุ๋ยน้ำไปรดต้นไม้ครับ แต่การนำไปใช้นำบัดกลิ่น หรือน้ำเสีย ไม่จำเป็นต้องมีแร่ธาตุอะไร จึงไม่ต้องใส่เศษอินทรีย์ครับ แค่มีน้ำตาลพอเป็นอาหารให้ EM แพร่พันธุ์แยะๆ ก็พอครับ พอใส่ลงบ่อเกริกปฏิกูล EM ก็จะไปกินเศษอินทรีย์ในบ่อทำให้ไม่มีกลิ่นนะครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 51 00:25:53 จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 22 มี.ค. 51 00:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พอดีหาหัวเชื้อ อีเอ็ม ไม่ได้ค่ะเลยต้องหมักด้วยเศษผักผลไม้อาหารที่เหลือ และได้รดต้นไม้ด้วยค่ะ ใช้เศษอาหารในครัวเรือนจะหาง่ายกว่าที่ต้องออกไปหาหัวเชื้อ อีเอ็ม และก็ใช้ได้ผลดีจริงๆนะคะ เราใช้น้ำตาลแดงค่ะ ไม่ได้ใช้กากน้ำตาลเพราะอยู่ กทม. ออกไปหายากมากกกกกกกกกกก ค่ะ เลยต้องทำวิธีนี้ใช้ได้ผลแน่นอนค่ะ และกำจัดเศษอาหารไปในตัวด้วยค่ะ ไม่เสียเงินด้วย ใครจะใช้วิธีนี้ได้ผลแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะที่แนะนำ จากคุณ : digy - [ 22 มี.ค. 51 00:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอถามคุณ มิน ค่ะว่าในบ่ออึเคยมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่แล้ว ถ้าเราใส่แต่น้ำตาลแดง หรือ กากน้ำตาลลงไปอย่างเดียวจะได้ไหม จะทำให้จุลินทรีย์ในบ่อเกิดขึ้นมาใหม่อีกรึเปล่าค่ะ ช่างสงสัยค่ะ แต่ยังไม่เคยลองค่ะ ช่วยตอบด้วยนะคะ ถ้าได้ต่อไปจะได้ไม่หมักน้ำขีวภาพอีก จะใส่แต่น้ำตาลแดงลงไปอย่างเดียวค่ะ จากคุณ : digy - [ 22 มี.ค. 51 00:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 #17 จริงๆ แล้วจุลินทรีย์มีอยู่ทุกหนแห่งล่ะครับ แต่กระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์ส่วนมาก ก่อให้เกิดแก๊ซที่มีกลิ่นเหม็น อย่าง ซัลเฟอร์ได้ออกไซด์ หรือแก๊ซที่ทำให้โลกร้อนอย่างแรงเช่น มีเทน แต่ EM เป็นจุลินทรีย์พันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดแก๊ซมีกลิ่นรุนแรงแบบนั้น จึงได้ชื่อว่าหัวเชื้อขยะหอม ส่วนว่าทำไม EM จึงเป็นคู่แฝดกับน้ำตาลนั้น เพราะน้ำตาลเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ของ EM นะครับ อันนี้รวมถึงพวกแป้งด้วย พอเรานำ EM ไปบำบัดน้ำเสียจึงต้องเติมลงไปบ่อยๆ เพราะว่า EM จะไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่มีน้ำตาลได้นานเท่าไรนั่นเอง การเติมน้ำตาลลงไปจึงทำให้ EM มีชีวิตทำงานย่อยสลายได้นานขึ้น ซึ่งจุลินทรีย์อื่นๆ ในบ่อก็ช่วยย่อยอยู่แล้วในธรรมชาติ แต่ EM กินเก่งกว่า ย่อยเร็วกว่า อีกประการหนึ่งที่ส้วมเต็มบ่อย ก็เพราะน้ำยาขัดห้องน้ำที่ใส่ลงไปนั่นเอง ทำให้จุลินทรีย์หลายๆ ชนิดในบ่อเกริก ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 22 มี.ค. 51 01:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณ มิน มากค่ะที่ตอบให้กระจ่าง นอนดึกเหมือนกันนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ บายๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปนอนก่อนค่ะ ราตรีสวัสดิค่ะ จากคุณ : digy - [ 22 มี.ค. 51 01:30:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามารับความรู้ค่ะ โดยส่วนตัวตอนนี้เพาะเลี้ยงไส้เดือนอยู่เหมือนกันค่ะ ช่วงแรกเหมือนจับปูใส่กระด้งเลย   เค้าปีนขอบอ่างเลี้ยงได้เก่งมาก ๆ - -" จากคุณ : นั่งอมยิ้มริมระเบียง - [ 22 มี.ค. 51 02:10:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณkaminkp   ไส้เดือนสายพันธุ์ไหนหรอครับ  สีแดงสวยจัง    ผมกำลังจะเก็บสายพันธุ์ไส้เดือนอยู่เลย จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 22 มี.ค. 51 04:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ  เดี๋ยวจะไปทดลองดูมั่ง จากคุณ : BongKoch - [ 22 มี.ค. 51 07:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 23 #21 ตอนนี้เลี้ยง Pheretima Peguana อยู่ครับ กำลังจะหา Lumbricus rubellus มาเลี้ยงอยู่ แต่ยังหาแหล่งขายไม่ได้ ตอนนี้ประเหราะอาจารย์ที่มหาลัยเกษตรฯอยู่ ไม่รู้จะได้ผล ไหม อาจารย์แกไม่ยอมให้ซื้อเพียวๆ ต้องเข้าอบรมการเลี้ยงก่อน แต่ผมอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มี เวลาอย่างนั้นนะครับ ใครมี Lumbricus rubellus ก็แบ่งขายให้ผมบ้างนะครับ #20 ผมก็เจอปัญหาไส้เดือนปีนหนีเหมือนกัน เก่งกาจสุดๆ กำลังจะหาทางแก้เหมือนกัน ช่วยแนะนำ หน่อยครับ ตอนนี้ก็ปล่อยมันหนีไปก่อน เพราะปกติก็เอามาปล่อยให้พรวนดินอยู่แล้ว แต่ถ้าหนีไปหมด ก็ไม่ไหว แพง #21 คุณ ญี่ปุ่น35 จะเอาไปเลี้ยงปลาหรือเปล่า ถ้าเอาไปเลี้ยงปลาผมแนะนำไส้เดือนลาวนะครับ ขยาย พันธุ์เร็ว แล้วก็ชอบกินด้วย ที่สำคัญไม่ปีนหนีเก่งแบบพันธุ์ที่ผมเลี้ยง พันธุ์ที่ผมเลี้ยงจะเก่งในเรื่องกำจัดขยะ พันธุ์กำจัดขยะ จะต้องมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ จะต้องขึ้นมาหากินบนพื้นดินด้วย ซึ่งพันธุ์ไทยมีแต่ Pheretima Peguana เท่านั้นที่ขึ้นมาหากินบนดิน ส่วนพันธุ์ต่างประเทศที่กำจัดขยะเก่งๆ ก็ Lumbricus rubellus ของอเมริกาครับ ผมกำลังหาอยู่ เหตุที่พันธุ์ที่ไม่ขึ้นมาหากินบนพื้นดิน กำจัด ขยะได้ไม่ดีเนื่องจากว่า เวลาเราเอาขยะให้มันจัดการ เราต้องฝังไว้ในดิน มันจึงจะกินนะครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 51 10:59:58 จากคุณ : มิน (kaminkp) - [ 22 มี.ค. 51 10:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคุณ มิน (kaminkp) ค่ะ เราเพาะไว้ในอ่างพลาสติก กับ กล่องพลาสติกค่ะ จะแก้ปัญหาโดยใช้ซันไลทาที่ขอบอ่างค่ะ  ถ้าของคุณมินเลี้ยงในบ่อปูนยังงัยลองเอาซันไลทาที่ขอบบ่อปูนดูนะคะ ปล.ตอนนี้ก็เลี้ยงพันธุ์ขี้ตาแร่( Pheretima peguana ) กับ พันธุ์แอฟริกา(African Night Crawler) อยู่ค่ะ ปล.2  คุณมินมีไส้เดือนลาวบ้างมั้ยคะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 51 12:35:39 จากคุณ : นั่งอมยิ้มริมระเบียง - [ 22 มี.ค. 51 12:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ อยากให้คนเมืองมาอ่านเยอะๆ จะได้ลดปริมาณขยะ และเพิ่มปุ๋ยไปในตัว วิธีนี้ แก้ปัญหาแบบยั่งยืนจริงแท้แน่นอน จากคุณ : หนุ่มไทรม้า (เป็ด) - [ 22 มี.ค. 51 14:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมมีสายพันธุ์สีน้ำเงิน   มีใครสนใจแลกเปลี่ยนไข่  กันเปล่าครับ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 22 มี.ค. 51 17:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ พันธุ์สีน้ำเงินก็ยังไม่มีเหมือนกันค่ะ คุณ ญี่ปุ่น35 อยากได้แบบเป็นตัวซักขยุ้มมือนึงอ่ะค่ะ แลกกันมั้ยคะ เราอยู่กรุงเทพนะ จากคุณ : นั่งอมยิ้มริมระเบียง - [ 22 มี.ค. 51 18:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เจ๋งมากๆครับ นับถือๆๆ จากคุณ : seto16 - [ 22 มี.ค. 51 18:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ..แวะมาบอกว่าอ่านแล้วและขอบคุณที่นำมาบอกกัน คับ.... จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 22 มี.ค. 51 20:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ  ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้วเรา จากคุณ : E27AYC - [ 24 มี.ค. 51 00:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 การที่ไส้เดือนหนีออกจากที่เลี้ยง 1)เนื่องจากที่อยู่ของไส้เดือน(bedding)ไม่เหมาะสมครับอาจจะมีความร้อนมากไป ควรหมักทิ้งไว้ก่อน สังเกตุโดนเราเอามือซุกเข้าไปในวัสดุที่เราหมักจะต้องไม่ร้อน 2)การให้อาหารอย่าให้มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความร้อนได้ ควรให้น้อยๆแต่บ่อยครั้งครับ และควรฝังอาหารให้มิดเพื่อกันแมลงมารบกวน จากคุณ : Panya - [ 25 มี.ค. 51 14:56:37 A:124.120.205.55 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 ระวังเรื่องการนำไส้เดือนพันธุ์ต่างประเทศมาเลี้ยงนะครับ อาจจะมีผลเรื่องพันธุ์กรรมของไส้เดือนพันธุ์พื้นเมืองในอนาคตนะครับ เพราะบางครั้งเราอาจจะมองเพียงมุมเดียวในเรื่องการกำจัดขยะ ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : ไม้ดอกหอม - [ 26 มี.ค. 51 12:15:07 A:202.57.129.235 X: ]