ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ขนาดนั้นมั้งคะ บางครั้งเลือดที่มีอาจจะไม่เข้ากันกับลูกๆของเราหรือเปล่า ซือซือ ลูกสาวเราก็เพิ่งไปถ่ายเลือดมาเมื่อวันจันทร์นี้เองค่ะ พอมีเลือดที่เข้ากันได้ คุณหมอก็ถ่ายเลือดให้น้องเลยทันทีค่ะ อีกอย่างนึงถ้าไมใช้เลือดที่บริจาค จะให้เลือดจากที่ไหนล่ะคะ ธนาคารเลือด มีเลือดได้ก็เพราะเพื่อนพ้องน้องหมาที่ช่วยกันบริจาคนี่คะ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 13:53:56 จากคุณ : เป๋าฮื้อ vs ซือซือ - [ 14 พ.ค. 51 13:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 => เลือดหมามีทั้งหมด 8 กรุ๊ป (DEA 1.1, DEA 1.2, DEA 3, DEA 4, DEA 5, DEA 6, DEA 7, DEA 8)   การให้เลือดจะต้องเทสต์ก่อนว่า เลือดผู้ให้(หมาที่มาบริจาคเลือด) กับผู้รับบริจาคเลือดสามารถเข้ากันได้หรือไม่ ถ้าไม่เข้าให้ไปก็อันตราย  แต่ต่อให้เลือดเข้ากันได้ เวลาถ่ายเลือดก็จะต้องดูว่า สุนัขจะมีการเสี่ยงต่อการช็อคหรือไม่ => หมาที่สามารถบริจาคเลือดได้ จะต้องมีน้ำหนักมากกว่า 20 kg  อายุตั้งแต่ 1-6 ปี  สุขภาพแข็งแรง  ไม่มีเห็บและหมัด ต้องผ่านการเช็คคุณสมบัติเลือดทุกครั้ง  ค่าเม็ดเลือดแดง ค่าเม็ดเลือดขาว ค่าเกล็ดเลือด ค่า enzyme ตับ ไต จะต้องได้เกณฑ์มาตรฐาน  ผลการทดสอบพยาธิเม็ดเลือดเป็นลบ ผลการทดสอบพยาธิหัวใจเป็นลบ   (จากประสบการณ์ ที่ผ่านมา ส่วนมากสุนัขที่ไปบริจาคเลือดจะไม่ผ่านเกณฑ์มากกว่า 40%) => สุนัข 1 ตัว บริจาคเลือดแล้วต้องพักเป็นเวลา 3 เดือน กว่าจะให้เลือดใหม่ได้อีกครั้ง => จากประสบการณ์ที่นำสุนัขไปบริจาคเลือดมา 3 รอบ เลือดที่บริจาคไปไม่เคยได้เก็บเกิน 2 วันค่ะ เพราะสุนัขที่ต้องการเลือดมีมากกว่าสุนัขที่บริจาคเลือด รอบล่าสุด พาไปบริจาคเลือดวันเสาร์ตอนเช้า ตอนเย็นคุณหมอโทรมาติดตามผล แล้วก็แจ้งให้ทราบว่า เลือดที่บริจาคไป  โดนใช้ในเย็นวันนั้นเอง ขนาดกลุ่ม mylovegolden พาไปบริจาคกว่า 30 ตัว ก็ยังสต็อคเลือดได้ไม่ถึง 7 วันเลยค่ะ ^^! ฉะนั้น ทางที่ช่วยแก้ไขปัญหา คือรณรงค์ สนับสนุน ให้ผู้ที่เลี้ยงสุนัข ดูแลรักษาสุขภาพสุนัขตัวเองให้ดี และก็ช่วยกันบริจาคค่ะ ถ้ายังไงสุนัขของคุณต้องการเลือด ลองติดต่อ รพส. จุฬาฯ และ รพส.สุวรรณชาด ดูก่อนไหมคะ ว่าอีกสองแห่งมีสต็อคเลือดที่เข้ากับสุนัขของคุณได้หรือไม่ (เอาตัวอย่างเลือดใส่หลอดทดลอง หิ้วไปเทสต์กับเลือดที่คลังเลือดของ รพส. ทั้งสองแห่งดูนะคะ ) 1st Edited ** เราไม่ได้โพสต์เข้าข้าง รพส. ไหนๆ ทั้งนั้นละค่ะ เคยฉะปากกับคุณหมอและเจ้าหน้าที่ รพส. ทั้งจุฬาฯ และเกษตรฯมาแล้วทั้งสองแห่ง   แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 15:59:03 จากคุณ : ชิสุมุมห้อง - [ 14 พ.ค. 51 15:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องบริจาคเลือดเราเข้าใจ ที่เรารู้มามีสารบางตัวที่สามารถเก็บสภาพเลือดได้ของคนได้ 21 วัน  ถ้าของหมาก็น่าจะได้ใกล้เคียง จึงน่าจะมีเลือดในคลังเลือด   แต่ที่เจอคือรอจนอาการหมาเพียบแล้วเจ้าของโวยจึงคิดที่จะให้ได้ ตอนแรกบอกว่าไม่มีสุดท้ายก็มีให้ได้ ขออ้างต่างๆที่จะไม่ให้เลือดเยอะมาก     แล้วเรื่องบริจาคเลือดของหมา ถ้าเจ้าหน้าที่ทำตัวดีกว่านี้ เจ้าของหมาคงจะอยากนำหมามาบริจาคมากกว่านี้  แต่พาไปแล้วให้นั่งรอเป็นชัวโมงโดยไม่ทำอะไรเลย แทนที่จะรีบเจาะเลือดไปตรวจว่าสามารถให้ได้หรือไม่ กลับนั่งเชยไม่ทำอะไรเลย ขอถามว่าอยากพาลูกไปบริจาคอีกหรือไม่โดยเฉพาะโรงพยาบาลนี้ จากคุณ : ผู้หมดความเชื่อถือโรงพยาบาลนี้ (na_kwan) - [ 14 พ.ค. 51 16:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คือคนไทยส่วนใหญ่จะเลี้ยง หมาและแมวแบบปล่อย(เราก็คนนึงแหละ) ไม่ได้มีการทำวัคซีนให้ครบถ้วน เงื่อนไขสำคัญของหมาและแมวที่จะสามารถบริจาคเลือดได้ ตามคห. 2ค่ะ ซึ่งมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ เราเองก็เคยประสบปัญหาแบบคุณเช่นกัน เมื่อวันที่ลูกเราต้องถ่ายเลือดด่วนที่สุด เราโทรไปที่ไหนได้คำตอบแบบเดียวกันหมดคือไม่มีเลือด ทางที่ดีที่สุดคือการตั้งกระทู้ประกาศหาผู้รับบริจาคเนี่ยแหละ ตอนนี้มีศูนย์ข้อมูลของผู้บริจาคเลือดสุนัขและแมวของคุณหมอรวิกรอยู่ช่วยได้มากเลยค่ะ ตอนนี้เว็บอาจมีปัญหาบางเพราะคุณหมอกำลังปรับปรุง ยังไงลองโทรไปตามเบอร์ที่คุณหมอทิ้งไว้นะค่ะ http://leocenter.makewebez.com/index.php?type เพิ่มเติมข้อมูล คุณสมบัติสุนัขและแมวที่สามารถบริจาคเลือดได้ สุนัข       - ควรมีอายุตั้งแต่ 1-8 ปี และมีสุขภาพแข็งแรง       - น้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม หรือ       - ถ้าน้ำหนักไม่ถึงก็สามารถให้ได้ เพราะสามารถใช้ถุงเลือดเล็กได้       (ต้องอยู่ในการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย)       - ทำวัคซีนครบทุกปี       - กรณีสุนัขเพศเมียควรผ่านการทำหมันแล้ว       - ไม่มีประวัติเคยได้รับเลือดจากสุนัขตัวอื่นมาก่อน       - มีโปรแกรมการป้องกันพยาธิหัวใจและเห็บหมัดอย่างต่อเนื่อง       - ผ่านการตรวจเลือดเช็กสุขภาพแล้วผลการตรวจต้องมีจำนวน         เม็ดเลือดแดงอัดแน่นมากกว่า 40%       - ต้องไม่มีปัญหาพยาธิหัวใจ, พยาธิเม็ดเลือด, โรคตับ, โรคไต และ         แท้งติดต่อ  แมว       - มีอายุ ระหว่าง 1 ถึง 8 ปี       - น้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 5 กิโลกรัม       - ได้รับการตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนประจำทุกปี       - ปลอดจากโรคพยาธิในเม็ดเลือด, โรคเอดส์แมว,         โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ         และ Toxoplasmosis       - ไม่มีประวัติเคยได้รับเลือดจากแมวตัวอื่นมาก่อน       - แมวตัวเมียควรทำหมันแล้ว       - เป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน อ้างอิงจากเว็บ http://leocenter.makewebez.com/index.php?type=home แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 17:14:53 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 17:14:52 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 17:13:21 จากคุณ : ด้วยรักแด่ซีซาร์ (sakdamin_2) - [ 14 พ.ค. 51 17:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใจเย็นๆครับ ผมเองก็เบื่อเหมือนกัน ทุกๆที่มีปัญหาเหมือนกันหมดแหละครับ โดยปัญหาหลักส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่ผู้บริหารที่อาจจะไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ จึงทำให้ไม่สามารถกำหนด Missions ต่างๆที่ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้หมอใหม่ๆที่เคยไฟแรงก็มอดตามหลังจากทราบวิสันทัศน์นั่นเอง แต่ที่กล่าวมานั้นจะโทษผู้บริหารบางทีก็ไม่ถูกเพราะท่านก็จบหมอมา ไม่ได้จบบริหาร หากเอานักบริหารเข้ามาผมเชื่อว่าราคาก็คงไม่ไดถูกอย่างเช่นทุกวันนี้ นอกจากนี้ก็คงต้องดูงบที่ทางมหา'ลัยให้มาด้วย เอาไงดีน้อ....ตั้ง Blood Bank ---> ทำ pack red cells , แยก Plasma ---> วิจัยเลือดให้ละเอียด ---> วิจัยเลือดสังเคราะห์ ---> ทำเลือดเทียม ....ฝันไปเปล่า %^%&^(...........ตื่นขึ้นมา...อ้าว...ยังแก้รัฐธรรมนูญอยู่เลย 555 จากคุณ : Dr. Doggy - [ 14 พ.ค. 51 17:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ นั่นดิ อย่างนี้ต้องโหวดเปลี่ยน ผู้บริหาร จากคุณ : hidrolite - [ 14 พ.ค. 51 20:44:49 ]