ความคิดเห็นที่ 55
เมื่อสายน้ำไม่ไหลกลับ
คอลัมน์ ระดมสมอง โดย ดร.ไสว บุญมา sboonma@msn.com ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 4002 (3202)
คงเพราะจีนจะเป็นเจ้าภาพจัด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในตอนกลางปีนี้ นิตยสาร National Geographic จึงจัดพิมพ์ฉบับพิเศษประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีเนื้อหาเป็นเรื่องของเมืองจีนโดยเฉพาะ ในบรรดาเนื้อหาเกือบ 200 หน้ากระดาษ ตอนหนึ่งชื่อว่า "น้ำขม" (Bitter Waters) ประเด็นของตอนนี้อยู่ที่การขาดแคลนน้ำจนเข้าขั้นวิกฤตในเมืองจีน นิตยสารเน้นเรื่องราวของแม่น้ำเหลืองเพราะมันเป็นแม่น้ำคู่บ้าน คู่เมืองของประเทศนั้น แม่น้ำสายนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าฮวงโห และได้สมญาว่า "แม่น้ำวิปโยค" เนื่องจากตลอดประวัติศาสตร์ บ่อยครั้งกระแสน้ำที่ล้นฝั่งจะสร้างความ เสียหายแก่ไร่นาและคร่าชีวิตชาวจีนเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันนี้นอกจากจะไม่มีน้ำพอแก่ความต้องการของประชาชน ที่อาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำแล้ว น้ำในแม่น้ำเหลืองส่วนหนึ่งยังเสียจนใช้ไม่ได้แม้กระทั่งเพื่อการชลประทาน เพราะพิษจากปฏิกูลและสารเคมีที่ถูกทิ้งและชะล้างลงไปในสายน้ำ
การขาดแคลนน้ำของจีนมีปัจจัยพื้นฐานจากความไม่สมดุลระหว่างจำนวนประชากรกับทรัพยากรธรรมชาติ นั่นคือ จีนมีประชากรราว 20% ของโลก แต่มีน้ำจืดเพียง 7% ของน้ำจืดโลกเท่านั้น จีนมีแม่น้ำสายใหญ่ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเหลือง แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำโขง ซึ่งล้วนมีต้นน้ำอยู่ในที่ราบสูงทิเบต จีนพยายามกักน้ำในแม่น้ำทุกสาย ไว้ใช้ด้วยการสร้างเขื่อนเล็กใหญ่อย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้เกือบครึ่งหนึ่งของเขื่อนขนาดใหญ่ในโลกอยู่ในเมืองจีน แต่จีนยังไม่หยุดสร้างเขื่อน แม่น้ำเหลือง มีเขื่อนขนาดใหญ่อยู่แล้ว 20 เขื่อน และภายในเวลาอีกราว 20 ปีจะมีการสร้างเพิ่มอีก 18 เขื่อน
นิตยสารฉบับนี้ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของเขื่อนสามโกรกบนแม่น้ำแยงซีซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ และเป็นเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กล่าวถึงการ สร้างอุโมงค์ผันน้ำขนาดยักษ์จากแม่น้ำ แยงซีไปยังนครปักกิ่ง อุโมงค์นั้นมีความยาวราว 1,100 กิโลเมตร จะผันน้ำได้ปีละประมาณ 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้เงินลงทุนถึง 62,000 ล้านดอลลาร์ การลงทุนขนาดนี้มีความจำเป็นเพราะความต้องการน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของประชากร ในขณะที่แหล่งน้ำจืดนับวันจะลดลงเนื่องจากส่วนหนึ่งถูกทำลายด้วยปฏิกูลและสารเคมี และส่วนที่อยู่ใต้ดินถูกสูบขึ้นมาใช้จนเหือดแห้งไปอย่างรวดเร็ว แม้นิตยสารจะไม่ได้กล่าวถึงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง แต่เป็นที่รู้กันดีว่าจีนกำลังสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสายนี้เพิ่มขึ้นจาก 2 เขื่อนเป็น 8 เขื่อนในอนาคตอันใกล้ และต่อไปอาจจะสร้างเพิ่มเป็น 15 เขื่อน
แม่น้ำโขงต่างกับแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำแยงซีที่มันไม่เฉพาะไหลอยู่ภายในเมืองจีนเท่านั้น หากยังไหลผ่านประเทศอื่นอีกด้วย คือ ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ฉะนั้นการสร้างเขื่อนของจีนจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อประเทศเหล่านี้โดยเฉพาะกัมพูชา คนไทยอาจได้ยินเรื่องราวของปลากรอบอันโด่งดังของกัมพูชา แต่ส่วนใหญ่คงไม่รู้ถึงที่มาของปลากรอบนั้น ที่มาของปลากรอบได้แก่แม่น้ำโขง นั่นคือ ในฤดูฝนระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะขึ้นสูงและมีพลังมหาศาล จนดันน้ำในแม่น้ำสายใหญ่ในกัมพูชา ที่ชื่อว่า "ตนเลสาบ" ให้ไหลกลับไปทางต้นน้ำ การไหลกลับของแม่น้ำสายนี้ มีผลให้เกิดน้ำไหลบ่าเข้าท่วมทุ่งนาและป่าไม้เกือบทั่วประเทศกัมพูชา น้ำนั้นพาพันธุ์ปลาหลากหลายชนิดติดมาด้วย พ่อพันธุ์แม่พันธุ์จะวางไข่และลูกปลาจะใช้เวลาตลอดฤดูฝนเจริญเติบโต เมื่อหมดฤดูฝนและน้ำในแม่น้ำโขงลดระดับ แม่น้ำตนเลสาบก็จะไหลลงไปสู่แม่น้ำโขงอีกครั้งยังผลให้น้ำในทุ่งนา และป่าไม้ของกัมพูชาไหลกลับลงสู่แม่น้ำ ตนเลสาบพร้อมกับนำปลาจำนวนมหาศาลลงมาด้วย ชีวิตของชาวกัมพูชาจึงขึ้นอยู่กับปลาเหล่านั้นชนิดแยกกันไม่ออก ตามธรรมดาชาวกัมพูชาจะกินปลาไม่หมด จึงทำปลากรอบส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน
ในระยะหลังๆ นี้มีรายงานว่าชาวกัมพูชาเริ่มจับปลาได้น้อยลงเพราะปัจจัยหลายอย่าง แต่ปัจจัยเหล่านั้นเมื่อรวมกันเข้า จะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับในกรณีที่ จีนสร้างเขื่อนจำนวนมากแล้วกักน้ำไว้จนทำให้แม่น้ำโขงหยุดไหลตรงตามฤดูกาล วันนั้นเกิดขึ้นเมื่อไร สายน้ำในแม่น้ำ ตนเลสาบจะหยุดไหลกลับไปทางต้นน้ำ ตามฤดูกาลด้วยยังผลให้ชาวกัมพูชาไม่มีปลาให้จับ นั่นย่อมหมายถึงความอดอยากอย่างทั่วถึงในกัมพูชาและวันสิ้นสุดของปลากรอบอันโด่งดัง
คำถามที่กัมพูชา ไทย ลาว และเวียดนาม พยายามหาคำตอบคือ จีนจะกระทำสิ่งที่โหดร้ายและไม่เป็นธรรมเช่นนั้นเชียวหรือ คำตอบไม่น่าจะเป็นปริศนาลึกลับนักเพราะมันเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดแล้วว่าจีนต้องการน้ำทุกหยด ในปัจจุบันนี้คำพูดของประธานเหมา เจ๋อ ตุง ที่ว่า "จงยอมพลีหนึ่งครอบครัวเพื่อความอยู่รอดของหนึ่งหมื่นครอบครัว" ยังเป็นฐานของการบริหารจัดการน้ำในเมืองจีน จีนจึงตัดสินใจสร้างเขื่อนสามโกรก ทั้งที่ต้องโยกย้ายประชากรนับล้าน และสิ่งสำคัญทางโบราณคดี และวัฒนธรรมจำนวนมากต้องจมน้ำ ฉะนั้นความเดือดร้อนของประชนทางปลายแม่น้ำโขง คงไม่มีความสำคัญต่อการกระทำของจีนแม้แต่น้อย
จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่ทำเช่นนั้น ผู้ที่รู้เรื่องราวของแม่น้ำโคโลราโดย่อมตระหนักดีว่า สหรัฐอเมริกาสร้างเขื่อนกักน้ำในแม่น้ำสายนั้นทั้งหมด ไว้ใช้รวมทั้งส่งให้เมืองการพนันอันโด่งดังลาสเวกัสด้วย เม็กซิโกซึ่งอยู่ปลายสายน้ำจึงไม่ได้รับน้ำซึ่งตามธรรมชาติจะไหลไปลงทะเลที่นั่น สหรัฐมีอำนาจเหนือเม็กซิโกจึงทำเช่นนั้นได้ ในทำนองเดียวกันอิสราเอลก็กักน้ำไว้ใช้ จนชาวปาเลสไตน์ต้องขาดแคลนอย่าง แสนสาหัส ในกระบวนการปันน้ำระหว่างประเทศ ความเป็นธรรมมาจากความมีอำนาจ ไม่ใช่ความถูกต้อง การที่จีนไม่ร่วมเป็นสมาชิกกรรมาธิการแม่น้ำโขงคงเป็น ตัวชี้บ่งอย่างดีแล้วว่า จีนไม่ต้องการฟังความเห็นของประเทศอื่นซึ่งไม่มีอำนาจพอที่จะไปต่อรองกับตนแบบเสมอภาค
ข้อมูลเหล่านี้น่าจะเป็นที่ประจักษ์แก่รัฐบาลไทยซึ่งกำลังปัดฝุ่นโครงการอุโมงค์ขนาดใหญ่เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำโขงมาลงในภาคอีสาน แต่ในการถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้ทางวิศวกรรม ทางการเงิน และทางเศรษฐกิจ ดูจะไม่มีใครคิดว่า ถ้าจีนกักน้ำเกือบทั้งหมดไว้ใช้โดยเฉพาะในฤดูแล้ง อุโมงค์นั้นจะผันน้ำจากไหน ถ้าจะให้ฟันธงคงต้องฟันว่า รัฐบาลนี้จะไม่ใส่ใจในข้อมูล ดังกล่าวนัก หากจะใส่ใจต่อการใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อก่อสร้างโครงการ ขนาดใหญ่ เพราะนั่นคือที่มาของรายได้ของนักธุรกิจการเมือง หากการก่อสร้างอุโมงค์ ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง วันหนึ่งข้างหน้าภาคอีสานจะมีอนุสาวรีย์แห่งความอัปยศ เช่นเดียวกับที่กรุงเทพฯ มีอนุสาวรีย์จากโครงการรถไฟลอยฟ้า ซึ่งมีสมญาว่า "Hopeless" หรือ "สิ้นหวัง" อันเป็นการ ล้อเลียนชื่อของบริษัทก่อสร้าง Hopewell อันที่จริงอนุสาวรีย์ชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปแต่คนไทยดูจะไม่ค่อยสังเกต ล่าสุดได้แก่การก่อสร้างอาคารแสดงสินค้าทั่วประเทศ ตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นสถานที่นั่งตบยุงอย่างทั่วถึงแล้ว
เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เงินที่ใช้ในการลงทุนจะไหลไปเข้ากระเป๋าของนักธุรกิจการเมืองเป็นส่วนใหญ่โดยไม่มีผลตอบแทนคุ้มค่า ซึ่งเท่ากับมันไม่ไหลเวียนกลับมาให้เกิดความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจตามคาด กระบวนการนี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวง ไม่ต่างกับในกรณีที่น้ำในแม่น้ำตนเลสาบไม่ไหลกลับตามฤดูกาล คนไทยจึงควรร่วมกันต่อต้าน การสร้างอนุสาวรีย์จำพวกนี้อย่างเข้มข้น
จากคุณ :
BongKoch
- [
20 พ.ค. 51 18:18:52
]
|
|
|