Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    *****ชีวิตใหม่ ของเรื้อน*****

    เรื้อนเป็นชื่อที่เรียกม๋าขี้เรื้อนตัวหนึ่ง วันที่เราเจอเรื้อน พี่วรรณแม่ค้าขายน้ำแข็งที่วัดบอกว่ามีคนเอาเรื้อนมาปล่อยได้ 2 วันแล้ว ความรู้สึกครั้งแรก สะดุดตามตรงที่เขาเป็นม๋าพันธุ์เล็ก นัยตาเศร้า ทั้งตัวเป็นแผล นั่งมองไปที่ถนน เรื้อนถูกทิ้งที่ศาลาพักผู้โดยสารเล็ก ๆข้างวัด โชคดีตรงที่ศาลานั้นมีร้านค้าหลายร้าน และก็มีตลาดนัดเล้ก ๆทุกวันจันทร์กับวันศุกร์ เรื้อนเลยไม่อด

    วันนั้นเราซื้อไก่ย่างให้เรื้อน เขาเดินหนีเหมือนหวาดระแวง พี่ ๆแม่ค้าบอกว่า เรื้อนถูกรุมกัดจากมาวัดเจ้าถิ่นสีขาว 2 ตัว

    เจ้าถิ่น 2 ตัวนี้ก็ถูกทิ้งตั้งแต่เล็กเหมือนกัน ก็ได้พี่ ๆแม่ค้าแถวนั้นแหละให้ข้าวให้น้ำ ตอนที่เราเจอไอ้ 2 ตัวนี้ดูดีเชียว แต่มันขี้อิจฉาและขี้ประจบ เวลาเขาเห็นเราขี่รถไปซื้อไก่ย่างที่หน้าวัด ไอ้ 2 ตัวนี้วิ่งมาตะกายขอกินแล้ว ส่วนเรื้อนจะหนีตลอด เราก็ได้แต่ฝากอาหารเม็ดไว้ให้กับพี่แม่ค้าให้ช่วยให้เรื้อนด้วย

    วันหนึง่เราก็ได้รับข่าวร้าย หมาขาว 2 ตัวถูกรถชน พี่ศรีที่เป็นคนรักหมาแมวมาก ๆ เวลาพี่ศรีมาที่หน้าวัด หมาขาวทั้งสองกับเรื้อนจะได้กินไก่ย่างทุกครั้งเหมือนกัน พี่ศรีพาหมาขาวทั้งสองไปบ้าน ตัวหนึ่งตายในเวลาต่อมา ตัวที่เหลือพี่ศรีก็เลยเลี้ยงไว้ที่บ้าน ตอนนั้นทั้งคู่คงอายุประมาณ 4 เดือน และเราก็ไม่เคยเจอหมาขาวตัวนั้นอีกเลย รู้แต่ว่าเขาอยู่สบายดี เวลาซื้อไก่ย่างให้เรื้อนก็ยังอดคิดถึงไม่ได้

    เมื่อไม่มีหมาขาว ดูเรื้อนมีความสุขขึ้น ครั้งหนึ่งพี่แม่ค้าบอกว่าเรื้อนถูกหมาขาวกัด เลือดเลย เราขี่รถหาเรื้อนไปตามถนน ในวัดก็ไม่เจอ มาเจอวันรุ่งขึ้น เรื้อนกลับมานอนที่ศาลา ต้องเอายายัดใส่ลูกชิ้นให้เรื้อนกินอยู่หลายวันทีเดียว

    เราเริ่มให้ยารักษาผิวหนังเรื้อน ครั้งแรกจากเทยาราดบนไก่ย่างให้กิน ต่อมาเมื่อเรื้อนวางใจเรา ทีนี้ก็ฉีดใส่ปากได้เลย ตอนนั้นไม่ได้สังเกตหรอกว่าเรื้อนขนขึ้น รู้แต่ว่าเรื้อนดูมีความสุขขึ้น ยิ่งไม่มีหมาขาว เรื้อนลัลล้ามากเลย เวลาเราเรียกจะตะกายให้อุ้ม เราก็พอใจแล้ว

    จนเมื่อวันสงกรานต์พี่แม่ค้าบอกเราว่ามีคนมาถามหาเรื้อน เขาจำเรื้อนไม่ได้ จากม๋าขี้เรื้อน มาเป็นม๋าดูดีมีชาติตระกูล ยิ่งเราใส่ปลอกคอสีแดงให้ คนที่เห็นก็นึกว่าม๋ามีเจ้าของทั้งนั้น พี่แม่ค้าเล่าว่ามีหลายคนที่อยากเอาเรื้อนไปเลี้ยง แต่ติดที่บางคนมีม๋าอยู่แล้ว บางคนมารถเมล์ พาเรื้อนกลับไปด้วยไม่ได้แต่คนที่คิดไม่ดีก็มี ปลกคอสีแดงอันสวยของเรื้อนหายไป ก่อนหน้านี้อาหารเม็ดของเรื้อนกับอาหารแมว 1 ถุง ก็หายไปด้วย พี่ ๆแม่ค้าโมโหใหญ่เลย เราก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปเอาที่บ้านมาใส่ให้ใหม่ แต่อันนี้สีเขียว พี่แม่ค้าเขาก็บ่นว่าเด๊ยวมันก็ลักไปอีก เราก็พูดตลก ๆ บอกพี่เขาว่าเดี๋ยวม๋าคนที่ลักไป มีปลอกคอใส่ครบทุกตัว มันก็เลิกลักไปเอง

    แต่ที่อดโมโหตอนนั้นไม่ได้ก็คงเป็นครั้งที่มันลักอาหารม๋ากับอาหารแมวไป วันนั้นทั้งวันเรื้อนกับแมวต้องกินขนมเบื้องที่พี่แม่ค้าเขาขาย โชคดีที่วันนั้นแวะเข้าไป โกรธคนที่มันลักอ่ะ แต่ไม่ได้พูดอะไร คิดในใจ มันจนมากขนาดต้องมาลักอาหารหมาอาหารแมวจรเลยหรือนี่

    จนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เราได้เจอกับพี่สกนต์กับภรรยา พี่ทั้งสองเป็นแม่ค้าขายผลไม้ที่ตลาดนัดที่วัดนั้นแหละ พี่เขาก็รักเรื้อนนะ มาขายของที่ไร เรื้อนอิ่มทุกที บางครั้งพี่เขาก็ขับรถเอาข้าวมาให้ก็มี วันนั้นพี่สกนต์บอกว่าเรื้อนซึม ปกติถ้าเจอพี่เขา เรื้อนจะต้องวิ่งมาตะกายทุกครั้ง แต่วันนั้นไม่ พอเราเอาตับย่างให้กิน เรื้อนก็กินแบบซึม ๆ เห็นน้ำมูกใส ใส ก็คิดว่าเป็นหวัดธรรมดา ก็ได้แต่ให้ยากิน

    เช้าวันอังคาร ก่อนไปทำงานก็แวะเอายาไปให้ก็ปกติแต่ยังซึม พอตอนเลิกงานรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ แวะเข้าไปดู พี่แม่ค้าบอกว่าเรื้อนเป็นอะไรไม่รู้เลือดออกทางจมูกเต็มเลย สงสัยไปกัดกับใคร บังเอิญมองไปเห็นบูลด็อก นึกในใจเรื้อนเอ๊ยไม่ได้เจียมสังขารเลย ก็คิดว่าเสร็จธุระแล้วจะพาไปหาหมอ จะให้ทำหมันด้วยจะได้ไม่ซ่าส์ ตอนนั้นคิดว่าคงเจ็บแผลเลยไม่กินไก่ย่าง

    1 ชั่วโมงผ่านไป เราเปลี่ยนจากรถจักรยายนต์เป็นรถยนต์ขับไปรับเรื้อน พี่แม่ค้าบอกว่าพี่สกนต์พาเรื้อนไปหาหมอในตัวอำเภอแล้ว เพราะหลังจากที่เรากลับไป เรื้อนเลือดออกจากจมูกมากจนเดินเซ ตอนนั้นความรู้สึกแบบ เฮ้ย ตกใจมากเลย เพราะพี่สกนต์เขาไม่ใช่คนในพื้นที่ และพี่เขาก็ไม่รู้จักร้านหมอที่ไหนเลย ตอนนั้นรู้แต่ว่าพี่เขาขับรถกระบะสีครีม มีหลังคา ตอนนั้นนะเรานึกถึงหลวงพ่อที่เราไปบนขอให้ได้ข้าวปุ้นคืน ไปตลอดทางเลยขอให้เจอรถพี่เขา จะได้พาเรื้อนไปรักษาคลินิคที่เรารักษาประจำ และก็เชื่อใจได้ เพราะถึงแม้หมอจะรู้ว่าม๋าที่เราพาไปรักษา ส่วนใหญ่เป็นม๋าจร หมอก็เอาใจใส่ดี และก็คิดราคาไม่แพง บอกว่าช่วย ๆกันเอาบุญ

    ตอนนั้นปศุสัตว์ปิดแล้ว เพราะเกือบทุ่ม เหลืออีก 1 ร้าน แวะเข้าไปดู ตอนที่เห็นหน้ากัน พี่เขาก็ดีใจที่เห็นเรา เราก็ดีใจที่เห็นพี่เขา บอกเอาเรื้อนขึ้นรถ ไปคลินิค ที่นั่นมีเครื่องเอ็กซเรย์ คิดเลยว่าถูกรถชนแน่ ๆ ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์ คูรหมอก็แนะนำให้ไป แต่ก่อนไป คุณหมอกรุณาฉีดยาห้ามเลือดให้ โดยไม่คิดเงิน ภรรยาพี่สกนต์อุ้มเรื้อนไปกับเรา เพราะเรารู้ทาง ระหว่างทาง พี่เขาบอกว่าเขาขายของอยู่ มีพี่เขาไปบอกว่าเรื้อนมีเลือดออกจมูก พี่เขาเก็บของเลย เขาบอกว่าเขาจะพาเรื้อนไปเลี้ยงบ้าน โชคดีที่คลินิคหมอเจ้าของคลินิคก็อยู่ หมอ 3 คนกับม๋า 1 ตัว

    ตอนที่น้องผู้ช่วยทำประวัติ พี่สกนต์รับเป็นเจ้าของ บอกว่าชื่อ ม๋าชื่อน้องใหม่ เพราะจะไปเป็นน้องใหม่ที่บ้านพี่เขา ไปมีชีวิตใหม่ เราดีใจกับเรื้อนนะ

    หมอบอกว่าเรื้อนไม่ได้ถูกรถชน สงสัยเป็นพยาธิเม็ดเลือด เราเล่าให้หมอฟังว่าเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน เราเจอเห็บที่เรื้อน เยอะด้วย แต่หยดยาไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีเห็บแล้ว ไม่คิดว่ามันจะกลับบ้านเล่นงานเรื้อนเกือบตาย ยิ่งตอนที่หมอให้น้ำเกลือ แล้วเรื้อนอาเจียนมาเป็นเลือดสีคล้า ๆกองใหญ่ ใจแป้วเลยเรา ยิ่งหมอบอกว่าไข้ 104 สูงมาก ยิ่งใจเสีย พอดีเราเคยเล่าเรื่องเรื้อนให้หมอฟัง หมอยังร้อง โอ้โฮ ขนขึ้นเยอะขนาดนี้เลย เราอยู่จนคลินิคจะปิดถึงกลับ ไม่ลืมที่จะบอกเรื้อนว่าเรารักเขานะ อดทน และเป็นเด็กดี บอกหมอมีอะไรโทรหาเราได้ตลอดเวลา

    และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้กอดเรื้อน เปล่า เขาไม่ได้ตายค่ะ สายของวันต่อมา พี่สกนต์โทรมาถามอาการเรื้อน เป็นยังไงบ้าง ตอนบ่าย ๆวันนี้ หมอก็ให้เรื้อนกลับบ้านได้ พี่สกนต์ยังแวะพาเรื้อนไปที่ศาลาที่วัด พี่เขาบอกว่าแวะไปลาคนที่เคยเลี้ยงเรื้อน ว่าต่อไปนี้ไม่มีเรื้อนแล้ว มีแต่น้องใหม่ ล่าสุดที่คุยกันเมื่อตอนค่ำ พี่เขาบอกว่าเรื้อนกินลูกชิ้นต้มได้ตั้งเยอะ เราจะช่วยพี่เขาเรื่องค่ารักษาเรื้อน แต่พี่สกนต์บอกว่าไม่เป็นไร วันนี้เป็นวันที่ผมพาลูกชายคนใหม่เข้าบ้าน แต่ต้องให้เขาปรับตัวสักพัก เราดีใจนะ
    ที่ได้ยินพี่เขาพูดอย่างนี้ หมดห่วง

    ต่อไปเวลาเราเข้าไปซื้อไก่ย่างที่ข้างวัด คงคิดถึงเรื้อนนะ บางครั้งเราคิดนะ ว่าเรื้อนมันคงทำบุญมาพอสมควร เพราะจากม๋าขี้เรื้อนแผลแฉะ ๆ พอมาถูกทิ้งก็มีแต่คนสงสาร มาตอนนี้ได้ ได้นอนในบ้านอีกครั้ง อยู่กับคนที่รักเขา จะมีสักม๋าจรสักกี่ตัวที่โชคดีเหมือนเรื้อน กับข้าวปุ้น

    **ข้าวปุ้นเป็นม๋าที่เราเก็บมาจากวัด ตอนที่คนมาทิ้ง ข้าวปุ้นยังเดินไม่แข็งแรงเลย พอมีคนมาขอว่าเหมือนม๋าเขาที่ตาย เราก็ตัดใจให้ไป เพียงวันเดียว ข้าวปุ้นถูกส่งไปอยู่ที่ไร่อ้อยชายแดนสังขละบุรี โชคดีหลังจากให้เขาไป เราก็ตามไปดู พอรู้ร้องไห้ซะ พยายามขอที่อยู่จะไปรับข้าวปุ้นกลับบ้านเอง เขาก็ไม่ให้ สุดท้ายเขายอมขับรถไปพาข้าวปุ้นกลับมาคืน ก็ตอนที่เรานิมนต์แม่ชีที่เป็นคนรับรองกับเราว่าคนที่ขอเลี้ยงดีให้ไปขอที่อยู่ที่ให้เราหน่อย เสียเงินค่าน้ำมันไป 1,000 กับลูกม๋า 1 ตัวที่ตอนนี้โตแล้วโคตรซนมาก ๆ และก็ไม่เคยคิดให้หมาแมวเรากับใครอีกเลย ***

    จากคุณ : ชิโร่ kung - [ 22 พ.ค. 51 00:31:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom