ความคิดเห็นที่ 1 เกลือ ---- ก็สารเคมี ที่ชื่อ โซเดียม น้ำตาล ---- ก็สารเคมี มีทั้ง โมเลกุลเดี่ยว และโมเลกุลคู่ เหงื่อ+น้ำตา+สารคัดหลั่งในร่างกายคน ---- ก็สารเคมี ทั้งนั้น แล้วคุณ จะใช้ คำว่า ธรรมชาติ กับ อะไร ในเมื่อ คุณ บอกว่า สารเคมี ไม่ดี ...... จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 7 มิ.ย. 51 02:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แถม...... อะไรนะ .... มีสารธรรมชาติ กำจัดแมลง วางขายอยู่ เป็นสารสกัดจากต้นสะเดา ดีจริง ๆ เลย ธรรมชาติ จริง ๆ ... รู้มั้ยครับ มันเป็น สารเคมี ที่ชื่อ อะซาดิแร๊กติน รู้มั้ยครับว่า ทำไมแมลงถึงดื้อยา เพราะเกษตรกรใช้ สารเคมีมากไป จึงทำให้ ดื้อ จริง ๆ แล้ว เพราะ เกษตรกรใช้สารเคมี ที่ไม่ตรงกับ ปัญหาที่เกิด ตะหาก มีแมลง 20 ตัว คุณใช้สารเคมี รุนแรง ตาย 20 ตัว มีแมลง 20 ตัว คุณใช้สารเคมีไม่รุนแรง หรือใช้สารธรรมชาติ แมลง ตาย 16 ตัว อีก 4 ตัวไปไหน ก้อ ไป ออกลูกออกหลาน มา ทำลายต่อ 4 ตัวออก ลูกมา 20 ตัว คุณใช้ สารเคมีตัวเดิม ไม่แรงและอนุรักษ์ธรรมชาติ 20 ตัว ตาย 10 ตัว แล้ว แมลงก็จะดื้อ ขึ้นเรื่อย ๆ .... คิดเอาเองครับ กรุณา ลองศึกษา คำว่า IPM ( Integrated Pest Management ) จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 7 มิ.ย. 51 02:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...."ผมโคตรไม่ชอบ เกษตรธรรมชาติ     เอ๊ะ อ่ะ อะไร ก้อ อ้างว่า ธรรมชาติ     ถามจริง ๆ เหอะ ในโลกนี้ มีอะไรบ้างที่ไม่ใช่สารเคมี..." ************************************************* ถ้าจะว่ากันจริงๆ  ของที่ว่า"สารเคมี"นั้น มันมีอยู่มานานแล้วเพียงแต่ว่า มนุษย์ เนี้ยจับมันมาตั้งชื่อ  ใส่สัญลักษณ์  แล้วก็เรียกชื่อนั้นๆ  เพื่อที่คนอื่นๆ จะได้เข้าใจด้วย ได้ ถ้าคุณไม่ชอบ  ก็คงไม่มีใครว่า  ไม่มีใครไปบังคับคุณหรอก  ครับ ใช้ชีวิตแบบ ของคุณ ไป เที่ยวเธค เที่ยวผับตามที่คุณ เห็นว่ามันเป็นไลน์สไตล์ของคุณเอง   ขออภัยที่บ่น .....ผมชอบธรรมชาติครับ อากาศเย็นแบบธรรมชาติ    อาหารที่ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์  ในการเพาะปลูก บ้านที่ใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติ    และทุกๆ อย่างที่เป็นของที่ได้จากธรรมชาติ ...ผมชอบธรรมชาติครับ  ยืนยัน จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 มิ.ย. 51 09:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่สารเคมีไม่ดี ไม่ดีเพราะว่ามัน แพง คับ ผลผลิตไม่ดี เข้าร้านเกษตร ไปซื้อปุ๋ยเคมี จ่ายเงิน แมลงลงไม่ดี เข้าร้านเกษตร ไปซื้อยาฆ่า  จ่ายเงิน หญ้าสูงท่วมหัวไม่ดี  เข้าร้านเกษตร ไปซื้อยาหญ้า  จ่ายเงิน เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ เอาเงินที่ได้ไปหาหมอ หมอบอกสารเคมีที่คุณๆใช้เข้าไปสะสมในร่างกายอยู่รอวันตาย เอาเงินรักษาตัว เงินส่งลูกเรียน เงินผ่อนค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ยาค่าหญ้า เงินใช้เพื่อกินอยู่ เงินไม่พอไปกู้ กู้ธกส. กู้นอกระบบ เอาที่นาไปจำนำจำนอง นี้คือชีวิตเกษตรกรเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว วันนี้เค้ามีทางเลือก เลือกที่จะใช้สารเคมีจากธรรมชาติ ลดต้นทุน ยืดชีวิตของเกษตรกร ยืดชีวิตของครอบครัว ส่วนการยกตัวอย่างเรื่องแมลงและการเลือกใช้สารเคมีในการกำจัด ผมว่ามันเป็นการตัวอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะธรรมชาติมีสมดุลของมันเองอยู่แล้ว มนุษย์เกิดความโลภอยากได้อยากมีอยากฆ่าแมลงให้ตายทั้งหมดเพื่อได้ผลผลิตสูงสุด จึงพยายามหาวิธีการ ธรรมชาติก็ปรับสมดุลให้ทางฝั่งแมลงให้มีความเข็มแข็มขึ้น เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์และระบบนิเวศ อนึ่งผมขอยืนยันตามคุณคนดงฯ ว่าผมชอบธรรมชาติ .......... จากคุณ : คนสวนปาล์ม - [ 7 มิ.ย. 51 09:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่เคยเที่ยวครับ ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ขอโทษที่ใช้คำว่าธรรมชาติ แต่ เคยรู้มั้ยครับคำว่าลดต้นทุน เสียน้อยเสียยาก เสียมาก เสียง่าย ผมเคยเจอ คนที่ใช้น้ำหมักชีวภาพ ...... เสียหายทั้งสวน เนื่องจาก มะม่วงหล่นทั้งสวน ไม่สามารถเก็บได้เลย ผมเคยรู้จัก เกษตรสวนส้ม ที่ภาคใต้ ทำเกือบ 100 ไร่ ใช้วิธีควบคุมทุกอย่าง ตามธรรมชาติ ใส่ปุ๋ยหมัก  ไม่ฉีดยาฆ่าแมลง สุดท้าย รื้อ สวนส้ม มูลค่า นับ 10 ล้านบาท ทิ้ง เนื่องจากไม่สามารถ ควบคุม โรคและแมลงได้ ผมไม่เคยบอกว่า เกษตรธรรมชาติไม่ดี ผมบอกว่าผมไม่ชอบเกษตรธรรมชาติ เพราะว่า ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงในโลก ของ การเกษตรกรรม ถ้าคุณ ปลูก 5 ต้น 10 ต้น ใช้เหอะคับ เกษตรธรรมชาติ ถ้าคุณเป็นอาชีพเกษตรกร คิดดูดี ๆ แล้วกัน ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก ประมาณ 2 ตัน หรือ 2000 กิโลกรัม จะมีธาตุอาหารพืช เท่ากับ ยูเรีย 1 ลูก หรือ 50 กิโลกรัม ปัจจุบัน ปุ๋ยหมัก ลูกล่ะ 100- 150 บาท ต่อ 50 กิโล 2 ตัน เท่ากับ 6000 ยูเรีย 1 ลูก 50 กิโล 1500 -- ไม่น่าเกิน สรุปว่า อะไรถูก อะไรแพงครับ จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 7 มิ.ย. 51 11:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใช้ปุ๋ย อย่าสุดโต่ง  อินทรีย์ ควบคู่กับเคมี ดีที่สุด ได้ทั้งดินดี และปุ๋ยให้พืช ในอัตราที่เมาะสม จากคุณ : csuwan - [ 7 มิ.ย. 51 13:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็ไม่ปฎิเสธการใช้สารเคมีหรือปุ๋ยเคมี ผมไม่ปฎิเสธว่าสารจากธรรมชาติให้ปริมาณธาตุอาหารน้อยกว่าสารเคมี ปุ๋ยเคมีให้ผลดีมากในระยะสั้นเห็นผลไว แต่ดินแข็ง ดินเค็ม ราคาถูกเมื่อคิดในปริมาณธาตุอาหารต่อหน่วยเมื่อเทียบกับปุ๋ยหมัก แต่ข้อดีของวัสดุจากธรรมชาติก็มี เช่น -ทะลายปาล์มเปล่าให้ปริมาณธาตุอาหารประมาณ 30% ที่พืชต้องการแต่ต้องเสียเวลาในการปลดปล่อย แต่ที่สำคัญฟรี -ถางใบปาล์มที่เหี่ยวแห้งแล้วให้ค่า K สูง แต่ที่สำคัญฟรี ฯลฯ ข้อดีของมันเห็นชัดๆเลยคือ เพิ่มอินทรีย์วัตถุลงในดิน ดินร่วน ซึ่งปุ๋ยเคมีเทพแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ในส่วนที่ผมดูแลสวนอยู่ก็ใช้เคมีควบคู่กับอินทรีย์ ธุรกิจต้องปรับตัวเองให้เหมาะสมกับราคาปุ๋ยเคมีในปัจจุบัน ปัจจุบัน 0-0-60 ราคากระสอบละ 1,280 บาท ราคานี้ยืนได้อีกเท่าไรอันนี้ไม่ทราบเพราะ จีนขึ้นภาษีส่งออกแม่ปุ๋ย DAP เป็น 100% จากเดิม 35% กองทุนจากต่างประเทศย้ายและขยายเป้าหมายการลงทุนสู่ภาคเกษตรกรรม ฯลฯ ถ้าจะเอาปุ๋ยเคมีมาหว่างๆแบบมีเงินถุงเงินถังเหมือนสมัยก่อนคงทำไม่สะดวก ต้องหาบางสิ่งมาเสริม เคมีคืออาหารหลัก แต่ปุ๋ยหมักปุ๋ยดองคือของหวาน ใช้อินทรีย์สุดๆ ต้นไม้ก็ไม่อิ่มออกผลน้อย แต่จะใช้เคมี 100% สิ้นปีคงเห็นตัวแดงและมีวงเล็บในงบกำไรขาดทุน ปุ๋ยแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสีย ไม่มีปุ๋ยเทพที่ดีพร้อมในทุกมิติ ขึ้นอยู่กับการปรับให้ใช้อย่างเหมาะสม ผมขอจบแค่นี้คับ จากคุณ : คนสวนปาล์ม - [ 7 มิ.ย. 51 16:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ...เรื่องอย่างนี้เถียงกันไม่รู้จบครับ...  แล้วแต่ ....          แนวใครก็แนวมัน   อยู่ที่ความชอบครับ บังคับกันไม่ได้  ผลดี ผลเสีย เรียนรู้กันได้  แล้วแต่จะนำแบบไหนมาใช้มากกว่ากัน ต้นทุนแบบไหนถูก  ผลผลิตแบบไหนที่ตลาดต้องการมาก   แบบไหนที่ปลอดภัยต่อตัวเอง  และผู้อื่น  และต่อสิ่งแว้ดล้อม ผลที่ได้ทั้งต่อตัวเอง  และสิ่งต่างๆ รอบตัว ในระยะยาว สู่รุ่นลูกรุ่นหลาน อันที่จริงผมก็ไม่ได้ปฎิเสธสารเคมี   แต่ว่าถ้าเลือกได้ผมใช้ที่มันได้จากธรรมชาติก่อน สกัดเอง   หมักเอง  กลั่นเอง  ผสมเอง  ใช้เอง   มั่นใจ แม้จะใช้เวลาเยอะ ต้นทุนต่ำ  แม้จะได้กำไรน้อย   แต่ผมก็พอใจครับ จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 มิ.ย. 51 16:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมถึงถามว่า มีใครรู้จัก IPM มั่ง ไง จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 7 มิ.ย. 51 18:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปีนี้เพื่อนผม ทำ ทุเรียน และเงาะ ใช้สารเคมี แบบสุด ๆ เนื่องจากเปิดเป็นร้านเคมีเกษตร ด้วย เงาะ ออกก่อน คนอื่น1-2 สัปดาห์ ได้โลล่ะ 40 ปีนี้ ฟันเงาะไป ล้านก่าบาท คนอื่นที่ใช้แต่ ชีวภาพ ออกเปงเงาะปี ได้โลล่ะ 6 บาท ทุเรียน ราดสาดส่งออก ทำแค่ 300 ต้น ใช้สารเคมีแบบไม่กลัวจน ผล กำไรทุเรียน 60000 สวนที่ใช้อย่างประหยัด ไฟท๊อปกิน เสียหายหมด หรือไม่ก้อ ออก เป็น ทุเรียนปี โลล่ะ 10 บาท ผม ไม่ได้ ว่า ชีวภาพไม่ดี ไม่ได้ว่า สารเคมี ประเสริฐ ทุกสิ่ง ในโลก ล้วน ดี แต่ควรใช้ให้เป็น สวนปาล์ม ผม ก้อ ใส่ ขี้ไก่ ปุ๋ยหมักก้อ ใส่ แต่ ต้องให้รู้จังหวะ ปุ๋ยเคมีก้อใส่ แต่ที่ผมมาพูด ผมหมายถึง คนที่ อะไรก้อชีวภาพ ผมบอกแล้วไง ปลูก 5 - 10 ต้น ใช้ไปเหอะคับ ไม่สามารถใช้ได้กับเกษตรกร ที่ทำ เกษตร เป็นอาชีพ ( ลูกค้าผม ที่ ท่าศาลา ปลูกทุเรียน 2000 ต้น ต้นทุน ปุ๋ยยา+ค่าแรง ตก เกือบ 3 ล้าน รู้มั้ยครับเค้าได้ผลผลิตเท่าไหร่ เกือบ 12 ล้าน ) จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 7 มิ.ย. 51 18:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็ติดตามข่าวอยู่ครับ ..ดีใจด้วยครับ       จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 มิ.ย. 51 19:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ipm = integrate pest management โอป่ะคับ อิๆๆ คือการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานครับ เรื่องนี้ตอนแรกๆผมก็เบื่อพวกที่ว่า อินทรีย์ๆๆทั้งหลายหละ เพราะสุดท้ายก็สามารถเทียบเป็นเคมีได้หมดครับ แต่ผมว่าสุดท้ายการใช้สองแบบจะดีที่สุดหละครับ ผมว่า...ใจเย็นๆครับ ใครสนใจจะซ้าย จะขวาก็ขวาไปครับ แต่สุดท้ายปลายทางคือที่เดียวกันครับ ว่าแต่เราอาจจะเคยเจอกันก็ได้นะครับท่านเจ้าของกระทู้!!!! แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 20:15:27 จากคุณ : seto16 - [ 7 มิ.ย. 51 20:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่ะ...มันดีแฮะ.....มาดอดเก็บความรู้ ความเป็นจริง....เอาไปกรองใช้ค่ะ ยินดีค่ะ ที่มีความเห็นหลากหลาย และนำประสบการณ์ที่พบเห็นมาคุยกัน ส่วนป้าก็รู้จักแค่ว่า สารอินทรีย์  กะ สารอนินทรีย์   ปุ๋ยที่มาจากสารอินทรีย์ ซึ่งมาจากสิ่งมีชีวิต...เราก็จะเรียกเค้าว่า  ปุ๋ยอินทรีย์  ส่วนที่ติดมากะปุ๋ยพวกนี้ ก็จะคืนสู่ธรรมชาติ และกลมกลืน ส่วนสารอนินทรีย์ ..ก็จะมาจากแร่ธาตุ และสิ่งที่ไม่มีชีวิต ในธรรมชาติซึ่งมีบางส่วนต้องใช้ปฏิกิริยาเคมี เข้าช่วยเพื่อเป็นอุตสาหกรรม....เป็นปุ๋ยเคมี และมีสารประกอบอื่นๆติดมาด้วย โดยพืชจะใช้ไม่ได้ และตกค้าง อยู่ในดิน ทำให้ดินอยู่ในภาวะเสื่อมลง .... อะไรก็ไม่เท่าสารที่เรานำมาเพิ่มผลผลิตเพื่อเร่งหรือบังคับ พืชผลทางการเกษตร เร่งดอกออกผล และกำจัดศัตรูพืช เพื่อทำรายได้นั้น....ถ้ามาจากธรรมชาติก็ดีไป...และราคาคงแพง เพราะต้องมีปริมาณ คงสู้สารที่มาจากห้องปฏิบัติการไม่ได้ นั่นก็หมายถึงว่า ต้องเหลือสิ่งตกค้างไว้ในธรรมชาติต่อไป คอยว่าเมื่อไรจะมีคนเก่งที่คิดสารเคมีมาใช้และสารตกค้างไม่เกิดพิษภัยตามมา บ้านเราใช้สารเคมี แบบไม่มีหน่วยงานรับรองระยะยาว.....และใช้กันอย่างไม่ มีความรู้เพียงพอ.....ถูกโฆษณาครอบงำ ....หลายตัวพบว่านานไป กลับพบว่ามีผลต่อสิ่งมีชีวิต เช่นช่วงนี้เราจะพบข่าวว่า มีทางการเข้าไปตรวจสุขภาภพเกษตรกรบางท้องที่ และ พบสารตกค้าง ..จนน่าวิตก...นี่เราเรียกว่า การสะสม...โดยเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ...ว่าอะไรจะตามมา ส่วนที่เจอแบบเฉียบพลันก็ล้มหายชักตายไปไม่น้อย...... ตรงนี้คือส่วนที่เราควรพะวงค่ะ...ไม่ใช่ ผลผลิตจะมากจะน้อยเป็นตัวตั้ง.... ขายได้ตังค์มา ก็แลกสุขภาพไม่ได้...หรือไปรับจ้างเขาทำมาก็ไม่พอจะต่อชีวิตได้....ค่ะ ................................................................................................ จากคุณ : ขอคุยดีๆด้วยคน (แมกไม้ไทย) - [ 7 มิ.ย. 51 20:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขออภัยผิดพลาดบางประการ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 21:47:58 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 21:46:30 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 21:42:50 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 มิ.ย. 51 21:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ......ดูเอาฮ่าครับ   เข้าไปหาดูตามนี้นะครับ  ทำลิงค์ไม่ได้อ่ะ aomaum.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/video/item/2 - 19k แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 21:57:32 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 มิ.ย. 51 21:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 http://aomaum.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/tag/store%20wars แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 22:00:50 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 7 มิ.ย. 51 22:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กระทู้นี้ฮอทร้อนฉ่าเลย แต่จะว่าไปพวกที่ทำมาหากินหลอกเกษตรกรก็มี อยู่มากนะครับหลอกขายของที่ไม่ค่อยมีประโยชน์แต่ราคาแพง ๆ ให้เกษตรกร เสียเงินเปล่าไปก็มาก  เกษตรกรจำเป็นต้องหาความรู้ใส่ตัวเพื่อที่จะรักษาเงินในกระเป๋า ไม่ให้ถูกพวกหลอกลวงดูดเอาไป สำหรับกำไรและสุขภาพจำเป็นทั้งคู่ครับ ถ้าทำเกษตรโดยไม่มีกำไรก็อยู่ไม่ได้ จะไปเอาตัวอย่างว่ากู้มาใช้ไม่มีเงินคืนก็มาเดินขบวนขอให้รัฐยกหนี้ให้ผมก็ไม่เห็นด้วย จากคุณ : ม่อนแสงดาว - [ 7 มิ.ย. 51 23:10:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กระผมก็มาเก็บเอาความรู้เหมือนกันคร๊าบ...ไคโตซาน ผมใช้แต่ยี่ห้อถูก ๆ ครับ.. บางทีอยากประหยัดเงินซื้อ..ก็ลองเอาเปลืก กุ้ง  หอย ปู  มาหมักกะพด. 2  ( และกากน้ำตาล ) เอามาใช้ ก็ใช้ดีครับผม..พืชผักผมก็งาม.....แบบว่าทำแบบชาวบ้านน่ะครับ .ไม่ใช่ว่าไคโตซานไม่ดีนะครับ..ดีครับ.แต่ถ้าแพงก็ขอใช้แบบพอเพียงครับผม..หรือถ้าไม่มีก็ขอใช้ปุ๋ยหมักธรรมดา และจุนลินทรีย์ ก็พอ.คร๊าบ..... จากคุณ : หนุ่มธรรมสิริ - [ 8 มิ.ย. 51 00:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เสียดายเนอะ ไม่มีกระทู้แนะนำให้ห้องย่อย ไม่งั้นโหวตไปแล้วครับอิๆๆ เรื่องนี้ถ้าเถียงแบบซ้ายสุด หรือ ขวาสุด นี่ไม่จบแน่ๆครับ เหมือนแก้รัฐธรรมนูญหละครับ อีกคนจะแก้ อีกคนไม่แก้ ประท้วงกันซะสนุกเลย สุดท้ายผมว่าทางสายกลางหละครับดีที่สุด เชือผมเถอะ --------------------------------------------------------------- คุญแมกไม้ไทย ขอบคุณที่เข้ามาช่วยรดน้ำให้กระทู้ครับ คุณคนดง คนเดิม กะคุณคนสวนปาล์ม ใจร่มๆครับ อิๆ ผมว่าเจ้าของกระทู้อาจจะเขียนแบบใส่อารมณ์ไปหน่อยครับ บางทีผมก็รู้สึกแบบเขาเช่นกันครับ สาเหตุที่เกิดอารมณ์แบบนั้นคือ คนบางกลุ่ม ย้ำนะครับคนบางกลุ่มชอบ"อ้าง"ว่านี่คือ สารอินทรีย์ สารสกัดจากธรรมชาติ ครับ แล้วเอามาขายคนที่ไม่รู้ คนที่ไม่รู้ก็เชื่อ แล้วก็รู้สึกสงสารคนพวกนั้นหละครับ คุณม่อนแสงดาว สนุกป่าวครับ ผมชอบนะกระทู้แบบนี้ ดูห้องมีสีสันดีครับ ร้อนดีอิๆๆๆ หนุ่มธรรมสิริ สวัสดีครับ ไม่ค่อยได้ทักทายเลย เรื่องการใช้ไคโตซานถ้าอยากใช้ใช้แบบถูกๆหละครับดีแล้ว ไม่แพง และไม่ค่อยจะแตกต่างเท่าไร ที่แตกต่างคือ ราคาครับ คุณหมาน้อยน่ารัก ผมขอเดาอีกว่า สวนส้มที่คุณยกตัวอย่างนั้น คือสวนส้มที่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ที่เคยลงในหนังสือเคหการเกษตรใช่ใหมครับ จำได้คร่าวๆว่า เขาเกษตรอินทรีย์ 100% แบบไม่ฟังใครเลย สุดท้ายล้มสวนครับ เรื่องของไคโตซานเอง นั้นผมเคยได้ยินมานานแล้วหละ ชาวสวนมักบอกว่าใช้แล้วดีมากๆๆ แต่สักพักกระแสก็หายไป ตอนนี้ที่ดังๆก็นะ ยี่ห้อนั้นหละครับ รู้ๆกันอยู่ จัดขายตรง มีลูกข่ายๆๆ ขายๆๆๆ ได้เงินเป็นแสนเป็นล้าน ปกติผมชอบเปิดช่องขายตรงช่องนี้ดูครับ นั่งดูไปหัวเราะไป โม้ได้แบบสุดยอดมากๆ "ไคโตซานเทพ" ใช้ได้ทุกอย่างทุกชนิดของพืช แต่เรื่องการทำตลาดนับถือสุดๆครับ คิดดูว่า เมียร้านทำเครื่องเสียงที่อยู่กลางเมืองยัง ติดป้ายจะขายสินค้านี้เลยเอ้า...เจ๋งป่าว อิๆๆ  ส่วนเรื่องของสินค้าที่หลอกลวงชาวบ้านนั้นที่ชอบบอกว่าเป็น สารสกัดบลาๆๆๆๆ ผมว่าเกิดจากการที่เกษตรกรไทย ความรู้ยังไม่เพียงพอที่จะแยกแยะได้ครับ ถ้ากรมวิชาการเกษตร สามารถที่จะขึ้นทะเบียนได้ครบจริง ไม่ให้อ้างว่า เป็นสารสะกัดชีวภาพ เมื่อไรก็คงจะถึงกาลสิ้นสุดของ สินค้าหลอกลวงชาวบ้านหละครับ โอ้ย...เมื่อยนิ้วจัง ใครเข้ามาอ่านแล้วออกเสียงหน่อยนะ ให้คุ้มกะที่ผมเมื่อยนิ้วอิๆๆ จากคุณ : seto16 - [ 8 มิ.ย. 51 00:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณคนสวนปาล์มครับ ตอนนี้ถ้าจำไม่ผิดจีนขึ้นภาษีขาออกของปุ๋ยใหม่แล้วนะครับ น่าจะ 135 หรือ  180 นะครับ ไม่แน่ใจในตัวเลข อีกทั้งตอนนี้ราคาของ DAP และ MOP เองก็วิ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งครับ ส่วน Urea ก็ตามที่เห็นหละครับ สู้ต่อไปครับ แต่ผมชอบประโยคที่ว่า ไม่มีปุ๋ยเทพ จัง จริงครับ ไม่มีอะไรที่ให้ได้ทุกอย่างที่คุณต้องการครับ ยกเว้น "polyแอร์+" (คงเดาชื่อได้นะครับ ไม่อยากเอ่ยชื่อจริง)หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง หน้าเกษตร มุมล่างซ้าย ใช้ได้กับทุกพืชทุกช่วงไม่ต้องใช้ปุ๋ยเลย เทพมากๆๆครับ อิๆๆ (ประชดนะเนี่ย) จากคุณ : seto16 - [ 8 มิ.ย. 51 00:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จ๊ากกก ไม่น่าเชื่อ มีคนเข้าใจเรา ด้วย ------ ดีใจจัง ถูกต้อง ที่ผมเกลียด คือ คนที่หลอก คนอื่นครับ ชีวภาพ  บลา ๆๆๆๆๆๆ พอรัฐบาล ออกมา สนับสนุน ก้อเกิดบริษัท ขึ้นมา ขาย ปุ๋ยชีวภาพ อยากรู้มั้ยครับ มัน คือ อะไร ดิน----- ปั้นเม็ด เอา ยูเรีย ( 46-0-0 ) ละลายน้ำ เคลือบ เมื่อ ใช้แล้ว ต้นไม้ท่านจะเขียว ทันที แต่ เขียว อยู่ 3 วัน กลับมาเปงเหมือนเดิม เพื่อน ผมที่เปิดร้านเกษตร ถ้ามี พวกนี้ หลงมาขาย เพื่อนผมก้อจะด่า ให้ กลับบ้านไม่ทันเลย ดีใจ ที่มีคนเข้าใจ จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 8 มิ.ย. 51 01:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แหม...นอนดึกจังครับ แล้วผมทายถูกป่าวครับเรื่องสวนส้มอ่าครับ จากคุณ : seto16 - [ 8 มิ.ย. 51 01:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ในการทำเกษตรในสมัยดั้งเดิม เกษตรกรใช้แค่มูลสัตว์มาบำรุงพืช สวน ไร่ นา ซึ่งเพียงพอที่จะนำมาใช้กิน และขายบ้าง โดยไม่ต้องลงทุนอะไรนอกจากแรงงานตนเอง และแรงงานจากสัตว์ ซึ่งอาหารพวกวัว ควาย ก็ได้มาจากหญ้าที่อยู่รอบๆ โดยไม่ต้องซื้อหา การกำจัดหญ้าก็ใช้แรงงานตนเอง และพื้นที่ในการเพาะปลูกจะไม่มาก การทำงานจะทำตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนเย็น การระบาดของโรคในสมัยก่อนจะไม่รุนแรงนัก เพราะการเพาะปลูกพืชจะไม่เป็นแปลงใหญ่ เมื่อระบาดก็จะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณนั้น เมื่อผ่านช่วงนั้นไปแล้วก็จะไม่มีการระบาดอีก เมื่อเริ่มมีปุ๋ยเคมีเข้ามาในภาคเกษตรกรรม ผลผลิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างทันตาเห็น ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณที่ใช้น้อยกว่าปุ๋ยคอกมาก และการใช้ก็สะดวกกว่า ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น เมื่อเห็นว่ามีเวลาว่างมากขึ้นก็พยายามเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกขึ้นอีกเพื่อเพิ่มผลผลิตสำหรับนำไปขาย เมื่อเครื่องจักรเริ่มเข้ามามีบทบาท การเตรียมดิน, รดน้ำ, การขนส่ง ฯลฯ เริ่มทำได้รวดเร็ว สามารถเตรียมการปลูกได้เร็ว และสะดวกขึ้น เกษตรกรก็เริ่มขยายพื้นที่เพาะปลูกขึ้นอีกครั้ง เหตุผลก็เพื่อเพิ่มผลผลิตสำหรับนำไปขาย การสร้างผลผลิตทางการเกษตรนั้นต้องอาศัยเวลากว่าที่พืชหรือสัตว์จะเติบโตเต็มที่ แม้เราจะมีเครื่องจักร และสารเคมีมาช่วยให้งานเสร็จไว แต่พืชไม่โตไวเช่นนั้น ดังนั้นเกษตรกรจึงมีเวลาว่างมากขึ้น จากที่ต้องออกจากบ้านแต่เช้า กลับค่ำ เดี๋ยวนี้อาจแค่ไปตอนเช้า แล้วกลับมาสายๆ ตอนบ่ายๆค่อยไปอีกที ในการทำเกษตรนั้น แม้เครื่องจักรจะช่วยงานได้หลายอย่าง แต่งานที่ต้องใช้ความละเอียดก็ยังต้องใช้แรงคน อย่างการแต่งกิ่ง หรือถางหญ้าโคนต้น แต่เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก เพียงแรงงานในครอบครัวไม่สามารถทำได้ทัน จึงต้องมีการจ้างแรงงานเข้ามาช่วย ในภาคเกษตรกรรมปัจจุบัน เจ้าของที่ดินจำนวนมากไม่ใช่เกษตรกรที่แท้จริง เช่นข้าราชการครู หรือพนักงานกินเงินเดือนที่ไม่ได้อยู่ในเมืองมักจะมีพื้นที่ทำการเกษตรเป็นของตนเองไม่มากก็น้อย กลุ่มนี้จะเริ่มจากพื้นที่เล็กๆ ปลูกพืชไปตามกระแสช่วงนั้นๆ(ไม่นับคนที่มีพื้นที่สำหรับทำนา เพราะยังไงก็ต้องปลูกข้าวเป็นหลัก) แล้วค่อยๆซื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมากมักไม่มีปัญหาในการทำเกษตรเพราะมีเงินเดือนเป็นทุน(มีเงินก็ทำ เงินหมดก็ชะลองานไปก่อนจนกว่าจะสิ้นเดือน) ใช้เวลาช่วงเสาร์อาทิตย์ลงไปดูแล และใช้การจ้างคนมาดูแล อีกกลุ่มจะเป็นกลุ่มนายทุน กลุ่มนี้จะมีเงินทุนหนา และกำหนดเป้าหมายในการผลิตไว้แล้ว การทำเกษตรจะมีการกว้านซื้อที่ และเพาะปลูก หรือเลี้ยงสัตว์ในปริมาณที่มากๆ มีการดูแลที่ดี มีคนที่ชำนาญคอยควบคุมดูแล และผลผลิตที่ได้จะมีตลาดรองรับที่แน่นอน สำหรับเกษตรกรจริงๆ ที่รายได้ทั้งหมดมาจากภาคเกษตรกรรมทั้งหมด ปัจจุบันบางส่วนได้ถูกครอบงำด้วยความสะดวก และความเคยชิน จนเริ่มหลงแนวทางในการทำการเกษตรไปเสียแล้ว ในหัวคิดเพียงว่าถ้าไม่ใส่ปุ๋ยเคมีแล้วพืชผลจะไม่ออกลูกเลย จะกำจัดหญ้าต้องพ่นยาอย่างเดียว จะเตรียมแปลงต้องใช้รถไถ จะไปสวนไปไร่ต้องใช้มอเตอร์ไซต์ ในช่วงก่อนหน้านี้ 1-2 ปี ทุกอย่างดูจะอยู่ในระดับสมดุลกัน ทั้งรายรับ และรายจ่าย เมื่อเกษตรกรเริ่มพอจะมีเงินจับจ่ายใช้สอย ผลผลิตเริ่มมีราคาดีขึ้น แต่สมดุลก็พังลงแทบจะทันที ทั้งจากภายใน และภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองในประเทศ ตามมาด้วยราคาน้ำมัน และตอกย้ำด้วยเรื่องปุ๋ย ตามกระทืบมาด้วยเรื่องราคาข้าว ทำให้ภาคเกษตรหัวคมำกันถ้วนหน้า ------------------- หยุดตรงแค่นี้ ------------------ แล้วกลับไปอ่านที่ย่อหน้าแรก และคิดว่าปัญหามันเริ่มจากตรงไหน ตัวคุณก้าวไปถึงจุดไหน และจุดไหนที่คุณพอใจที่จะก้าวไปข้างหน้า............ หรือก้าวถอยหลังไป จากคุณ : Pit2519 - [ 8 มิ.ย. 51 01:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แหม...ผมว่าผมมาดึกแล้ว... มีคนมาดึกกว่าอีก ตอนนี้นอนดูรายการ ไคโตซานเทพ อยู่เลยหละ เมื่อกี๊บอกได้มะม่วงยักษ์ ส่งออกตลาดต้องการ งงเลย ปกติต่างประเทศต้องการไซส์เฉพาะนี่ครับ ถ้าใหญ่เกินเขาไม่รับครับอิๆๆๆ นอนแล้วครับพรุ่งนี้มีงานเช้าครับ จากคุณ : seto16 - [ 8 มิ.ย. 51 02:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จ๊ากก ถูกต้องคับ สวน ลูกค้าผมเอง 5555 เตือน แล้ว ด้วย จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 8 มิ.ย. 51 02:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมไม่สนหรอกครับว่า  ไคโตซานประกอบด้วยอะไรและมีวิธีการสังเคราะห์ยังไง ผมดูทีวีเรื่องเกี่ยวกับไคโตซาน จนเคลิบเคลิ้ม หลงใหล อย่างหนัก แต่ก็มีสติอยู่บ้าง  จึงอยากจะหาข้อมูล ก็ไม่มากหรอกครับ  เอาแค่  "มันดีจริงหรือ" ท่านที่เคยใช้(ที่ไม่ได้ออก ทีวี) เห็นว่า "มันดี หรือไม่ดีอย่างไร มีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่  ข้อเสียหรืออันตรายมีไหม" แค่นี้แหละครับ จากคุณ : พลังจิต - [ 8 มิ.ย. 51 22:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เฮ้ออ ......... โอ้วพระเจ้า จอร์จ มันยอดมาก อะไรเหรอ ซาร่า ก้อ ไคโตซาน ไง บลา ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าท่านโทรสั่งตอนนี้ เราจะ แถม.... เอ๊ะเดี๋ยวก่อน ถ้าท่านสั่งใน 10 นาทีนี้ ท่านจะได้รับ ..... คิดซะว่า พืช เหมือน คน เป็น สิ่งมีชีวิต คนเรา รับประทาน อาหาร ครบ 5 หมู่ ร้างกายจะแข็งแรงสมบูรณ์ พืช ต้องการ ธาตุอาหารทั้งหมด 16 ชนิด มีอะไรบ้าง ยังไม่บอก ... ขี้เกียจ พิมพ์ แต่บอกแค่ว่า ใน นั้น ไม่มี คำว่า ไคโตซาน อ่านดูแล้วจะรู้ว่ามัน ดีจริงป่าว เดี๋ยวว่าง  ๆ จะมาด่า ไอ่น้ำสกัด คลอโรฟิวส์ อีก มันเหงคนไป ต้นไม้ไปแล้ว จะได้ สังเคราห์แสง คนเราสงสัยจะมี วัฎจักรเครป ซะแล้วมั้ง จากคุณ : หมาน้อยน่ารัก - [ 9 มิ.ย. 51 01:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สารเคมี สารอนินทรีย์ หรือสารสกัดบริสุทธิ์ ก็ล้วนต้องทำมาจาก สารธรรมชาติ ยาแผนปัจจุบันหรือสารพิษ ก็มาจากพืชธรรมชาติหรือจากแหล่งธรรมชาติ แต่สมดุลย์ที่ซับซ้อน ของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ วิวัฒนาการร่วมกันมานับล้านปี คงไม่ง่ายจะเข้าใจวิธีที่สอดคล้อง มันต้องพยายามเรียนรู้ต่อไป แต่เราต้องไม่เอาเงินเงินเป็นตัวตั้ง แล้วทิ้งมรดกดินที่ตายไว้แก่คนรุ่นหลัง งานนี้ถือว่าเป็นศิลปะในการกลับคืนสู่ธรรมชาติ ความเห็นที่ขัดแย้งนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องความเชื่อว่าจะใช้ เคมี หรือธรรมชาติ แต่เป็นความเข้าใจ หรือโลกทัศน์ ที่มองแบบไหน การระเบิดภูเขามาทำปูนซีเมนต์ การกั้นน้ำ สร้างไฟฟ้าและชลประธาน การประดิษฐ์เตาปฏิกรปรมาณูเพื่อสร้างไฟฟ้า มีประโยชน์ แต่ไม่ธรรมชาติ ชอบธรรมชาติ ก็ไม่ได้แปลว่า ไม่อยู่ตึก ไม่ใช้ไฟฟ้าเลย แต่ต้องมีศิลปะที่ไม่ทำให้ต้นทุนธรรมชาติต้องบอบช้ำ จนเกิดความพินาศ ชอบบทสรุปในหนังเรื่อง 11th hour สารคดีที่ลีโอนาโดทำ ที่ว่าโลกมีเวลาเหลือเฟือ มนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้านาทีก่อนปีใหม่ หากนับอายุของโลกเท่ากับหนึ่งปี แต่เราจะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างไร โลกนั้นมีเวลาแทบจะนิรันทร์ แต่มนุษย์ ไม่มีเวลาขนาดนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงโลกหรอก เพราะที่สุด โลกก็จะปรับสมดุลย์ใหม่ ที่แน่นอน คงไม่มีมนุษย์อยู่ด้วย แค่ถ้าลูกหลานของเราตะโกนย้อนกลับมาจากอนาคต ว่าคนรุ่นเรา ทำอะไรอยู่ ทำลายต้นทุนแหล่งกำเนิดของเราเอง สุดท้ายก็นำไปสู่การล่มสลายของเผ่าพันธุ์ ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนในวิวัฒนาการโลก ที่ทำลายเผ่าพันธุ์อื่นได้มากเท่ามนุษย์ จากคุณ : ปู่ (thaimusa) - [ 10 มิ.ย. 51 07:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านจนเหนื่อย ชอบ ชอบ จากคุณ : นางแอ่น - [ 12 มิ.ย. 51 14:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 การประชุมวิชาการไคติน-ไคโตซานแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5 **สถานภาพไคติน-ไคโตซานในประเทศไทย** THE FIFTH NATIONAL CHITIN-CHITOSAN CONFERENCE 24-25 กรกฎาคม 2551 ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.material.chula.ac.th/chitosan/CCB.htm http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M6693762/M6693762.html จากคุณ : ชัยบาล - [ 12 มิ.ย. 51 20:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แหะๆ มาลงทะเบียนเป็นเกษตรกรที่ใช้สารเคมีมากกว่าสารธรรมชาติอีกรายค่ะ (รับกันซื่อๆเลย) เพราะไม่มีปัญญาไปหาสารธรรมชาติมาใส่ต้นไม้ทั้งสวนอะค่ะ เวลาใส่ต้องใส่แยะด้วยสิ ขนาดมะม่วงต้นสูงเมตรกว่าต้องใส่ขี้วัวต้นละกิโล ถ้าต้นใหญ่ไม่ต้องพูดถึง ลองนึกว่ามีมะละกอ 45,000 ต้น มะม่วงอีกราวๆ 10,000 กว่าต้น กะมะนาวอีก 5,000 ต้น ทำปุ๋ยธรรมชาติเองคงไม่มีเวลาไปดูต้นไม้ และสงสัยต้องเลี้ยงวัวเองแข่งกะฟาร์มโชคชัย ถ้าซื้อเขานะ ขี้วัวอะ ไม่แพง แต่ค่าขนส่งขี้วัว อะแพงกว่า ทำนองนี้ ตอนนี้ทั้งปุ๋ยทั้งยา ราคาขึ้นจนอยากเป็นลม ยูเรียเนี่ย จากตันละเจ็ดพัน ใน 6 เดือนไหงมันขึ้นมาสองหมื่นกว่า ฮึ!!! ส่วนผลไม้ขายได้ราคาเท่าเดิมเลยยยย  .... เฮ้อ รอปีหน้าทำมะม่วงนอกฤดูบ้างแล้ว จากคุณ : เกษตรเกิน (Michy) - [ 12 มิ.ย. 51 21:47:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ฮะแอ้ม/แอบมาอ่าน ได้ความรู้ดี แต่สวนที่ลุงทำ ก็ไม่ได้หวังผลมากนัก ก็เลยไม่กล้าซื้อปุ๋ย แพงๆใส่ เพราะบวกลบคูณหารแล้วไม่ไหว ก็เลยซื้อขี้วัวใส่ลูกเดียว ใส่ไปใส่มาหญ้าไมยราพเต็มสวน ตูละเบื่อ ตอนนี้น้ำมันแพง เลยต้องหยุดเข้าสวน เมื่อก่อนเข้าทุกอาทิตย์ ตอนนี้ต้องเหลือเดือนละครั้ง ไปจ่ายเงินเดือน อย่างเดียวเซ็งไปเลยยยยยยยยย. จากคุณ : D-ZAD. (D-ZAD.) - [ 13 มิ.ย. 51 18:33:05 ]