Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ที่มาของชื่อกุหลาบ ตอนที่ 3

    Isis (Noisette 1826 - 1850)
    ที่มาของชื่อกุหลาบตอนที่ 3 วันนี้อยากพักกุหลาบอังกฤษมาเป็นกุหลาบสายพันธุ์โบราณ บ้างค่ะ จริงๆแล้วชื่อ Isis ไม่ใช่มีแค่กุหลาบพันธุ์นี้เท่านั้นนะคะ
    เท่าที่เคยเจอมีกุหลาบชื่อ Isis ถึง 6 สายพันธุ์เลย แต่ความหมายของชื่อก็เหมือนกันหมดค่ะ
    ถ้าพูดถึงเทพี Isis ไอซิส มีใครพอนึกออกว่าไหมค่ะว่านางเป็นใคร  งั้นเรามาเริ่มเล่าประวัติศาสตร์ของพระนางกันเลยดีกว่านะคะ
    พระนางคือไอซิส ราชินีของอียิปต์ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดก็ว่าได้ แต่ก่อนที่จะเล่าถึงช่วงที่พระนางเป็นราชินีของประเทศอียิปต์
    ขอเล่าความเชื่อที่สำคัญทางศาสนาอียิปต์โบราณเกี่ยวกับตัวพระนางกันก่อนนะคะ พระนางคือเทพีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารและ ความอุดมสมบูรณ์ ที่พระนางได้
    ฉายาหรือว่าเทพีในตำแหน่งนี้ก็เพราะว่าช่วงที่พระนางเป็นราชินีของ ประเทศอียิปต์ อุดมสมบูรณ์มาก พืชไร่และแหล่งน้ำไม่เคยขาด ประชาชนไม่เคยอดยากหรือต้องขาดแคลน
    พระนางเก่งและเฉียวฉลาด ทั้งเรื่องการปลูกพืชไร่ ทั้งเรื่องรบ การวางแผนและพิธีกรรมทางสัยศาสตร์อียิปต์
    ต้องบอกกันก่อนว่าคนอียิปต์นับถือว่าฟาโรห์และราชินีดุจดังเทพที่คุ้มครองแผ่นดิน แต่ก็ไม่ทุกพระองค์ไปนะค่ะ
    พระนางเลยได้รับตำแหน่งเทพีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร
    และ เทพีผู้คุ้มครองไปแม้นว่าชีวิตของนางจะจบลงแล้วก็ตาม ประชาชนชาวอียิปต์โบราณนับถือพระนางมาหลายยุคหลายสมัย และได้มีการทำพิธีบูชาเทพีไอซิสกันเกือบ ทุกปีเพื่อให้พืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ไม่ขาดแคลน และพระนางก็ยังได้รับตำแหน่งเทพีผู้คุ้มครอง เพื่อปกป้องรักษาจิตวิญณาณของผู้ตาย พระนางได้เป็นเทพีผู้คุ้มครองก็เพราะสืบเนื่องมาจากพระสวามีของพระนางนั่นเอง พระสวามีของพระนางคือฟาโรห์ โอซิริส ถ้าพูดถึงตำแหน่งเทพนั้น พระองค์เป็นเทพแห่งตุลาการ ชั่งน้ำหนัก จิตวิญณาณของผู้ตาย วัดความดีความชั่วที่เคยทำมาในขณะที่มีชีวิตอยู่ พระองค์จะมีผู้ช่วยอีกคน คือเทพฑอต เป็นเทพแห่งการเขียน
    เทพฑอตจะนำบันทึกที่จดความดีความชั่วไว้บนกระดาษปาปิรัส และช่วยตรวจว่ามีความเท็จเขียนไว้ด้วยหรือไม่
    ซึ่งการเขียนบันทึกแห่งความตายนี้จะเป็นวัฒนธรรมของคนอียิปต์ จะต้องเขียนรายงานแล้วใส่ไว้ในโรงศพค่ะ
    แล้วเทพโอซิริส ก็จะตรวจบันทึกโดยการเอาหัวใจ ชั่งลงบนเครื่องชั่ง กับขนนก
    ถ้าน้ำหนักขนนกเบากว่าแปลว่าทำความดีไว้มาก
    หรือถ้าหัวใจหนักกว่าก็แปลว่าทำความชั่วไว้มากค่ะ แต่ถ้าพบจิตวิญณาณของผู้ตายผู้ใดเขียนเป็นเท็จ ก็จะนำหัวใจไปโยนให้จระเข้กิน คนอิยิปต์ถือว่าเครื่องใน
    หลายชิ้นที่ดองเอาไว้ในโถ แยกชิ้นกับร่างมัมมี่นั้น หัวใจจะสำคัญที่สุด
    ถ้าใครทำหายหรือถูกทำลายไปจะกลับเข้าร่างไม่ได้ ซึ่งหมายถึงจะ
    ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ค่ะ
    อย่าเพิ่งงงกันนะคะว่าเขาทำกันจริงๆเช่นนั้นหรือเปล่า เป็นเพียงแค่ความเชื่อที่เขาวาดลงบนฝาผนังในหลุมศพ เพื่อให้ผู้คนเกรงกลัวต่อการทำปาบเท่านั้นค่ะ
    ผู้คนอียิปต์โบราณจะนับถือเทพแห่งพระอาทิตย์คือเทพที่สูงสุดค่ะ
    มีชื่อว่าเทพ รา หรือ เร และหลังจากที่เทพโอซิริส
    ได้ชั่งความดีจิตวิญณาณของผู้ตายแล้ว
    ถ้าเห็นว่าความดีพอมีมากกว่าความชั่ว พระองค์ก็จะปล่อยให้ไปท่องกับเทพ รา โดยการล่องลอยไปกับพระสุริยะเทพ ราในเวลากลางวัน แล้วกลับมาที่ร่างมัมมี่ ในเวลากลางคืนค่ะ    
    เล่าถึงเทพและความเชื่อของคนอียิปต์โบราณมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้เรามาเล่าถึงช่วงชีวิตที่สำคัญของพระนาง ไอซิส ที่ผู้คนอียิปต์โบราณได้จารึกตำนานของพระนางลงบนแผ่นหินกันบ้างนะคะ
    ย้อนไปช่วง สี่พันปี ในยุคอียิปต์โบราณที่กำลังรุ่งเรือง ในยุคนั้นมี ฟาโรห์พระนามว่า โอซิริส และราชินี ไอซิส ปกครองอยู่ ซึ่งทั้งสองพระองค์นั้นเป็นที่รักใคร่ของประชาชนชาวอียิปต์เป็นอย่างมาก ฟาโรห์ โอซิริส มีพระเชษฏา นามว่า เซ็ต
    ซึ่งผู้คนอียิปต์โบราณ ยกให้ เซ็ต เป็นเทพที่ชั่วร้าย คือ เซ็ต เทพแห่งไฟ ค่ะ
    ฟาโรห์ โอซิริส พระองค์เป็นผู้ที่มีความเมตตา และรักน้องชายของพระองค์
    เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพระองค์ไม่ทราบเลยว่าน้องชายของ พระองค์เกลียดชังและมีความอิจญาในตัวพี่ชายเพียงไร ว่ากันว่า เซ็ต ได้แอบหลงรัก ไอซิส มานาน
    ก่อนที่พระนางจะได้เป็นราชินี เสียด้วย ทำให้หลังจากที่ โอซิริสได้ขึ้นเป็นฟาโรห์และได้พระนางไอซิสมาเป็นราชินีนั้น เซ็ตก็ได้เพิ่มความโกรธแค้นและชิงชังในตัวพี่ชายมากขึ้นเป็นหลายเท่า และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานที่เกิดขึ้นค่ะ
    ในวันที่ใกล้ครบครอบวันเกิดของ ฟาโรห์ โอซิริส นั้น เซ็คได้คิดแผนการที่จะลอบฆ่าพี่ชายตนเอง เพื่อที่จะชิงตำแหน่ง ฟาโรห์และพระนางไอซิสมาเป็นของตน
    จึงจะจัดงานวันเกิดให้พี่ชายที่วังของตน โดยวางแผนไว้ว่าจะจัดเตรียมโลงศพไม้ธรรมดาไว้ พองานเลี้ยงเริ่มขึ้นอย่างเป็นปกติ และจะวางแผนให้เจ้าของวันเกิดลงไปนอนในโลงไม้ พอลงไปนอนจะให้ข้ารับใช้เตรียมปิดฝาโลงและตอกตะปูไว้ทุกด้านของโลง พระนางไอซิสทรงทราบในความเกลียดชังของ เซ็ค ที่มีต่อพี่ชายอยู่ก่อนแล้วจึงให้ข้ารับใช้คอยสืบอยู่ที่วังของเซ็ค แล้วแผนการนี้จึงนำไปรายงานถึงพระนางอย่างเร่งด่วน ด้วยความเป็นห่วงพระสวามีอันเป็นที่รักยิ่ง พระนางตัดสินพระทัยบอกเรื่องนี้กับฟาโรห์โอซิริส โดยตรง แต่ฟาโรห์โอซิริสกลับไม่เชื่อและบอกพระนางว่า พระนางระแวงจนเกินไป เซ็ค เป็นน้องของข้า
    คงไม่คิดจะทำเช่นนั้นได้ แล้ว ฟาโรห์ โอซิริส ก็ได้ตัดสินใจที่จะไปร่วมงาน
    โดยที่พระนางอยากตามไปด้วยแต่พระองค์ไม่อยากให้ตามเสด็จไป
    และสัญญาว่าจะเดินทางกลับมาในวันรุ่งขึ้นเมื่อพิธีเสร็จสิ้น
    หลังจากนั้นผ่านไปหลายวันพระองค์ก็ยังไม่กลับมาจนครบเดือน
    ในคืนหนึ่งพระนางฝันว่าได้เห็นโลงไม้ โลงหนึ่งไปติดที่ต้นก้ามปูขนาดใหญ่
    ติดกับแม่น้ำใหญ่สายหนึ่งในแถบเมืองที่ไกลออกไปจากเมืองหลวง
    พอนางตื่นขึ้นนางก็ได้ทราบว่าพระสวามีของนางได้เลียชีวิตลงแล้ว ตามแผนการที่ เซ็คได้วางแผนไว้ พระสวามีของนางได้มาเข้าฝัน ให้พระนางมารับพระศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา นางเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ติดต่อไปที่วังของเซ็คอย่างไร ก็ไม่มีข่าวกลับมา
    นางจึงตัดสินใจไปนำพระศพของพระสวามีกลับมาด้วยพระนางเอง นางจึงให้คนปลอมตัวเป็นพระนางอยู่ที่วังเพื่อไม่ให้เซ็คสงสัย เพราะพระนางทราบว่าถ้า
    เซ็ครู้คงจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ คงจะกลับมายึดครองตำแหน่งและพระศพอย่างแน่นอน นางจึงปลอมตัวเป็นหญิงแก่ชาวบ้านออกไปกลางดึก และได้เดินทางไปตามภาพความฝันที่เห็นเพียงน้อยนิด พระนางเดินทางตามลุ่มแม่น้ำไนล์มาเกือบเดือน พระนางยังไม่เห็นวี่แววของต้นก้ามปูใหญ่ริมแม่น้ำแต่อย่างใด จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพระนางได้พักอยู่ที่เมือง เมืองหนึ่ง ข้ารับใช้ของพระนางก็ได้ยินเรื่องประหลาดที่ผู้คนเล่าต่อกันว่า เมื่อเจ้าเมืองใช้คนไปตัดไม้ต้นหนึ่งมาต่อเติมบ้าน
    ก็ได้กลิ่นหอมกำยานออกมาจากต้นไม้นั้น จึงทำให้ไม่กล้าตัด
    (เพราะกลิ่นกำยานนั้นจะมีไว้ใช้กับผู้สูงศักดิ์เท่านั้นค่ะ)
    พระนางได้ยินเช่นนั้นก็ทราบทันทีว่านางมาถูกเมืองแล้ว
    จึงให้ข้ารับใช้ไปหาว่าบ้านเจ้าเมืองนั้นอยู่ที่ใดพอดีภรรยาของเจ้าเมืองเพิ่งคลอดบุตรจึงอยากรับคนเลี้ยงดูเด็ก เลยทำให้พระนางคิดแผนจะไปสมัครเป็นคนดูแลเด็ก และจะให้คนติดตามคอยสืบถามเรื่องราวอย่างเป็นความลับ
    พอภรรยาเจ้าเมืองเห็นพระนางก็ถูกใจเลยรับพระนางให้ดูแลลูกของนาง
    เวลาผ่านไปหลายวัน ข้ารับใช้ของพระนางก็พยายามสืบหาข้อมูล แต่ก็ลำบากเพราะผู้ที่เจ้าเมืองจ้างไปตัดต้นไม้นั้นเป็นคนนอกมิใช่คนรับใช้ในบ้าน
    กลางดึกคืนหนึ่ง ต้องขอบอกก่อนว่าพระนางเป็นผู้ที่รักเด็กยิ่งนักแล้วนางก็พอพระทัยกับลูกของเจ้าเมืองเป็นอย่างมาก พระนางเลยคิดจัดพิธีกรรม
    เรียกเทพมาคุ้มครองทารกผู้นี้ ซึ่งพิธีกรรมเหล่านี้จะมีได้สำหรับผู้สูงศักดิ์เท่านั้น (อยากบอกอีกว่าพระนางมีความสามารถทางเวทมนต์เป็นอย่างมากเช่นกันค่ะ
    นี่เป็นความเชื่อของผู้คนในสมัยเก่าไม่ว่าประเทศไหนก็คงคล้ายๆกันค่ะ)  
    แต่พอดีที่ภรรยาของเจ้าเมืองเดินเข้ามาในห้องที่กำลังทำพิธี นางเห็นก็ตกใจร้องให้คนช่วยคิดว่าพระนางกำลังจะฆ่าลูกของตน พอพระนางหันกลับมาด้วยความโกรธก็เปิดผ้าศีรษะคลุมออก จากใบหน้าที่ใช้เวทมนต์พลางให้เป็นคนแก่ก็กลับเปลี่ยนไปเป็นพระนางไอซิส ที่ยังสาวเหมือนเดิม พระนางกล่าวว่าของจะทำพิธีคุ้มครองลูกเจ้า มิใช่ทำร้ายหาใดไม่
    พอภรรยาเจ้าเมืองเห็นใบหน้าของพระนางก็จำได้ว่าพระนางคือราชินีของอียิปต์
    นางตกใจกลัวเป็นอย่างมาก นางคุกเข่าและก้มลงถามพระนางว่าเหตุใดท่านจึงเดินทางมาที่บ้านของข้า ท่านมีเรื่องอันใดให้ข้าผู้น้อยได้รับใช้ พระนางได้ยินเช่นนั้นก็
    กล่าวออกไปว่าข้ากำลังตามหาต้นก้ามปูใหญ่ริมแม่น้ำที่เจ้าให้คนไปตัดอยู่
    ภรรยาของเจ้าเมืองได้ยินก็งุนงง คิดว่าทำไมราชินีที่ยิ่งใหญ่ของอิยิปต์ต้องการแค่ต้นก้ามปู นางจึงบอกออกไปว่าข้าจะให้สามีของข้าจัดคนเดินทางพาพระนางและผู้ติดตามของพระนางไปในเช้าวันรุ่งขึ้น พระนางได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจและอุ้มทารกน้อยของนางมาส่งให้พระนางกล่าวว่าดูแลลูกของเจ้าให้ดีลูกของเจ้าจะนำความโชคดีมาสู่เจ้าในอนาคต
    เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าเมืองก็ได้จัดขบวนพาพระนางไปที่ต้นก้ามปูริมแม่น้ำพอใกล้ถึงต้นไม้ใหญ่ ข้ารับใช้ที่นำขบวนก็หยุดเพราะความกลัว
    พระนางได้กลิ่นหอมฉุนของกำยานมาแต่ไกล เมื่อพระนางได้กลิ่นก็ทราบว่าพระศพของพระสวามีกำลังรออยู่ข้างหน้า พระนางจึงสั่งให้รีบเร่งขบวนต่อไป
    เมื่อมาถึงต้นก้ามปูขนาดใหญ่ กิ่งก้านหนาทืบจนแถบไม่เห็นยอดสุดของต้นได้ พระนางบอกว่าพระศพที่พระนางต้องการนั้นอยู่บนต้นก้ามปูนี้ (พระนางไม่เอ่ยว่าศพที่พระนางหานั้นเป็นพระศพของพระสวามีเพราะเกรงว่าข่าวจะไปถึง
    เซ็ตอย่างรวดเร็ว) การที่ส่งคนปีนขึ้นไปหาโลงพระศพนั้น ค่อนข้างจะลำบากอยู่มาก เพราะต้นก้ามปูต้นนี้ใหญ่และกิ่งใบหนาทืบแสงส่องได้น้อย
    กินเวลาอยู่หลายชั่วโมงจึงหาพบ แต่ก็ใช้เวลาอีกนานที่จะตัดกิ่งไม้หนาทืบเพื่อจะนำโลงศพผ่านลงมากว่าจะได้โลงพระศพของพระสวามีลงมาก็เกือบค่ำ
    พระนางจึงบอกว่าข้าจะออกเดินทางในรุ่งเช้าของวันใหม่ ให้เจ้าเมืองช่วยจัดเตรียมเรือให้ข้าแล้วเมื่อข้าถึงอียิปต์ ข้าจะส่งของกำนัลมาให้ท่านที่ได้ช่วยเหลือข้าไว้
    ในค่ำคืนนั้นพระนางสั่งให้ข้ารับใช้ นำโลงพระศพไปซ่อนไว้ในห้องเก็บของใต้ท้องเรือและให้ช่างไม้สร้างโลงศพอันใหม่ขึ้นเพื่อหลอกล่อและนำไปไว้บนเรือ
    พอรุ่งสางพระนางและข้ารับใช้ก็ออกเดินทางกลับสู่อียิปต์
    การเดินทางต้องใช้เวลาเกือบเดิน พระนางกังวลใจว่าเรื่องที่พระนางมาตามหาพระศพอาจจะทราบไปถึงเซ็ต แล้วก็เป็นได้ แต่พระนางก็จะต้องปกป้องรักษา
    ร่างอันไร้ชีวิตของพระสวามีอันเป็นที่รักยิ่งให้จงได้
    (หลายท่านคงแปลกใจนะคะว่าทำไมพระศพจึงมีความสำคัญถึงเพียงนี้ เพราะคนอียิปต์โบราณจะถือว่าศพสำคัญมากค่ะ ถ้าไม่นำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
    ก็จะไม่มีวันที่จะได้เกิดใหม่อีกค่ะ และจะทำให้จิตวิญณาณของผู้ตายไม่เป็นสุขและไม่มีที่พักพิงยามที่ยังไม่มีร่างใหม่ให้จุติค่ะ)

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 16:14:15

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 16:13:23

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 01:47:07

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 01:44:08

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 01:37:42

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 01:33:34

    จากคุณ : Hamilton - [ 5 ก.ย. 51 19:22:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom