"แท็กซี่สุนัข" บริการรับส่งเฉพาะ "น้องหมา" !!
ขณะที่การจราจรกำลังเคลื่อนตัวอย่างสะดวก หญิงวัยกลางคนค่อยๆ จูงสุนัขขนาดกลางตัวโปรดออกมาริมถนน แล้วโบกมือเรียกแท็กซี่เพื่อเดินทางไปพร้อมกัน แต่แท็กซี่คันแล้วคันเล่าได้เพียงขับผ่านมา แล้วก็ผ่านไป...
นั่นเป็นภาพที่พบเห็นได้บ่อยครั้งตามท้องถนน แต่จะกล่าวโทษแท็กซี่ก็คงไม่ได้ เพราะคงไม่คุ้มแน่หากสิ่งที่ผู้โดยสารทิ้งไว้ให้คือ ขนที่ติดอยู่ตามเบาะ คราบน้ำลาย หรือแม้แต่สิ่งขับถ่ายและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ต้องนำรถไปล้างไปเช็ดเสียเวลาทำมาหากิน
แต่ผู้ที่ลำบากใจและกายไม่แพ้กันก็คือเจ้าของสุนัข จะเดินทางไปไหนกับน้องหมาแต่ละทีต้องถอนหายใจ โดยเฉพาะเวลาที่น้องหมาป่วย การเคลื่อนย้ายพาสุนัขไปรักษาจะเหนื่อยหนักมากกว่าเดิม เพราะสุนัขป่วยมักไม่อาบน้ำ บางตัวอาการหนักไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หากเจ้าของรายใดไม่มีรถส่วนตัวหรือไม่สะดวกนำรถยนต์ไปเองจึงเป็นเรื่องที่ลำบากยิ่ง
ประสบการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับ คุณธิติพันธ์ รักชาติ หรือ คุณธน ชายวัยสี่สิบเศษซึ่งเคยพาสุนัขพันธุ์ไทยที่เลี้ยงไว้มารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ย่านบางเขน แต่พอขากลับ เขาต้องรออยู่นานกว่าจะสามารถเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านพร้อมน้องหมาที่กำลังอิดโรยได้ ครั้งนั้นทำให้คุณธนคิดไปตามประสาคนรักสัตว์ว่า หากมีรถที่บริการรับส่งสำหรับสุนัขโดยเฉพาะก็คงดี
แต่ไม่ใช่แค่คิด เขาได้ตัดสินใจเปิดบริการสำหรับน้องหมา "แท็กซี่สุนัข" เอาใจคนรักสัตว์โดยเฉพาะ
โอกาสสู่บริการ
แปลงรถช่วยหมาป่วย
ก่อนจะเกิดเป็นบริการอย่างเป็นรูปเป็นร่างได้ คุณธน เล่าถึงที่มาดังกล่าวว่า ช่วงที่เจอปัญหาไม่มีรถรับตนกับสุนัขตอนนั้นเป็นช่วงที่กำลังว่างงานไม่มีอะไรทำ จึงคิดว่าเงินทุนที่มีอยู่จำนวนหนึ่งน่าจะนำมาลงทุนซื้อรถเป็นแท็กซี่บริการรับส่งสัตว์ได้ จึงลองเข้าปรึกษากับทางโรงพยาบาลสัตว์ มก. ถึงความเป็นไปได้ ปรากฏว่าโอกาสเหมาะเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่ มก. จะสร้าง อาคาร เว็ท เพลส ขึ้นเพื่อเป็นอาคารสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงครบวงจร เขาจึงเลือกห้อง 19 ของอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานและจดทะเบียนเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพ็ท ทรานสปอร์ต เปิดบริการรับส่งสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548
การให้บริการใช้พาหนะสำคัญคือรถแวน 5 ประตู เพิ่มเติมเล็กน้อยโดยใช้ผ้ายางรองพื้นในส่วนท้าย และคลุมเบาะหลังเพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้ายและทำความสะอาด เน้นบริการรับส่งสัตว์เลี้ยงที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ มก. เป็นหลัก
"ตอนแรกคิดว่าจะทำแค่ 1-2 คัน แต่พอทำไปปรากฏว่าไม่พอ ไม่ทันใจลูกค้า เลยต้องเพิ่มมาเป็น 5 คัน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่พอ เพราะสัตว์ที่เข้ามารักษาที่นี่เฉลี่ยแล้ว 200-300 ราย แต่ที่ผมสามารถวิ่งรับส่งได้ต่อวันประมาณ 50 ราย เท่านั้นเอง ทั้งใกล้ไกล ซึ่งนับว่าเป็นส่วนน้อยมาก"
เจ้าของความคิดยังกล่าวเสริมต่อว่า ลูกค้าประมาณ 80% เป็นสุนัขป่วย เช่น มีบาดแผล เป็นโรคต่างๆ พิการ ส่วนที่เหลือเป็นสุนัขทำหมัน และฉีดวัคซีน และเจ้าของส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการเดินทาง
เมื่อสอบถามไปที่หญิงวัย 60 เศษ เจ้าของสุนัขพันธุ์ผสมที่กำลังรอใช้บริการของคุณธนหน้าโรงพยาบาล ก็ได้ความเห็นแบบเดียวกันว่า
"หารถมาไม่ค่อยได้ รถที่บ้านลูกหลานก็ต้องใช้ไปทำงาน แต่จะไม่พามาหาหมอก็ไม่ได้ สงสารเค้า" เธอตอบพลางใช้มือลูบหัวสุนัขตัวโปรดวัย 13 ปี ที่ป่วยเป็นโรคชราและอัมพาตทั้งตัว ซึ่งกำลังนอนส่งสายตาอยู่บนรถเข็นข้างๆ กาย
ระบบเหมาไม่รุ่ง
ติดตั้งแก๊สพร้อมมิเตอร์
ปัจจุบันโรงพยาบาลสัตว์บางแห่ง มีบริการรับส่งสัตว์ป่วยเฉพาะลูกค้าเช่นกัน แต่มักคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายซึ่งมีราคาสูง แต่เมื่อบริการนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น "แท็กซี่สุนัข" จะให้เหมือนได้อย่างไร รถทุกคันของคุณธนจึงติดตั้งระบบมิเตอร์ และเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเป็นระบบแก๊ส LPG เช่นเดียวกับแท็กซี่ทั่วไปสมชื่อ
"แรกๆ ผมคิดแบบเหมาจ่ายเหมือนกันนะ แต่พบว่าบางครั้งแพงเกินไป และบางครั้งก็ไม่คุ้มเพราะไม่สามารถรู้ได้ก่อนว่าจุดส่งอยู่จุดไหนแน่ เช่น ลูกค้าบอกว่าอยู่รามอินทรา แต่จริงๆ แล้วต้องเข้าซอยไปลึกถึง 6-7 กิโลเมตร เลยเกิดความคิดที่ว่าควรจะทำแบบกดมิเตอร์เหมือนกับแท็กซี่ ลงทุนค่าติดตั้งมิเตอร์ประมาณคันละ 2,500 บาท แล้วก็หันมาใช้แบบระบบแก๊สค่าติดตั้งประมาณ 16,000 บาท เพราะถ้าใช้น้ำมันคงไม่ไหว" เขาอธิบาย
การคิดค่าบริการจึงเริ่มต้นเมื่อรถออกสตาร์ตที่ต้นทาง 35 บาท สิ้นสุดปลายทางคิดค่าบริการตามมิเตอร์ ราคานี้สำหรับการส่งสุนัขจากโรงพยาบาลสัตว์ ที่มีหนักตัวไม่เกิน 20 กิโลกรัม แต่หากเป็นเที่ยวรับจากบ้านลูกค้ามายังโรงพยาบาลหรือที่อื่นๆ บวกค่าบริการเพิ่ม 20 บาท
ส่วนสุนัขที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่า 20 กิโลกรัม คิดค่าบริการตามมิเตอร์บวกเพิ่ม 40 บาท ทั้งเที่ยวรับและส่ง ส่วนต่างที่เก็บเพิ่มนั้นเพื่อใช้เป็นทุนในการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดรถ
"กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มีรถส่วนตัวนะครับ แต่มักจะกังวลเรื่องปัญหาที่ว่ารถจะมีกลิ่น ถ้าเป็นผมเองถึงมีรถก็ไม่มาเองหรอกครับ อย่างผมมีหมาไทยตัวหนึ่ง น้ำหนักไม่ถึง 20 กิโลกรัม จะไปสะพานใหม่ราคามิเตอร์ก็จะอยู่ราว 60 บาท แต่หากเอารถยนต์มาเอง ต้องไปเสียค่าล้างเท่าไหร่ หรือต้องทนอยู่กับกลิ่นเป็นอาทิตย์ๆ มันไม่คุ้ม ยิ่งถ้าเป็นหมาป่วย บางตัวไม่สามารถเดินได้ ต้องอุ้มขึ้นรถ ซึ่งรถยนต์ทั่วไปประตูกางออกได้แค่ 45% ไม่ใช่ 90% เหมือนรถแวน ก็ถือว่าเป็นเรื่องลำบากทุลักทุเล และทรมานสัตว์ด้วย" คุณธน อธิบายถึงความต่างในการใช้บริการแท็กซี่สุนัขกับรถยนต์ส่วนตัว
ความสะอาดสำคัญ
มองเครือข่ายหวังกระจายบริการ
นอกจากทักษะในการขับรถและความเชี่ยวชาญด้านเส้นทางแล้ว คุณธน บอกว่า ในการประกอบอาชีพนี้ควรมีความรักสัตว์รวมอยู่ด้วย เพราะต้องวนเวียนอยู่กับสุนัข บ่อยครั้งที่ต้องช่วยลูกค้าอุ้มสุนัขขึ้นลง แต่พนักงานทุกคนจะมีถุงมือสวมใส่เพื่อป้องกันตัวเอง
และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ เรื่องความสะอาด หลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จสิ้นแล้ว ต้องเปิดกระจกเพื่อระบายอากาศตอนขากลับ และก่อนรับลูกค้ารายต่อไป ต้องเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง ล้างและฆ่าเชื้อเป็นประจำอย่างน้อย 3-4 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เพราะหากรถเกิดกลิ่นหมักหมม นอกจากจะทำให้ลูกค้ารังเกียจแล้ว อาจส่งผลให้สุนัขไม่ยอมขึ้นรถด้วย
แท็กซี่สุนัขให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. ทุกวัน แต่บ่อยครั้งที่ต้องวิ่งให้บริการถึงเวลา 22.00-23.00 น. เนื่องจากมีลูกค้าสนใจใช้บริการมาก บางรายอยู่ต่างจังหวัดก็มี เช่น นครปฐม สระบุรี แต่คุณธน บอกว่า ยังไม่มีแผนเพิ่มรถเนื่องจากต้องลงทุนสูง ทุกวันนี้รายรับจากการให้บริการวันละ 800-1,000 บาท ต่อคัน (ยังไม่หักต้นทุน) ก็นับว่าเป็นระดับที่ตนพอใจแล้ว
"ผมเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ไม่มีเงินทุนทำอะไรใหญ่เกินตัว แต่ลูกค้าที่มาใช้บริการไม่ได้อยู่เฉพาะย่านบางเขน ม.เกษตรฯ แถวนี้ แต่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งบางทีผมก็ไม่สามารถให้บริการเขาได้หรอกครับ"
เจ้าของแท็กซี่สุนัขเผย พร้อมแนะนำต่อว่า หากย่านอื่นๆ ที่ยังขาดบริการ ใครสนใจทำแบบเดียวกันนี้ก็สามารถทำได้ แต่ควรมีรถของตัวเองอยู่แล้ว ไม่แนะนำให้ลงทุนออกใหม่โดยเฉพาะ หรือผู้ใดที่มีรถอยู่แล้วและอยู่ในย่านอื่นๆ สามารถเข้ามาร่วมธุรกิจเป็นสายรถให้กันก็ได้ คุณธนจะเป็นเสมือนศูนย์กลางแจ้งหาลูกค้าให้ตามข้อตกลง
ทุกวันนี้นอกจากภรรยาและลูกๆ ของคุณธน จะเป็นแรงใจสำคัญในการทำงานแล้ว เขายังมีกำลังใจรายวันจากลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย
"ลูกค้าจะบอกตลอดว่างานนี้เป็นงานที่ช่วยบริการสังคมได้ดีมาก ยิ่งคนแก่จะบอกผมตลอดว่าทำอย่างนี้ดีนะ ได้บุญนะ ได้มาช่วยสัตว์ ขอให้เจริญรุ่งเรือง ผมพูดจากใจจริงเลยว่าคำพูดเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลย เป็นกำลังใจในการทำงานของผม" คุณธน ผู้ริเริ่มแท็กซี่สุนัข กล่าวทิ้งท้าย
ใครสนใจบริการสำหรับน้องหมาแบบนี้ ติดต่อได้ที่ ห.จ.ก. เพ็ท ทรานสปอร์ต อาคาร เว็ท เพลส ห้องที่ 19 ข้างโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โทร. (02) 561-4725 หรือ (09) 452-7535
อาชีพแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใครอย่างนี้ นอกจากได้งาน ได้เงินแล้ว ยังได้บุญอีกด้วย !!
จากคุณ :
บ้านเนื้อทอง
- [
17 ก.ย. 51 05:22:40
]