Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เลี้ยง 'ม้าไทย' ไว้ขี่ชมสวน...เพื่อชีวิตรื่นรมย์

    ....................ม้าเป็นสัตว์ที่มีความสง่างามอยู่ในตัวเองโดยไม่ต้องไปพึ่งใคร ความสง่างามดำรงอยู่โดยธรรมชาติของมัน โดยไม่ต้องไปเสริมแต่งอะไรให้ แต่ก่อนนั้นเคยขี่ม้าโดยมีคนจูง...จูงไปแป๊บเดียวก็เลี้ยวกลับแล้วบอกว่าครบชั่วโมงแล้ว ก็แถวชายหาดที่ไหนสักแห่งในประเทศไทยแต่ที่ไหนไม่อยากจดจำ...แต่ตอน นั้นตอนอยู่หลังม้ารู้สึกว่ามันสูงมาก ทั้งที่มันเป็นม้าแกลบนั่นแหละ!

                       ติดต่อขอข้อมูลจาก น.อ.กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง ร.น. ซึ่งปัจจุบันรับราชการที่กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือซึ่งก็ยินดีให้ข้อมูลเกี่ยวกับม้าเพราะ น.อ.กิตติพงษ์ เป็นคนที่รักม้าเป็นชีวิตจิตใจและมีฟาร์มเลี้ยงม้าด้วยที่ชุมพร

                       สำหรับที่มาคือในปี 2543 น.อ.กิตติพงษ์ เริ่มนำม้าไทยที่ชาวบ้านเลี้ยงแบบทิ้งขว้าง มาปล่อยไว้ในสวนยางพาราที่มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ โดยเริ่มจากมีลูกม้าที่เป็นลูกผสมระหว่างม้าแข่งกับแม่ม้าไทยเพียงสองตัว ในระยะแรกไม่ได้ให้อาหารเสริมอะไรเป็นพิเศษ เพียงปล่อยให้ม้าหากินเองตามธรรมชาติเท่านั้น คือตอนนั้นต้องการแค่นำม้ามาเป็นอุปกรณ์กำจัดวัชพืช และถ่ายออกมาเป็นปุ๋ยก็พอแล้ว

                       แต่หลังจากแม่ม้าลูกผสมโตขึ้น น.อ. กิตติพงษ์ จึงคัดเลือกพ่อม้าลูกผสมควอเตอร์ฮอร์สชื่อ “เจ้าเบิ้ม” อายุ 4 ปี ส่วนสูง ประมาณ 153 ซม. (ประมาณ 15 แฮนด์) มาเป็นพ่อพันธุ์ ในการคัดเลือกนั้น น.อ.กิตติพงษ์ ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวดูรูปทรงของม้าเป็นอันดับแรก ถัดมาคือนิสัย ต้องไม่ดุ เตะกัด หรือทำอันตรายผู้เลี้ยง ที่สำคัญคือเจ้าเบิ้มเวลาขี่หลังจะนิ่มนวลน่าขี่เป็นอย่างยิ่ง และในการคัดเลือกพ่อม้านั้นมีข้อเสนอแนะว่าถ้ามีใครมาแนะนำให้ซื้อพ่อม้าสายเลือดดี แต่หากรูปทรงไม่ได้มาตรฐาน เช่น ก้นลีบ ขาโก่ง หรือ รูปร่างผิดสัดส่วนอย่างชัดเจน รวมทั้งนิสัยไม่ดี ก็ไม่ควรใช้เป็นพ่อม้าแม้ว่าสายเลือดจะดีเพียงใด ก็ตาม

                       หลังจากการลองผิดลองถูกในการเลี้ยงม้าในสวนยางพาราในแนวทดลองมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี น.อ.กิตติพงษ์ พบว่าในสวนยางของตนเองมีลูกม้าเยอะขึ้นมากจึงเริ่มจำหน่ายออก เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระผู้เลี้ยงจนเกินควร ความปรารถนาอีกอย่างคือต้องการแบ่งปันลูกม้าให้คนอื่นนำไปเลี้ยงเพื่อให้เกิดกิจกรรมเลี้ยงม้าเพื่อขี่เล่นหรือเพื่อสันทนาการให้ขยายตัวในวงกว้างยิ่งขึ้น

                       น.อ.กิตติพงษ์ ให้ความรู้มาว่า ม้าไทยหรือม้าพันธุ์พื้นเมืองของไทยเท่าที่ค้นพบสามารถแบ่งได้สองประเภท ประเภทแรกคือ ม้าสายพันธุ์มองโกล หรือม้าไทยที่เห็นกันทั่ว ๆ ไป จากประวัติเดิมนั้นจะใช้เป็นม้าต่างระหว่างชายแดนประเทศไทยตอนเหนือ กับประเทศจีนพม่าและลาวในสมัยโบราณ ภายหลังจึงแพร่พันธุ์ไปเลี้ยงกันทั่วทุกภาคของประเทศไทย ม้าสายพันธุ์นี้จะมีความสูงไม่เกิน 130 ซม. สำหรับตัวผู้ และตัวเมียสูงไม่เกิน 120 ซม. ลักษณะเด่นคือมีหน้าแหลมเหมือนม้าสายพันธุ์อาหรับ คอสั้น ลำตัวสั้น ขนแผงคอเป็นพุ่มดกไม่เป็นระเบียบ ขาสั้น กีบเล็ก
     
                       อีกประเภทหนึ่งคือ ม้าสายพันธุ์ไทยใหญ่ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ม้าไทยใหญ่แหล่ง กำเนิดใหญ่อยู่แถบจังหวัดชายแดนไทย-เมียน มาร์ ม้าเหล่านี้สันนิษฐานว่าน่าจะแพร่พันธุ์จากม้าศึกที่มากับทัพพม่าคราวเข้าตีกรุงศรีอยุธยา หรือสงครามเก้าทัพ ผ่านไปตามจังหวัดที่มีชายแดนติดกับพม่าโดยลัดเลาะผ่านมาทางจังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กาญจนบุรี ยังพบว่ามีม้าประเภทนี้อยู่ และที่พระนครศรีอยุธยาก็มีอยู่บ้าง ซึ่งคาดว่าเป็นม้าลูกผสมที่เกิดระหว่างแม่พันธุ์ไทยมองโกลกับพ่อม้าเทศที่นำมาจากต่างประเทศเข้ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเพื่อใช้ในการศึกสงคราม ม้าไทยใหญ่นี้จะมีโครงสร้างใหญ่กว่าม้าไทยมองโกลเล็กน้อย ลักษณะเด่นคือ รูปร่างบึกบึน หัวใหญ่ คอยาว คล้ายม้าเทศ ขาสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับลำตัว ขนแผงคอจัดเรียงเป็นระเบียบ พบได้ทั่วไปบริเวณจังหวัดรอยต่อระหว่างประ เทศไทยและพม่า

    ที่มา  http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=63129&NewsType=2&Template=1

    แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 51 15:33:54

     
     

    จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 17 ก.ย. 51 15:32:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom