PANTIP.COM : J7148783 ........... ชวนเพื่อนห้องหัวมุมร่วมเป็นกำลังใจให้ชาวนาไทยแดนใต้....สวี.......... [มุมเกษตรกร]

ความคิดเห็นที่ 17

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน สำหรับกำลังใจครับ จริงๆ ผมได้รับคำถามประเภท ที่พี่แดง(คนใกล้ตัวจาปาตี) ถามผมอยู่บ่อยๆ ว่า

แล้ว...มีชีวิตอยู่ได้ยังไง...รายได้มาจากไหน

ผมบอกลางๆ ว่า ก็ ขายโน่นนิดนี่หน่อย เช่น ใบกล้วยตานี กก.ละ ๕ บาท ครั้งละ ๓๐-๙๐ บาท สองอาทิตย์ครั้ง

รับจ้างตัดหญ้าบ้าง(ปัจจุบันเลิกแล้ว - เสี่ยง)

เผาถ่านบ้าง บางคนค่อนขอดผมว่าตัดไม้ทำลายป่าในสวนของตัวเองซึ่งเป็นไม้ใช้สอยส่วนตัว รวมทั้งไม้ที่รับบริจาคมาจากการล้มสวนโบราณของคนอื่นๆ เพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว ผมก็ลากรถเข็นไปขนทีละเที่ยว ละเที่ยว ผมนำมาตัดแล้วเข้าเตาเผา

รับจ้างถ่ายภาพงานพิธีบ้าง ตอนนี้เหลือปีละ ๑ หน เพราะเครื่องมือเปลี่ยนโลกเปลี่ยน จากฟิล์มสู่ดิจิตอล SLR เครื่องมือที่ผมมีกลายเป็นของล้าสมัยและโบราณไปแล้ว

มะพร้าวในสวนก็ขายผล เดือนละประมาณ ๕๐๐ - ๑,๐๐ บาท แล้วแต่การขึ้นลงของราคา และจำนวนผลมะพร้าวในสวน

มียาสมุนไพรบางชนิดที่คนแก่ที่บ้านเคยทำกินเองใช้เองและแบ่งให้คนที่เดือดร้อนในแนวเดียวกันได้นำไปใช้ ตอนนี้ผมรับช่วงต่อ เพราะหยุดไม่ได้

ขายน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ทำไว้ใช้เอง และเป็นส่วนประกอบของยา แบ่งขายบ้าง นานๆ ครั้ง

ตอนนี้ผมทำนา เพื่อศึกษาเรื่องพันธุ์ข้าวแต่ละชนิดที่เหมาะสมกับพื้นที่ รสชาตที่ชอบ ความปลอดภัย และลดรายจ่ายในบ้าน

รายรับส่วนหนึ่งยามฉุกเฉินมาจากเงินเดือนสงเคราะห์คนชรา ของคนแก่ครับ

ถามว่าผมเครียดไหม ....... บ้างครับ แต่ไม่ได้เป็นภาระที่ต้องหมกมุ่น ยังสนุกสนานกับการงานที่ทำ ออกเหงื่อ เหนื่อย ล้า แล้วได้เรื่องราวมาเขียนเล่าสู่กัน

ผมยังคิดๆ อยู่ว่าจะเขียนถึงการบังเอิญ(หรือบางคนตั้งใจ)มารู้จักกันของสมาชิกทั้งที่นี่และที่อื่นๆ ผมว่าพวกคุณๆ ควรอย่างยิ่งที่จะต้องทำอะไรสักอย่างมากกว่าการแค่รู้จักกันและสนิทสนมกัน

ผมคิดไว้ในใจ เรื่องของการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งแต่ละคนมีมากกว่าที่จะไปง้อตลาดกลางหรือคนกลาง ทั้งเรื่องของการผลิตและขนส่ง(สำหรับคนที่มีสินค้ามากเกินไป และราคาถูกเกินไป) ส่วนวิธีการจะทำอย่างไรแบบไหน น่าจะคุยกันบ้างในแวดวงเสวนาที่นั่นที่นี่ (มากกว่าการแซวกันเรื่องรสของอาหาร - ขออนุญาต ฮิ้วววววววววววววววววววว , แค่ล้อเล่น อย่าซีเรียสไป)

ชีวิตผมเคลื่อนที่ช้าครับ แม้จะดูทันโลก แต่ผมได้เร่งรีบ ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณ ไม่ใช่ความทะเยอทะยานหรือสั่งสมเพื่อเลี้ยงวงศ์วานว่านเครือ ดังนั้นจึงมักมีหลากรสปะปนกันไปตามเรื่องราวรายทางที่ได้พบเจอหรือโดนถีบกระทบ ขอขอบคุณมิตรทุกท่านที่ส่งแรงกำลังและถ้อยคำดีดีฝากมา

คงไม่เครียดกับเรื่องราวที่ผมถ่ายทอดมาทั้งหมด แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชีวิตและเรื่องที่ผมเขียนถึงอาจจะทำให้มิตรผู้อ่อนล้ามีเรี่ยวแรงต่อสู้กับสรรพสิ่งที่มากระทบได้ เพื่อยืนหยัดกับเวลาซึ่งยังเดินทางเข้ามาหามิตรได้ทุกวัน ทุกเวลา

และในแต่ละปลีกย่อยของเวลานั้น มีทั้งเรื่องดีและร้ายเข้ามาเสนอ,เสมอ ขึ้นอยู่กับมิตร ว่าจะเลือกรับเอาส่วนไหนใดไว้

อย่างที่ผมเขียนถึงในลิงค์ข้างบนโน้นว่า มนุษย์ มีศักยภาพมากกว่าที่ตนเองคิดเสมอ..

ด้วยมิตร และขอบคุณทุกท่านที่มอบกำลังใจให้
แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 17:56:57
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 51 19:38:39

จากคุณ : สายลมลอย - [ 30 ต.ค. 51 19:36:32 ]