ความคิดเห็นที่ 1 กระชาย เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าหรือลำต้นอยู่ใต้ดิน ซึ่งมีลักษณะเรียว ยาวอวบน้ำ ตรงกลางเหง้าจะพองคล้ายกระสวย ออกเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุก มีสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลแกมส้ม เนื้อข้างในเป็นสีเหลืองมีกลิ่นหอม ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน สีค่อนข้างแดง ใบมีขนาดยาวรีรูปไข่ ปลายใบแหลมมีขนาดใหญ่สีเขียวอ่อน โคนใบเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ออกดอกเป็นช่อที่ยอด ดอกมีสีขาวหรือสีขาวปนชมพู ผลของกระชายเป็นผลแห้ง ..        กระชายเป็นไม้ล้มลุก สูงราว 1-2 ศอก มีลำต้นใต้ดินเรียกเหง้า มีรากทรงกระบอกปลายแหลมจำนวนมากรวมติดอยู่ที่เหง้าเป็นกระจุก เนื้อในรากละเอียด สีเหลือง มีกลิ่นเฉพาะกาบใบสีแดงเรื่อ ใบใหญ่ยาวรีปลายแหลม ดอกเป็นช่อ สีขาวชมพู ขยายพันธุ์โดยใช้เหง้า กระชายชอบดินร่วนปนทราย ไม่ชอบดินแฉะ ต้องการแค่ปริมาณน้ำฝนตามธรรมชาติ ฤดูที่เหมาะกับการปลูกคือปลายฤดูแล้ง         กระชายเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกตามบ้านเรือนทั่วไป ส่วนที่ใช้เป็นอาหารและยาในประเทศไทยคือเหง้าใต้ดินและราก         ในประเทศจีนมีรายงานการใช้กระชายเป็นยา         ในประเทศเวียดนามใช้กระชายในการปรุงอาหาร         ในประเทศไทยมีพืชที่เรียกว่ากระชายอยู่ 3 ชนิด คือกระชาย (เหลือง) กระชายแดง และกระชายดำ         กระชายเหลืองและกระชายแดง เป็นพืชจำพวก (genus และ species) เดียวกัน แต่เป็นพืชต่างชนิดกันและมีฤทธิ์ทางยาต่างกันเล็กน้อย โดยกระชายแดงจะมีกาบใบสีแดงเข้มกว่ากระชายเหลือง         ส่วนกระชายดำ เป็นพืชวงศ์ขิงเช่นกันแต่อยู่ในตระกูลเปราะหอม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia parviflora Wall. Ex Bak. จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สารสำคัญที่พบ      รากและเหง้ากระชายมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งประกอบด้วยสารไพนีน แคมฟีน เมอร์ซีน ไลโมนีน บอร์นีออลและการบูร เหง้าและรากของกระชายมีรสเผ็ดร้อนขม หมอยาพื้นบ้านในประเทศไทยใช้เหง้า และรากของกระชายแก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืดเฟ้อ แก้ลมจุกเสียด แก้โรคกระเพาะ รักษาแผลในปาก แก้ตกขาว กลาก เกลื้อน ใช้เมื่อมีอาการปวดข้อเข่า ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง และใช้บำบัดโรคกามตายด้านอีกด้วย สรรพคุณ  กระชายมีรสเผ็ดร้อน สารสำคัญในรากและเหง้ากระชายมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหารและแก้โรคในช่องปาก         1. แก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย นำรากกระชายย่างไฟ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำปูนใสคั้นเอาแต่น้ำดื่ม         2. รักษาโรคริดสีดวงทวาร ต้มกระชายพร้อมมะขามเปียก เติมเกลือแกงเล็กน้อย รับประทานก่อนนอนทุกวัน         3. ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ ตำรากกระชาย 1 กำมือให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานก่อนอาหารเย็น        4. ช่วยบำรุงหัวใจ กระตุ้นให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ นำกระชายแห้งบดให้เป็นผงละลายกับน้ำร้อน         5. นำรากกระชาย ตะไคร้ หอมแดง ข่า ใบสะเดาแก่ ตำผสมกัน ใช้ฉีดบริเวณที่มีแมลงรบกวน         6. บำบัดโรคกระเพาะ กินรากสดแง่งเท่านิ้วก้อยไม่ต้องปอกเปลือก วันละ 3 มื้อ ก่อนอาหาร 15 นาที สัก 3 วัน ถ้ากินได้ให้กินจนครบ 2 สัปดาห์ ถ้าเผ็ดร้อนเกินไปหลังวันที่ 3 ให้กินขมิ้นสดปอกเปลือกขนาดเท่ากับ 2 ข้อนิ้วก้อยจนครบ 2 สัปดาห์         7.บรรเทาอาการแผลในปาก ปั่นรากกระชายทั้งเปลือก 2 แง่งกับน้ำสะอาด 1 แก้วในโถปั่นน้ำ เติมเกลือครึ่งช้อนกาแฟโบราณ กรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้กลั้วปากวันละ 3 เวลาจนกว่าแผลจะหาย ถ้าเฝื่อนเกินไปให้เติมน้ำสุกได้อีก ส่วนที่ยังไม่ได้แบ่งใช้เก็บในตู้เย็นได้ 1 วัน         8. แก้ฝ้าขาวในปาก บดรากกระชายที่ล้างสะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก ในโถปั่นพอหยาบ ใส่ขวดปิดฝาแช่ไว้ในตู้เย็น กินก่อนอาหารครั้งละ 1 ช้อนกาแฟเล็ก (เหมือนที่เขาใช้คนกาแฟโบราณ) วันละ 3 มื้อก่อนอาหาร 15 นาที สัก 7 วัน 9. ฤทธิ์แก้กลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า คันศีรษะจากเชื้อรา นำรากกระชายทั้งเปลือกมาล้างผึ่งให้แห้ง ฝานเป็นแว่น แล้วบดให้เป็นผงหยาบ เอาน้ำมันพืช (อาจใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวก็ได้) มาอุ่นในหม้อใบเล็กๆ เติมผงกระชายใช้น้ำมัน 3 เท่าของปริมาณกระชาย หุง (คนไปคนมาอย่าให้ไหม้) ไฟอ่อนๆ ไปสักพักราว 15-20 นาที กรองกระชายออก เก็บน้ำมันไว้ในขวดแก้วสีชาใช้ทาแก้กลาก เกลื้อน         10. แก้คันศีรษะจากเชื้อรา ให้เอาน้ำมันดังกล่าวไปเข้าสูตรทำแชมพูสระผมสูตรน้ำมันจากที่ไหนก็ได้ โดยใช้แทนน้ำมันมะพร้าวในสูตร ประหยัดเงินและได้ภูมิใจกับภูมิปัญญาไทย หรือจะใช้น้ำมันกระชายโกรกผม ให้เพิ่มปริมาณน้ำมันพืชอีก 1 เท่าตัว โกรกด้วยน้ำมันกระชายสัก 5 นาที นวดให้เข้าหนังศีรษะ แล้วจึงสระผมล้างออก         11. ฤทธิ์เป็นยาอายุวัฒนะ ผงกระชายทั้งเปลือกบดตากแห้งปั้นลูกกลอนกับน้ำผึ้ง กินวันละ 3 ลูกก่อนเข้านอน ตำรับนี้เคยมีผู้รายงานว่าใช้ลดน้ำตาลในเลือดได้ หรือใช้กระชายตากแห้งบดผงบรรจุแคปซูล แคปซูลละ 250 มิลลิกรัม กินวันละ 1 แคปซูลตอนเช้าก่อนอาหารเช้าในสัปดาห์แรก วันละ 2 แคปซูลตอนเช้าในสัปดาห์ที่ 2 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระชาย ในอดีตหมอยาแผนไทยจะใช้กระชายเหลืองที่พบเห็นทั่วไปมาเป็นยาบำรุง เพราะเหง้าของกระชายนั้นถือเป็นยาอายุวัฒนะอย่างดี ส่วนการปรุงยาอายุวัฒนะด้วยกระชาย เราสามารถทำได้โดยการดองกับน้ำผึ้ง วิธีการก็คือ นำเหง้ากระชายแก่ประมาณ 2-3 เหง้ามาโขลกให้แตกเพื่อให้ตัวยาออกมา แล้วนำเหง้ากระชายเหล่านี้ไปห่อด้วยผ้าขาวบางก่อนนำไปแช่ในโหลน้ำผึ้ง การห่อด้วยผ้าขาวบางก็เพื่อป้องกันการเปื่อยยุ่ย ของกระชายนั่นเอง แช่ไว้อย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้วค่อยตักน้ำผึ้งที่มีตัวยาจากกระชายผสมแล้วมารับประทาน             บางคนอาจจะขี้เกียจรอเวลากว่ากระชายดองน้ำผึ้งจะได้ที่ ก็อาจรับประทานยาอายุวัฒนะขนานนี้ด้วยการนำกระชายมาคั้นน้ำให้ได้ครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้งอีกครึ่งถ้วย แล้วทานก่อนอาหารเย็น 1 ชั่วโมง ตำรับนี้คนโบราณเชื่อว่าจะช่วยบำรุงกำลังและช่วยให้ร่างกายสดชื่น และยังทำให้รู้สึกว่าไม่แก่เร็ว ที่สำคัญคือจะช่วยแก้อาการปวดเมื่อย ปวดหลัง และยังช่วยเรื่องการขับถ่ายและขับลมได้ จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่มา.. http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2 http://www.herbalone.net/index.php?option=com_content&task=view&id=68&Itemid=42 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กล้วยน้ำว้า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Musa sapientum Linn.) เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคกันอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี อร่อยด้วย กล้วยน้ำว้ามีชื่อพื้นเมืองอื่นเช่น กล้วยน้ำว้าเหลือง กล้วยใต้ หรือ กล้วยอ่อง คุณค่าทางอาหารและยา กล้วยน้ำว้าเมื่อเทียบกับกล้วยหอมและกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าจะให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ ๔-๖ ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน ๑ สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ ๑ ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กล้วยน้ำหว้าดองกับน้ำผึ้ง ซึ่งวิธีทำก็ง่ายมาก นำผลกล้วยน้ำหว้าสุกที่ปลอกเปลือกแล้วมาใส่โหลดอง เทน้ำผึ้งแท้ลงไปให้ท่วมผลกล้วย ดองเอาไว้นาน 1 เดือน จากนั้นก็ให้ทยอยนำกล้วยมารับประทานครั้งละ 1 ผล แล้วก็ตักน้ำผึ้งมาทานพร้อมกล้วยสัก 1 ช้อนแกง ส่วนจะทานตอนไหนดีนั้น บางคนชอบทานก่อนนอน บางคนจะทานตอนเช้า ซึ่งเรื่องนี้ตำราไม่ได้กำหนดไว้ตายตัว แต่คนโบราณนิยมทานช่วงก่อนนอน และยังเชื่อกันอีกว่า หากรับประทานยาอายุวัฒนะขนานนี้ติดต่อกัน 1 เดือน จะช่วยให้ร่างกายมีกำลังวังชาและผิวพรรณก็จะดีขึ้นด้วย ที่มา.. http://student.nu.ac.th/gluay_gluay/index1.htm http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2 http://www.herbalone.net/index.php?option=com_content&task=view&id=68&Itemid=42 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 13:30:16 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 13:23:23 จากคุณ : มีแบบสำเร็จขายด้วยนะ.. (คนดง คนเดิม) - [ 18 พ.ย. 51 13:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กระเทียม ถือเป็นสุดยอดของสมุนไพรที่ใช้กันมาแต่โบราณ และยังได้ชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย แต่ปัญหาคือกระเทียมจะเหมาะเฉพาะกับบางคนเท่านั้น ขณะที่บางคนก็ไม่อาจรับประทานได้ และบางคนก็ไม่ชอบ ทั้งนี้เนื่องจากกระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีรสร้อน ทำให้เมื่อทานเข้าไปแล้วบางคนรู้สึกร่างกายร้อน นอกจากนี้กลิ่นของกระเทียมยังเป็นอุปสรรคต่อการรับประทาน บางคนไม่ชอบเพราะเห็นว่าอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวและกลิ่นปากได้             ในเมื่อกระเทียมมีลักษณะฉุน-เผ็ด-ร้อน หากทานสดๆ อาจทำให้ไปกัดกระเพราะได้ ดังนั้นคนโบราณจึงได้บอกเล่าเทคนิคการรับประทานกระเทียมเอาไว้ ว่าทางที่ดีต้องทานพร้อมอาหารและควรจะซอยออกเป็นชิ้นเล็กๆ ด้วย เพราะการซอยจะทำให้สารเคมีในกระเทียมแตกตัวและทำให้คุณสมบัติที่เป็นยามีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลดีที่สุดคือการรับประทานสดๆ       สำหรับประโยชน์ของกระเทียมนั้น งานวิจัยสมัยใหม่ได้ยอมรับกันแล้วว่า กระเทียมช่วยลดไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดความดันได้ แต่ในตำรายาโบราณบอกไว้ว่า กระเทียมจะช่วยอาการธาตุพิการ ซึ่งหมายถึงจะช่วยได้ในเรื่องอาหารไม่ย่อย มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นั่นเอง จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รสและสรรพคุณยาไทย  » รสเผ็ดร้อน เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้กลากเกลื้อน แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์  » สารเคมีในหัวกระเทียม คือน้ำมันหอมระเหย Essential oil โดยทั่วไปกระเทียมจะมีน้ำมันหอมระเหยประมาณร้อยละ 0.6-1 ในน้ำมันหอมระเหย นี้มีสารเคมีที่มีกำมะถันเป็นองค์หระกอบหลายชนิด ตัวที่สำคัญก็คือ "อัลลิซิน" นอกจากนี้ยังมี Sulfane dimethy dipropl-disulfide sllinase "อัลลิซิน" เป็นน้ำมันไม่มีสี ละลายได้ในน้ำ ในแอลกอฮอล์ เบนซิน และอีเทอร์ ถ้ากลั่นโดยใช้การร้อนโดยตรง จะถูกทำลาย"อัลลิซิน"ได้รับความสนใจและแยกสกัดบากกว่า มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิดด้วยกัน หัวกระเทียมสามารถลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด ได้ทั้งคนปกติและคนไข้ที่มีโฆเลสเตอรอลสูง วิธีใช้    » แก้อากาท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ถ้ารับประทานกะเทียมดิบๆ ครั้งละประมาณ 5-7 กลีบ หลังอาหารจะสามารถช่วยได้ รักษากลาก เกลื้อน โดยการฝานหัวกระเทียมเอามาถูเบาๆหรือโขลกคั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็น ที่มา..http://www.samunpai.com/samunpai/show.php?cat=1&id=9 http://www.herbalone.net/index.php?option=com_content&task=view&id=68&Itemid=42 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 13:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากคุณ : soomchon - [ 18 พ.ย. 51 13:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เหงือกปลาหมอ ตำรายาโบราณยกให้เหงือกปลาหมอเป็นยาอายุวัฒนะเช่นกัน เราสามารถรับประทานพืชชนิดนี้ด้วยการนำใบมาตากแห้งแล้วบดให้ละเอียดและผสมกับเม็ดพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอน รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด หรืออาจจะนำเหงือกปลาหมอที่ผสมกับเม็ดพริกไทยแล้วมาผสมกับน้ำอุ่นดื่ม ใช้ประมาณ 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว ทานก่อนอาหารหรือ ก่อนนอน  แต่เนื่องจากตำรายานี้เป็นยาร้อน          ดังนั้นตำรายาจึงบอกไว้ว่า คนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ไม่ควรทาน ที่กำหนดไว้เช่นนี้ก็เพราะคนหนุ่มสาวมีธาตุไฟมาก หากทานยานี้เข้าไปอีก ก็จะเป็นการเสริมธาตุไฟทำให้ร้อนยิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่คนแก่นั้นธาตุไฟเริ่มลดลง จึงต้องทานยาชนิดนี้เข้าไปเสริมธาตุไฟ จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ ๐.๕-๑.๐ เมตร พบตามป่าชายเลนและบริเวณน้ำกร่อย ชนิดดอกขาว พบในภาคกลางและภาคตะวันออก ส่วนชนิดดอกม่วง พบทางภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ลำต้นกลม เรียบแข็ง สีเขียวแกมเทา มักมีหนามตามข้อๆ ละ ๔ หนามใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปไข่ รูปวงรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๓-๗ ซม. ยาว ๖-๒๐ซม. ขอบใบเว้าหยักซี่ฟันห่างๆ ดอกช่อออกที่ปลายกิ่ง ชนิดดอกขาวมีกลีบดอกสีขาว จุดประสีแดงหรือสีม่วงแดง ชนิดดอกม่วงกลีบดอกสีม่วง อมฟ้า มีแถบสีเหลืองอ่อนกลางกลีบผลเป็นฝักรูปไข่หรือ ทรงกระบอก... ที่มา..http://www.siamnewschan.com/index.php?option=com_content&task=view&id=82&Itemid=42 http://www.geocities.com/HotSprings/Sauna/2078/herb24.html http://www.herbalone.net/index.php?option=com_content&task=view&id=68&Itemid=42 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ใบบัวบก            .. ถือเป็นยาอายุวัฒนะอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ตำรายาไทยระบุไว้ว่าใบบัวบกจะช่วยให้สมองดี แต่เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเย็น หากทานเข้าไปมากๆ อาจทำให้ร่างกายหนาวสะท้าน ดังนั้นตำรายาไทยจึงไม่ให้รับประทานใบบัวบกเพียวๆ หากแต่ให้นำใบบัวบกตากแห้งไปบดแล้วผสมกับพริกไทยป่นในอัตราส่วน 2:1 แล้วค่อยนำมาละลายดื่มกับน้ำร้อนครั้งละครึ่งช้อนชา และให้ทานก่อนนอน ตามตำราบอกไว้ว่า การรับประทานยาอายุวัฒนะสูตรนี้อย่างน้อย 1 เดือน จะช่วยบำรุงร่างกายและสมองได้อย่างดี              ใบบัวบก    เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กที่ขึ้นบนดิน แต่มีลักษณะใบคล้ายกับใบบัว  ซึ่งรู้จักกันดีว่าน้ำใบบัวบกช่วยแก้ช้ำใน  และยังมีสรรพคุณอื่นๆอีกมาก   ในบัวบกประกอบด้วยสารสำคัญหลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น  ไตรเตอพีนอยด์ (อะซิเอติโคไซ)   บราโมไซ  บรามิโนไซ  มาดิแคสโซไซ(เป็นไกลโคไซด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ)   กรดมาดิแคสซิค  ไทอะมิน(วิตามินบี 1)  ไรโบฟลาวิน(วิตามินบี2)  ไพริดอกซิน(วิตามินบี6)  วิตามินเค แอสพาเรต  กลูตาเมต  ซีริน  ทรีโอนีน  อลานีน  ไลซีน  ฮีสทีดิน  แมกนีเซียม  แคลเซียม โซเดียม จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นอกจากนี้ ใบบัวบกยังจะช่วยลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้อีกด้วย วิธีการก็คือนำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วเอาน้ำนั้นมาทาบริเวณขอบตาที่เกิดริ้วรอยง่าย หรือจะทาทั่วใบหน้าก็ได้ บางคนอาจนำกากใบที่คั้นน้ำแล้วมาพอกหน้าด้วยก็ได้ นี่คือวิธีการรักษาความงามแบบง่ายๆ ที่มา.. http://www.herbalone.net/index.php?option=com_content&task=view&id=68&Itemid=42 http://www.goodhealth.co.th/new_page_98.htm http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-4/no01/boa.html จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บอระเพ็ด                พูดถึงบอระเพ็ดแล้ว ใครๆก็นึกถึงรสขม แต่คนโบราณได้บอกวิธีเลี่ยงรสขมไว้แล้ว นั่นคือให้ตัดบอระเพ็ดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปแช่น้ำผึ้งอย่างน้อย 10-15 วัน แล้วให้ทานก่อนนอนครั้งละ 1-2 ท่อน วิธีนี้นอกจากทำให้บอระเพ็ดไม่ขมแล้ว เรายังจะได้รสหวานของน้ำผึ้งเข้ามาด้วย หรือใครจะนำบอระเพ็ดมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผงก่อนนำไปใส่ในแคปซูลก็ได้ ด้านสรรพคุณนั้นบอระเพ็ดจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย และยังช่วยเรียกน้ำย่อยเจริญอาหาร ๑.   ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ได้ดีมาก ใช้บอระเพ็ดสัสก ๒ นิ้วฟุต ล้างสะอาด โขลก ละเอียดกับน้ำต้มสุก บีบเอากากทิ้ง เอาน้ำบอระเพ็ดดื่ม หรือใช้สุราหรือเหล้าขาว ก็ได้ ดองบอระเพ็ดกับเหล้า ในอัตรา ๑:๑๐ เอามาดื่ม เมื่อเกิดอาการ ๑-๒ ช้อนชา ๒.   แก้ไข้ทุกชนิด ใช้เช่นเดียวกับถอนพิษไข้ ๓.   ช่วยเจริญอาหาร ๔.   แก้พิษฝีดาษ บีบคั้นเอาน้ำบอระเพ็ดดื่มเช้า กลางวัน เย็น อาการฝีดาษ จะ ค่อยๆ ทุเลาลง จนหาย ๕.   บำรุงไฟธาตุ เอาบอระเพ็ดดองกับเหล้าขาว ในอัตรา ๑:๑๐ ดองนาน ๑ เดือน เศษ ดื่ม ครั้งละ ๑ ช้อนแกง ก่อนอาหาร เช้า-เย็น ๖.   แ้ก้ร้อนใน กระหายน้ำ บีบคั้นน้ำกิน ๗.   แก้อาการสะอึก ยาดองเหล้าบอระเพ็ด จิบเข้าไปสัก ๑ ช้อนชา ให้ฤทธิ์เหล้า ขาว และบอระเพ็ด กำซาบ ซ่านไปทั่ว ปากคอ หลอดลม ทางเดินอาหาร ๘.   ช่วยขับน้ำย่อย จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ยาอายุวัฒนะ ๑.                       เปลือกต้นทิ้งถ่อน ๒.                       เปลือกตะโกนา ๓.                       หัวแห้วหมู ๔.                       เถาบอระเพ็ด ๕.                       เมล็ดข่อย ๖.                       เมล็ดพริกไทย ๗.                       กระชาย วิธีทำ น้ำหนักเสมอภาค บดผง ปั้นลูกกลอน ขนาดเท่าเมล็ดพุทรา รับประทาน ก่อนนอน ๑-๒ เม็ด สรรพคุณ เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง ถ้าปวดเมื่อยตาม ร่าง กาย ทาน ๒-๔ เม็ด ก่อนอาหาร ๓ เวลา ที่มา..http://www.geocities.com/thaimedicinecm/sansilpayathai8.htm http://www.herbalone.net/index.php?option=com_content&task=view&id=68&Itemid=42 จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มะขามป้อม-สมอไทย                  ถือเป็นผลไม้คู่หูทีเดียว ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้สาวกฉันผลไม้ชนิดนี้ได้ เพราะถือเป็นโอสถและยาอายุวัฒนะขนานเอก  เหตุที่มะขามป้อมจัดเป็นผลไม้ชั้นดี เพราะเป็นผลไม้ที่มีหลายรส ทั้งเปรี้ยว หวาน ขม และเผ็ด  รสยาที่หลากหลายนี้จะไปช่วยแก้ไข บำบัด และเสริมสร้างสุขภาพได้อย่างครอบคลุม         ซึ่งสมอไทยก็ถือเป็นสมุนไพรที่มีหลายรสเช่นกัน  สรรพคุณของมะขามป้อมนั้น ตามตำราบอกว่า นอกจากจะช่วยบำรุงกระเพาะลำไส้แล้ว ยังช่วยบำรุงสมอง ตับ บำรุงผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย แถมยังช่วยปรับระบบเลือดลมต่างๆอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังช่วยแก้อาการหวัด ไอ เจ็บคอหรือมีเสมหะ  ส่วนสมอไทยนั้น คุณสมบัติพิเศษหนึ่งก็คือ เป็นยาช่วยระบาย ที่จะช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด ช่วยขับลม และบำรุงร่างกาย ราก  ต้มน้ำกินเป็นยาลดไข้  เป็นยาเย็น  ฟอกเลือด  และทำให้อาเจียนถ้ากลั่นรากจะได้สารที่มีคุณสมบัติเป็นยาฝาด สมานที่ดีกว่าสีเสียด  ตำพอกแก้พิษสัตว์กัดต่อย ต้น/เปลือก  เป็นยาฝาดสมาน ใบ  น้ำต้มใบใช้อาบลดไข้ ดอก  มีกลิ่นหอมคล้ายผิวมะนาว  ใช้เข้าเครื่องยาเป็นยากเย็นและยาระบาย ผล  ใช้ได้ทั้งแผลสดและผลแห้ง  มีฤทธิ์กัดน้ำลายเป็นยาเย็น  ยาฝาดสมานลดไข้  ขับปัสสาวะ  บำรุงหัวใจ  ฟอกเลือด  น้ำคั้นผลสดมีวิตามินซีสูงกว่าน้ำส้มคั้นประมาณ  20  เท่า  ในปริมาณเท่ากัน  ใช้แก้โรคลักปิดลักเปิด จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 14:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่มา... http://www.geocities.com/thaimedicinecm/sansilpayathai55makhampom.htm http://nurse.tu.ac.th/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89.htm จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 18 พ.ย. 51 15:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดีจังเลยค่ะ  ขอบคุณค่ะ   ขอให้คุณพ่อแข็งแรง เร็วๆนะค่ะ จากคุณ : honeybfit - [ 18 พ.ย. 51 16:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้คุณภาพอีกแล้วนะน้าดง  มีอะไรแก้โรคทรัพย์จางได้บ้างอ่ะ จากคุณ : สะพานใหม่ (YONG AN) - [ 18 พ.ย. 51 20:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอให้คุณพ่อของ คุณคนดง คนเดิมหายเป็นปกติไวๆ นะครับ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 18 พ.ย. 51 21:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณคนดง คนเดิม...ขอให้คุณพ่อแข็งแรงหายป่วยไวๆ นะคะ จากคุณ : ป้าแอ๊วลุงใหญ่ (ป้าแอ๊ว) - [ 19 พ.ย. 51 08:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ..ขอบคุณคร๊าบบบ   ทุกท่านที่ส่งแรงใจปรารถนาดีๆมาให้  อีก2-3 วันก็กลับบ้านได้แล้วครับ สบายหายห่วง หมอยังแปลกใจ หลังจากผ่าเสร็จอีกวัน แกเดินเล่นรอบโรงบาลเลย ที่แปลกว่านั้นวันที่ผ่า หมอบอกว่า ผ่าไม่นานครับ 20 นาทีก็เสร็จ แต่พอผ่าวางยาอยู่ 2 ชมก็ไม่ชา  ต้องวางยาสองรอบ  หมอก็งง ยาไม่ดีรึเปล่าหรือว่าให้ยาไม่พอดี สรุปกว่าจะผ่าได้ต้องรออีก 2 ชม.ครับ  ตอนนี้รอถอดสายยาง แล้วก็กลับบ้านได้ ไม่มีอะไรแทรกซ้อน   ขอบคุณครับที่ เป็นห่วง..ขอให้ความปรารถนาดีๆ นี้ส่งกลับไปหาทุกๆท่านด้วยนะครับ    ...                                                                 ...บุญรักษา ครับ ปล. ยาแก้โรคทรัพย์จางต้องใช้ยาหม้อนะครับ ลุงสะพานใหม่สูตรของในหลวงชะงัดนักลองดูได้ครับ  อิอิ... จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 19 พ.ย. 51 09:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นับถือ...นับถือ มีตำรายาขนานเด็ดๆ อยู่กะตัวเยอะขนาดนี้ อีกหน่อยคงต้องเพิ่มคำสร้อยท้ายชื่อ "คนดง คนเดิม หนุ่มอมตะ" ดีใจด้วยค่ะที่คุณพ่อแข็งแรง จากคุณ : เจ้าป้า (jomv) - [ 19 พ.ย. 51 16:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ เก็บเข้าคลังเลยครับ กำลังเพาะไว้กินอยู่ครับ จากคุณ : เป็ด - [ 21 พ.ย. 51 10:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แนวนี่ดีหลาย     ขอบคุณมาก จากคุณ : คนปลูกข้าว - [ วันรัฐธรรมนูญ 04:53:11 ]