Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    *** เปียกปูน" พุดเดิ้ลหลงทาง***

    กลางเดือนตุลาคม ที่ถนนใหญ่ สองข้างทางเป็นทุ่งนา พุดเดิ้ลทอยสีขาววิ่งอยู่ข้างถนน เราเรียกเขาว่า "เปียกปูน"

    ผู้ใหญ่ใจดี 2 ท่านผ่านมาเห็น ด้วยคามสงสารพยายามไล่จับ แต่เปียกปูนวิ่งหนี ผู้ใหญ่หนึ่งใน 2 ท่านเล่าให้เราฟังว่า เปียกปูนวิ่งหนีไปตามถนน พอเหนื่อยก็นั่งพัก สุดท้ายวิ่งหนีไปในบ้านที่เป็นฟาร์มไก่ ท่านผู้ใหญ่ได้แต่ฝากเบอร์โทรศัพท์ไว้ และฝากให้เราดูตามถนนเวลาขับรถกลับบ้าน

    หลังจากนั้นเราก็ลืมเรื่องพุดเดิ้ลตัวเล็กไปแล้ว จนปลายเดือนตุลาคม เรากลับบ้านประมาณ 2 ทุ่ม เราเห็นพุดเดิ้ลสีขาวตัวเล็กวิ่งอยู่ที่ถนนไปบ้านเรา ห่างจากจุดที่ท่านผู้ใหญ่เล่าให้ฟังเกือบ 2 กิโล พยายามจะจับ แต่เขาวิ่งหนี วิ่งไปมา ตามถนน สุดท้ายหนีไปในสวนดอกไม้ของพี่ช่างซ่อมรถ เราได้แต่เอาอาหารเม็ดวางไว้ให้

    เช้าวันต่อมา กลับไปดู อาหารเม็ดหายไป แต่เราก็ไม่เห็นพุดเดิ้ลตัวน้อยแม้แต่เงา ได้แต่ฝากคนแถวนั้นไว้ว่า ใครจับได้มีรางวัลให้

    เรามาเจอเปียกปูนอีกครั้งในเย็นวันนั้นเอง ที่หลังตลาดบ้านเรา บ้านนั้นมีหมาไทยชื่อ พี่เฟี๊ยต  เปียกปูนไปอยู่กับเขา แล้วก็เหมือนเดิม เปียกปูนวิ่งหนีเข้ารั้วบ้านนั้นเข้าไป เราได้แต่เอาอาหารเม็ดวางไว้ที่รั้วบ้านเหมือนเดิม

    3 วันที่เราได้แต่เอาอาหารเม็ดวางไว้ที่รั้วบ้านด้วยความเป็นห่วง ได้แต่แอบหวังว่าเจ้าของบ้านจะมีเมตตาสงสารหมาตัวเล็ก แต่มันก็แค่หวังเท่านั้น

    พี่เราเล่าว่า เห็นเปียกปูนวิ่งย้อนกลับไปตามถนนที่เปียกปูนวิ่งมา เขาคงวิ่งหาเจ้าของ คิดถึงบ้าน ยังจำภาพหมาตัวเล็กสีขาว นั่งมองบ้านข้าง ๆที่เขามีงานบวชด้วยท่าทางเหงา ๆ   ภาพนั้นยังยังจำติดตามาจนทุกวันนี้

    วันที่จับเปียกปูนได้ เรากำลังจะเอาข้าวไปให้ลูกหมาที่วัด เห็นเปียกปูนนั่งอยู่ริมถนน เนื้อตัวเปียกปอน เมื่อคืนฝนตกหนัก เราตักข้าววางไว้ให้เปียกปูน แต่พี่เฟี๊ยตวิ่งมาแย่ง เราตักข้าวอีกชาม วางไว้ห่าง ๆ เรายืนมองเปียกปูนกินอย่างหิวโหยด้วยความรู้สึกสงสารแต่ทำอะไรได้ เราถึงรู้ว่า บ้านพี่เฟี๊ยตไม่มีอาหารเหลือสำหรับเปียกปูน

    ขากลับจากวัด เปียกปูนวิ่งตามมา แต่พอเราจอดรถ เปียกปูนกลับไม่ยอมให้จับ เป็นอย่างนี้จนเราต้องเตรียมตัวไปทำงาน และเราก็ได้ข่าวดี สายวันนั้น มีคนจับเปียกปูนได้ น้องเขาเอาลูกชิ้นไปล่อ เรากลับบ้านตอนพักเที่ยง น้องเขาพาเปียกปูนไปแล้ว ถามไปไหนก็ไม่รู้ ในใจนึกเป็นห่วง ได้แต่เอาเงินฝากไว้ พร้อมกับบอกว่า ถ้าน้องเขามา ให้ไปฝากเปียกปูนไว้ที่ท่านผู้ใหญ่ น้องเขาพาเปียกปูนไปอาบน้ำ

    เราพาเปียกปูนกลับมาที่คลินิตที่รักษาประจำ เจอคุณหมออ้นเจ้าของ พี.อี.ที.คลินิค คุณหมอบอกว่า ให้พามาไว้ที่คลินิค เดี๋ยวคุณหมอหาบ้านที่กรุงเทพฯให้ เรื่องตัดขนกับวัคซีน เดี๋ยวหมอจัดการเอง แต่ด้วยความเกรงใจ เราพาเปียกปูนไปตัดขนเอง ขณะเดียวกันก็หาบ้านที่เรามั่นใจว่าเปียกปูนจะมีความสุข และเราสามารถไปเยี่ยมได้

    น้องที่ทำงานเป็นคนแรกที่คิดถึง ปัญหาคือยายน้องเขาไม่ให้เลี้ยง แต่น้องเขาอยากได้ เขาจะขังเปียกปูนไว้ในกรงที่หลังบ้านพัก ตอนเย็นมีเวลาจะพามาเดินเล่น แต่เราอยากให้เขาอยู่อย่างอิสระ

    รายที่ 2 ร้านตัดขน คุณป้าเขารักสัตว์แน่นอน เขาขอ เราให้ แต่เราขอพาเปียกปูนไปทำหมันก่อน ป้าบอกว่าเปียกปูนตัวเล็ก อยากได้ลูกไว้ เราอึ้ง ตัดสินใจโดยไม่ต้องคิดมาก ไม่ให้ค่ะ จ่ายเงินค่าตัดขนแล้วพาเปียกปูนกลับมาที่คลินิค เพื่อทำหมัน

    คุณหมอนัต รับเปียกปูนไว้เป็นเคส ตลอดเวลา 5 วันที่อยู่ที่คลินิค เปียกปูนไม่เห่าเลย เราไปเยี่ยมเปียกปูนทุกวัน เวลาที่เขาได้ขนม เปียกปูนจะคาบไปนั่งกินเงียบ ๆ ช่วงเวลานั้น เราก็ยังหาเจ้าของคนใหม่ของเปียกปูน จนไปเจอกับแอ็ด น้องพยาบาลผู้ชาย พอรู้เรื่องเปียกปูน น้องเขารีบไปดูที่คลินิค แอ็ดผลัดขอให้ตัดไหมก่อนแล้วจะมารับ

    ช่วงที่หมอนัตต้องกลับบ้าน ด้วยความเป็นห่วงว่าหมอไม่อยู่เปียกปูนจะเหงา เพราะไม่มีใครเล่นด้วย เราพาเปียกปูนกลับบ้าน ปัญหาคือ บ้านแอ็ดไม่มีคนอยู่บ้าน เปียกปูนต้องอยู่บ้านตัวเดียว กับชามอาหารและน้ำ แอ็ดถามเราว่าเครียดไหม เราตอบเลยว่าเครียด เพราะเราอยากให้เปียกปูนอยู่กับคน เราสงสาร เขาเหงา

    ตอนที่เราพาเปียกปูนกลับบ้าน เขาปีนมานั่งตักเรา เอาขาหน้าแตะแก้มเราแล้วจ้องมอง คอมันตีบเลยตอนนั้น สงสารเขาจับใจ สุดท้ายแอ็ดก็ไม่กล้ารับเปียกปูนไปเลี้ยง เพราะที่บ้านไม่มีใครอยู่

    รายที่ 3 เพื่อนของเพื่อนเราเอง ปัญหาคือ คนที่ขอเปียกปูน เขาเป็นมะเร็ง และจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด เราถามเพื่อนเรา ถ้าเขาตาย แล้วหมาเราจะเป็นยังไง สุดท้ายก็ไม่ให้อีก

    ในช่วงที่หาบ้าน กลางวัน เราจะพาเปียกปูนไปไว้ที่โรงเรือน โรงเล็ก ๆที่เรากับเพื่อนทำไว้ที่วัด ตอนเย็นก็แอบพากลับบ้าน วันแรกก็ได้เรื่องเลย

    เพราะน้ำท่วมซอย รถเข้าไม่ได้ เราต้องอุ้มเปียกปูนเข้าบ้าน วันนั้นขังเปียกปูนไว้ที่ในรถ แล้วเราก็ไปดูหมาที่วัด ทุ่มหนึ่ง จะกลับมาอุ้มเปียกปูน ปรากฏว่าเขาหายไป ใจเสียมากเลย ยิ่งพี่เราบอกว่า ใครเปิดประตูอุ้มไปหรือเปล่า อยากร้องไห้ ขี่รถมอไซด์ออกตามหา ไปถามคนแถวนั้น เขาบอกว่า เห็นหมาลักษณะเหมือนเปียกปูนเดินไปที่ถนนใหญ่ ตอน 6 โมงเย็น เราถามว่ามีโซ่ยาว ๆไหม เขาบอกไม่มี ตอนนั้นเอะใจนิด ๆว่าเราเห็นเปียกปูนที่ในรถตอนใกล้ทุ่มนี่นา

    จาก เกือบทุ่ม ถึง 2 ทุ่ม ที่เราขี่มอไซด์ออกตามหาเปียกปูนไปตามถนน ตามซอย ตามบ้านคน ไม่มีใครเห็นเลย ใครบอกให้ไปที่ไหนก็ตามไปดู กลับมาถามเด็กกลุ่มเดิม ถึง 3 ครั้ง มันก็ยืนยันคำเดิม สุดท้ายไปไหว้หลวงพ่อที่เราเคยขอให้เราได้ข้าวปุ้นคืนจากชายแดน บนไว้ไม่กินเนื้อสัตว์ 7 วันเลย แต่ในใจรู้สึกลึก ๆว่าเราต้องได้เปียกปูนคืน

    ตอนนั้นเริ่มคิด เปียกปูนเป็นหมาฉลาด เขาอาจจะกลับไปที่รถ ย้อนกลับมาเด็กกลุ่มเดิมเป็นครั้งที่ 4 คราวนี้เขาบอกว่าเจอแล้วนี่ อยู่ใต้ท้องรถที่หลังตลาดบ้านเรา พอเราถามว่าแล้วทำไมบอกว่าเห็นวิ่งไปที่ถนนใหญ่ มันบอกสงสัยผมจำผิด อยากจำพวกมันมาตบให้หายแค้น ให้ตรูเป็นห่วง ขี่รถหาตั้งชั่วโมงกว่า

    พี่ลูกอาเราบอกว่า พอเราออกไปสัก 5 นาที ได้ยินเสียงหมาร้องที่หลังตลาด พี่เราเดินไปดู เห็นเขาเหยียบโซ่เปียกปูนไว้พี่เราเลยพากลับบ้าน เห้นเราเข้ามาหลายครั้งทำไมไม่กลับบ้านซะที จนทนยุงกัดไม่ไหว กลับเข้าบ้านก่อน เราอุ้มเปียกปูนลุยน้ำเข้าบ้าน ต้องแก้บนกินข้าวกับไข่เจียวไป 7 วัน

    เช้าเปียกปูนไปอยู่โรงเรือน เย็นรับกลับเป็นอย่างนี้หลายวัน จนน้ำลด เรื่องมาแตกตอนที่เราไปยิงยาสลบช่วยหมา 2 ตัว ลายเสือกับเขียวที่ในตลาดบ้านเรา เขาจะฆ่า เพราะลายเสือไปกัดเด็กที่เตะบอลมาถูกลายเสือ พอเด็กไปเก็บบอล ลายเสือเลยแว้งกัด โทษของลายเสือคือตาย กับเขียว หมาอีกตัวที่อยู่คู่กับลายเสือ เพราะสำนึกในบุญคุณที่ให้อาหาร เวลาคนแปลกหน้ามาที่บ้านนั้นเขียวจะเห่า ถ้าเป็นบ้านเรา เราคงนึกขอบคุณที่เขียวเฝ้าบ้าน แต่ไม่ใช่บ้านนี้ เขาสั่งกำจัดเขียวพร้อมกัน เราขอชีวิตทั้งคู่ไว้ ถึงวันพุธที่ผ่านมา รอหมอมายิงยาสลบก่อนเคลื่อนย้ายไปในที่ปลอดภัย  แต่กระนั้น เสือก็ยังถูกตีจนหน้าบวม แผลแตก

    วันที่เราพาหมอไปยิงยาทั้งคู่ แค่เห็นเราเขากระดิกหางมาหา เวลาเราผ่านหลังตลาดกลับบ้านทั้งคู่จะกระดิกหางทักทาย เพราะจำได้ว่าเราให้อาหารเขาเสมอ  เรากอดทั้งคู่ไว้ ก่อนที่หมอจะฉีดยาให้หลับ  มีคนโผล่หน้ามาถามจะเอาไปไหน เราตอบแบบสะใจตัวเอง เอาไปฆ่า หลังจากน้นเวลามีคนมาถามว่าเอาไปไหน เราจะตอบว่าตายแล้ว ใช่ ตายจากความทรงจำของคนบางคน มีพี่ท่านหนึ่งเล่าว่า ขอร้องคนกลุ่มนี้ ตอนที่มันรุมตีลายเสือ ให้มาเอาเงินที่พี่เขาเป็นค่าไปปล่อย แต่อย่าตี แต่มันไม่ฟัง โชคดีของลายเสืออาจจะมีอยู่บ้าง ที่มีคนบอกว่าเราขอไว้ เราจะพาลายเสือกลับเขียวไปเอง พวกเขาถึงหยุด ปกติลายเสือกับเขียว เป็นหมาไม่ดุเลย

    แม่เราไปใส่บาตถามว่าเสือกับเขียวไปไหน คนสาระแนบอกว่า เราพาไปเลี้ยงที่บ้าน เป็นเรื่อง เราเลยได้โอกาสบอกเรื่องเปียกปูนว่หลงทางมา อาจจะเห็นว่าตัวเล็ก  แม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร

    ตอนนี้เปียกปูนอยู่บ้านเรา จากหมาที่ไม่เห่า ตอนนี้มันเห่าแล้ว หมอบอกว่าสุขภาพจิตมันดี มีความสุขขึ้น แต่เราจะตายแทนมันนะซิ แต่รู้เรื่องมาก ๆ หมอนัตบอกว่าเปียกปูนโชคดี ใช่ จากที่ท่านผู้ใหญ่เห็นเปียกปูนครั้งแรกจนเรามาเจอ ครึ่งเดือนสำหรับหมาพันธุ์เล็ก หนัก 4 กิโล ที่ผ่านวิบากกรรมมาได้ ครึ่งเดือนที่ต้องตากฝน ช่วงนั้นฝนตกหนักทุกวัน หลบหมาใหญ่ และหลบรถ เก็บเศษอาหารกิน เราพยายามไปถามหาเจ้าของแต่ไม่มีใครรู้ คาดกันว่าเปียกปูนคงหล่นจากรถ หรือพลัดกับเจ้าของ เพราะขนที่ตัดเรียบร้อย แม้จะยาวก็ไม่พันกัน ไม่ใช่หมาถูกทิ้งแน่นอน

    ขอบคุณ คุณหมอนัต คุณหมอเอ๋ คุณหมออ้น จาก พี.อี.ที. คลินิคที่อ่างทอง ที่มีเมตตากับเปียกปูน ทั้งค่าทำหมัน ค่าวัคซีนรวม ค่าฝากจนตัดไหม คุณหมอคิดแค่ 500 บาท และขอโทษที่ไม่ต้องชื่อพุดเดิ้ลตัวนี้ว่า "ลำดวน" เหมือนที่หมอนัตกับหมอ๋ตั้งให้ เพราะมันเช๊ย เช๊ย

     
     

    จากคุณ : ชิโร่ kung - [ 23 พ.ย. 51 15:37:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com