ความคิดเห็นที่ 1 จัดแจงแจกกุญแจให้เด็กๆ พร้อมประกาศว่าล้อรถจะเคลื่อนตอนแปดโมงครึ่ง กว่าจะเรียบร้อยก็หกโมงเข้าไปแล้ว ตกลงใจกันว่า ขอนอนสักงีบ แล้วค่อยตื่นมารีบๆหาอะไรกิน เพราะถ้าไม่นอน ตายแน่ๆ วันนี้ ดังนั้นเมื่อหัวถึงหมอน ก็วูบทันที ตื่นมาอีกทีก็ตอนเกือบเจ็ดโมง แต่ถึงจะได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวก็ยังอุตส่าห์ฝันจนได้ ฝันดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ยังกะเพลงผู้ชายในฝันของพุ่มพวงทีเดียว ส่วนจะฝันว่ากระไร ขออนุญาตเก็บเป็นความลับ แต่ทำให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้เหมือนภาพโฆษณาที่เห็นที่แหละค่ะ เดินยิ้มมากินกาแฟที่ตลาดหน้าโรงแรม *ลั้ลลา* จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 00:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หน้าโรงแรมที่พักเป็นตลาดใหญ่มาก แต่ของกินแบบกินแล่นๆ น้อยมาก หาข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไก่ย่างเนื้อทอดไม่เจอเลย ไม่เหมือนตลาดที่ภาคเหนือ T___T จะกินต้มเลือดหมูเขาก็ยังไม่ขาย เข้าไปในตลาดก็มีแต่ของสดและผักสด ผักถูกมากกกกก ผักชีกำใหญ่ๆ กำละบาท โอ้ พระเจ้า ... เช้านี้เลยมีแค่กาแฟแก้วเดียวแก้หิว เดินไปซื้อขนมปังที่ 7/11 ตุนไว้ซะหน่อย  อุดรหนาวมาก พูดไปไอออกปากไป จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 00:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จุดหมายของเช้าวันนี้อยู่ที่นี่ค่ะ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท  ปกติจะเป็นแต่ป้ายอุทยานแห่งชาติ วันนี้มาเจอป้ายอุทยานประวัติศาสตร์เลยดูแปลกๆ  แน่ใจได้เลยว่ามาเรียน ไม่ได้มาเที่ยว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 00:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หวัดดีค่ะป้ากิม....อิจฉาคนได้เที่ยวจังเลย.... เจอมาแล้ว....หมูโดนขังอยู่ขั้วโลก...ตอนไปเชียงใหม่... พอดีนั่งข้างหน้าเลยตะโกนถามเด็กรถว่า... "นี่รถทัวร์หรือขั้วโลกเหนือ...กำลังจะแข็งตายแล้ว!!!...." ถึงได้ปิดแอร์ได้...ขนาดปิดแล้วยังสั่นงัก!!! พอถึงเชียงใหม่เดินไม่ถูกเลย.... อุดรไม่เคยไป....จะรอชมรูปงามๆของป้ากิมนะ จากคุณ : noklekkaa (papagearna) - [ 21 ม.ค. 52 00:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จุดเด่นของภูพระบาทก็คือแท่งหินที่เรียกกันว่า หอนางอุสา รวมถึงเพิ่งหินต่างๆที่ถูกใช้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อของผู้คนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และใช้เรื่อยมาจนถึงสมัยที่ศาสนาพุทธเริ่มแผ่เข้ามาในพื้นที่อีสานเหนือ บริเวณรอบๆภูพระบาทเป็นป่าประเภทป่าเต็งป่ารังค่ะ ป่าเลยโปร่งๆ ตามเส้นทางการเดินศึกษาประวัติศาสตร์ ก็เป็นเส้นทางการศึกษาธรรมชาติไปในตัว ตามโคนต้นไม้จะมีป้ายชื่อบอกไว้พร้อมสรรพคุณต่างๆ แหงนหน้าขึ้นไปมอง โอ้ ... กระเช้าสีดาเกาะอยู่เต็มคบไม้เลยค่ะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 00:51:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดียามดึกค่ะ คุณ noklekkaa นึกถึงความหนาวบนรถวันนั้นแล้ว ... เย็นจมูกขึ้นมาทันควัน เรียกว่า ลงไปนอกรถยังอุ่นกว่าเลย ขนาดลมพัดตึงๆแล้วนะนั่น ดูกันจะจะอีกที ว่าขึ้นกันหนาแน่นแบบนี้เน้อ แต่แห้งกรอบเชียว ทั้งป่าก็แห้งแบบนี้ คาดว่าปีนี้แล้งยาว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 00:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เดินไปพอชิลชิล คิดถูกที่ถอดเสื้อกันหนาวทิ้งไว้บนรถ เพราะเดินไปได้หน่อยก็เริ่มร้อนแล้ว ส่วนคนอื่นๆที่แบกกันไปเต็มพิกัด ... ก็ตัวใครตัวมันเน้อ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จุดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของภูพระบาท(รวมถึงอุดรฯ) ด้วย ก็คือ แท่งหินอันนี้แหละค่ะ ที่เรียกกันว่า หอนางอุสา อันที่จริงแล้ว หอนางอุสา เป็นแท่นหินตามธรรมชาติ แต่มีการเสริมก้อนหินเข้าไป คาดว่าน่าจะมาจากกลุ่มคนที่เข้ามาใช้พื้นที่นี้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ชื่อนามต่างๆเป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อดั้งเดิม (เรื่องของเทวดา นิทานพื้นบ้าน) เข้ากับความเชื่อทางศาสนา  หินก้อนนี้เลยถูกเชื่อมโยงเข้ากับนิทานเรื่อง นางอุสา กับ ท้าวบารส โดยอธิบายว่า เป็นหอคอยที่นางอุสาอยู่ ใครจะอยู่ก็อยู่กันไป แต่ป้าไม่ขออยู่ด้วยล่ะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รอบๆหอนางอุสา ก็มีไม้ใหญ่น้อยขึ้นอยู่เต็ม ที่นี่เป็นป่าธรรมชาติค่ะ อย่างต้นนี้ ก็คือ ประดู่ แล้งเชียวววว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาอยู่เป็นเพื่อนจ้า แต่คงอยู่ได้เด๋วเดียว เพราะตาก็ใกล้ปิดแล้น จากคุณ : hoopoeน้อย - [ 21 ม.ค. 52 01:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เนื่องจากเป็นไฮไลต์ของอุทยาน และคาดว่าจะมีผู้ชมมาชื่นชมความงามกันมาก (หรือไม่ก็ใช้เป็นที่นั่งรอ รอเพื่อนที่ถ่ายรูปคู่กับหอไม่ยอมเลิก) ทางอุทยานเลยทำม้านั่งไว้ให้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ชอบมากๆ เพราะทำเลียนแบบตัวหอมาเลย .. ลืมบอกไป ตรงอาคารที่ทำการก็ทำเลียนแบบหอนางอุสาเช่นกัน   เก๋ไก๋มากๆ เข้ากับบริเวณโดยรอบอย่างไม่แปลกแยก จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณค่ะ คุณ hoopoeน้อย กาแฟยังไม่หมดฤทธิ์ จขกท เลยยังไม่สามารถจะหลับตาลงได้ T____T ถึงรอบๆด้านจะดูแล้งๆ แต่ก็ยังพอเห็นสีเขียวๆอยู่บ้าง เป็นสิ่งมีชีวิต เล็ก เล็ก เล็กๆ ตามก้อนหิน จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตามบริเวณเพิงหิน มีหลักฐานทางโบราณคดีประวัติศาสตร์เต็มไปหมด ทั้งเทวรูปพระพุทธรูปแกะสลัก ทั้งภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งเสมาหินตั้ง ฯลฯ แต่ขอข้ามไปเลยแล้วกันค่ะ เพราะเกรงว่าจะห่างไกลจากต้นไม้ไปหน่อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงๆแล้ว จำเรื่องราวไม่ได้ตะหาก อุอุอุ ที่ภูพระบาท เคยมาครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อน สมัยเรียนโท ตอนนั้นอาจารย์พามาแล้วบอกให้เตรียมน้ำไว้ด้วย เพราะต้องเดินไกลหลายกิโล ก็ทำหยิ่งคิดว่าสาวแรงดี ผลก็คือ เจอทางขึ้นตรงนี้เพื่อไปยังหน้าผาสูง หมดแรงขอรับ กลายเป็นที่ถากถางของอาจารย์มาจนถึงตอนนี้ งวดนี้มาใหม่ กับอาจารย์คนเดิม แกก็ตั้งท่าจะถากถางด้วยการป่าวประกาศถึงวีรกรรมของพวกเราสมัยเรียน เลยงัดกระติกน้ำโชว์เลยว่า คราวนี้ ไม่พลาด จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จุดอันตราย จะขาดใจตายเพราะขาดน้ำ ถามอาจารย์ไปว่า เมื่อสิบปีก่อน พวกเราเดินมาถึงแค่ไหนกัน แกก็บอกว่า "ก็ตรงนี้แหละ แล้วพวกเอ็งก็จะเป็นจะตายกัน เลยต้องเดินกลับ"  แหม ... ช่างจำจริงๆ สมกับเป็นปรมาจารย์ทางประวัติศาสตร์ของเรา ภาพนี้ได้รับเกียรติแสดงแบบโดยนางแบบกิตติมศักดิ์ ผู้ที่หารูปได้ยากมากกกกกกกก เนื่องจากเป็นตากล้องของคณะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หึหึ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตามข้างทางแห้งกรอบมากๆ สมควรที่จะต้องระวังไฟป่าให้หนัก จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มองขึ้นไปตามชะง่อนหิน เห็นพวกกล้วยไม้ป่าเกาะกันเต็ม โฮย่าก็มี แอบเห็นๆๆ อิอิ ตอนหน้าฝนคงจะเขียวสวยน่าดู แล้วทางเดินก็คงจะลื่นปรื๊ดๆ น่าดูเช่นกัน จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ใบไม้ต้นนี้สีสวยมากๆ รีบแถเข้าไปถ่ายรูป ยังไม่ทันถึงก็มีงูเขียวเลื้อยตัดหน้าเสียก่อน  .... บ่นงูงึมงำว่า เลื้อยตัดหน้าทำไม ทำไมไม่รัด(ฟระ) รัดสิจ๊ะ รัดเลย ไอ้น้องที่อยู่ข้างๆมองและพูดอย่างปลงๆเตือนสติ "รัดน่ะไม่แน่ แต่กัดน่ะน่าจะชัวร์พี่" จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ในที่สุดก็ฝ่าด่านภูพระบาท ลบอดีตที่น่าจดจำสมัยเรียนไปได้ งานนี้ครวญเพลงหงุงหงิง "ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน" อุอุอุ เดินได้ง่ายๆ สบายๆ น้ำยังไม่หมดกระติดเลยด้วยซ้ำ คาดว่า ไม่ต้องมาซ่อมแล้ว ที่ภูพระบาท นอกจากคิดจะเดินให้ครบรอบใหญ่ ไอ้ที่เดินกันวันนี้เลือกรอบเล็กค่ะ เดือนแค่สองกิโลกว่าๆ แต่ถ้าจะเอาให้ครบจริงๆ คงต้องเดินกันค่อนวัน เตรียมเสบียงไปกินระหว่างทางได้ กลับเข้ามากินข้าวกันในตัวเมืองด้วยความโซ เลือกห้างใจกลางเมืองเลยเพราะจะได้สะดวกต่อการเรียกระดมพลขึ้นรถออกเดินทางต่อ พวกอาจารย์กินข้าวที่ศูนย์อาหาร ส่วนนักศึกษากิน KFC MC McDonald  เหอ เหอ เหอ ภาคบ่ายจะไปที่บ้านเชียง ไปดูพิพิธภัณฑ์ที่จัดใหม่แล้วกับดูหลุมขุดทางโบราณคดี ในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะห้ามถ่าย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยังต้องห้ามกันอีก ถ้าคนคิดจะโขมย ยังไงก็โขมยจนได้ ไม่ให้ถ่ายเลยวาดรูปกลับมาแทน *ชิ* ส่วนที่หลุมขุดค้น ถ่ายได้ แต่ไปตอนแสงหมด ถ่ายมาสองภาพเป็นภาพหลุมศพโบราณ เอามาดูคงจะแห้งเหี่ยวไปหน่อย เลยแปะภาพสระน้ำข้างๆพิพิธภัณฑ์แทน เงาสะท้อนต้นไม้สวยดี ถ่ายเสร็จเดินไปช็อปปิ้งหาของฝากหนุ่มๆในสังกัดดีกว่า อุอุ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กลับจากบ้านเชียงก็เริ่มค่ำ มาแวะกินข้าวกันที่หนองประจักษ์ฯ  มีคนแนะนำว่า ที่อุดรฯนี้ผังเมืองสวย โดยเฉพาะที่หนองประจักษ์ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของเมืองวิวสวยมาก น่าจะไปวิ่งจ็อกกิ้งตอนเช้า มาถึงตอนนี้ไม่คิดถึงวิ่งจ๊อกกิ้งแล้วจ้า เพราะท้องลั่นจ๊อกๆๆๆมาตั้งล้อเคลื่อนออกจากบ้านเชียง ที่โต๊ะอาหารบรรดาอาจารย์ผู้ใหญ่เอาไวน์ที่ไปช็อปไว้ล่วงหน้าจากเวียงจันทน์มาเปิดจิบแก้หนาว  นั่งกันอยู่สิบคน น้องคนเสิร์ฟ เสิร์ฟแค่แปดคน เว้นเรากับน้องอีกคน  ... พยายามคิดทางบวกว่าเราสองคนคงจะหน้าละอ่อน เขาเลยนึกว่าเป็นลูกศิษย์ที่ติดสอยห้อยตามกันมา ไม่รินให้ก็ตามใจ ฉันกินน้ำดำแกล้มต้มยำปลาบึกก็ได้ย่ะ กลับเข้าพักที่โรงแรมเดิมที่นอนค้างไว้เมื่อเช้า หอถึงหมอนก็หลับทันที แต่ไม่ยักฝันตอนต่อของฉากเมื่อเช้า ตื่นมาตั้งใจจะไปใส่บาตรที่ตลาดฉลองวันเกิดให้เฮียต๋องแกหน่อย ก็หาพระไม่เจอเลยสักรูป (ช่วยไม่ได้จริงๆนะเพื่อน) เลยเดินชมตลาดก่อนกลับมากินข้าวฟรีที่โรงแรม วิวยามเช้าของตัวเมืองอุดร มองไปเห็นทุ่งศรีเมืองดูแห้งๆอยู่ไม่ไกล ปล.ที่เมืองนี้เห็นคุณฝรั่งควงมากับสาวไทยแยะมาก .... จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โปรแกรมทริปศิลปวัฒนธรรมวันนี้เราจะไปขอนแก่นกันค่ะ ไปดูพิพิธภัณฑ์อีกแล้วครับท่าน เสมือนมาตรวจการพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น เคยมาแล้วสองรอบ สมัยเรียนเช่นเคย มารอบนี้ก็ยังเห็นทุกอย่างคงเดิม อนุรักษ์ไว้ได้ดีมาก (ประชดเล็กน้อย 555+) โบราณวัตถุชิ้นสำคัญของที่นี่ก็คือ ใบเสมาหินจำหลักสมัยทวารวดี เป็นการสลักภาพนูนต่ำแสดงเรื่องราวตอนพระพุทธจ้าเสด็จสู่กรุงกบิลพัสดุ์ ได้มาจากการขุดค้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง จ.กาฬสินธุ์ แน่นอน เช่นเคย ห้ามถ่ายรูป ก็เลยออกมาเดินเล่นที่ลานข้างนอกแทน ตอนนี้ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี ... พูดให้ดูเป็นเมืองนอก จริงๆแล้วก็ใบหูกวางนั่นเองที่เปลี่ยนสี จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เหลืองๆเขียวๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สีแดงๆ แสลงใจ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รองเท้าผ้าใบของอาจารย์ท่านหนึ่ง สีเข้ากับใบหูกวางมากๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ใบสีแดงเข้มๆ ฉากหลังเป็นดงไผ่สีแล้งๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 01:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อก่อน เมื่อพูดถึงขอนแก่น ก็คงจะนึกถึงพระธาตุขามแก่น ดอกคูณ เสียงแคน อย่างเพลงที่เขาร้องๆกันว่า ไปทั่วแคว้นแดนอีสาน ไปร่วมงานพื้นบ้านเป็นหมอแคน หนุ่มหมอลำ ลำเต้ยงานขอนแก่น เป็นหมอแคนช่วยเป่าแคนนำ โอ ละเน้อ โอละเน้อนวลเอย ข้อยเพิ่งเคยมาขอนแก่น คลอเสียงแคน ตะแล่นแตร แล่นแตร แล่นแตร แล้ แล แล้ แล แล่นแตร แต่ตอนนี้ เอกลักษณ์ของขอนแก่นอีกอย่างก็คือ ....... ตะแล่นแตร แล่นแตร แล่นแตร จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 02:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไดโนเสาร์ ขอรับ ไดโนเสาร์ ตัวจริง เสียงจริง ตอนเด็กๆจะชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับโลกยุคล้านปีมากๆ อยากเห็นไดโนเสาร์ ไม่คิดว่า วันนึงที่เมืองไทยจะเจอไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ แถมเป็นพันธุ์ที่ไม่มีที่อื่นด้วย ปลาบปลื้มมากค่ะ ในพื้นที่แถบภาคอีสาน เป็นพื้นที่เก่า และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของไดโนเสาร์ ปัจจุบันเราจะพบร่องรอยทั้งโครงกระดูกและรอยเท้ากระจายตัวอยู่ทั่วไปในพื้นที่ โดยเฉพาะที่ขอนแก่น และ กาฬสินธุ์  และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ของท้งสองที่นี่ก็น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ภูกุ้มข้าว จ.กาฬสินธุ์  เคยมาแต่ที่ภูเวียงค่ะ พิพิธภัณฑ์อลังการเช่นกัน ตอนนั้นไปช่วยทำค่ายวิทยาศาสตร์กับทางซีเอ็ด เลยได้ตามเขาไปดูการขุดค้นหาไดโนเสาร์ที่ภูเวียง ขอนแก่นนี่เอง สนุกมากๆ ได้ลงมือขุดเองด้วย เจอกระดูก(ป่นๆ) ตั้งห้าชิ้น  ทุกอย่างดีหมดเลย ยกเว้นตอนขึ้นภูเวียง เขาเอารถเก็บขยะมารับ T____T เนื่องจากรถหมด เหลือแต่รถขยะ แต่พี่เขาบอกว่าล้างให้สะอาดเรียบร้อยไม่มีกลิ่น  งานนี้รู้ซึ้งเลยว่า การเป็นขยะบนรถขนขยะนั้นเป็นยังไง เพราะพื้นรถจะลื่นมากกกกกกกกกกกกก เวลาขึ้นเนินที ทุกคนก็จะไหลลงมากองรวมกันจะตกแหล่ไม่ตกแหล่ ดีที่มือเท้าเหนียวพอ เลยไม่ถูกทิ้งเป็นขยะข้างทาง ตอนนี้ทุกหนแห่งของขอนแก่น ก็จะเจอกับรูปปั้นไดโนเสาร์ต่างแบบหลากสไตล์ ไม่เว้นแม้แต่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทำเป็นเล่นไป ห้องจัดแสดงห้องนึง ยังเป็นเรื่องของไดโนเสาร์ด้วยนา จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 02:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เดินเล่นอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์สองรอบ แล้วก็เริ่มหิวอีกแล้ว หาเรื่องถ่ายรูปแก้หิว มองไปไม่เจอไม้ดอกอะไรเลย นอกจากพวกตีนตุ๊กแกตามพื้น เจอต้นตะขบเข้าหนึ่งต้น เลยถ่ายดอกตะขบเล่นพลางๆ คิดถึงแปลงดอกไม้เมืองเหนือ ที่ละลานตาจนถ่ายไม่ถูก จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 02:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กลางวันนี้จะไปโซ๊ยอาหารอีสานกันที่บึงแก่นนคร ระหว่างการเดินทาง ถ่ายรูปป้ายถนนเก็บเป็นของสะสม ชอบดูค่ะ ป้ายถนนของแต่ละเมืองแต่ละที่ จะแสดง identity ของพื้นที่นั้นๆ เอามาใช้สอนเด็กได้ ฮ่าๆๆๆๆ คราวก่อนติดใจป้ายที่กาญจนบุรี แถวๆสะพานข้ามแม่น้ำแคว จะทำเป็นรูปราวสะพาน สวยมากๆ ที่กว๊านพะเยาก็สวยค่ะ เป็นรูปพญานาคสองตัว แต่ที่เชียงราย สงสารนกที่จะมาเกาะป้ายจัง เกาะไม่ดีโดยป้ายเสียบอกแหงมๆ เพราะทำเลียนแบบงานปูนปั้นของวัดร่องขุน อย่างที่นี่ ก็จะรวมเอาสุดยอดของสิ่งที่บอกถึงความเป็นขอนแก่นมาไว้รวมกัน สวยๆๆๆ ชอบมากๆค่ะ โดยเฉพาะเจ้าดอกคูณ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 02:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 และที่จะขาดเสียไม่ได้ ... ไดโนเสาร์ ค่ะ คราวนี้เป็นหมอแคนซะด้วย ถ่ายจากกำแพงโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 02:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ก่อนที่จะถึงร้านอาหาร ในรถก็มีการบรรยายเรื่องอาหารพื้นบ้านของอีสานเป็นการเรียกน้ำย่อยกันก่อน อาหารอีสานจะเน้นการใช้ของในพื้นถิ่นมาบริโภค เช่น ผัก ปลา โดยเฉพาะปลาจะนำมาทำเป็นปลาร้าโดยการหมักกับเกลือ เพื่อเก็บไว้กินได้นานๆ ส่วนน้ำปลาร้าก็จะเป็นส่วนผสมของอาหารประเภทต่างๆ อาหารอีสานแท้ๆ จะไม่ค่อยมีพวกเนื้อสัตว์เท่าไหร่ อย่างเนื้อวัวเนื้อควายก็จะกินกันเฉพาะในงานพิเศษๆ ที่ต้องล้มวัวล้มควายกัน แล้วที่เราเห็นว่า ทำไปเป็นพวกอาหารสุกๆดิบๆ ก็เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรมการประกอบอาหารในภูมิภาคนี้ค่ะ  ในพื้นที่อีสาน แต่เดิมไม่ได้ใช้เตาไฟ (เตาอังโล่) ไม่มีกระทะ  ของเหล่านี้เข้าสู่พื้นที่ในตอนหลังโดยพ่อค้าชาวจีน เมื่อไม่มีเตาไม่มีกระทะ (เรื่องสำคัญนา) อาหารก็ต้องปรุงกันสดๆ จึงจำเป็นต้องดับคาว ด้วยการใส่ข้าวคั่วมากๆ ใส่พวกเครื่องเทศหลายๆอย่าง จึงกลายเป็นอาหารอีสานอย่างที่เราเห็น ส่วนของน้ำๆ วัฒนธรรมของทางอีสานจะเอาทุกอย่างต้มรวมกันในหม้อเดียว ต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ แบบที่เรียกว่าซุปค่ะ อาทิ ซุปหน่อไม้เป็นต้น นอกจากนั้น ในแถวอีสานจะไม่ค่อยกินหวาน เพราะไม่มีมะพร้าว ดังนั้นอาหารกะทิก็ไม่ค่อยมี น้ำตาลจากมะพร้าวก็ไม่มี มีแต่อ้อยซึ่งก็ต้องเอาไปแปรรูปอีกหลายขั้นตอน รวมความแล้ว อาหารอีสานแท้ต้องเค็ม การกินอยู่แบบนี้ เมื่อไทยเข้าสู่ยุคสมัยของการเป็นรัฐสาธารณสุข อาหารการกินของชาวอีสานเลยถูกมองและประเมินด้วยสายตาของคนส่วนกลางว่า ไม่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ โดยเฉพาะการขาดสารไอโอดีน จึงเป็นที่มาของการส่งเสริมให้คนอีสานกินปลาทู มีการลำเลียงปลาทูส่งขึ้นมาขายมากมาย จะเห็นว่า เรื่องกินเนี่ย เรื่องใหญ่จริงๆ โยงใยไปตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ตลอดสองข้างทางจะเห็นแปลงผักหน้าบ้านอยู่ตลอดทางเลยค่ะ เป็นการปลูกผักง่ายๆ ปลูกในแปลงบ้าง ปลูกลงกระถาง(ยางรถยนต์บ้าง)  ที่เห็นสวยมากๆคือ กวางตุ้ง กำลังออกดอกเหลืองสวยทีเดียว เลยได้ไอเดียกลับมาจะปลูกกวางตุ้งประดับสวนอาณานิคมอังกฤษของเรา เม้าท์มาตั้งนานเรื่องอาหารการกิน ตอนนี้ตีสองครึ่งเลยหิวหนัก กาแฟไม่ได้ช่วยอะไร คงต้องลาไปนอนด้วยภาพที่ไม่เกี่ยวกับอาหารเลยแม้แต่น้อย  เป็นหญ้ารกๆ กับผีเสื้อหนึ่งตัวที่ริมบึงแก่นนคร แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องต่อค่ะ ตอนนี้ ขอตัวก่อน หิวมากกว่าง่วง จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 02:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตามมาเที่ยวแล้วค่ะ.... เมอกี้.....มะล่ายตั้งใจกบ-เขียด-ปาด....แต่อย่างไรสาบานล่าย.....555 จากคุณ : noklekkaa (papagearna) - [ 21 ม.ค. 52 02:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีค่ะ  ดื่มกาแฟ ชมกระทู้ไป ด้วย แม๊ ม่วน ใจจริงๆ จากคุณ : honeybfit - [ 21 ม.ค. 52 08:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คิดฮอดหลายเด้ คิดฮอดอิสานบ้านเฮา ปาดน้ำตาไปชมไป จะรอชมอีกค่ะ ขำ ที่อาจารย์บอกว่าคิดถึงลานดอกไม้ ทางเหนือ แต้ๆเจ้า จากคุณ : หญ้าสีเขียว - [ 21 ม.ค. 52 09:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ .. ดีจัง ได้ความรู้ไปด้วย จากคุณ : That's the way I am - [ 21 ม.ค. 52 09:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไปม่วนซื่นนำเด้อ จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ 21 ม.ค. 52 09:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 น่าสนุกจังค่ะ ต้องหาโอกาสไปบ้าง แล้วว... จากคุณ : นกฮูกสีน้ำตาล - [ 21 ม.ค. 52 09:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : coji - [ 21 ม.ค. 52 09:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตามป้ากิมมาระลึกถึงความหลังค่ะ เคยอยู่ขอนแก่น 6 ปี และเที่ยวไปตาม จังหวัดต่างๆก็หลายจังหวัดค่ะ ชอบหน้าหนาวของที่นี่มากๆๆ คิดถึงแก่นนครวิทยาลัยจัง จากคุณ : แม่น้ำตาลน้อยที่แสนซน - [ 21 ม.ค. 52 09:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ป้ากิมรูปสวยมากๆครับ... อยากสมัครเป็น ศิษย์^^ จากคุณ : เต้น (ScreamChorus) - [ 21 ม.ค. 52 09:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ noklekkaa :: ฮ่าๆๆๆๆๆ กบ เขียด ปาดสบายค่ะ จะได้อุ่นใจว่ามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์นอนดึก หนูผึ้ง :: เมื่อคืนเผลอดื่มกาแฟไป ปั่นกระทู้ไป สรุปคือตาค้าง =______= คุณหญ้าสีเขียว :: กำลังจะมาแปะเรียกน้ำตาอีกรอบค่ะ 555+ ไปอีสานรอบนี้ ขาดแคลนดอกไม้อย่างหนัก คิดถึงผาแต้มที่ซู๊ดดดด คุณThat's the way I am :: สกัดความรู้ออกไปแยะแล้วค่ะ เนื่องจากจำไม่ค่อยได้ พ่อถุง :: เอ เหมือนจะจำได้ลางๆว่าพ่อถุงเคยนำชมแถวๆจังหวัดไหนน้อ ... สักจังหวัดแถวนี้ คุณ coji :: สวัสดียามเช้าค่ะ แม่น้ำตาล :: เช่นกันค่ะ ตอนนี้คิดถึงอาหารอีสานมากๆ เดี๋ยวคงต้องไปหาลาบยโสหน้าปากซอยกินแก้คึดฮอดสักหน่อยแล้ว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 09:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ไปเที่ยวอิสานด้วยคนนะครับ จากคุณ : กะได - [ 21 ม.ค. 52 09:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนเรียนภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว เราก็ตระเวนแบบนี้เหมือนกัน สรุปว่าชอบค่ะ จากคุณ : จะถูกจะแพงขอแดงไว้ก่อน - [ 21 ม.ค. 52 10:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีค่ะคุณเต้น ^____^ ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม มาเที่ยวต่อกันดีกว่า จับความหลังจากพุงกางจากบึงแก่นนครแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นไปหลับบนรถต่อ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  แอบหลับอยู่ชั่วโมงกว่าๆ รถก็วิ่งโคลงเคลงๆมาถึงมหาสารคาม จุดหมายในช่วงบ่ายวันนี้อยู่ที่ "สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช" มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  เคยมาแล้วเมื่อสิบปีก่อน งานนี้เลยตามมาซ่อมอะไรที่เคยก๊งๆไว้ สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช นั้น ในตอนแรกเป็นโครงการสวนพฤกษชาติและศูนย์สนเทศพรรณไม้อีสานโดยมีวัตถุประสงค์ ในการอนุรักษ์ และขยายพรรณไม้พื้นเมือง มีชื่อว่า  "สวนพฤกษชาติและศูนย์สนเทศพรรณไม้อีสาน"   ต่อมาได้รับพระกรุณาจากสมเด็จพระเจ้าลุกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ทรงพระราชทานนาม สวนแห่งนี้ว่า "สวนวลัยรุกขเวช"  จากความสำเร็จของโครงการ นี้ทางจังหวัดมหาสารคามจึงได้ขอ ให้ทางมหาวิทยาลัยขยายพื้นที่โครงการโดยมอบพื้นที่สาธารณะ  อำเภอนาดูน ให้ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้ดำเนินการจัดตั้งโครงการ นี้ให้เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับพระกรุณาจาก สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ทรงพระราชทานนามหน่วยงานนี้ว่า "สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช" จุดเด่นที่น่าสนใจในการเยี่ยมชมพื้นที่ของสถาบันแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ บริเวณป่าธรรมชาติ ป่าเต็งป่ารังและพื้นที่ป่าปลูกเพื่อการวิจัย ที่นี่รวบรวมพันธุ์ไม้ต่างๆของอีสานไว้แยะทีเดียวค่ะ อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจมากๆก็คือ การจัดพิพิธภัณฑ์เรือนพื้นบ้านอีสาน โดยการสร้างบ้านประเภทต่างๆขนาดเท่าจริงไว้ให้เข้าชม แถมเปิดให้เข้าพักนอนบนบ้านได้ด้วยจริงๆค่ะ เรียกว่าเรียนรู้กันถึงชานเรือนทีเดียว แต่..... หลังจากวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เขาจะไม่ให้ขึ้นพักบนบ้านแล้วค่ะ เขากำลังสร้างบ้านพักให้นักท่องเที่ยวไปอยู่แทน ส่วนบนเรือนจะจัดแสดงนิทรรศการถาวร วันที่ไปเห็นมีคนมาเข้าพักค้างคืนอยู่สองเรือน มองไปเห็นกางมุ้งปลิวไสว แต่ถ้าจะให้มาอยู่จริงเอง ... ขอคิดหน่อยเต๊อะ บางบ้านมีทำเป็นรูปปั้นจำลองเจ้าของบ้านตัวจริงไว้ด้วย T______T กลัวกั๊บ กลัวคุณยายเจ้าของบ้านจะมาชวนคุยเรื่องเก่าๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คิดถึงอีสานเหมือนกันเจ้า  มีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองเหนือ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่ได้ไป... สักวันจะตามรอย หนูป้ากิมเจ้า จากคุณ : ชาวเหนือ - [ 21 ม.ค. 52 10:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีค่ะ คุณกะได คุณจะถูกจะแพงฯ ^____^ เมื่อสมัยเรียนก็ตะลอนไปเรื่อยๆสนุกดีแต่ไม่ค่อยจะละเอียด ตอนนี้ก็เลยมาตามเก็บรายละเอียดไว้ใช้งาน ฮ่าๆๆ เรือนอีสานในสถาบันเป็นเรือนเก่าของจริง หลายเรือนไปขอเจ้าของให้ช่วยบริจาคแก่สถาบันเพื่อนำมาอนุรักษ์จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ (เก๋าจริงเสียงจริงขอรับ) เรือนของภาคอีสานมีหลายแบบค่ะ จะเป็นเรือนไม้ทั้งหมด ลักษณะของเรือนจะบ่งบอกถึงชาติพันธุ์ วัฒนธรรมประเพณี รวมถึงชีวิตส่วนตัวของเจ้าของเรือนได้ด้วย  อย่างภาพข้างบนก็เป็นเรือนของคนทั่วไป เป็นของชาวนา แต่ออกจะเป็นชาวนาที่มีฐานะอยู่สักหน่อยเพราะเป็นเรือนไม้หลังใหญ่ทีเดียว กะไดที่เห็นดูไม่ค่อยจะสมกับตัวเรือน ทั้งนี้เพราะเป็นกะไดที่ถอดยกได้   บ้านอีสานจะมีแค่สามห้องเท่านั้น อยู่รวมกันทั้งครอบครัว ดังนั้นถึงมีศัพท์ว่าออกเรือน เพราะขืนแต่งงานแล้วยังอยู่รวมกันเรือนแตกแน่ๆ เลยต้อง"ออกเรือน"ไป แล้วขั้นตอนการออกเรือนก็ต้องตามลำดับด้วย พี่สาวต้องแต่งงานก่อน น้องๆถึงจะได้แต่ง ... โชคดีที่ที่บ้านไม่ได้ใช้ธรรมเนียมนี้ ไม่งั้นป่านนี้น้องสาวคงรอจนเหงือกแห้งแหงมๆ เมื่อแต่งงานแล้ว ถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวยังไม่มีเงินจะไปหาไม้มาปลูกบ้าน ก็ต้องอาศัยนอนที่เล้าข้าว ด้วยการต่อเติมห้องออกมาให้พออยู่ได้ ส่วนห้องครัวไม่ต้องเพราะอาศัยกินข้าวกับเรือนใหญ่ต่อไป สบายใจจัง ตังค์อยู่ครบ (ได้แฟนอีกตะหาก) จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีค่ะป้าน้อย ยังไม่ไปครบเหมือนกันค่ะ แผนที่ประเทศไทยยังปักหมุดไม่ครบเลย อุอุ ดูกันชัดๆ ห้องหอคนจน เรียกเรือนที่ต่อเสริมกับเล้าข้าวว่า ตูบต่อเล้า อืมมม ถ้าได้แต่งงานแล้วถึงจะต้องอยู่ตูบต่อเล้า ก็ยอมนะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ด้านหลังเรือนชาวนา ขุดเป็นบ่อน้ำ แสดงวิถีชีวิตของชาวอีสานที่หาผูกพันอยู่กับน้ำ มีรูปปั้นชาวประมงตั้งอยู่ริมบ่อ คาดว่าคงจะเป็นที่เคารพนับถือมากอยู่ เลยมีใครต่อใครนำเครื่องแต่งตัวมาใส่ให้เต็มที่ T___________T ดูน่ากลัวมาฮ่ะ ... บอกแล้วว่า ถ้าจะให้ค้างที่นี่ ที่น่ากลัวสุดก็พวกรูปปั้นเหล่านี้แหละ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ยังมีเรือนหลังน้อยอีกแบบค่ะ เรียกว่า ตูบเหย้า เหมาะสำหรับลูกเขยที่ไม่อยากอยู่ร่วมในรั้วเดียวกันกับพ่อตา ประเภทชอบกินเกาเหลากับพ่อตาแม่ยาย เลยต้องพาลูกสาวเขาย้ายออกมาอยู่ต่างหาก ตามประสากระท่อมของรจนากะพ่อเงาะ  ตูบเหย้าจะปลูกง่ายๆ มีห้องหับมิดชิดแต่ไม่ได้สร้างด้วยไม้ค่ะ เนื่องจากพ่อลูกเขยคงจะยังไม่มีตังค์มากพอ แถมยังไม่ได้เข้าป่าไปหาไม้มาเตรียมไว้ เป็นกระท่อมคนยาก ^____^ ยอมค่ะ ยอมๆ อยู่ได้ค่ะที่รัก จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวมวิญญาณภรรยาเวลาสามีไม่อยู่บ้าน แอบมองหนุ่มๆจากตูบเหย้า จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มาแป่ะชื่อไว้ก่อง  เด๋วย้อนไปอ่านต่อ แล้วกลับมาใหม่.... ปอ ลอ...  คิดตึงส์อาต๋องมากๆ จ้า... จากคุณ : parawarm - [ 21 ม.ค. 52 10:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ร่มไม้ชายคา ... คิดถึงบ้านเก่าที่โพธารามจัง หวัดดีฮ้าบบบบพี่เหมียว ตอนนี้เฮียแกงานยุ่งฮับ เตรียมตัวไปเป็นหนุ่มอังกิด จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นรูปใบไม้แห้งสีสดสวยแล้วนึกถึงเพลง ชีวิตสัมพันธ์ ท่อนอัสนีร้องกับแอ๊ดคาราบาว "ความแห้งแล้ง ความชุ่มชื้น อย่างไหนที่เราชอบกัน......" จากคุณ : ชิดขวา_>>> - [ 21 ม.ค. 52 10:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาถึงเรือนใหญ่อีกเรือนหนึ่งค่ะ เป็นเรือนผ้าทอ จัดแสดงเรื่องราวของการทอผ้าของชาวอีสาน ตัวเรือนได้มาจากคุณยายท่านนึงชื่อ นางสาว นาง  ซึ่งเป็นช่างทอผ้า ทางสถาบันเทียวไปเทียวมาหลายรอบกว่าคุณยายจะใจอ่อนยอมมอบเรือนหลังนี้ให้ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจึงเป็นของจริงของคุณยาย ที่ใต้ถุนบ้านเลยสร้างรูปปั้นคุณยายนาง นั่งทอผ้าไว้เป็นที่ระลึก ... แต่ คุณยายเป็นคนเมตตาเอื้อเอ็นดู คนที่มาเที่ยวเลยได้โชคลาภจากคุณยายบ่อยๆ รูปปั้นของคุณยายเลยเต็มไปด้วยพวงมาลัย ดอกไม้ กระถางธูปเทียน เป็นที่ระทึกมากค่ะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 54 "ความแห้งแล้ง ความชุ่มชื้น อย่างไหนที่เราชอบกัน......" จากคุณ : ชิดขวา_>>> ชอบแบบดอกไม้งามๆฮับ เนื่องจากคุณยายนาง ครองคำนำหน้าว่านางสาวมาตั้งแต่สาวยันแก่ เรือนของคุณยายนางจึงค่อนข้างปิดมิดชิด ตามประสาคนโสด จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 10:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นรูปปั้นนั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน นึกว่า "ปอบผีฟ้า" จากคุณ : agg_xir - [ 21 ม.ค. 52 11:00:08 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ใต้ถุนเรือนเป็นการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในการทอผ้า จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สวัสดีค่ะคุณ agg_xir  T___________T มองไปนึกว่าใช่เช่นกัน น่ากั๊ว ภาพนี้ลืมตบแฟลช เส้นไหมข้างหน้าเลยหมองไปหน่อย แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 14:15:15 จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ดูไปน้ำตาหยดแหมะ...คิดถึงแม่จังเลย จากคุณ : หนุ่มอุดร - [ 21 ม.ค. 52 11:06:17 A:125.25.132.115 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 เส้นไหมสีต่างๆ ได้มาจากการย้อมจากสีธรรมชาติ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สวัสดีค่ะคุณหนุ่มอุดร ^^ ระหว่างเรือนแต่ละหลังจะมีการปลูกไม้ปลูกผักพื้นบ้าน ทำให้ยิ่งได้บรรยากาศของหมู่บ้านสมจริงสมจังขึ้น งานนี้เลยได้เห็นกระเจี๊ยบแดงใกล้ๆ หลังจากคราวก่อนไปทำตาใสตาถามหาซื่อ เห็นแดงๆข้างทางรถไฟแต่ไม่รู้ว่าต้นอะไร งวดนี้เลยไม่พลาด ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อแก่แล้ว จะปริออกเห็นเมล็ดอยู่ข้างใน จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เขาบอกว่า กระเจี๊ยบร่วมวงพงศ์ไพบูลย์กับชบา พอเห็นลักษณะดอก ก็เลยเชื่อแล้วว่า วงศ์เดียวกัน ข้างๆดงกระเจี๊ยบเป็นเรือนหมอยา จัดแสดงวิถีชีวิตภูมิปัญญาทางด้านการรักษาโรคแบบพื้นบ้านไว้ ตอนนี้ชั้นล่างมีเปิดเป็นนวดสมุนไพรด้วยค่ะ มีคนมาใช้บริการอยู่เรื่อยๆ  ในเรื่องของหมอยาอีสานนั้น เขาจะสืบวิชากันในตระกูลเป็นหลัก อย่างเช่นถ้าหนุ่มคนไหนอยากเป็นหมอยาก็ต้องมาอยู่บ้านพ่อหมอ ทำงานรับใช้หัดบดยาไปเรื่อยๆ ในระหว่างนั้นพ่อหมอก็จะให้ลูกสาวของตัวเองเป็นคนส่งข้าวส่งน้ำให้ เรียกว่า ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกตกมาแกงเพียบ เพราะสุดท้าย ไอ้เจ้าหนุ่มหมอยาฝึกหัดก็ต้องโอนเอียงมาหาลูกสาวพ่อหมออยู่ดี ... ก็ นะ เห็นหน้ากันทุกวัน จะไปไหนเสีย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีคำถามว่าจะยกมือถามแต่เกรงใจอาจารย์ อยากจะถามว่า ถ้าพ่อหมอมีแต่ลูกชายล่ะ จะทำไงดีฮับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 14:44:12 จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 63 การมุงหลังคาแบบบ้านอีสานเดิม จะใช้ไม้เป็นหลังคาค่ะ ^^ เขาจะมีการมุงแบบที่เหลื่อมซ้อนกัน จนน้ำไม่สามารถไหลลงไปข้างล่างได้เลย แต่ช่างสมัยใหม่ไม่ค่อยรู้เทคนิค เลยต้องมีการตีสังกะสีซ้อนไว้ด้านในอีกที จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตามมาทันแว๊ววววว...แฮ่ก..แฮ่ก... รูป 47 ที่มีรูปปั้น  น่ากัวอ่ะ   ถ่ายบ้านไปหลายรูป   ได้แบบเรือนหอมั่งยังป้ากิม.. จากคุณ : parawarm - [ 21 ม.ค. 52 11:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ^ ^ ไม่อยากได้เรือนหอ อยากได้เจ้าบ่าวมากกว่าฮับ เรือนผู้ไทค่ะ ทางสถาบันได้มาจากคุณยาย .. อีกแล้ว เป็นเรือนที่ค่อนข้างมีฐานะ เรือนหลังนี้ วันดีคืนดี เด็กๆมาเข้าค่ายทำเสียงดัง คุณยายเจ้าของเรือนก็จะออกมาดุเด็กอยู่บ่อยๆ จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก บายล่ะก้า จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ดอกมะละกอหน้าเรือนผู้ไท เห็นแล้ว อยากกินส้มตำ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ที่นี่ มีเกวียนราคาแพงจัดแสดงอยู่เล่มหนึ่ง เป็นมรดกตกทอดของอาจารย์ผู้บรรยาย (อาจารย์วิทยากรท่านนี้บรรยายได้จนอยากจะติดกัณฑ์เทศน์ให้ทีเดียวบรรยายช้าๆ เสียงเรียบๆเย็นๆ ฉ ตำนานมีอยู่ว่า บรรพบุรุษเลือกเกวียนเล่มนี้แทนการเลือกที่ดิน เพราะเห็นว่าที่ดินไปหักล้างถางพงเอาเองได้ กลายเป็นว่าตอนนี้ที่ดินราคาสูงมาก เป็นล้าน แล้วเกวียนก็ไม่ได้ใช้งาน ฮ่าๆๆๆๆ  แต่เกวียนเล่มนี้งามมากๆ ราคาถ้าเทียบกับรถสปอร์ตแล้ว ก็คงไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เด็กๆเห็นเกวียนราคาเทียบเท่ารถสปอร์ตแล้วรีบขอเข้าไปถ่ายรูปคู่ทันที ปรมาจารย์ของป้าก็ถามไถ่อย่างทันควันว่า "อ้าว ... จะเทียมเกวียนแล้วเหรอพวกคุณ" ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก การที่จะใช้โคมาเทียมเกวียนก็ไม่ใช่เทียมกันได้ง่ายๆค่ะ โคต้องเอามาฝึกให้แบกแคร่ก่อน ฝึกอยู่นานกว่าจะเอามาเทียมเกวียนได้ ดังนั้นพวกเด็กๆก็คงต้องไปเริ่มจากหัดแบกแคร่แบกเตียงกันก่อน ก๊ากๆๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 69 จบภาควัฒนธรรม ก็เข้าสู่ภาคธรรมชาติวิทยา เป็นการเดินชมป่าเต็งป่ารังยามเย็น ก่อนจะไปพระธาตุนาดูนที่อยู่ใกล้ๆกัน ตรงทางแยกมีคุณลิงถูกเลี้ยงไว้เกาะอยู่บนต้นไม้ ลิงตัวนี้เจ้าหน้าที่บอกว่ามันไม่ชอบผู้หญิง ชอบแต่ผู้ชาย (แต่ลิงตัวผู้นะ) ถ้าผู้หญิงเข้าใกล้มันจะแยกเขี้ยวขู่ทันที พวกนักศึกษาเลยลองส่งเพื่อนที่ผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิง ส่งไปให้คุณลิงแกพิจารณา ปรากฏว่า ลิงสับสนขอรับ ไม่รู้จะทำตัวยังไง ลิงยังสับสนเลยวุ้ย จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 70 วัฒนธรรมของทางอีสานจะเอาทุกอย่างต้มรวมกันในหม้อเดียว ต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ แบบที่เรียกว่าซุปค่ะ อาทิ ซุปหน่อไม้เป็นต้น (ความคิดเห็นที่ 30 ) ฮิ  ฮิ จากคุณ : พลังจิต - [ 21 ม.ค. 52 11:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มาลงชื่อเข้าห้องเรียนค่ะ  ตามเล็คเชอร์ทีหลัง   จากคุณ : S-cool - [ 21 ม.ค. 52 11:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สวัสดีค่ะคุณพลังจิต ... ข้อมูลอะไรผิดพลาดท้วงกันได้ค่ะ หลับๆตื่นๆฟังบรรยายไปเรื่อยๆ สองข้างทางจะเห็นดอกไม้ที่หน้าตาคล้ายดอกเข็ม อาจารย์ผู้บรรยายบอกว่า ชาวบ้านเรียกเข็มป่า มีกลิ่นหอม ชาวอีสานจะไม่ปลูกใกล้ห้องนอนลูกสาวหรือใกล้ๆห้องน้ำ เพราะกลิ่นจะทำให้เคลิบเคลิ้ม กลัวลูกสาวจะหลงคารมไอ้หนุ่มเอาง่ายๆ อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์น่าจะคล้ายๆกับการทำสปาบำบัดด้วยกลิ่นนั่นเอง ดีจัง อยากได้ๆ จะเอาไปปลูกตามบ้านเป้าหมาย ต้นเดียวอาจจะไม่พอให้หลง คงต้องปลูกสักแปลงสองแปลง จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สวัสดีค่ะพี่ไพ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นชั่วโมงประวัติศาสตร์ชั่วคราว ที่สถาบันเขาสะสมไผ่ไว้เกือบทุกพันธุ์เลยค่ะ เอามาปลูกในส่วนที่เรียกว่าอุทยานลานไผ่ นอกจากไผ่แล้วก็ยังมีมะม่วงสายพันธุ์ต่างๆ เห็นมะม่วงป่าต้นหนึ่ง ลูกเล็กและเปรี้ยวมากกกกกกกกกกกกกก ดูแล้วไม่น่าคุ้มที่จะสอยมากิน จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 74 แวะเข้าชมสวนสมุนไพรไทย ที่นี่มีการแปรรูปทำสมุนไพรอบแห้งด้วย เดินดูรอบๆ เห็นไม้แปลกๆตาหลายต้นทีเดียว คำเงาะ หรือ คำแสด สมัยก่อน "คำเงาะ" หรือ "คำแสด" นิยมปลูกไว้เพื่อประโยชน์ไปทางยา คือใช้ ดอกนำมาต้มน้ำดื่มเป็นยาบำรุงโลหิต แก้โรคโลหิตจาง แก้บิด ส่วนเมล็ดนำมาแช่น้ำจะมีผงสีส้มตกตะกอน แล้วเอาส่วนที่ว่านี้ใช้ทำเป็นสีปรุงแต่งอาหาร หรือใช้ย้อมผ้าฝ้ายและไหมก็ได้   แต่เนื่องจากคำเงาะเป็นต้นไม้ที่มีพุ่มสวยงาม โดยเฉพาะเวลาออกดอก ออกผล ปัจจุบันจึงนิยมมาปลูกเป็นไม้ประดับไปแล้ว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 11:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นที่ป้ายเขียนว่า "หางกระรอก" จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ป้ายบอกว่า ชื่อ "สมอไทย" เห็นใบแล้วเหมือนเมื่อตอนเด็กๆจะเคยถูกให้กิน จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:03:27 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ดอกนี้ไม่รู้จักค่ะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 78 หน้าตาใบน่าจะใช่ไผ่ฟิลิปปินส์ เพิ่งรู้ว่ามีดอกด้วย จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เสร็จภาระกิจชมสวนก็เข้าไปไหว้พระธาตุนาดูนกัน ไม่ไกลจากสถาบันเท่าไรค่ะ ประวัติความเป็นมาของพระธาตุนาดูนนั้น ชาวบ้านขุดค้นพบเมื่อปี 2522 นี่เอง ตอนแรกเจอพวกพระพิมพ์จำนวนมหาศาลขนาดที่ต้องใส่กระสอบปุ๋ย เมื่อขุดต่อมาก็เจอผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในนั้น จังหวัดมหาสารคามจึงจัดสร้างโครงการพุทธมณฑลอีสานขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วยสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์พระธาตุนาดูนที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ศูนย์พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมจำปาศรี เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ อานาจักร จัมปาศรี นครโบราณของบริเวณนี้ซึ่งอยู่ในสมัยทวารวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-16 จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เจดีย์พระธาตุนาดูน มีลักษณะประยุกต์จากสถูปจำลองที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กับลักษณะศิลปะแบบทวารวดี ว่ากันว่า การบูชาพะธาตุในแต่ละด้านจะให้ผลต่างกันไป เช่น ด้านโชคลาภต้องบูชาด้านทิศเหนือ เรื่องของหัวใจ(ที่คนละอย่างกับโรคหัวใจ)ต้องทิศใต้ จำไม่ได้แล้วว่าทิศไหนเพื่ออะไร เลยไหว้หมดทั้งสี่ทิศ ไหว้เสร็จมากินไอติมรถเข็น สบายใจท้าทายลมหนาว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 81 กว่าออกจากมหาสารคามก็พระอาทิตย์ตกดินพอดี แต่เราต้องเข้าไปพักที่ตัวเมืองขอนแก่น พวกอาจารย์ผู้ใหญ่พักกันที่โซฟิเทล (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อแล้วเป็น Pullman) ส่วนเด็กๆและอาจารย์ผู้น้อย ... แก่นอินน์ ขอรับ T____T ตอนนี้เริ่มหิวอีกแล้ว โทรจองอาหารตั้งแต่มหาสารคาม พอถึงขอนแก่นแล้วก็ได้กินพอดี จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ฟังพี่เป้า สายัณ สัญญา จากวิทยุคลื่นท้องถิ่นมหาสารคามเพลินๆ รถก็ชะลอช้าลงๆ มองลงไป โอ้ ... รถมันคว่ำ คว่ำขวางถนนเลย  มีช่องให้ค่อยๆคลานไปนี้ดเดียว เสียดายมันสำปะหลังมากๆ แถวนี้รถมันรถอ้อยแยะค่ะ ปลูกอ้อยเพื่อเอาไปทำไบโอดีเซล ส่วนมันสำปะหลังใช้ทั้งทำไบโอดีเซลและตากแห้งทำอาหารสัตว์ เสียงอาจารย์ผู้ใหญ่เริ่มปรึกษากัน (เนื่องจากเริ่มหิวไม่ถึงขอนแก่นซะที) ว่า จะให้ นักศึกษาลงไปช่วยขนมันออกจากถนน เป็นการบำเพ็ญประโยชน์ตามหลักการลูกเสือ เนตรนารี  แหม ... ไม่อยากจะบอกเลยว่า บนรถหาลูกเสือยากมาก มีแต่เนตรนารี แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 14:00:25 จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 83 วันสุดท้ายของการเดินทาง ... ย้อนกลับมายังที่เดิม ที่เคยมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน พิมาย รายละเอียดปลีกย่อยที่พิมายแยะมาก วันนี้เลยชมไม้ใหญ่ในอุทยานเป็นหลัก เพราะพวกศิลปกรรมต่างๆ บรรยายสามชั่วโมงก็ไม่จบ  ต้นนี้ แคแสด หรือเปล่าไม่แน่ใจ คงต้องถามพวกเด็กลาดกระบัง เราก็คุ้นแต่หางนกยูงเท่านั้นเอง อุอุอุอุ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อุ้ย พูดถึงลาดกระบัง ก็เจอกันพอดี เจอกับคณะนี้ทั้งที่พิมายและที่พิพิธภัณฑ์ค่ะ คาดว่า มาเรียนเหมือนกัน แต่ดูเขาเอาจริงเอาจังกว่ากลุ่มเรามาก จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มาดูไม้ประจำสถาบันอีกหนึ่งต้น จามจุรี ต้นใหญ่มาก คาดว่าอายุอานามคงจะไม่น้อยทีเดียว จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 86 กิ่งก้านสาขาจามจุรี จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มาถึงพิมาย จะไม่ถ่ายรูปงานศิลปะเลยก็จะเป็นการดูถูกอย่างมาก มาเป็นสิบรอบแล้วแต่ก็ต้องถ่ายซ้ำทุกรอบไป ภาพนี้ แกะสลักเล่าเรื่องตอนพระลักษณ์ตัดหูตัดจมูกนางยักษีสำมะนักขา ซึ่งเป็นน้องของทศกัณฑ์ ที่มาหลงรักพระรามทั้งๆที่พระรามไม่เล่นด้วย พระลักษณ์เจ็บแค้นแทน ขับไล่ไสส่งแล้วก็ไม่ยอมไป เลยจับตัดจมูกตัดหูซะเลย จากที่อัปลักษณ์อยู่แล้วเลยอัปลักษณ์มากขึ้น สำมะนักขาเลยไปฟ้องพี่ชาย แล้วบอกว่า มีผู้หญิงนางหนึ่งสวยมากอยู่ในป่า อยากให้พี่ไปลักพาตัวมาเป็นศรีภรรยา รามเกียรติ์จึงเริ่มเรื่องราวตามมา ชอบภาพนี้ เพราะคราวก่อนที่มากับเอ้กับต๋อง สองคนนั่นวิจารณ์ว่า ท่าทางเหมือนนวดแผนโบราณมากกว่าจะสู้กัน จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ป้ากิม เล่าได้สนุกมากค่ะ...ชอบตามอ่าน  เหมือนได้ไปด้วยทุกที่... บางทีก็ระลึกถึงความหลังไปด้วย   มีความสุขที่สุด จากคุณ : Ricola ร่าเริง - [ 21 ม.ค. 52 12:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ฉากนี้เล่าเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่เจ้านกพิรายสองตัวนั่นอยู่ในตำแหน่งที่ฮามากๆค่ะ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 90 สวัสดีค่ะพี่เปรม ขอบคุณค่ะที่ติดตามชม (คำว่าติดนี่ ถ้าพิมพ์ตกสระอิไปหนึ่งตัว ฮาแน่ๆ ) ภาพนี้เล่าเรื่องตอนอินทรชิตแผลงศรนาคบาศน์ พระลักษณ์โดนศร บรรดาพลพรรควานรนั่งร้องห่มห้องไห้ด้วยความเสียใจ แอบเห็นเจ้าวานรตัวที่สองจากซ้าย ทำท่าเศร้าแบบละเหี่ยๆ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 12:51:55 จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 91 พักเที่ยงมาแวะกินข้าว(อีกแล้ว)ที่ไทรงาม เห็นบ้านหลังนึงอยู่กลางน้ำ นึกถึงเรื่อง Il Mare ขึ้นมาทันที เป็น Il Mare @ ไทรงาม จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 92 จบกระทู้ม่วนซื่นด้วยภาพบ้านกลางน้ำภาพนี้ค่ะ เพราะภาคบ่ายยังต้องไปที่พิพิธภัณฑ์พิมายต่ออีก เนื่องจากห้ามถ่ายรูป ก็เลยเก็บกล้องเรียบร้อย ปิดทริปนี้กลับบ้านนอน ฮ่าๆๆๆๆๆ กะจะนอนอยู่บ้านสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว .... ส่วนจะไปไหน ไปดูอะไร โปรดติดตามตอนต่อปายยยยยยยย จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 12:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ฟังป้ากิมเล่าสนุกและชวนติดตามไม่เบื่อเลยค่ะ จากคุณ : สาวอีสาน - [ 21 ม.ค. 52 13:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ฝากบอกป้ากิมว่า  วันหลังเจอคณะที่เอาจริง เอาจัง ก็ทำท่า (ทำท่า) เอาจริง เอาจังบ้างก็ได้ค่ะ   (จะได้ดูดี) อิอิ จากคุณ : LILY_PINK - [ 21 ม.ค. 52 13:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 95 โหย.....  ภาพ คห.91  สวยมาก ๆๆๆ   คห.90  ลิงแถวล่างตัวที่ 2 จากซ้าย  ทำท่าปาดเหงื่อด้วยเนอะ   จากคุณ : S-cool - [ 21 ม.ค. 52 13:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โห จานป้ากิมนะ   สถานที่ก็งั้นๆแหละ ชิวๆ  แต่จานถ่ายทอดซะ  เริ่ดเชียว นี่ดูแต่รูปนะ เดี๋ยวกลับขึ้นไปอ่านอีกทีคร้าบ จากคุณ : น้ำค้างรุ่งอรุณ - [ 21 ม.ค. 52 13:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 97 นู๋เด็กลาดกระบังค่ะ มาตอบค่ะ  ต้นไม้ที่ถ่ายในรูปคห.83 ไม่ใช่ต้นแคแสดค๊า เป็นต้นทองกวาว(เขียนถูกรึเปล่านะ) หรือภาษาอิสานเค้าเรียก ต้นจาน ค่ะ จากคุณ : benzeb - [ 21 ม.ค. 52 13:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณสาวอีสาน :: ต้องลองมาฟังของจริงในห้องเรียนค่ะ เด็กๆหลับเป็นแถบ เหอ เหอ เหอ คุณLILY_PINK :: พยายามเอาจริงเอาจังแล้วค่ะ แต่เหมือนไม่เป็นผล พี่ไพ :: ถ่ายจากหน้าต่างรถอ่ะพี่ ภาพเลยอมฟ้าหน่อยๆ ส่วนเจ้าลิงละเหี่ย เพิ่งจะเห็นก็รอบนี้แหละค่ะ เวลาไปดูภาพพวกนี้ชอบมองหาภาพขำขำ เพลินดีพี่ (แก้ง่วงจากตรงอื่น ฮ่าฮ่าฮ่า) พี่น้ำค้าง :: ไปช่วงแล้ง แล้งมากเลยพี่ T____T แถมมีชีวิตอยู่ตามพิพิธภัณฑ์อีกตะหาก คุณbenzeb :: ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ^^ ว่าแต่ตอนนี้ที่ลาดกระบังชมพูพันธุ์ทิพย์บานหรือยังคะ ที่โน่นเวลาหน้าชมพูพันธุ์ทิพย์บานทีไร สวยเหมือนในฝันเลย จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 13:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สุดยอดดดดดด มากครับ อ่านมันส์ + สนุกมั่กๆครับ อิอิ เอา link เพลงที่ป้ากิมฮัมไว้ใน คห.25 มาฝากด้วยครับ สำหรับท่านที่ยังไม่เคยฟัง จะได้ทราบว่า "ตะแล่นแตร" นี่มันเป็นยังไง ๕๕๕ http://www.ijigg.com/songs/V2BGDGABPB0 ^ ^ ^ คลิกไปแล้วกดปุ่ม Play (>) ฟังได้เลยค้าบบบ ^___^ เป็นเพลงอีสานที่ไพเราะมากๆเพลงนึงครับ ท่านที่ไม่ค่อยฟังเพลงลูกทุ่งลองฟังดูนะครับ "  ไปทั่วแคว้นแดนอีสาน ไปร่วมงานพื้นบ้านเป็นหมอแคน หนุ่มหมอลำ ลำเต้ยงานขอนแก่น เป็นหมอแคนช่วยเป่าแคนนำ โอ ละเน้อ โอละเน้อนวลเอย ข้อยเพิ่งเคยมาขอนแก่น คลอเสียงแคน ตะแล่นแตร แล่นแตร แล่นแตร แล้ แล แล้ แล แล่นแตร " จากคุณ : Fenrir - [ 21 ม.ค. 52 14:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ^ ^ ^ ขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณ Fenrir ชอบมากๆเพลงนี้ คนแต่งเข้าใจถ่ายทอดเสียงแคนออกมาเป็นคำอ่านได้ด้วย เก่งมากๆ  นั่งฟังจากคลื่นวิทยุแถวๆโน้น มองออกไปเห็นทุ่งนา  มีความสุขมากๆ จากคุณ : ป้ากิม (Meliot Baggins) - [ 21 ม.ค. 52 14:35:31 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ป้ากิมไฮเปอร์จริง ๆ ด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : บ้านสีขาว - [ 21 ม.ค. 52 15:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 102 มาตามต่อภาคบ่าย บรรยายได้เยี่ยมจริง ๆ ครับอาจารย์ป้ากิม จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ 21 ม.ค. 52 15:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ตามมาเที่ยว  ชอบหนุ่ม-สาว หมอลำ Red Cup #2 ค่ะ จากคุณ : สาวน้อย ซอยริมวัง - [ 21 ม.ค. 52 17:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เคยไปพิมายมา หลายปีแล้ว คิดว่าที่พิมายสวยกว่าพนมรุ้งในแง่ความสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นความอลังการละก็ยกให้พนมรุ้งไป คุณป้ากิมเก็บรายละเอียดการเดินทางได้เยี่ยมจริง แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 17:16:39 จากคุณ : สีมุก - [ 21 ม.ค. 52 17:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : deedy_danny - [ 21 ม.ค. 52 18:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ตามป้ากิมมาเที่ยว ขอนแก่นนำเด้อ... เมื่อครั้ง ลูกและสามี ไปเรียน ที่ ม.ขอนแก่น ไปเที่ยวบ่อยค่ะ พักหลังนี้ ไม่ค่อยได้มีโอกาสไป ..คงต้องหาเวลาไปบ้างล่ะ จากคุณ : ดอกคูนเสียงขิม - [ 21 ม.ค. 52 19:59:15 ]