Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    [[[[[[[[[[........โรคหัวบาตร........]]]]]]]]]]{แตกประเด็นจาก J7556386}

    แปลมาจากลิ้งค์ที่พี่หน่อยแปะไว้ในทู้เดิมนะคะ ขออนุญาตแตกประเด็นมาที่ทู้นี้ เนื้อหามีต่อไปนี้ค่ะ

    Hydrocephalus (โรคหัวบาตร) คือโรคเกี่ยวกับระบบประสาทคือมีของเหลวในสมอง (CSF) มากกว่าปกติ สัตว์ทั้งเพศผู้และเพศเมียสามารถเป็นได้

    โรคหัวบาตรนี้สามารถสังเกตความผิดปกติได้ชัดในสัตว์ที่มีอายุน้อย คือต่ำกว่า 18 เดือน หรืออาจสังเกตเห็นได้ในสัตว์อายุมาก ประมาณ 16 ปีขึ้นไป

    ของเหลวในสมองนี้ตามปกติจะอยู่ภายในสมอง มันมีหน้าที่ห่อหุ้ม ป้องกันและไหลเวียนผ่านส่วนต่างๆของเนื้อสมอง แล้วมันจะถูกดูดเข้าสู่ระบบการไหลเวียนต่อไป ในสัตว์อายุน้อย ของเหลวในสมองสามารถสะสมอยู่ภายในเนื้อสมองทำให้บริเวณกระหม่อม (บริเวณกระโหลกศีรษะที่เนื้อเยื่อยังไม่ติดกันดี) ปูดโปน กระดูกของกระโหลกศีรษะนั้นอ่อนและสามารถขยายใหญ่ได้เนื่องจากปริมาตรและแรงดันเพิ่มขึ้นจนทำให้หัวกะโหลกดูเหมือนเป็นรูปโดม บริเวณตำแหน่งตาในเบ้าตาก็จะหันเหผิดปกติ จนสามารถสังเกตเห็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสีขาวๆในลูกตาตรงบริเวณหัวตาใกล้ๆจมูก

    สาเหตุของการเกิดโรคหัวบาตรนั้น ในสัตว์อายุน้อยๆนั้นเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด การติดเชื้อขณะอยู่ในมดลูกหรือขณะแรกเกิด แผลหรือการบาดเจ็บที่เกิดขณะแรกคลอด และเนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง สาเหตุหลักของโรคนี้ที่เกิดในสัตว์อายุน้อยก็คือความผิดปกติแต่กำเนิด สัตว์พันธุ์เล็กๆมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคสูงที่สุด

    เมื่อไรก็ตามที่สัตว์ที่อายุมากแล้วเกิดเป็นโรคหัวบาตร จะไม่มีสัญญาณภายนอกอะไรบ่งบอกได้ว่ามันเป็นโรค จนกว่ากระดูกกระโหลกศีรษะจะถูกเชื่อมติดกันแล้ว

    อาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคหัวบาตรนั้นผันแปรไปตามสาเหตุของโรค, อายุในขณะที่เป็นโรค, และระดับของเนื้อเยื่อสมองที่ถูกทำลาย

    สังเกตอาการ
    - อารมณ์แปรปรวน
    - ร้องผิดปกติ
    - ขี้ตื่นตกใจ
    - ไม่ค่อยฉลาดเท่าไร ประมาณว่าพัฒนาการช้ามาก
    - ไม่รู้สึกตัว
    - เป็นลม
    - การมองเห็น การได้ยินเสื่อมสภาพ
    - กล้ามเนื้อหดเกร็ง เดินงุ่มง่าม
    - เดินหมุนเป็นวงกลม
    - หัวบวม เอียงๆ หรือเบี้ยว
    - การเคลื่อนไหวของดวงตาผิดปกติ

    การวินิจฉัยโรค
    ต้องทำเทสเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นโรคหัวบาตรจริงและเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่โรคอื่นที่อาจจะมีอาการคล้ายกัน
    การวินิจฉัยโรคทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
    - ประเมิน ตรวจสอบเกี่ยวกับระบบประสาท
    - ตรวจเช็คระบบตับและไต
    - เอ็กซเรย์กะโหลกศีรษะ
    - ทำ CT scan (การถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์) หรือทำ MRI
    - อัลตราซาวนด์สมอง ในกรณีที่บริเวณกระหม่อมเปิดออก
    - เจาะไขสันหลังไปตรวจ (spinal tap)
    - เช็คภาพคลื่นกระแสไฟฟ้าของสมอง (EEG)

    วิธีการรักษา
    เป้าหมายของการรักษาคือการลดหรือป้องกันไม่ให้เนื้อสมองถูกทำลายจากการไหลเวียนน้ำในสมอง การรักษาอาจจะทำได้ดังนี้ (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคด้วย)

    - ให้ยาเพื่อลดการเกิดขึ้นของน้ำในสมองและเพิ่มการระบายน้ำในสมองให้ถูกดูดเข้าสู่ระบบการไหลเวียนของร่างกาย
    - รักษาโดยผ่าตัด ซึ่งอาจรวมไปถึงการผ่าเอาสิ่งที่ไปกีดขวางการระบายน้ำในสมองออก
    - การป้องกันการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูงหรือการที่ความดันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
    - หลังจากรักษาแล้วก็ต้องพาสัตว์มาตรวจเป็นประจำตลอดอายุขัย เพื่อดูว่าสมองถูกทำลายมากกว่าเดิมหรือไม่ เพื่อทำการรักษาต่อไป

    การทำนายอาการของโรค
    โรคหัวบาตรถ้าเป็นในขั้นรุนแรงแล้วไม่ได้รับการรักษานั้นอาจทำให้ถึงตายได้ การรักษาที่ดีที่สุดจะไม่มีผลอะไรถ้าไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแล ระดับความรุนแรงของอาการก็มีผลต่อความสำเร็จในการรักษาเช่นกัน สัตว์ที่มีอาการที่ยากจะชี้ชัดไปได้ว่าเป็นโรคใด ก็เป็นอีกหนึ่งความลำบากในการเลือกว่าจะรักษาด้วยการใช้ยาหรือรักษาโดยการผ่าตัด เพราะฉะนั้น การวินิจฉัยโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ระวังอย่าให้ศรีษะได้รับการกระทบกระเทือน พยายามอย่าให้ตกจากที่สูงค่ะ

    ลองมาดูข้อมูลลึกๆของโรคนี้กัน ว่าสาเหตุมันเกิดขึ้นได้ไง
    - อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
    - Aberrant parasitic migration มันเกี่ยวกับปรสิตอ่ะ ไม่แน่ใจตรงนี้นะ
    - Panleukopenia virus น่าจะเกี่ยวกับโรคหวัด ช่องปากและลิ้นอักเสบนะ
    - โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (FIP)
    - สมองอักเสบเนื่องจากเชื้อรา
    - เนื้องอกในสมอง
    - เนื้องอกในโพรงสมอง
    - เนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง
    - ฯลฯ

    ส่วนมากจะเป็นเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรม และสัตว์สายพันธุ์เล็กมักจะเป็นมากกว่า ส่วนสายพันธุ์ของแมวที่มักจะพบโรคนี้ก็ได้แก่
    - แมวพันธุ์ไทย (Siamese Cat)
    - แมวเปอร์เซีย
    - แมวแม็งซ์ (Manx Cat) (พันธุ์นี้มันไม่มีหางอ่ะ เสิร์ชรูปในอากู๋ดูก็ได้นะ)

    ข้อมูลที่เหลือที่ไม่ได้แปลมา เป็นข้อมูลเชิงลึก ส่วนที่แปลมานี้เป็นข้อมูลกว้างๆ ทำให้เราได้รู้จักกับโรคหัวบาตรในแมว เป็นโรคใหม่จริงๆ อั้มก็เพิ่งจะรู้จักเนี่ยแหละค่ะ เป็นกำลังให้พี่หน่อยสู้ต่อไปนะคะ เพื่อลูกโป่งของเรา

    สู้ๆค่ะ

    ป.ล. แปลผิดตรงไหน รบกวนผู้รู้เข้ามาแก้ด้วยค่ะ ตรงนี้เป็นการแปลจากอั้มที่ไม่รู้เรื่องศัพท์แพทย์ซักเท่าไร ถ้าผิดตรงไหนต้องขออภัยเอาไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ

    จากคุณ : ~นางสาวมารร้าย~อักษรานรี~ - [ 24 ก.พ. 52 15:36:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com