Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    การเลี้ยงไส้เดือน.... (ภาค 1 : ก่อนลงมือเลี้ยง)

    สืบเนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวในการเลี้ยงน้องน้อยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีชื่อว่า "ไส้เดือน" ผ่านการอบรม การดูงาน การศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอ้างอิงต่างๆ ทั้งหนังสือ vcd และอินเตอร์เนท ตลอดจนมีโอกาสได้รู้จักรุ่นพี่หลายๆท่าน ที่ได้ถ่ายทอดวิชาและความรู้มาให้ ถึงวันนี้ก็พอเลี้ยงไส้เดือนเป็นระดับหนึ่ง (แต่ก็ยังต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา)

    สำหรับตัวผมเองได้ผ่านการอบรมการเลี้ยงไส้เดือนจากมหาลัยเกษตรศาสตร์ (รุ่นที่ 17) และจากแม่โจ้+สวทช (รุ่น 105)  


    "การตั้งกระทู้นี้ขึ้นมีจุดประสงค์ที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ และเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจที่จะเริ่มลงมือเลี้ยง ไม่ได้มีเจตนาจะตัดกำลังใจสำหรับใครที่จะเข้ามาเลี้ยง หรือหวังผลทางการค้าแต่อย่างใด"


    ก่อนลงมือการเลี้ยงไส้เดือน : ก่อนลงมือเลี้ยงไส้เดือนท่านคงมีคำถามมากมายๆอยู่ในหัวเต็มไปหมด เช่น เลี้ยงแล้วจะไปขายใคร,ตลาดอยู่ที่ไหน,เลี้ยงยากมั้ย,ไส้เดือนที่เจอตามสวนนำมาเลี้ยงได้หรือป่าว,ทำไมราคาไส้เดือนแพงจัง,ปุ๋ยไส้เดือนดีจริงหรือ และอีกหลายต่อหลายคำถามที่พบได้เจออยู่ทั่วไป


    จากสภาพสังคม เศรษฐกิจในปัจจุบันมีผู้คนที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจไม่น้อย ที่หันหน้าเข้าสู่วิถีทางแห่งเกษตรกรรม แต่การจะเข้ามาหนทางนี้ ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ หากคิดว่ามีที่มีทาง มีสองมือ หนึ่งแรง จะเสกสรรให้สวนสำเร็จในพริบตาคงไม่ได้ เฉกเช่นเดียวกับการเลี้ยงไส้เดือนเช่นกัน  ก่อนที่จะลงมือเลี้ยง จงตั้งสติคิดให้ดี คิดให้รอบคอบ ศึกษาข้อมูลให้มากๆในทุกมุมเท่าที่จะหาได้ ตลอดทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับ และผมเสียที่จะต้องเจอ ผลตอบแทนที่ได้จะคุ่มค่ากับการลงทุน กับเวลาที่เสียไปหรือไม่ และตลาดของผลผลิตจากไส้เดือน (ตัวไส้เดือน,ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน,ปุ๋ยน้ำหมักมูลไส้เดือน(ฉี่ไส้เดือน)) อย่าเห่อตามกระแส หรือตามคำวิจารณ์ของคนอื่น เพราะทุกธุรกิจมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่ล้มเหลว


    ผมขอฝากข้อดคิดเล็กๆน้อยๆ สำหรับคนที่จะเลี้ยงไส้เดือน ดังนี้


    1.  สำหรับท่านที่สนใจจะเลี้ยงไส้เดือนขอให้ท่านถามตัวเองก่อนว่า  "ท่านจะเลี้ยงไส้เดือนไปเพื่ออะไร"

           -  เพื่อจะกำจัดขยะ และทำปุ๋ย
             -  เพื่อที่จะนำตัวไส้เดือนมาใช้ประโยชน์
             -  เพื่อเป็นงานอดิเรก
           -  เพื่อทำเกษตรผสมผสาน
                  หรือเพื่อกิจกรรมใดแล้วแต่

        อยากให้ทุกท่านตอบโจทย์ตรงนี้ หลายคนดูรายการโทรทัศน์ เห็นเค้าขายไส้เดือนกันตัวละ 5 บาท (โลละ 5000 บาท) หรือ บ้างก็ 500 บาท/กิโล สำหรับพันธุ์ไทย มีคนจำนวนมากที่ตาโตเพราะเห็นตัวเลขนี้ แล้วมักจะถูกหรอกให้ซื้อพันธุ์ไส้เดือนในราคาแพง เมื่อไส้เดือนในตลาดมีมากขึ้นราคาก็ต่ำลงมา

    ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้

    เมื่อ 3 ปีก่อน ไส้เดือนพันธุ์ AF กิโลละ 6000 บาท
    ปี 2550 ไส้เดือน AF โลละ 5000 บาท (ตัวละ 5 บาท)
    ปี 2551 (ต้นปี) ไส้เดือน AF ราคาอยู่ที่ 1500 - 800 บาท
    ปี 2551 (ปลายปี) ไส้เดือน AF ราคาอยู่ที่  1000 - 350 บาท
    ปี 2552 (ต้นปี) ไส้เดือน AF ราคาอยู่ที่  1500 - 500 บาท

    สำหรับพันธุ์บลูปี 2545 ราคากิโลกรัมละ 7000 บาท
    ปี 2550 - 2551 ราคาอยู่ที่ 3000 - 4000 บาท
    ปี 2552 (ต้นปี) ราคาเปิดที่ 600 - 3000 บาท

    สำหรับพันธุ์ขี้ตาแร่ (ไส้เดือนไทย) ราคากิโลละ 400 - 500 บาท ตั้งแต่ 2550 - ปัจจุบัน


    -  หลายคนที่เอาตัวเงินตั้งในตอนแรกอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเสียกำลังใจ แต่อย่าเพิ่งใจธุรกิจไส้เดือน ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวไส้เดือนเพียงอย่างเดียว ผมขอเตือนด้วยความปารถนาดีว่าท่านอย่าเป็น  "เกษตรกรตาโต"  เพราะจะเป็นเหยื่อของคนที่แสวงหาผลประโยชน์ได้ โดยเฉพาะจากบอร์ด Thaiworm และ รุ่น 12 หากท่านบังเอิญผ่านมาก็โปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการอ่าน และรับข้อมูลให้ดี ว่าใครบ้างที่น่ารู้จริง ใครบ้างที่ดีแต่พูด....  เพราะคนเก่งๆ ที่เลี้ยงไส้เดือนประสบความสำเร็จจริง มักจะไม่แสดงตัว -   สำหรับผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย แต่ผมโชคดีที่การไปอบรมของ ม.แม่โจ้ ได้มีโอกาสรู้จัก คนเก่งหลายๆท่าน ที่ไม่เปิดเผยตัว และท่านเหล่านั้นก็เป็นพี่เลี้ยงผม จนผมสามารถเลี้ยงไส้เดือนรอด และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้.....  แต่จุดประสงค์ของผมคือ การผลิตปุ๋ยใช้เอง (ครั้งแรกที่ไปอบรมเรื่องไส้เดือนเพื่อต้องการเอามาเป็นอาหารสัตว์) ภายในสวน และไม้ประดับในร้านขายต้นไม้เล็กๆที่บ้าน

    -  ในด้านการผลิตปุ๋ย ปุ๋ยมูลไส้เดือนเป็นปุ๋ยที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะในต่างประเทศปุ๋ยไส้เดือนมีชื่อเสียงค่อนข้างมาก (ซึ่งหลายท่านอาจจะสังเกตุเห็นในโฆษณาแอมเวย์) ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ปุ๋ยมูลไส้เดือนกำลังมีการออกสู่ตลาดมากขึ้น และตลาดของผู้บริโภคก็กำลังขยายตัว แต่   ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะ การตลาดของปุ๋ยไส้เดือนยังต้องทำอีกมาก ปุ๋ยไส้เดือนยังเป็นปุ๋ยชนิดใหม่ในเมืองไทย ตลอดจนมีคู่แข่ง คือ ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพต่างๆ อีกทั้งการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าต้นไม้ หรือร้านอุปกรณืทางการเกษตร ถ้าหากผู้ขายไม่สนับสนุน ไม่เชียร์สินค้าของเรา สินค้าก็ขายออกยาก

    -  การต่อยอด ซึ่งนับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับคนที่จะเลี้ยงไส้เดือน ตัวไส้เดือน สามารถใช้เป็นอาหารแหล่งโปรตีนสูง ให้แก่สัตว์ต่างๆ ควบคู่ไปด้วยกัน เช่น กบ ไก่ ปลา หรือแม้แต่การแปรรูปเป็นไส้เดือนอบแห้งเป็นอาหารสัตว์ สามารถทำยา เครื่องสำอาง ด้านการผลิตปุ๋ย เป็นแนวทางในการผลิตปุ๋ยที่มีคุณภาพสูง และใช้เวลาที่สั่นกว่าการทำปุ๋ยหมักวิธีอื่น ช่วยจัดการสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน  ดังเช่น เทศบาลเมืองรังสิต และตลาดสดต่างๆ ได้ให้ความสนใจนำไส้เดือนมาใช้กำจัดขยะอินทรีย์

    2.  ด้านการศึกษาข้อมูล/อบรม

            -  ในหนังสือของท่านอาจารย์อานัฐ ค่อนข้างละเอียดพอสมควร และมีการเลี้ยงจริงของไส้เดือนในไทย (อันนี้ผมขออนุญาตโฆษณาให้หามาอ่าน อาจจะหาจากห้องสมุด แล้วถ่ายเอกสารเอาก็ได้) แต่ภาพอาจจะไม่สวย แต่แนะนำว่าควรจะอ่านและมีเก็บไว้ ถ้าคิดจะเลี้ยง
            -  อีกเล่มคือหนังสือ การทำธุรกิจฟาร์มไส้เดือน ของ พันธิตย์ มะลิสุวรรณ และผุสดี สายชนะพันธ์ เล่มนี้อาจจะเก่าไปสักนิด  และการแปลยังใช้ภาษาที่งงๆ พอสมควร แต่ก็ควรจะได้อ่าน อาจจะต้องหาตามห้องสมุดต่างๆ

            -  สำหรับการอบรมการอบรมเรื่องไส้เดือนหลักแล้วมีด้วยกัน 2 แห่ง คือ        
                 
                   (1)   ที่มหาลัยเกษตร ท่านจะได้เรียนรู้ทฤษฎีการเลี้ยงพื้นฐาน จับไส้เดือนประมาณ 10 นาที หน้าชั้นเรียนในวันแรก ส่วนวันที่สองก็เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการทดลองการเลี้ยงในเชิงวิชาการ ตัวอย่างการเลี้ยงในต่างประเทศ และการตลาดในต่างประเทศ เป็นส่วนใหญ่ค่าอบรม 1,000 บาท บางรอบอาจจะมีผู้เลี้ยงมาก่อนมาแสดงผลงานของเขา
                 
                   (2)   ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้... ท่านจะได้เรียนรู้ทฤษฎีการเลี้ยงพื้นฐานเช่นเดียวกัน แต่มักจะเป็นการเลี้ยงที่มหาิวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พาไปชมฟาร์มตัวอย่างในวันแรก ส่วนวันที่สองมีการวิจารณ์ฟาร์ม และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ตลอดจนสาธิตการเตรียมเบดดิ้ง และเตรียมมภาชนะในการเลี้ยง ค่าอบรม 300 (ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้) ค่าอบรม 500 (ที่ สวทช รังสิต  รุ่น 105)


    3.  สิ่งที่จะต้องรู้

              3.1    จะเลี้ยงทำอะไร*****  สำคัญมากๆ เพราะจะได้เลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมในการเลี้ยง เหมือนกับเราเลี้ยงสัตว์อะไรสักอย่างถ้าเราเลี้ยงพันธุ์ที่ตลาดไม่ต้องการ ก็คงขายไม่ค่อยได้เช่นนั้น
              3.2     สายพันธุ์  ไส้เดือนที่คนนิยมเลี้ยงกันมีประมาณ 10 ชนิด แต่เฉพาะในไทยเด่นๆ แล้วมี 4 ชนิด

    (1)  ไส้เดือนพันธุ์ Eudrilus eugeniae (African NightCrawler)
                         - ข้อดี คือกินเก่งโดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนสูง
                                    ขยายพันธุ์เร็ว มีลูกดก
                                    ตัวโตเหมาะจะไปใช้ประโยชน์เป็นอาหารโปรตีน  เช่น  เลี้ยงกบ หรือเป็นอาหารนก แบบที่คุณ dew ต้องการใช้ก็ได้

                         - ข้อเสีย บางครั้งไส้เดือนชนิดนี้มักจะถูกฝึกให้กินแต่โปรตีน หรือกินแต่อาหารดีๆ จึงมักไม่กินขยะ
                                    ตัวมักเปื่อยง่าย เนื่องจากตัวของมันมีโปรตีนมาก

    (2) ไส้เดือนพันธุ์  Perionyx excavatus (ฺBlue worm)                      
                         - ข้อดี คือกินเก่งไม่เลือกกินเหมือน AF
                                    ขยายพันธุ์เร็ว มีลูกดกมากๆๆๆๆ
                                   
                         - ข้อเสีย ตัวเล็กแยกตัวลำบาก, พอเยอะแล้วมันชอบรามไปที่บ่ออื่น

    (3)  ไส้เดือนพันธุ์  Eisenia foetida (Tiger)      
                         - ข้อดี คือกินเก่ง
                                    ตัวมีขนาดใหญ่พอสมควร
                                   
                         - ข้อเสีย ฝักไข่นาน และชอบอากาศค่อนข้างเย็นเหมาะสมที่จะเลี้ยงทางเหนือ หรืออีสาน ถ้าเลี้ยงในกรุงเทพมักจะกินไม่เก่งเท่า

    (4)  ไส้เดือนพันธุ์ Pheretima peguana (ขี้ตาแร่)
                         **** เป็นไส้เดือนแดงพันธุ์ไทยที่นิยมกันอยู่ในตอนนี้ ทั้งเทศบาล โรงเรียน โรงพยาบาล กำลังหันมาใช้ไส้เดือนชนิดนี้ เนื่องจากเป็นไส้เดือนท้องถิ่น สามารถเก็บรวบรวมจากธรรมชาติได้

                         - ข้อดี คือกินขยะเก่ง ตัวมีขนาดใหญ่พอสมควร
                                  ไส้เดือนประจำถิ่นสามารถหาได้จากธรรมชาติ

                         - ข้อเสีย โตช้ากว่าไส้เดือนเมืองนอก และที่สำคัญหนีเก่ง  ถ้าไม่รู้จักนิสัยใจขอเค้าแต่ถ้าเลี้ยงเป็นจะกินดีมากๆ

    *** สำหรับไส้เดือนที่ขุดได้ในสวน มักจะเป็นไส้เดือนสีเทา สังเกตุง่ายๆคือตัวจะมีขนาดใหญ่ หรือเอามือถูตามตัวจะทรากๆๆ ซึ่งสามารถให้ลูกเยอะ และเลี้ยงได้เช่นกัน แต่มักจะไม่ค่อยกินอาหาร จะชอบกินอินทรีย์วัตถุในดินมากกว่า


    (แล้วผมจะมาต่อเรื่องการเลี้ยงคราวหน้านะครับ)

    จากคุณ : ใบสีทอง - [ 10 มี.ค. 52 08:19:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com