ความคิดเห็นที่ 1 หวายอีกชนิดหนึ่ง วันก่อนอ่านกระทู้ข้างๆ เห็นว่าจะเปลี่ยนชื่อแล้วคือนางชี นางชี ซึ่งเป็นอุบาสิกาในพระศาสนา ได้รับการยกย่องมาเป็นชื่อกล้วยไม้ ด้วยการอุปมา แน่นอนว่า กล้วยไม้มีชื่อได้จากการอุปมาเป็นส่วนใหญ่ อุปมาคือการเปรียบเทียบ ให้เห็นภาพหรือลักษณะ เราไม่ค่อยพบ ชื่อกล้วยไม้ ที่เป็นชื่อแบบไร้ที่มาที่ไป ดังเช่น สิ่งอื่นๆ เช่น โต๊ะ ทำไมถึงชื่อโต๊ะ หรือ กล้วยทำไมชื่อกล้วย? แต่กล้วยไม้กลับถูกเรียกหรือตั้งชื่อ ด้วยการอุปมาทั้งสิ้น เช่น ช้าง (ซึ่งไม่ใช่ช้างจริงๆ) เขาแกะ ลิ้นกระบือ ว่านอึ่ง มาลัยแดง เถางูเขียว กลับมาที่นางชี ด้วยสีขาวพราวพิสุทธิ์แห่งนางชีนี้เอง จึงเทียบกับสตรีผู้ห่มขาวถือศีล ยิ่งหยาดน้ำพราวพรายเกาะกลีบแก้มแต้มแต่งสวย ยิ่งทำให้งามผ่องน่าพิศดู ชื่อวิทย์ ของนางคือ Dendrobium virgineum ซึ่งช่างประจวบประพิมพ์ประพรายกับชื่อไทยเสียเหลือเกิน คำว่า virgineum อ่านว่า ไวร์ (ไว-เรอะ) ไจกฺ (ออกแบบแฮบเบอร์เกอร์ ที่เป็นเสียงก้อง) นี - อุม (อันนี้มั่วอย่าอ่านจริง 555+) มาจากคำว่า virgin แปลว่า พรหมจรรย์ (คำนี้ก็แปลก เป็น คำสันสกฤต แปลว่าประพฤติดังพรหม แต่ในที่นี้ หมายถึงสาวพรหมจรรย์) สังเกต ลักษณะดอกให้ดีๆ จะเห็นว่า กลีบมีสีขาว ตรงปากมีสีแดงนิดหน่อย เพราะนั่นคือ...เลือด ครับ จบข่าว เชื่อหรือไม่? อิอิอิ ------------------- รูปเนสเตอร์เหมือนเดิม จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 13:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หวายอีกแล้ว เรื่องหวายๆ ไม่จบไม่สิ้น หวายที่หลายๆ คนชอบ คือ หวาย nobile หวายชนิดนี้ค้นพบโดยชาวอังกฤษ (แน่นอนว่าชาวพื้นเมืองพบก่อน) หวายชนิดนี้นำไปปลูกในราชสำนักอังกฤษ ยุคพระนางวิกตอเรีย และเป็นที่นิยมมาก เพราะสีสันสวยงาม และมักเรียกกันว่า กล้วยไม้ของคนชั้นสูง Noble Orchids แต่เนื่องด้วยระบบการตัดแว่นในสมัยนั้น ยังไม่ค่อยดีพอ ทำให้อาลักษณ์ในราชสำนัก จดชื่อวิทย์ผิดพลาด ใส่ตัว i เพิ่มเข้าไปโดยขี้เกียจเอายางลบมาลบออก จึุงทำให้ต่อมาชื่อนี้กลายเป็น nobile แทนที่จะเป็น noble เชื่อหรือไม่? ------------------ เนสเตอร์เหมือนเดิม จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 13:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่อยากจะเชื่อเลย........................... จากคุณ : บ้านค่าย - [ 2 เม.ย. 52 13:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยังมีอีก รู้หรือไม่ มัจฉาชมพู ที่ไทยเราเรียก กันมาจากลักษณะของใบที่คล้ายหางปลา + กับสีชมพูที่กลีับ ส่วนชื่อวิทย์คือ farmeri คำนี้มาจากคำว่า farmer แปลว่า ชาวนาชาวไร่ ทั้งนี้ตอนที่คณะสำรวจชาวโปสตุเกสเข้าไปในอินโดนีเซีย แถบหมู่เกาะบาหลี ได้ให้ชาวบ้านแถบนั้นพาไปสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ และได้พบกล้วยไม้สีสรรสวยงามบานเมื่อยามคิมหันต์(ฉันได้จูบเธอ) จึงรีบนำไปจดทะเบียน และให้เกียรติแก่ชาวนา เชื่อหรือไม่? --------------- เนสเตอร์อีกแล้ว แบบว่าเห่อ จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 13:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่ไหมครับ คุณบ้านค่ายไม่อยากเชื่อเลย 555+ ----------------------------------------------- เรื่องต่อมาคั่นด้วยเรื่องอื่นบ้างไม่เกี่ยวกับกล้วยไม้ มีบทกวีกรีกกล่าวไว้ว่า (แน่นอนว่า แปลเป็นภาษาปะกิด แล้วถอดเป็นภาษาไทยอีกที) ผลแอปเปิลแดงหวาน บนปลายกิ่ง บนยอดสุดของต้น มันถูกลืมเก็บ เปล่า-เขาไม่ได้เก็บมัน เพราะเขาเอื้อมไม่ถึง --------------------- ฟาแลน ของกรุงปารีส จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 13:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 น่าเชื่อดีมั๊ยเนี่ย ลุงบัว จากคุณ : jeabnun - [ 2 เม.ย. 52 13:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องกินๆ อีกเหมือนกัน ปกติการกินก๋วยเตี๋ยว ผมเองมักจะกินของที่ไม่ชอบมากที่สุึดก่อน คือ ผัก เพราะครูบังคับให้กินตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจะกินเป็นลำดับคือ ผัก เส้น และเหลือท้ายสุดคือลูกชิ้น แน่นอนว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะกินของที่อร่อยก่อน และส่วนน้อยมักจะกินของที่ไม่อร่อยทีหลัง แน่นอนว่า ผมโดนเพื่อนขโมยลูกชิ้น 555 แล้วบอกว่า i here ก็gu เห็นว่า mung ไม่ชอบไง เลยช่วยกิน (เหมือนเด็กไม่กินอะไรต้องเขี่ยไว้ข้างๆจาน) พูดแล้วเซ็งไม่หาย ปล. ถ้าอ่านแล้วงง บางประโยค ก็แสดงว่าคุณเข้าใจถูกต้องครับ ------------------------- ผีเสื้อน้อย จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 13:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หวัดดีคุงเจี๊ยบ ปกติกินลูกชิ้นก่อนหรือหลัง ? ---------------------- เรื่องไม่เป็นเรื่องมีหลายเรื่องจริงๆ กลับมาที่เชื่อหรือไม่ กับชื่อกล้วยไม้ หวายชนิดหนึ่ง ที่สวยงาม คือ เอื้องสายสามสี แน่นอนว่า หวายชนิดนี้มีสามสี (ไตรรงค์) ขาว เหลือง ชมพู ลางท่านอธิบายว่า ปากนี่เองคล้ายๆ กับแก้วผลึกจากเมืองผลึก ในเรื่องพระอภัยมณี (นึกถึงหินแก้วหนุมาน) จริงๆแล้ว ตำนานชื่อนี้ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือของ max weber นักปรัชญาเมธีชาวเยอรมัน (ผู้เป็นเสี่ยวกับ Emile Durkheim ) เล่มที่ชื่อว่า The Myths of Discovery Asia เกี่ยวกับกล้วยไม้ชนิดนี้ปรากฏใน ปริเฉทที่ 13 วรรค 2 กล่าวไว้ว่า เมื่อนักสำรวจชาวเยอรมันได้ขี่เครื่องบินผ่านลำน้ำตกคอนพะเพ็งอยู่นั้น แสงรุ้งแห่งสายน้ำส่องประกายระยับ ประดุจสะพานเทพเชื่อมภพสวรรค์และมนุษย์ ขณะวนกลับมานั้นเอง เขาได้เห็นดอกไม้ชนิดหนึ่งภายใต้แสงรุ้ง จึงคิดรำพึงว่ากล้วยไม้ดอกขาวเมื่อได้รับแสงสะท้อน ก็งามดุจ แสงสุริย์ผ่านแท่งปริซึม (Refraction through a Prism) แต่เมื่อได้จอดเครื่องบินบนผาน้ำตกแล้วกระโดดปีนป่ายไปชมกล้วยไม้อยู่นั้น เขาได้พบว่า กล้วยไม้ชนิดนั้น หาได้เกิดจากแสงไม่แต่เป็นเพราะ กลีบที่หลากสีนั้นเอง หลังจากนั้นเขาได้เก็บตัวอย่างกล้วยไม้ชนิดนี้และนำไปตั้งชื่อ เพื่อหวนระลึกถึงถึง สิ่งทีเ่ห็นว่า crystalislinum เชื่อหรือไม่? ------------------------- ภาพฟาแลนปลาลายปลาดุก บานรอบนี้สีดีหน่อย จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 13:57:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขำ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอากล้วยไม้มาเเจม 1 รูป จากคุณ : บุหงากะสุต - [ 2 เม.ย. 52 14:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาเรื่องตอติเล ไหม? เรื่องตอลิเต มีอยู่ว่า เมื่อนักสำรวจชาวดัชต์เข้ามาสำรวจกล้วยไม้ในเขมรแถบตวนเลสาบนั้น ได้พบเต่ามะเฟืองกำลังกินผักบุ้งอยู่ (เป็นที่มาของเพลงเต่ากินผักบุ้ง สำเนียงดัชต์) จึงได้นำไปปล่อยที่ปากแม่น้ำโขงในเวียดนาม จากนั้นมาเต่ามะเฟืองได้แพร่พันธุ์ในทะเล และทำให้ค้นพบเต่ามะเฟืองในไทยบริเวณชายทะเลด้วย หลังจากปล่อยเต่าเสร็จ ก็ได้ไปสำรวจบริเวณเมืองไพลิน ได้ค้นพบกล้วยไม้กลีบบิดสีเหลืองผ่องดุจพระสังข์ถอดรูป และสังเกตเห็นว่าส่วนกลีบปากนั้นคล้ายๆ กับหัวเต่ามะเฟือง ส่วน ขาหน้าและหลัง ก็กางๆ บิดๆ ดูแล้วคล้ายๆ กัน จึงนำชื่อนี้ไปจดทะเบียนในนาม tortile (ภาษาดัชต์ คำว่าเต่าคือ tortile ส่วนภาษาอังกฤษคือ turtle) เชื่อหรือไม่ ? --------------- ฟาแลนปลาดุก อีกที จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 14:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หมดมุข อยากกินลูกชิ้น จบด้วยภาพนี้ครับ คำถาม ทำไมถึงชื่อว่าหนวดพราหมณ์ หรือว่าพราหมณ์มีหนวดสีชมพู? เป็นก้อนๆ? จากคุณ : buaravong - [ 2 เม.ย. 52 14:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก็เส้นมันย้อยลงไปยาว ๆ คงเหมือนหนวดพราหมณ์มั้ง สงสัยเมื่อก่อนพราหมณ์คงมีหนวดเส้นใหญ่มาก...55555 จากคุณ : บ้านค่าย - [ 2 เม.ย. 52 16:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเชื่อนะ จานบัว เชื่อสนิท กล้วยไม้ได้รับแล้ว ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ลุงหนวด (ลุงหนวด๒๕๔๗) - [ 2 เม.ย. 52 19:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวยดี จากคุณ : ลูกปืน - [ 2 เม.ย. 52 19:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สมัยนั้นยังไม่มีมีดโกนมั้ง จากคุณ : น้าโหด - [ 2 เม.ย. 52 19:17:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม้งามมากเลยครับ จากคุณ : Dendmax - [ 2 เม.ย. 52 19:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันนี้แนวภาษาศาสตร์...เยี่ยมเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย....รวมทั้งเกล็ดลูกชิ้น แต่ต้องหาคนมาแย้งบ้างดีกว่า....ประกาศหานักภาษาศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ นักอนุกรมวิธาน และนักอื่นๆ มาถกชื่อที่พ้องไปหมดของกล้วยไม้ ทั้งไทยแท้ รากศัพท์ และชื่อวิทยาศาสตร์ ว่ามีอะไรบ้าง....น่าจะดีน่ะครับ จากคุณ : appendiculata191 - [ 2 เม.ย. 52 22:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดอกไม้สวยมากคะ เห็นด้วยกับอาจารย์แอพแพน จากคุณ : betaro (หนูบู้บี้) - [ 3 เม.ย. 52 00:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 == เห็นด้วยกะคุณบ้านค่ายครับ == หวัดดีคับลุึงหนวด เชื่อผมจริงหรอ อิอิอิ == หวัดดีคับหมวดลูกปืน == มีสิคับน้าโหด ในภาษาเขมรโบราณยังพบคำว่ามีดโกนเลยนะ (แต่จำไม่ได้) ในพระบาลี มีดโกนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของพระเลยไม่ใช่หรอครับ อิอิอิ == สวัสดีครับ คุณ Dendmax ขอบคุณครับ ว่าแต่เวลากินก๋วยเตี๋ยวกินไรก่อนครับ ? == จานแอพ มาชวนไปทะเลวิชาการอีกแล้ว หุหุหุ  อย่างที่เคยคุยกันไงครับ ว่า การจำแนกของชาวบ้าน เค้ามีโลกหรือวิธีคิดแบบเขา เขามองกล้วยไม้เป็นว่าน เป็นอาหาร เป็นยา และไม่ได้ให้คุณค่าหรือความสนใจ (เลยไม่มีชื่อ) และการจำแนกก็แตกต่างจากทางวิทยาศาสตร์ (ด้วยพื้นฐานทางวิธีวิทยาและอนุกรมวิธาน) ส่วนการตั้งชื่อ กล้วยไม้ของไทยที่ปรากฏในหนังสือ หลายๆ ชื่อ ไม่ได้ปรากฏในเอกสารเก่า และหลายชื่อ ก็มีอยู่บ้าง ประเด็นที่ผมพูด คือ ไม่ค่อยพบว่ากล้วยไม้มีชื่อดั้งเดิมที่เป็นชื่อความหมายที่ 1 เช่น ต้นไม้อื่นๆ เช่น กล้วย มะพร้าว อ้อย ส้ม ฯลฯ ชื่อส่วนใหญ่ของกล้วยไม้ เกิดจากความหมายที่สองที่อุปมาหรือเปรี่ยบเทียบ เช่น เขาแกะ แปรงสีฟัน หางแมงเงา มือชะนี เป็นต้น หรือต่อมาใช้ชื่อของคนที่ค้นพบ สถานที่พบ หรือลักษณะกล้วยไม้(ตามแบบฝรั่ง) มาเป็นการตั้งชื่อ เช่น หวายสุขะกุล รองเท้านารีเมืองกาญจน์ เป็นต้น มันกว้างมากนะครับที่จะพูด บางทีพูดไปก็ไม่ค่อยลงรอยกัน ทั้งนี้ทางภาษาศาสตร์เองมีหลายทฤษฎี แค่หยิบมาใช้ต่างกันหรือคนละมิติก็ได้คำตอบที่แตกต่างกันด้วย และยิ่งถ้าผู้มาอ่านไม่มีพื้นมาก่อนยิ่งงงไปใหญ่ หรือบางคนใช้แนวคิดไม่เข้าท่ามาอธิบาย หรือเกินคนอื่นเข้าใจทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก ก็จะสับสนไปใหญ่ กล้วยไม้หลายตัว สังเกตว่าชาวบ้านได้ใช้มาอธิบายผสมผสานกับเรื่องราวคติความเชื่อ หรือใช้ในพิธีกรรมสำคัญ เช่นเอื้องแซะ ที่เป็นราชบรรณาการของชาวป่าแก่เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ หรือ เรื่องขูลูนางอั้วกับกล้วยไม้ดินสองชนิด (แน่นอนว่าชาวบ้านไม่ได้มองเป็นกล้วยไม้เหมือนเราแน่นอน เพราะต้นไม้ชนิดอื่นก็มีตำนานเช่นนี้เหมือนกัน เช่น สไบสีดา (เฟิน)) แน่นอนว่าการอธิบายแบบผมที่เขียนตำนานขึ้นมาชุดนี้ เป็นข้อมูลเท็จที่บางส่วนอ้างอิงข้อมูลจริงผสมผสานเข้าไป สิ่งเหล่านี้มีความน่ากลัวและอันตรายทางวิชาการ โดยเฉพาะคนที่พยายามยกตัวเป็นนักวิชาการหลายคน มั่วข้อมูล และหลายคนเชื่อโดยปราศจากการตรวจสอบ มันเหมือนกับการเขียนตำนาน หรือการสร้างเรื่องราว ที่ทำให้เราเชื่อว่าเป็นจริง (ลองดูเรื่อง watchmen )ซึ่งเราแยกไม่ออกว่า อันไหนจริงหรือเท็จ ยิ่งเขียนได้เนียนเท่าไหร่ยิ่งอันตรายเท่านั้น และข้อมูลหลายๆ ส่วนถูกนำไปใช้อ้างอิงอย่างแพร่หลาย == ขอบคุณคุณหนูบู้บี้ ครับ จากคุณ : buaravong - [ 3 เม.ย. 52 01:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นเรื่องแปลกเกี่ยวกับภาษาพูดเหมือนกัน ที่มีหลายคำมันพ้องตรงกันไปหมด..เช่นคำว่า "แม่" "มาม่า" "mama" หมายถึงผู้ให้กำเนิด เคยอ่านผ่านๆ หลายคำที่มนุษย์ออกเสียงแล้วมันตรงกันไปหมด..แต่จำไม่ได้แล้ว เวลาคนไทยเถียงกัน..มันจะทะเลาะกันและเป็นศัตรูกันในที่สุด..อันนี้แปลกมากๆ โดยเฉพาะเรื่องความโลภ ความเชื่อ และยึดตำราคนละเล่ม ทำให้คนเรารับรักกันไม่ได้....รักหมาดีกว่า...5555 เอาขำครับพี่น้อง จากคุณ : appendiculata191 - [ 3 เม.ย. 52 08:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รูปสวย  อ่านแล้วเพลินดีลุง จากคุณ : เอื้องพวงพลอย - [ 3 เม.ย. 52 15:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มึนเลย จากคุณ : หมอกฝน - [ 3 เม.ย. 52 16:48:30 ]