ความคิดเห็นที่ 1 เอาน้ำสาดซิครับ ไฟจะได้ดับ บ้านผมกุหลาบตายเพราะ เพลี้ยไฟ ไรแดงนี่ล่ะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไรแดงซะมากกว่า เรื่องมันเศร้า... จริงรึเปล่าที่ว่า กุหลาบที่ซื้อมาใหม่ควรจะตัดดอกทิ้งเลย เพราะอาจจะมีเพลี้ยไฟติดมาด้วย???? จากคุณ : อิฐมอญ - [ 13 มิ.ย. 52 11:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไปที่ร้านขายปุ๋ย ยา ที่ใช้ในการเกษตร บอกว่าต้องการยาฆ่าเพลี้ยไฟ ที่ไม่อันตรายมากนัก (กลัวค่ะ) เขาแนะนำให้ใช้ โมนาส ค่ะ ...เจ้าของร้านบอกว่าแลนเนทแรงไปค่ะ ลองใช้แล้ว..ยังวิเคราะห์ได้ไม่ชัดเจนค่ะ..ว่าได้ผลแค่ไหน ต้องใช้อีกสักระยะค่ะ จากคุณ : ดอกไม้ไทย (ดอกไม้ไทย) - [ 13 มิ.ย. 52 11:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพลี้ยไฟ อาการ มันเป็นยังไงอ่ะ ? จากคุณ : woonja - [ 13 มิ.ย. 52 12:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ : อิฐมอญ คราวหน้าเจอเพลี้ยไฟเรียกรถดับเพลิงเลยดีมั้ยอะครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มันหน้าตายังงี้ครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวอ่อน กับ ตัวแก่ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วมันก็กินกุหลาบจนเป็นอย่างงี้ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:48:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วก็ยังงี้ครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันมีวงจรชีวิตอย่างนี้ครับ เป็นไข่ 2 1/2 - 4 วันอยู่ตามยอดกุหลาบ แล้วออกมาเป็นตัวอ่อนระยะ 1 ระยะ 2 รับประทานยอดกุหลาบของเราอีก 2-4 วัน แล้วก็อพยพลงไปในดินเพื่อลอกคราบเป็น ตัวอีก 2-5 วัน จากนั้นก็แปลงกายเป็นปีศาจช็อคเกอร์ตัวแม่ออกมามีชีวิต 30-45 วัน วางไข่ได้อีก 150-300 ฟองต่อตัว จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามรูปนี้ครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เดี๋ยวมาต่อนะครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 13 มิ.ย. 52 12:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เดี๋ยวนี้พอกุหลาบเป็นอะไร ก็ต้องสันนิฐานไว้ก่อนเลยว่าเป็นเพราะเพลี้ยไฟ เป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง แต่จริงเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะเวลาพลิกใบ แหวกกลีบดอกดูก็ไม่เห็นเจอตัวอะไรเลย จากคุณ : kae_kool - [ 13 มิ.ย. 52 14:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้ต้องหาหมายเลขหนึ่งสำหรับกุหลาบเลยนะคะ  ขอบคุณค่ะคุณ Bad Pete ที่ตั้งกระทู้แบบนี้ให้หลายๆ คนเข้ามาร่วมตอบการแก้ปัญหาเรื่องเพลี้ยไฟ ปัญหาใหญ่ของกุหลาบ พืชและไม้ดอกหลายชนิด  รอติดตามนะคะ จากคุณ : coffeenut - [ 13 มิ.ย. 52 14:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีช่วงดำดินอีก โห...งี้ตอนดำดินก็ฉีดยาไม่โดนซิครับ จากคุณ : อิฐมอญ - [ 13 มิ.ย. 52 15:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นกุหลาบที่บ้านพี่สาวมีอาการแบบเดียวกันเป๊ะๆ  แนะนำว่าให้ลองใช้น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำ 20 เท่าฉีด  เค้าทำอยู่วันเว้น2-3วันติดต่อกัน 2 สป.  ตอนนี้กุหลาบของเค้างามจนน่าอิจฉา  อันที่จริงเพียงสป.แรกก้อเห็นผลแล้ว  ข้อเสียคือเหม็นกลิ่นควันไฟจากน้ำส้มกับเปลืองตังค์  ขวดละ 60 บาทฉีดแป๊บๆหมดแล้ว แก้ไขที่พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 52 18:22:30 จากคุณ : บูดูหวาน - [ 13 มิ.ย. 52 18:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยรบกับเพลี้ยไฟ กุหลาบมายกแล้ว  เล่นซะกี่ต้นๆงอมพระรามจนคิดว่าไม่น่ารอด   อดทนใช้เวลาดูแลให้ยาราวๆ.....3 เดือน  กว่าจะฟื้นฟูกลับสภาพเดิมได้ หลังจากหายดี  ออกดอกตรึมเลย   อิอิ จากคุณ : Mai_ZaZa_ZuZu - [ 13 มิ.ย. 52 20:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ช่วงนี้ฝนตกเลยเว้นฉีดพ่นต่าง ๆ นานาที่ใช้ป้องกันรวมทั้งปุ๋ยไปพักใหญ่ ๆ มันเริ่มมากันอีกแล้ว จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ 13 มิ.ย. 52 21:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เจอเพลี้ยไฟใช้ยา แต่ถ้าเจอนายอิฐให้โยนไฟใส่ จากคุณ : jimyai - [ 13 มิ.ย. 52 22:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาเฝ้ากระทู้ที่รอคอยค่ะ คุณ Bad Pete  ข้องใจมากค่ะ  กำจัดยังไงก็ไม่หมดเป็นซะที กลุ้มใจมากๆๆๆๆ จากคุณ : ปณิตา - [ 13 มิ.ย. 52 22:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เท่าที่รวบรวมมาจากที่ต่างๆนะครับ ข้อแรก ยาเพลี้ยไฟปัจจุบันมุ่งไปที่ยาประเภทดูดซึม (Systemic insecticide) ไม่ใช่ยาประเภทสัมผัส (Contact insecticide) ยาพวกนี้จะดูดซึมเข้าเนื้อเยื่อต้นไม้หลังฉีดพ่น หรือใส่ลงดินแล้วให้รากดูดซึมยาขึ้นยอด เนื่องจาก - เพลี้ยไฟซ่อนอยู่ตามกลีบกุหลาบหรือซ่อนอยู่ในดินยาประเภทสัมผัสตายจะเข้าไม่ถึง - พวกที่ขึ้นมาจากดินก็จะไม่สามารถกินยอดกุหลาบได้เพราะเนื้อเยื่อกุหลาบเป็นพิษ - ยาประเภทนี้มีฤทธิ์ทนทานต่อการชะล้างของน้ำฝน ยาที่แนะนำกันมากคือ กลุ่มยาฉีด เช่น เมโธมิล (แลนแนท) อิมิดาคลอพริด (คอนฟิดอร์ โปรวาโด) คลอไธอานิดิน (แดนทอซ) กลุ่มยาที่ใส่ในดิน เช่น ไดโนเทฟูแรน (สตารเกิลจี) คาร์โบฟูราน (ฟูราดาน) อิมิดาคลอพริด (เกาโช) ยาใส่ลงดินจะออกฤทธิ์ช้าไม่ทันใจแต่จะปราบพวกอยู่ใต้ดินไปพร้อมกัน แต่ยาฉีดจะออกฤทธิ์เห็นทันใจกว่าแต่จะต้องฉีดซ้ำจัดการพวกลอกคราบออกมาจากใต้ดินเป็นระยะ ส่วนยาชีวภาพไม่ดูดซึม มักได้ผลไม่เต็มที่ ต้องฉีดบ่อยแต่สามารถใช้เป็นยาไล่เพลี้ยตอนไม่ระบาดมากได้และข้อดีคือไม่มีพิษหรือพิษน้อยต่อคนและสัตว์ครับ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 11:45:43 จากคุณ : Bad Pete - [ 14 มิ.ย. 52 11:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อสอง ยาบางชนิดจะเป้นอันตรายต่อศัตรูธรรมชาติเพลี้ยไฟทำให้ต้องพึ่งยาอย่างเดียว เช่นเต่าทองกินเพลี้ยไฟครับ อิมิดาคลอพริด (คอนฟิดอร์ม โปรวาโด) คลอไธอานิดิน (แดนทอซ) จะเป็นอันตรายต่อกลุ่มแมลงปากดูดเช่นเพลี้ยไฟ เป็นพิษน้อยต่อศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยไฟ ส่วนเมโธมิล (แลนแนท) จัดการทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่รู้เป็นข้อดีหรือข้อเสียนะครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 14 มิ.ย. 52 11:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ข้อสาม ต้องป้องกันการดื้อยา - ต้องหมุนเวียนชนิดยากันการดื้อยา การใช้ยาชนิดเดียวฉีดทุกห้าวันไปตลอดจะทำให้เกิดการดื้อยาหรือต้องใช้ยาที่อันตรายมาก - ปราบจริงจังเป็นชุดๆไปอย่าปล่อยให้เพลี้ยมีการพัฒนาการต่อต้านยา - ใช้ยาแตกต่างกันระหว่างยาที่ใช้ปราบเวลาระบาดกับยาที่ใช้ขับไล่ป้องกันครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 14 มิ.ย. 52 11:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้อสี่ ใช้วิธีธรรมชาติอื่นประกอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้ยา - ฉีดล้างกุหลาบบ้างโดยเฉพาะยอด ล้างแมลงและไข่แมลงรวมทั้งสปอร์เชื้อราด้วย แต่คงต้องอย่าแรงมาก บ่อยมากเกินนะครับ คงไม่ฉีดกันจนยอดกระเจิง ไม่เหมือนการให้เทวดาล้างนะครับ เพราะฝนไม่ล้างใต้ใบ - กำจัดวัชพืช เพราะอาจเป็นแหล่งอาหารหรือที่อยู่สำรองของเพลี้ยไฟเวลาเราฉีดยากุหลาบ - ดูแลต้นไม้อื่นในบริเวณให้ปลอดเพลี้ยไฟด้วย ไม่งั้นมัวแต่มุ่งไปที่กุหลาบ แต่เพลี้ยมีแหล่งกบดานอยู่ใกล้ๆนั่นเอง - ลดผิวดินเพื่อลดพื้นที่ลอกคราบฟักตัว เช่นปลูกลงกระถางวางบนพื้นปูนพื้นอิฐ ปูอิฐหรือพลาสติคบนผิวดิน (เห็นคุณลุง Uncle rose ทำที่จิระโรส) จะช่วยได้ แต่ถ้าเราปลูกกุหลาบประดับสวนข้อนี้คงทำลำบาก - หลังคาพลาสติคช่วยให้ยาคงอยู่ได้นานไม่โดนฝนชะล้าง - สังเกตุต้นไม้อื่นหรือกุหลาบพันธุ์ที่เพลี้ยไฟชอบเป็นพิเศษแล้วใช้เป็นตัวยามบอกเหตุ คอยสังเกตุเอาไว้มีสัญญาณเมื่อไหร่ จัดการปราบได้ทันที ไม่ต้องฉีดยาไปเรื่อยครับ เพื่อลดการดื้อยาและหมดเปลืองโดยใช่เหตุเช่น กุหลาบ Fagrance Lavender Simplicity หรือ Graham Thomas มีอีกหลายพันธุ์ครับที่เพลี้ยเลือกก่อนพันธุ์อื่นครับ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 11:51:06 จากคุณ : Bad Pete - [ 14 มิ.ย. 52 11:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ : Mai_ZaZa_ZuZu กุหลาบสวยจังครับ คุณ : jimyai ไม่งั้นใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง เจอคุณอิฐก็โยนอิฐใส่ :) ล้อเล่นนะครับคุณอิฐ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 52 11:58:31 จากคุณ : Bad Pete - [ 14 มิ.ย. 52 11:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ..คุณBad Pete นะคะ...สำหรับข้อมูลเรื่องเพลี้ยไฟ จากคุณ : ดอกไม้ไทย (ดอกไม้ไทย) - [ 14 มิ.ย. 52 14:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณๆ Bad Pete อีกคนครับที่แนะนำวิธีดีๆให้พวกเราเข้าใจครับ จากคุณ : Uncle Rose - [ 14 มิ.ย. 52 14:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาอ่านและขออนุญาตเก็บข้อมูลอีกรอบ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : coffeenut - [ 14 มิ.ย. 52 14:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาขอร้องเรียนเรื่องเพลี้ยไฟเหมือนคะ ที่บ้านเค้าเขียนว่า คาร์บอซันแฟน ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลดีไหม แต่ใช้สลับกับยาฉุนคะ แต่เพลี้ยไฟนี้ร้ายยยจริงๆ เพราะยอดกุหลาบที่จะเป็นดอกของเราฝ่อไปหลายเลยคะ จากคุณ : pupaeblossom - [ 14 มิ.ย. 52 20:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มากดมาเก็บเข้าคลังกระทู้ให้จ๊า........ช่วยกันๆๆ จากคุณ : Mai_ZaZa_ZuZu - [ 14 มิ.ย. 52 20:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ทั้งเปลวไฟ ทั้งก้อนอิฐ โถ...ช่างน่าสงสารจริงๆ เลยเรา จากคุณ : อิฐมอญ - [ 14 มิ.ย. 52 22:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ : pupaeblossom ลองค้นข้อมูลแล้วครับ ยาฉุน กับ Carbosulfan ใช้กับเพลี้ยไฟได้ทั้งคู่ครับ แต่ Carbosulfan ความเป็นพิษสูงมากต้องใช้อย่างระวัง ส่วน ยาฉุน ใช้ได้ครับเพราะเป็น Nicotin แต่ไม่ดูดซึมจะได้ผลเมื่อโดนตัวและฝนล้างยาออกได้ง่ายครับ จากคุณ : Bad Pete - [ 14 มิ.ย. 52 22:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณคุณ bad pete มากๆนะคะ ธรรมดาไม่ค่อยฉ๊ดหรอกคะ คาบอซันแฟนเนี้ย ฉีดยาฉุน + สตาร์เกิล จี มากกว่า ใช้จริงๆเมื่อมีการระบาดเยอะๆ สงสัยต้องใช้อย่างระมัดระวังมากๆ จากคุณ : pupaeblossom - [ 15 มิ.ย. 52 19:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สตาร์เกิล จี ใช้กับเพลี้ยไฟไม่ได้ผลครับ ผมลองอยู่ 3 เดือนไม่ได้เรื่องเลยครับ คำเตือน อย่าได้คิดพิ่งพา สตาร์เกิล จี ในการกำจัดเพลี้ยไฟ จากคุณ : ม่อนแสงดาว - [ 15 มิ.ย. 52 20:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบคุณ : ม่อนแสงดาว ผมยังไม่เคยลอง Stargle G โดดๆครับ เพราะกลัวได้ผลไม่เร็วพอ เลยไม่รู้ผลครับ แต่เคยลอง Stargle G + Stargle SL = ใส่ดิน+ ฉีด ได้ผลระดับหนึ่งครับ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 52 23:53:41 จากคุณ : Bad Pete - [ 15 มิ.ย. 52 23:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาดูอีกทีค่ะ  ขอบคุณ   คุณ  Bad Pete  มากๆค่ะ จะลองทำตามทุกวิธีค่ะ จากคุณ : ปณิตา - [ 16 มิ.ย. 52 07:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ Bad Pete ครับผมทดลองใช้ Stargle G อย่างเดียวล้วน ๆ กับกุหลาบต้นสูงแค่ประมาณ 1 ฟุต ยอดที่ออกมาถูกเพลี้ยไฟทำลายเรียบทุกครั้ง ตอนนี้เลยเลิกใช้ Stargle G ไปแล้ว ทีแรกก็คิดว่าถ้าใช้ได้ผลก็คงจะดีจะได้เลิกฉีดยา แต่ปรากฏว่า Stargle G ป้องกันเพลี้ยไฟไม่ได้เลยจึงไม่แนะนำให้ผู้อื่นใช้ครับ จากคุณ : ม่อนแสงดาว - [ 16 มิ.ย. 52 09:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เสียใจจังเลยคะ ที่สตาร์เกิล จีใช้ไม่ได้ผล เพราะไม่ชอบฉีดยาเลยจริงๆ จากคุณ : pupaeblossom - [ 16 มิ.ย. 52 12:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เท่าที่ทราบ ถ้าเป็นเพลี้ยไฟ น่าจะใช้ตัวอะบาเม็กติน (แจคเก็ต) จะได้ผลดีกว่าค่ะ สตาร์เกิล จี ไม่ค่อยเก่งเพลี้ยไฟค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกแมลงปากดูดตัวอื่นๆ ใช้ได้ผลดีทีเดียว ส่วนสตาร์เกิล เอสแอล ฉีดพ่นก็ใช้ได้ค่ะ แต่ต้องใช้อัตราสูงเหมือนกันคะ ลองเลือกใช้ดูนะคะ^^ ปล. ถ้าอยากรู้ว่ากุหลาบโดนเพลี้ยไฟทำลายจริงรึป่าว ก็ลองเอากุหลาบมาเคาะใส่มือดู ถ้าเห็นแมลงตัวเล็กๆ สีดำ/น้ำตาล ที่มือละก็เดาได้เลยจ้า ว่านั้นแหละ "เพลี้ยไฟ" จะได้เลือกใช้ยาได้ถูกต้องจ้า...... จากคุณ : ทะเล* (le_tale) - [ 16 มิ.ย. 52 17:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โอ้ ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ เก็บๆๆ จากคุณ : ชงโคที่รัก - [ 17 มิ.ย. 52 10:39:04 ]