ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่แต่ขอออกความคิดเห็นนะคะ 1. ที่ดิน 1 ไร่ พร้อมต้นยางพารา ราคา 1 แสนนิดๆ ---- ไม่แพงค่ะ ถึงกรีดเอาน้ำยางไม่ได้ ก็ตัดต้นขาย แล้วปลูกใหม่ได้ค่ะ พอดีมีพี่ชายทำสวนยางที่ภาคใต้ ช่วงนี้ราคาน้ำยางไม่ค่อยดีนักนะคะ ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ทราบค่ะ จากคุณ : ดอกไม้หัดเดิน (xsus) - [ 1 ก.ค. 52 10:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ข้อ 2. มีรถบรรทุกน้ำทะเลขายค่ะเคยเห็นแถวฉะเชิงเทราที่เค้าเลี้ยงกุ้งขาว แต่พื้นที่ ที่ไกลน้ำเค็มคนเลี้ยงก็ซื้อน้ำเค็มมาใช้ค่ะ ขายเป็นรถแต่ไม่ทราบ ราคานะคะ จากคุณ : กาฝากมะรุม - [ 1 ก.ค. 52 11:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ความรู้ทั้งเรื่องยางและการเลี้ยงปลา   แต่อยากแนะนำข้อ 2 ค่ะ   เราว่าถ้าที่ดินอยู่ไกลจากแหล่งน้ำทะเล  อย่าเสี่ยงดีกว่ามั้ยคะ  เพราะถ้าทำเท่ากับต้นทุนคุณก็จะสูงขึ้นด้วยน่ะค่ะ จากคุณ : Lan_Dao - [ 1 ก.ค. 52 11:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1.  ไม่แพงครับ ราคามิตรภาพ  กรีดยางไม่ได้ก็ตัดต้นขายได้อย่างว่า  แต่รอดูราคาให้สูงๆ ก่อนนะค่อยตัด (ถ้ารอได้) 2. อันนี้ต้องรอเสี่ยทิวครับ  เสี่ยทิวทำฟาร์มปู ปลา กุ้ง ครับ รอถามได้เลย 3. อันนี้เสี่ยทิวก็ทำอยู่ครับ  แต่เห็นว่าราคาปลาบู่เริ่มที่จะลดลงแล้วนะครับ แต่ก็ยัง ถือว่าแพงอยู่นะ  300 บ./กก. รอเสี่ยทิวมาตอบไขข้อข้องใจนะครับ จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 1 ก.ค. 52 11:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไร่ละแสนไม่แพงเลยครับ .ซื้อไว้กี่ไร่ละครับ จากคุณ : Handsome old - [ 1 ก.ค. 52 12:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่แน่ใจว่าถ้าน้ำยางราคาไม่ดี เราก็นำน้ำยางมาแปรรูปทำเป็นยางแผ่น เก็บไว้รอขายตอนราคาดี จะได้หรือเปล่านะคะ กำลังศึกษาอยู่ แต่ขั้นตอนแปรรูปไม่ยากค่ะ ถ้าสนใจยังไงเดี๋ยวขอไปแสกนเอกสารมาให้ดูแล้วกันนะคะ จากคุณ : วิฬารักษ์ - [ 1 ก.ค. 52 13:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดอกไม้หัดเดิน (xsus)  << ตัดต้นขาย ได้ราคามั๊ยครับ?  ต้นยางจะเอามาทำเฟอร์นิเจอได้มั๊ยครับ? กาฝากมะรุม&#12298; ถ้าซื้อเป็นรถมาเลี้ยง สงสัยผมจ่ายค่าน้ำ ค่าเก็บน้ำ ตายก่อนแน่เลย ขอบพระคุณครับ Lan_Dao &#12298; ผมเห็นด้วยเลยครับ ถ้าต้องซื้อน้ำมาใช้นี่ เสี่ยงเกินไป นี่เป็นสาเหตุนึงที่อยากได้ที่ใกล้ ๆ น้ำน่ะครับ แต่ค่าที่ก็คงแพงตามไปด้วยโน๊ะ คนดง คนเดิม&#12298; 1.ราคาตกแล้วกลัวจะรอไม่ไหวน่ะซิครับ เพราะสายป่านเราไม่ยาวพอ            2 สี่ยทิวไม่รู้จะเข้ามาเมื่อไหร่โน๊ะครับ กลัวนายท่านจะไม่มีเวลาว่างมาดูดำดูดี                        3.ราคาปลาบู่ตกแล้วแบบนี้ถือเป็นโอกาสดีในการกว้านซื้อลูกพันธ์มาขุนรึเปล่าครับ? ผมมองโลกในแง่ดีเกินไปรึเปล่าเนี๊ยะ Handsome old &#12298; ราคาไร่ละแสน เค้าจะขาย 60 ไร่น่ะครับ ผมยังอยากจะต่อราคาอีกนิดเลย เพราะว่ามัน 15 ปีแล้ว กลัวซื้อมาแล้วไม่คุ้ม ที่ทางก็ยังไม่เคยเห็นเลยครับ แต่อยากลองถามเพื่อน ๆ ในนี้ก่อน วิฬารักษ์ &#12298;ขอบพระคุณล่วงหน้าเลยครับ และจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องหลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่านด้วยครับ สอบถามเพิ่มเติมครับ ไม่ทราบเพื่อน ๆ มีเทคนิคในการเลือกซื้อที่ทางยังไงกันบ้างครับ จังหวัดอะไรถึงจะเยี่ยมยอดครับ? ผมชอบที่ริมน้ำเหลือเกิน แต่ก็แพงเกินไปที่จะมาลงทุนน่ะครับ จากคุณ : The Cole - [ 1 ก.ค. 52 13:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทำไมผมพิมพ์ออกมาแล้วมัน เละเทะล่ะเนี๊ยะ "- - ต้องขออภัยด้วยนะครับ จากคุณ : The Cole - [ 1 ก.ค. 52 13:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เสี่ยทิวมารอบดึกครับ มาแน่นอน   ช่วงนี้ราคาตกอาจเปป็นเพราะสภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซามั่งครับ... แต่ถ้าเลี้ยงไว้ผมว่าไม่แน่จังหวะพอดีกำลังซื้อมาก็  เข้าล็อคพอดีครับ เลี้ยงไว้กว่าจะโตได้ขนาด ก็เป็น ปีๆ  ... เทคนิคในการเลือกซื้อที่ดิน  ไม่ทราบครับ ไม่เคยซื้อแต่ถ้าเอาความชอบส่วนตัว มาเป็นเกณฑ์ ก็น่าจะง่ายนะครับ ชอบแบบมีป่าเขา หรือว่าติดแม่น้ำหรือว่าชอบ แบบชายทะเล ก็ค่อยๆ พิจารณาไปที่ละข้อครับ จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 1 ก.ค. 52 14:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าต้นใหญ่ๆสวยๆ ราคาเฉลี่ยไร่ละประมาณ 1 แสน แล้วแต่ขนาดต้น ที่เค้าตัดขายกันเค้าเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์กันค่ะ - ต้องมีคนรับซื้อไม้ และต้องมีใบอนุญาต ตัด ซื้อ ขาย ด้วยนะคะ - ถ้าตัดขายให้ตกลงกับคนรับซื้อ ให้ขุดรากออกด้วย(รากก็ขายได้นะใช้แต่งสวนได้) ถ้าไม่ขุดออกจะแตกขึ้นมาใหม่ เพราะเวลาปลูกต้นใหม่จะปลูกไม่ได้ค่ะ (ตอนนี้ราคายาง และต้น ทางภาคใต้ราคาไม่ค่อยดีค่ะ แต่ก็แล้วแต่พื้นที่นะคะไม่ทราบว่าแถวนั้นจะให้ราคาเหมือนกันหรือเปล่าต้องลองสำรวจดูค่ะ) จากคุณ : ดอกไม้หัดเดิน (xsus) - [ 1 ก.ค. 52 16:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราก็มีความฝันอยากทำเกษตรเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่เพื่อเงินนะคะ (กรุณาอย่างอนเราค่ะ) ก่อนอื่นคุณคงต้องรู้ตัวเองก่อนว่าทำเพื่ออะไรกันแน่ เงิน หรือความสุข ถ้าคุณทำแค่เพื่อเงิน คุณจะเหนื่อยแสนสาหัสถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง และการทำเกษตรมันก็ไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวังทุกครั้งซะด้วยซิ่ ถ้าคุณทำเพื่อความสุข คำถามตามมา คุณได้กันเงินส่วนนึงไว้ใช้ในยามที่ผลผลิตมันไม่ได้ดังใจหรือเปล่า ถ้าจะทำเพื่อทั้งเงินและความสุข อย่าทำเกษตรเชิงเดี่ยวเลยค่ะ อยากแนะนำให้ทำเกษตรผสมผสาน เราอยู่สวิสเซอร์แลนด์ และด้วยความที่เราเป็นลูกชาวนา และมาเป็นสะใภ้ชาวนา เราเห็นความแตกต่างในการทำเกษตรโดยสิ้นเชิงของพ่อแม่เรา กับของผู้คนที่นี่ ที่นี่เขาจะไม่ปลูกพืชประเภทเดิมในที่ดินแปลงเดิม เขาจะปลูกหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ค่ะ โอ๊ย เล่าแล้วชักจะเป็นเรื่องยาว แต่ตอนนี้เรามีเกษตรต้นแบบแล้วล่ะ คุณน้าแฟนเราเอง ปลูกผลไม้หลากหลาย เลี้ยงไก่เก็บไข่ขาย เลี้ยงเป็ดไว้กินตัวทากที่มากัดกินผักในสวน ปลูกมันฝรั่ง ปลูกข้าว อันไหนทำเองไม่ไหวก็แบ่งให้คนอื่นทำ แบ่งผลประโยชน์กัน เงินทองหมุนเวียนอยู่ไม่ขาดค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณน้าทำเกษตรเป็นอาชีพรองนะคะ แก้ไขบรรทัด อ่านแ้ล้วมึน แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 16:19:57 จากคุณ : beejasmine - [ 1 ก.ค. 52 16:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วัฏจักรยางพาราหลายปีนะครับ ยางพาราราคาเริ่มตกแล้ว ของเดิมตกหลายปีราคากว่าจะฟื้น แต่ในช่วง3-4 ปีที่ผ่านมาประชาชนคนไทย คนลาว เขมร และจีน แห่ปลูกยางพาราเป็นล้านๆไร่ คิดดูแล้วกันครับ ว่าคราวนี้จะตกไปนานเท่าไหร่ เสร็จแล้วคุณต้องจ้างคนอื่นกรีดอีก ต้องดูแล ผมเพิ่งซื้อไร่มะม่วงมา 40 ไร่ เป็นเงินแค่ล้านสองเอง มะม่วงให้ผลผลิตแล้ว เจ้าของเดิมอยู่คนละจังหวัดให้เช่าปีละแสน ถ้าทำเองคงได้หลายแสน ที่ดินราคาสามสี่หมื่น ยังมีมากครับในประเทศไทย ผมเองทำเกษตรไม่เป็น ปลูกมะขามหวานทิ้งเอาไว้มา 20 กว่าปีแล้ว จ้างชาวบ้านช่วยดูแล ไม่เคยได้เงินเลยครับ ปลูกอะไรก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะว่าไม่ได้ดูแลด้วยตัวเองอย่างจริงๆจังๆ คราวนี้ผมพอมีเวลามาอยู่ที่สวนมากขึ้น ก็เลยซื้อสวนมะม่วงเพิ่มเติม เอาแบบว่าโตแล้วเรียนรัด หวังว่าคงไม่ลำบากนัก แต่ผมชอบต่างจว. เพราะมีความสงบ อากาศสบาย อยู่ติดเขา มีท้องฟ้าให้ส่องดูดาวในยามค่ำคืน เป็นการหาความสุขจากธรรมชาติอย่างหนึ่งครับ จากคุณ : Mangobay - [ 1 ก.ค. 52 16:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ค่อยๆคิดค่ะ ค่อยๆดูแล้วก็วางแผนไป จังหวะเหมาะลงตัวถ้าใช่ก็ตัดสินใจเลย ไม่รู้ว่าใครมีความรู้สึกไหมว่า พื้นดินทุกผืนมีเจ้าของ และเฉพาะเจ้าของที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะได้ที่ดินตรงนั้นไป อย่ารีบร้อน เวลาจะช่วยในการค้นหาสิ่งที่ จขกท กำลังค้นหาอยู่ จากคุณ : สีมุก - [ 1 ก.ค. 52 16:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ราคาที่ดินสวนยางโอเคครับไม่แพงแต่เอกสารสิทธิ์เป็นอะไร ถ้าหน้ายางหมดสภาพสามารถขายไม้ได้ ไม่แน่ใจราคาจะอยู่ที่สี่ห้าหมื่น รึปล่าว แต่แค่นี้ก็ได้ทุนกลับมาบ้างแล้ว การนำน้ำทะเลหรือน้ำกร่อยมาใช้ต้องคำนึงถึงพื้นที่ด้วยครับว่าเหมาะสม กับประเภทสัตว์น้ำที่เราเลี้ยงรึปล่าว(เดี๋ยวจะถามน้องสาวให้ครับ เค้าทำฟาร์มที่แหลมสิงห์) การหาซื้อลูกพันธ์ปลาจะทำได้ยากปล่าวครับ แล้วก็ระยะเวลานานในการเลี้ยง แต่ดูราคาก็น่าจะพอชื่นใจนะครับ ผมเองก็แอบอ่านแอบดูอยู่นานครับเพิ่งโผล่มาพูดคุยไม่นานนี่เอง รู้สึกดีครับน่ารักทุกคนเลยยยยยยยย.......รักนะ......จู้บุ..จู้บุ จากคุณ : นายเดินดิน - [ 1 ก.ค. 52 17:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ฮ่าๆๆ ขำคุณเดินดิน ขอรับความดีนี้ไว้ทั้งหมดละกัน     ส่วนเรื่องที่เขาถามน่ะ ตอบไม่ได้หรอก  อิอิ จากคุณ : ผักบุ้งริมคลอง - [ 1 ก.ค. 52 19:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แนะนำได้แต่เรื่องฟาร์มปลาครับ . ปลาบู่ ราคาดี แต่...... 1 ลูกพันธ์หายาก  ต้องเอามาจากธรรมชาติ 2 นิสัยชอบกินกันเอง  3 ใช้เวลาในการเลี้ยงนาน  4 ปลาอยู่ในน้ำไม่สามารถมองเห็นตัว เลยไม่รู้ว่าอัตราการรอดจนถึงจับขาย จะเหลือมากน้อยแค่ไหน   การเลี้ยงปลาต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะว่าต้นทุนค่าอาหารมันสูง ถ้าจ้างคนเลี้ยงแล้วเราไม่คอยดูแล ไม่รู้เขาจะโยนอาหารให้ปลาในบ่อเราหรือบ่อคนอื่น จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) - [ 1 ก.ค. 52 19:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 1. ราคาสวนยางอยู่ที่แสนนิดๆ นี่ถือว่าไม่แพงค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีอยากให้คุณดูด้วยว่าอยู่แถวไหน ถนนหนทางเป็นยังไง เอกสารสิทธิ์เป็นอะไรด้วยค่ะ 2. การเติมน้ำเค็มลงไปในบ่อเลี้ยงก็มีคนทำกันอยู่บ้างค่ะ แต่ไม่นิยมกันซักเท่าไร เพราะมันแพง ควบคุมโรคยาก ไม่คุ้ม (ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ทำกัน) ลองดูที่ดินที่อยู่ใกล้ทะเลดีกว่าไหมคะ หรือไม่ก็สำรวจทางน้ำ เพราะที่จันท์ก็มีเลี้ยงกุ้ง ปู เยอะอยู่ (เลือกทำเลที่มีคนเลี้ยงอยู่เดิม จะได้ลดปัญหาเรื่องหาน้ำเค็ม/กร่อย) แล้วก็ทำบ่อพักน้ำ เพื่อดึงน้ำนั้นมาเวียนใช้ในฟาร์มเราน่ะค่ะ หรือไม่ก็หาเช่าบ่อเลี้ยงที่คนเลี้ยงเดิมเค้าเลิกเลี้ยงไปแล้ว นำมาปรับปรุงก็น่าที่จะทำได้อยู่ (ถ้าไม่เสร็จฟาร์มใหญ่ๆ ก่อนอ่ะนะ) ปล. คุณนายเดินดิน น้องสาวคุณทำฟาร์มอยู่แถวไหนอ่ะคะ เพราะเราก็ทำฟาร์ม(กุ้ง)อยู่ที่แหลมสิงห์เหมือนกัน โลกกล๊มกลมเน๊อะ จากคุณ : aNISS - [ 1 ก.ค. 52 20:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเคยได้ยินคนพูดคล้ายๆพี่สีมุก เขาบอกที่ดิน ปืน แล้วก้อแฟน ถ้าเป็นของเรา ยังไงก็จะต้องเป็นของเรา ใจเย็นๆครับ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 1 ก.ค. 52 20:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แนะนำเรื่องสาวนยางแล้วกัน ถ้าจะเอาแบบเสือนอนกินก็เอาสวนยางล่ะครับ ยิ่งยางกรีดได้แล้วยิ่งไม่ต้องดูแลมาก แค่หาคนงานมาจัดการ แล้วค่อยแบ่งกันไป เรื่องราคาช่วงนี้คงจะค่อยๆขยับขึ้นไปทีละนิด อย่างช่วงเดือนกุมภาราคาที่ 45/กก ตอนนี้ก็ประมาณ 50 บาท ปลายปีน่าจะประมาณ 55 บาท กำไรนั้นมีแน่นอน ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยรับรองว่ามีใช้จ่ายไม่ขัดสน อายุการกรีด 20 ปีนั้นคืออายุอย่างน้อยครับ หน้ายาง 1 ด้านจะกรีดได้ประมาณ 5 ปี ถ้า 2 ด้านก็ 10 ปี แล้วจึงวนกลับมากรีดอีกรอบ ถ้ากรีดรอบแรกไม่ดี เป็นรอยตะปุ่มตะป่ำก็กรีดได้แค่รอบ 2 รวมอายุกรีด 20 ปี แต่ถ้ารักษาเปลือกดีสามารถกรีดรอบ 3 ได้ รวมเป็น 30 ปี ซึ่งต้นที่อายุขนาดนี้จะให้น้ำยางน้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องตัดและปลูกใหม่ ในกรณีของคุณ ถ้าไม่มีเงินสำรองมากนัก เวลารื้อปลูกใหม่อาจแบ่งเป็น 4 แปลง แล้วรื้อปลูกใหม่แบบปีเว้นปี พอรื้อแปลงสุดท้าย แปลงแรกที่ปลูกใหม่ก็จะเริ่มกรีดได้แล้ว การดูแลก็จะไม่มากนัก จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.ค. 52 21:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนตัวดิฉันก็โพสขายที่ดินทำเกษตรอยู่บ้างใน pantipmarket อยากให้มีคนมาซื้อที่ดินของดิฉันไปทำเกษตรเหมือนกัน แต่ในกระทู้นี้ อยากให้ความเห็น ในการที่คนที่มีศักยภาพในการทำงานในเมืองหลวง มีเงินเดือนพอสมควรอยู่ แล้วจะเลิกงานนั้น ไปทำเกษตร ลองปรับเป็นว่าทำงานในเมือง  แล้วพอมีเงินเจียดไปจ้างคนช่วยนพื้นที่ช่วยทำเกษตรให้เรา  ได้ผลผลิตมาพอช่วยค่าใช้จ่ายบ้าง  ดีกว่าไหมคะ ถ้าเรามีญาติในพื้นที่นั้นยิ่งดี เพราะทำเกษตรแต่อย่างเดียว ให้ความสุขทางใจ แต่รายรับอาจไม่พอเลี้ยงครอบครัวได้   ดิฉันเองและสามีก็เคยอยู่ในจุดเปลี่ยนที่จะมาทำเกษตร มาใช้ชีวิตเกษตรกร   มาก่อน อยากให้จขกท พิจารณาทางเลือกว่า ตัดสินใจทำงานในเมือง หารายได้มาเลี้ยงเกษตร เราก็จะมีความสุขด้วย  มีรายได้ด้วย  แล้วไม่เครียด ไม่คาดหวังให้รายรับจากเกษตรมาเลี้ยงครอบครัวเรา  จ้างคนในพื้นที่ช่วยทำงานด้านเกษตรให้เรา  ก็จะเป็นการเพิ่มจ้างงานด้วยนะคะ อย่าลาออกจากงานของคุณ มาลงเต็มตัวเลย จากคุณ : kaijae - [ 1 ก.ค. 52 22:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คนดง คนเดิม > หลังจากที่ผมอ่านไปอ่านมาของคุณคนดงคนเดิม ผมตระหนักว่า ผมเป็นคนชอบน้ำอย่างสุดกู่ เลยคิดว่า ถ้าจะลงทุนทั้งที เอาที่ชอบจะได้สบายใจ เลยคิดว่าจะลงน้ำดีกว่า คุณสีมุก >> คุณสีมุกจ๊า พูดเหมือนแม่ผมเปี๊ยบบบ เลย บ้าน ที่ดิน และเนื้อคู่ ถ้าใช่ของเรามันก็จะเป็นของเรา จะมีมั๊ยนะคนที่เกิดมารักการเกษตรเหลือเกินแต่เป็นไม่ได้ นายเดินดิน >>  ผมภาวนาให้ขายต้นไม้ได้เหมือนกันครับ บอกอย่างไม่อายเลยว่ามีทุนน้อย และบังคับให้เพื่อนคนนี้ขายให้อยู่ ถ้าขายได้ซักไร่ละสี่ห้าหมื่นอย่างแน่นอนนี่ ผมคงซื้อทั้งหกสิบไร่ของเค้าเป็นแน่แท้ แต่ กลัวว่าจะไม่มีคนรับซื้อน่ะซิครับ ชาบู ชาบู อีกประการ ผมเห็นด้วยว่าห้องนี้น่ารักเหลือเกิน บางคนนะครับ หาข้อมูลมาให้อ่านโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เช่นคุณ ญี่ปุ่น เนี๊ยะ เมพขิง ๆ ผักบุ้งริมคลอง << เนียนมาก ชะชะ ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) << ปลาบู่นี่ถ้าผมเลี้ยงเป็นคอนโดจะไหวมั๊ยครับ? เพราะเข้าใจว่าเราเลี้ยงจำกัดพื้นที่ให้เค้าได้ ส่วนเรื่องจ้างคน ผมอาจจะไปเกษียนตัวเอง เลี้ยงปลา เลี้ยงปูอยู่ที่นั้นเลย หรืออย่างน้อย ก็ให้พ่อกับแม่ผมไปทำให้ เพราะเป็นความฝันของครอบครัวของผมน่ะครับ น่าจะตัดปัญหาไปได้พอสมควร aNISS << เป็นที่โฉนดครับ และผมเห็นด้วยกับนายหญิงทุกประการว่า การเอาน้ำทะเลมาเติมบ่อ เป็นการฆ่าัตัวตายชัด ๆ เฮ้อออ คิดหนัก คิดหนัก ดอกไม้ทะเล << ว่าแล้วว่าลูกพี่ต้องมา Pit2519 <<< Noted  เป็นประโยชน์มากมายครับ ผมเอาจุดนี้ไปปรึษาครอบครัวของผม และเพื่อนที่กำลังจะขายที่ให้เช่นกัน เค้าเข้าใจ และยินดีลดราคาให้ด้วย kaijae << ผมทำงานในต่างประเทศ อยู่แต่ในตึก และในเมืองที่มีแต่สิ่งจอมปลอม นาน ๆ จะเจอสีเขียว และน้ำใสซักทีนึงครับ รู้สึกเก็บกดและบางครั้งก็อยากกระโดดลงมาจากที่สูง ๆ บ่อย ๆ มีการเกษตร และเพื่อน ๆ ในห้องนี้นี่แหละครับที่เยียวยาหัวใจผมได้บ้าง น้ำเน่ามั๊ยครับ ฮี่ฮี่ นี่คือสาเหตุนึงที่ผมเริ่มมองหาที่ทาง และหาความรู้เรื่อย ๆ ซึ่งความคิดเห็นต่าง ๆ ที่เื่พื่อน ๆ ให้มา ล้วนแต่หาไม่ได้ในเอกสาร หรือเวปไซค์ที่ผมเคยสัมผัสมา เหล่านี้ล้วนแต่เติมเต็มให้ผมมีพลังในการต่อสู้ แล้วดิ้นรนสานฝันของตัวเองต่อไป กราบขอบพระคุณทุกความคิดเห็นจากก้นบึ้งของหัวใจครับ ว่าแต่ เสี่ยทิวหายไปไหน? จากคุณ : The Cole - [ 1 ก.ค. 52 23:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เพิ่มเติมครับ ตอนนี้กระผมทำการเจรจา เรื่องราคา และความเป็นไปได้ักับเพื่อนคนนี้อยู่ เพื่อนเธอดีเหลือเกินครับ ยินดีหาที่ติดน้ำให้ด้วย ไว้จะมาอัพเดทเรื่อย ๆ ครับ สวนยางก็ดี ฟาร์มปลาบู่ หรือ นาปูทะเลก็ดี วันนึง ถ้าผมมี เรียนเชิญพี่น้องทุกท่านนะครับ จากคุณ : The Cole - [ 2 ก.ค. 52 00:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รู้ว่าคุณอยู่ต่างประเทศ ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังเลย ที่ไม่ได้อยู่ในตึก ขอให้ได้ที่ถูกใจนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 00:37:56 จากคุณ : beejasmine - [ 2 ก.ค. 52 00:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ The Cole เคยปลูกหัวไชเท่าในกะละมังที่ฟิลิปปินใช่มั้ยค่ะ ขอให้ได้ที่ดินที่เหมาะสมค่ะ จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 2 ก.ค. 52 05:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอให้สมหวัง กับความฝันของคุณค่ะ ปัญหาทุกปัญหามีไว้ให้แก้  มิใช่มีไว้ให้แพ้......... จากคุณ : เจ้า - [ 2 ก.ค. 52 09:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ก้าวให้ไกล ...........ไปให้ถึง   โอ๊ววว...........ช่างเหนื่อยจริง ๆ เหนื่อยนักพักก่อน  ห้องห้วมุมมีกำลังใจให้อย่างล้นหลามค่ะ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) - [ 2 ก.ค. 52 09:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โหไม่ได้แวะมา 2วันมั้ง มีแบบกดดันด้วยเหรอครับน้าดงฯ ว่าจะเข้ามาดึกๆ 555+ พอดีช่วงสัปดาห์นี้ยุ่งมากถึงมากที่สุดเลยครับ เลยแบบแวะมาแว๊บๆ มั่งน่ะครับ บังเอิญเจอกระทู้นี้เลยต้องเข้ามาแสดงตัวหน่อยน่ะครับ คุณ The Cole สบายดีนะครับ กลับมาจากฟิลิปินส์นานแล้วหรือครับ ผมขอตอบคุณ The Cole เรื่อง กุ้ง ปู ปลาบู่ ตามที่ทราบนะครับ ย้ำนะครับว่าตามที่ทราบเท่านั้น เพราะว่ายังมีเรื่องอีกเยอะมากๆ ที่ผมไม่รู้ครับ กุ้ง - หลักๆ ก็มีกุ้งขาวแวนาไม กับกุ้งกุลาดำครับ ตอนนี้ที่เลี้ยงกันมากก็กุ้งขาว แต่ราคาสู้กุ้งกุลาดำไม่ได้ครับ ส่วนเรื่องการเลี้ยงกุ้ง ไม่จำเป็นต้องมีที่ติดน้ำเค็มก็เลี้ยงได้ครับ เพราะว่าสามารถเลี้ยงในน้ำจืดได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องมีการใส่ดีเกลือบ้างเป็นครั้งคราวครับ (เรื่องนี้คงต้องศึกษาเพิ่มนะครับเพราะว่าผมเลี้ยงในน้ำกร่อยถึงน้ำเค็มครับ.....เพียงแต่ทราบมาว่าคนที่เลี้ยงน้ำจืดก็เลี้ยงได้ครับ ถ้าอยากทราบจริงๆ คงต้องลงพื้นที่แถวปราจีนบุรีครับ แถบนั้นเลี้ยงกุ้งขาวในน้ำจืดทั้งนั้นครับ) แต่แน่นอนว่าการเลี้ยงกุ้งในน้ำจืด จะได้กุ้งที่อ่อนแอกว่าเลี้ยงในน้ำเค็มครับเพราะว่าแร่ธาตุในน้ำจืดนั้นน้อยกว่ามาก แต่แน่นอนว่าที่ดินที่เลี้ยงกุ้งนั้นต้องติดแหล่งน้ำครับ ระยะการเลี้ยงประมาณ 90-120วันสำหรับกุ้งขาว กุ้งดำประมาณ 120-180วันครับ ปู - การเลี้ยงปูนั้น มี 2ชนิดคือ ปูทะเล และปูม้า ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการขุนมากกว่า ซึ่งเราจะซื้อลูกพันธุ์ขนาด 15-20ตัวต่อกิโลมาเลี้ยงให้โตขนาดประมาณ 3-5ตัวต่อกิโลสำหรับปูทะเลแล้วจึงขาย ส่วนปูม้าก็จะเลี้ยงจนขนาดประมาณ 5-10ตัวต่อกิโลแล้วจับขาย ระยะเวลาการเลี้ยงก็แล้วแต่ว่าจะเลี้ยงปูประเภทใด ปูเนื้อประมาณ 3-6เดือน ส่วนปูไข่ก็ประมาณ 1-3เดือน ส่วนปูม้านั้น ก็คล้ายกันคือซื้อลูกพันธุ์จากทะเล แล้วนำมาขุนให้โตครับ ระยะเวลาการเลี้ยงผมไม่ทราบแน่นอนเพราะว่ายังไม่เคยเลี้ยงครับ และสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับการเลี้ยงปูคือ ที่ดินต้องมีน้ำเค็มตลอดปี ระดับความเค็มต่ำสุดของน้ำที่จะเลี้ยงปูทะเลได้ต้องประมาณ 15ppt แต่สำหรับปูม้าต้องได้มากกว่า 25ppt ขึ้นไปจึงจะเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของปู ปลาบู่ - สถานที่เลี้ยงปลาบู่กับปูกุ้งนั้นเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียวครับ ปลาบู่ต้องเลี้ยงในสถานที่ที่น้ำจืดสนิทครับ ประมงเพาะพันธุ์ได้แล้วครับ แต่ปัจจุบันยังเก็บรวบรวมพันธุ์จากธรรมชาติครับ ระยะการเลี้ยงประมาณ 1ปีจากขนาดของปลาที่นำมาเลี้ยง ซึ่งโดยทั่วไปเราจะนำปลาอายุ 1ปีมาเลี้ยง ดังนั้นเท่ากับว่าปลาที่เราทานๆ กันอยู่นั้นเป็นปลาอายุ 2ปี ซึ่งปัญหาก็คือ ระยะเวลาการเลี้ยงนั้นยาวนานมาก แต่ถามว่าถ้าเลี้ยงรอด แม้ว่าปัจจุบันราคาจะตก แต่ก็ยังเลี้ยงได้ครับ ผมพูดแบบคร่าวๆ นะครับ ถ้าคุณ The Cole อยากทราบอะไรเพิ่มเติม ถามมาดีมั้ยครับเพราะว่าไม่ทราบว่าบอกอะไรดีเพราะว่ามันเยอะเหลือเกินครับ ตอบยาก พิมพ์หมดนี่มือหงิกแน่ๆ ครับ 555+ อ้อ ปลาบู่ลงทุนสูงมากๆ คืนทุนช้า และเลี้ยงยาก แต่ว่าถ้าผ่านไปได้ ผมว่าก็เป็นสัตว์ตัวหนึ่งที่น่าสนใจครับ (อย่าเพิ่งฟังผมมาก ผมก็เพิ่งเริ่มเลี้ยงเหมือนกันครับ ยังตอบไม่ได้มากนักครับว่าจะเป็นยังไง) ปูก็น่าสนใจครับ แต่ทั้งนี้อยู่ที่ว่าคุณ The Cole จะเลี้ยงแบบใด จะเลี้ยงแบบธรรมชาติ หรือว่าให้อาหาร สำหรับผมผมเลี้ยงแบบธรรมชาติ ถือว่าเป็นรายได้เสริม คือผมมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ แล้วก็ซื้อลูกปูทะเลกะเทยกับตัวผู้มาปล่อยเพื่อทำปูไข่ กับปูเนื้อครับ โดยปูก็หากินเองจากการที่ผมเปิดน้ำเข้าออกน่ะครับ และในน้ำที่เปิดเข้าออก ก็จะมีสัตว์หลงเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นรายได้เข้าฟาร์มบางส่วนด้วยครับ ส่วนกุ้งลงทุนสูงพอควร แต่คืนทุนไว และที่สำคัญ ในวงการธุรกิจนี้เขาวางระบบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้การจัดการง่ายเป็นระบบครับ อ้อ ให้เป็นข้อมูลนะครับ ได้ยินว่าข้างๆ บ่อกุ้ง+ปูของผมมีคนจะเซ้งที่ดินนะครับ ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 80ไร่ มีอุปกรณ์บ้าง และก็ประตูน้ำ บ้านพัก ฯลฯ ค่าเซ้งประมาณ 2-3แสน และค่าเช่าปีละ2หมื่น (รายละเอียดคร่าวๆ นะครับ ถ้าสนใจต้องลองสอบถามเขาดูอีกที) อยู่แถวสมุทรสงคราม ห่างจากถนนธนบุรีปากท่อประมาณ 3กิโลเมตร ถนนลาดยาง 4เลนถึงหน้าที่ดิน จากคุณ : นายทิว - [ 2 ก.ค. 52 11:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ้อ ขาดไปอีกอย่างคือ ที่ดินแปลงข้างๆ ที่ดินของผม เขาเป็นบ่อเต็มพื้นที่ และด้านท้ายก็ติดคลองสาธารณะขนาดกว้างประมาณ 20เมตร มีน้ำตลอดปี ส่วนด้านหน้าเป็นลำรางขนาด 6เมตรครับ โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าจะลอง ก็น่าสนใจครับ ไม่ต้องลงทุนสูงขนาดซื้อที่ดิน แล้วถ้ามันสำเร็จ ค่อยไปหาซื้อที่ดินที่อื่นต่อไป ก็จะเป็นการเซฟตัวเองครับ จากคุณ : นายทิว - [ 2 ก.ค. 52 11:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คือในความเห็น ถ้าไม่เคยทำ ผมว่าลองหาที่เช่า/เซ้ง แล้วค่อยทำดีกว่าครับ ไม่เสี่ยง และก็ไม่ต้องเอาเงินก้อนใหญ่มาลง ลองทำดูก่อนเพราะว่าหลังจากนี้ยังมีปัจจัยอีกเยอะที่อาจจะทำให้ตัวแปรเปลี่ยน อย่างเช่น เลี้ยงๆ ไปอาจจะพบว่าตัวเองอาจจะไม่ชอบแนวนี้ หรือว่า เลี้ยงๆ ไปอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ หรือว่า อยู่ไปแล้วเพิ่งพบว่าพื้นที่ที่เราไปลงทุนแต่กลับไม่ชอบ หรือว่า เพื่อนบ้าน หรือว่า ฯลฯ 1081009 น่ะครับ ในความคิดของผม ผมจึงมองว่า ถ้าเรามองว่าถ้าเราอยากลงทุนทำสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรหรือว่าธุรกิจใดๆ ก็ตาม ขอให้เราศึกษาถึงความเป็นไปได้ แล้วถ้ามันมีความเป็นไปได้ ก็ลงมือทำเลย และถ้าจุดไหนเราสามารถเซฟตัวของเราเองได้ในส่วนใด ก็จะยิ่งเป็นข้อดีของโปรเจ็คท์นั้นๆ ครับ อย่างเช่นการทำเกษตร การลงทุนเรื่องที่ดินน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดและเป็นจุดที่หนักที่สุด ดังนั้นในขั้นแรกถ้าเราสามารถเลี่ยงได้จะเป็นการดีที่สุด เพราะว่าในความคิดของผม การเกษตร ถ้าจะประสพความสำเร็จนั้น เราต้องมีการลงทุนในด้านเทคโนโลยีด้วย ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถช่วยให้เราลดปัจจัยเสี่ยงบางส่วนไปได้ครับ และในทางกลับกันยังช่วยเพิ่มผลผลิตให้เราได้อีกต่างหาก ดังนั้นแทนที่เราจะต้องนำเงินมาลงทุนในที่ดินที่ Liquid ต่ำแต่นำมาลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความสำเร็จน่าจะดีกว่า อย่าลืมนะครับว่าที่ดินซื้อน่ะง่าย จะขายน่ะยาก โดยเฉพาะที่ดินแบบเกษตร ไม่ใช่ว่าคนอยากจะซื้อเยอะแยะ ต้องค่อยๆ ดูให้รอบคอบดีดีน่ะครับ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าอยากให้คุณมาเซ้งที่ดินข้างๆ หรอกนะครับ (อ้อ ต้องบอกก่อนนะว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา) เพียงแต่ไม่อยากให้ลงทุนสูงนักครับในเบื้องต้น (ผมมองในแง่การลงทุนนะครับ ส่วนถ้าจะบอกว่าอยากทำเพราะใจรัก บลา บลา บลา อย่างนั้นก็ทำได้เลย ไม่ต้องมองในแง่ความคุ้มทุนหรอกครับ แต่นั่นจึงเป็นที่มาของคนที่มักจะบอกว่าเกษตรทำแล้วไม่ดี สู้อาชีพอื่นไม่ได้ อย่าหวังรวย ฯลฯ ผมอยากจะบอกว่า เคยมีคนที่รวยจากกุ้งเป็นร้อยล้านเยอะแยะครับ แต่ก็อย่างว่าว่ามันเป็นหนึ่งในร้อยเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคน ผมมองว่าทำสิ่งใดก็ตาม ถ้าตั้งใจ มันต้องสำเร็จครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่ตัวเราเท่านั้นน่ะครับ) เออ ความคิดเห็นของผม ถ้าจะมองแบบว่าเกษตรพอเพียง (ไม่ได้หมายถึงเวบหนึ่งเวบใดเน้อ 555+) มันอาจจะขัดแย้งนะครับ ดังนั้นถ้าเป็นในแง่นั้น คนที่จะเข้ามาแย้งบอกว่าขัดกับแนวทาง ฯลฯ ขอให้ผ่านความคิดเห็นของผมไปนะครับ เพราะว่ามองจากคนละมุมมองครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 11:50:43 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 11:45:19 จากคุณ : นายทิว - [ 2 ก.ค. 52 11:44:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ ^ แก้ไขเยอะ ไม่มีอะไรครับ เพียงแต่เกลาภาษาให้เรียบร้อยเท่านั้นเพราะว่าพอกลับมาอ่านอีกที บางช่วงฟังแล้วไม่เข้าใจเพราะว่านึกไปพิมพ์ไปเลยน่ะครับ 555+ จากคุณ : นายทิว - [ 2 ก.ค. 52 11:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอออกความเห็นเรื่องยางนิดหน่อยครับเพราะคล้ายกับชีวิตของผมครับ ในอดีตเคยทำงานประจำ มีอู่ซ่อมรถ มีสวนยาง สวนปาล์ม อยู่ต่างอำเภอ มีเวลาว่างแค่วันอาทิตย์วันเดียว มีรายรับจากสวนแค่ค่าน้ำมันเท่านั้น ต้องพกปืนเข้าสวนทุกครั้งเพราะไล่คนงานออกทุกปี เมื่อสามปีก่อน หยุดทุกอย่างเหลือแต่สวนอย่างเดียว รายรับหายไปร่วมแสน แต่ปัจจุบันกลับมีเงินเหลือเก็บ .....ถ้ามั่นใจในการบริหารจัดการคนงานตัดยางได้ก็ทำงานประจำต่อครับ .....ส่วนตัวผม จัดการไม่ได้ครับ เวลาเข้าสวนต้องปิดตาไว้ข้าง ปิดหูไว้อีกข้าง ถ้าคิดว่าซื้อที่แถมไม้ยาง มีงานให้คนงานทำ เดินหน้าต่อได้เลยครับ การเป็นเจ้าของสวนยางที่ต้องเดินทางและยังต้องพึ่งคนงานที่ไม่รู้จัก ไม่ง่ายแล้วก็ไม่ยากจนเกินไปครับ......ขอให้โชคดี มีความสุข........ทุกท่านครับ จากคุณ : pun - [ 2 ก.ค. 52 12:28:50 A:117.47.105.247 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 ราคายาง ทั้งพาราและสังเคราะห์ค่อนข้างขึ้นกับราคาน้ำมัน มองยาวๆแล้วคุณว่าน้ำมันจะถูกหรือแพงครับ จากคุณ : พรายพลาย (พรายพลาย) - [ 2 ก.ค. 52 16:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ที่บ้านทำสวนยางและมีอยู่เยอะพอสมควร ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าอาชีพชาวสวนยางไม่เคยลำบากเลย ครอบครัวผมทำสวนยางในจังหวัดสงขลา ราคาสวนยางในอำเภอที่ติดกับอำเภอที่มีปัญหาโจรใต้ ยังราคาอยู่ในช่วง 60000-120000 บาทต่อไร่เลยครับ ตามที่ผมรับรู้จันทบุรีก็ทำสวนยางมานาน น่าจะมีข้อมูลมากพอในเรื่องผลผลิต แหล่งรับซื้อผลผลิต รวมทั้งน่าจะมีคนขายกล้ายาง รับขุดหลุม จำหน่ายปุ๋ยและรับซื้อต้นยางเก่า(ที่หมู่บ้านผมขายต้นยางเก่าได้ไร่ละ 30000-40000 บาท ราคานี้รวมการปรับปรุงพื้นที่ให้หลังจากโค่นไม้ยางไปแล้ว) ทำสวนยาง 50 ไร่ในครั้งเดียวไม่ใช่น้อยๆเลยนะครับ ถ้าหากมีต้นทุนไม่สูงนัก หลังจากปิดการกรีดแนะนำให้แบ่งเป็น 2 แปลง ขายไม้ยางหมดเป็นต้นทุนไว้ แปลงแรกก็ลงทุนปลูกยางไป แปลงที่ 2 ให้ปลูกไม้ยืนต้นที่ไม่ต้องดูแลมาก ปลูกให้แน่นครบ 7 ปี เมื่อแปลงแรกเริ่มมีผลผลิตคือเปิดกรีดยางได้ ก็ขายต้นไม้แปลงที่สอง และเริ่มลงทุนในแปลงที่สองครับ แต่ถ้าหากไม่มีพื้นฐาน ก็ตามทีคุณ pun บอกไว้ เป็นเจ้าของสวนยางไม่ง่ายเลยเหมือนกัน เริ่มจากดูแลสวน ดูแลไม่เป็น ต้นยางโตไม่สม่ำเสมอ แตกกิ่งเก้งก้าง ยางเปิดกรีดได้ ลูกจ้างไม่ซื่อสัตย์ แอบเอายางแผ่นหรือน้ำยางไปขาย ลูกจ้างซื่อสัตย์แต่ไม่มีฝีมือกรีดยางไม่ถูกวิธีหน้ายางพังเสียหายกรีดได้ไม่กี่ปี ก็มีน้ำยางออกมาน้อย แต่ถ้าคุณจริงใจ จริงจัง อยู่กับปัญหา อะไรก็ไม่ใช่อุปสรรค แต่ถ้าอยากได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของสวนยางอย่างเดียว อย่าลงทุนเลยครับ จากคุณ : RadiusRoof - [ 2 ก.ค. 52 16:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าผ่านมาราชบุรี อย่าลืมแวะทักทายกันบ้าง จะพาไปเที่ยวบ่อเลี้ยงปลาของผม จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) - [ 2 ก.ค. 52 17:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ว่างๆ ว่าจะไปเที่ยวหา พี่ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) อีกนะครับ  แต่ต้องหลังจากที่ผมปลูกหญ้าเสร็จก่อนนะครับ  อิอิ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 3 ก.ค. 52 03:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 36 RadiusRoof   OP : ผมชอบความคิดเห็นของคุณมาก ๆ ๆ ๆ  ๆ ครับ “แต่ถ้าคุณจริงใจ จริงจัง อยู่กับปัญหา อะไรก็ไม่ใช่อุปสรรค แต่ถ้าอยากได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของสวนยางอย่างเดียว อย่าลงทุนเลยครับ” ข้อมูลต่าง ๆ ผมขออนุญาตเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลนะครับ ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) OP : อยากไปใจจะขาดครับ บ้านผมอยู่บางแคเท่านั้นเอง ขับรถแป๊บเดียวก็คงถึงราชบุรี ไว้จะไปขอความรู้นะครับ ญี่ปุ่น35 OP : นึกว่าคุณญี่ปุ่น35 จะไม่เข้ามาที่กระทู้ของผมซะแล้ว ธัมมะระตี OP : ดีใจจังเลยครับ ที่ยังมีคนจำ กาละมังปลูกผักของผมได้ด้วย ทำให้ผมสดชื่นไปทั้งวันเชียวครับ แหะ แหะ ผมแอบให้ Give กับทุกคนไว้ด้วย ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร เห็นเค้าฮิตให้กัน และบางคนที่ผมไม่ได้ให้ เพราะมันไม่มีปุ่มขึ้นมาให้กดนะครับ อย่างเช่นของคุณ ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) ไม่รู้จะให้ยังไงดี กระทู้นี้มีค่าสำหรับผมเหลือเกินครับ ขอกราบขอบพระคุณจากใจ ถ้าได้เรื่องอย่างไรจะอัพเดทให้ดูนะครับ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้เค้าลดราคาให้อีกซักหน่อย แล้วจะถ่ายรูปมาอัพเดทให้ดูกันนะครับ จากคุณ : The Cole - [ 3 ก.ค. 52 12:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เข้าทุกกระทู้เลยครับที่มี  แต่ไม่รู้ว่าจะแนะนำยังไงนะครับ  คงต้องรอให้เห็นสถานที่จริงๆ ก่อนอะครับ  ถึงตอนนี้เดี๋ยวจะมีไอเดียแปลกๆ แนะนำได้บ้างครับ  คริๆๆๆๆ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 3 ก.ค. 52 23:50:21 ]