|
(กระทู้นอกเรื่อง) ... ตำนาน แคนตาลูป ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ... อิอิ
|
|
*** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน กรุณาอ่านเพื่อคลายเครียด ขำขำ อย่าคิดมาก อย่าซีเรียสนะครับ ***
ตำนานแคนตาลูป
แคนตาลูปเป็นผลไม้โบราณในตระกูลเดียวกันกับแตงไทย ที่มีมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว (จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้) โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดียและแอฟริกา แต่ต่อมามีคนนำไปปลูกที่ประเทศอิตาลี ที่เมืองแคนตาลูโป (Cantalupu) จนเป็นที่แพร่หลาย และต่อมาเมื่อพระเจ้าชา ที่เป็นเป็นองค์รัชทายาทลำดับที่ 258 แห่งประเทศอิตาลี [โดยพระเจ้าชาเป็นพระญาติห่าง ๆ กับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศส ( Charles VIII of France )] ได้นำไปให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 ทดลองปลูกในประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งกระจายเข้าไปในประเทศอังกฤษและประเทศต่าง ๆ ในยุโรป
แต่ใครจะรู้บ้างว่า จริงแล้วผู้ที่เป็นคนทำให้แคนตาลูปเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลกก็คือ ตาฉ่ำ ที่เป็นคนไทยนี่เองครับ
(อึ้ง กันหมดเลยอ่ะสิ ... ด้วยผมจะช่วยขยายความให้หายอึ้งกันครับ)
ย้อนกลับไปในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
พระยาดำกุด ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากประเทศอินเดีย (ในสมัยนั้นประเทศอินเดียมีความเจริญเฟื่องฟูมากที่สุดในแถบเอเชียนี้) ได้ทำการกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย หลังจากที่เขาได้ไปอยู่ที่ประเทศอินเดียมานานถึง 5 ปี เขาได้นำผลไม้แปลกชนิดหนึ่งกลับมาที่เมืองไทยด้วย โดยผลไม้นั้นมีลักษณะเป็นผลกลม ๆ คล้ายกับลูกแตงไทยแต่ว่าเปลือกมีความหนากว่าแตงไทยมาก ในการนั้นเองพระยาดำกุดได้เรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า แตงฝรั่ง
พระยาดำกุดได้นำผลไม้ชนิดนี้ไปให้ตาฉ่ำผู้เป็นบิดาของเขาจำนวน 2 ลูก เพื่อที่จะให้บิดาของเขาที่เป็นพ่อค้าผลไม้ได้ลองกินดู โดยตาฉ่ำผู้ที่เป็นพ่อของเขายังไม่เคยพบเคยเห็นผลไม้ชนิดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ตาฉ่ำ เนี่ยมันคือลูกอะไรเหรอ?
พระยาดำกุด แตงฝรั่งจ๊ะพ่อ ข้าฯนำมาจากประเทศอินเดีย พ่อลองกินดูสิเผื่อว่าจะชอบนะ
ตาฉ่ำ แตงฝรั่งเหรอ? เออ เดี๋ยวข้าฯขอเก็บเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวหิวเมื่อไหร่แล้วข้าจะกินเอง
แล้วตาฉ่ำก็นำแตงฝรั่งทั้ง 2 ลูกติดตัวออกไปขายผลไม้ที่หน้าตลาดนัดคลองหลอดด้วย
ในวันนั้นที่ตลาดนัดคลองหลอด ริมกำแพงเมืองสยามเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังมาจับซื้อข้าวของกัน และในการนั้นเองก็มีแหม่มสาวชาวอิตาลี ที่ชื่อ โมนาลิซ่า ที่เป็นสนมคนที่ 84 ของพระเจ้าชาแอบมาเดินปะปนอยู่ด้วย
แล้วโมนาลิซ่าก็เดินมาถึงแผงขายผลไม้ของตาฉ่ำที่ปูเสื่อวางขายอยู่ริมกำแพงเมือง เธอเดินมาหยุดสนใจผลไม้ของไทยชนิดหนึ่ง ที่มีเปลือกแข็งลูกเล็ก ๆ สีน้ำตาลอมม่วงออกคล้ำ ๆ
ตาฉ่ำ แหม่มจ๋า ซื้อผลไม้ของตาไหมจ๊ะ?
โมนาลิซ่าได้หยิบผลไม้ลูกนั้นขึ้นมาแล้วถามกับตาฉ่ำผู้เป็นขายว่ามันคือผลไม้อะไร
โมนาลิซ่า ว๊อด อีส ดีส? (มันคือลูกอะไร?)
ตาฉ่ำ อ๋อ ... ไอ้เนี่ยเหรอ เค้าเรียกว่า มังคุด นะ
โมนาลิซ่า หา ... พาร์ ด้อน (อะไรนะ ฉันฟังไม่ชัด พูดอีกทีสิ)
ตาฉ่ำ มังคุด เค้าเรียกว่ามังคุด
โมนาลิซ่า มาน ... ตุ๊ด
ตาฉ่ำ โน ๆ ... มันไม่ได้เป็นตุ๊ด มันคือมันคุด
โมนาลิซ่า แมงโก้? (มะม่วงใช่ไหม?)
ตาฉ่ำ แมงโก ส้-น teen เถอะ ... มันคือมังคุด
โมนาลิซ่า อ๋อ ... แมงโกทีน (อ๋อรู้แล้ว มังคุด)
ว่าแล้วโมนาลิซ่าก็นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าแผงขายผลไม้ของตาฉ่ำ เพื่อลองกินมังคุดผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของผลไม้ในทันที
ด้วยความที่ในสมัยนั้นยังไม่มีบริษัท วาโก้ ก่อตั้งขึ้น เวลาที่โมนาลิซ่านั่งยอง ๆ เพื่อก้มลงหยิบมังคุดกิน ทำให้เสื้อคอกระเช้าที่โมนาลิซ่าใส่มานั้นไม่สามารถปิดบังช่วงหน้าอกของเธอได้หมด ทำให้เนินอกอันเปล่งปลั่งขาวจั๊วของเธอปรากฏออกมาให้ตาฉ่ำได้เห็น
ตาฉ่ำ โอ้ ... แม่เจ้า แตงโมชัด ๆ
โมนาลิซ่าเงยหน้าขึ้นมามองตาฉ่ำ แล้วเธอก็ส่งยิ้มหวานให้แก่ตาฉ่ำ ก่อนที่เธอจะก้มลงไปหยิบมังคุดอีกลูกขึ้นมากินต่ออย่างเอร็ดอร่อย
(มันโป๊ ... มันยังไม่รู้ตัวอีกวุ้ย)
ตาฉ่ำ อู้หู ... แตงโม ขาวจั๊วเลยโว้ย
ว่าแล้วตาฉ่ำก็หยิบแตงฝรั่ง 2 ลูกที่เข้านำติดตัวมาด้วย ขึ้นมาลูบไล้ไปมาด้วยความเคลิบเคลิ้ม
(ลืมกันไปหมดใช่ไหมครับ? ว่าผมกำลังจะพูดถึงเรื่องตำนานแคนตาลูปนะ)
ในขณะที่โมนาลิซ่ากำลังเพลินอยู่กับการหยิบมังคุดลูกแล้วลูกเล่าขึ้นมากิน ตาฉ่ำก็เพลินอยู่กับการจ้องมองเนินอกอันขาวโพลนของเธอ จนกระทั่งโมนาลิซ่าเหลือบขึ้นมาเห็นตาฉ่ำกำลังเอาลูบผลไม้อะไรบ้างอย่างอยู่ในมือ
ตาฉ่ำ แหม่มจ๋า ... ไหน ๆ แหม่มก็กินมังคุดของตาไปหลายลูกแล้ว ตาขออะไรสักอย่างได้ไหมจ๊ะ?
โมนาลิซ่า ว๊อด? (อะไรเหรอ?)
ตาฉ่ำ เออ ... ขอให้ตาลูบหน้าอกแหม่มสักทีจะได้ไหมจ๊ะ?
(ทำไมอีตาฉ่ำมันถึงได้ลามกขนาดนี้ฟ่ะ? ... ลามกเหมือนใครเนี่ย?)
โมนาลิซ่า ว๊อด ยู เซ? (คุณพูดว่าอะไรนะ?)
ตาฉ่ำ เออ ... เอ่อ ... แคน ตา ลูบ อก เอ็ง ... โอเค๊ ? (ขอให้ฉันลูบหน้าอกของคุณจะได้ไหม?)
โมนาลิซ่า หา ... ว๊อด ยู เซ? (หา ... คุณพูดว่าอะไรนะ?)
ตาฉ่ำ แคน ตา ลูบ อก เอ็ง วัน ทาม โอเค ? (ขอฉันลูบหน้าอกของคุณสักครั้งจะได้ไหม?)
โมนาลิซ่า แคนตาลูป? ... ดีส อีส แคนตาลูป? (แคนตาลูป มันคือแคนตาลูปเหรอ?)
ตาฉ่ำ เออ ... ขอลูบ ... ติ๊ดเดียวเอง
โมนาลิซ่า แคนตาลูป ... ยู กิ๊ฟ มี? (คุณจะให้แคนตาลูปแก่ฉันเหรอ?)
(สงสัยว่ายัยโมนาลิซ่าคงจะกินมังคุดเยอะไปจนทำให้หูอื้อนะ)
แล้วโมนาลิซ่าก็เอื้อมมือมาหยิบแตงฝรั่งจากมือของตาฉ่ำไป
โมนาลิซ่า แท้งกิ้ว (ขอบคุณค่ะ)
ตาฉ่ำ แทงก็แทง ... ขอแทงติ้วทีนึงก็ได้
โมนาลิซ่ายิ้มหวานให้แก่ตาฉ่ำอีกครั้ง ก่อนที่เธอก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับแตงฝรั่ง 1 ลูกที่ได้มาจากมือของเขา แล้วเธอจะรีบเดินไปขึ้นเรืออีแป๊ะที่จอดรออยู่ที่ท่าพระจันทร์ ปล่อยให้ตาฉ่ำยืนมองเธอเดินจากไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ด้วยความที่โมนาลิซ่าอิ่มจากการที่ได้กินมังคุดของตาฉ่ำไปหลายลูก ทำให้เธอยังไม่สามารถกินแคนตาลูปลูกนั้นได้ในทันที โมนาลิซ่าจึงนำแคนตาลูปติดตัวขึ้นเรือสำเภากลับไปยังประเทศอิตาลีด้วย แล้วเธอก็ได้นำผลไม้จากเมืองไทยที่มีชื่อว่า แคนตาลูป ไปถวายให้แก่พระเจ้าชา ผู้เป็นพระสวามี (เรือสำเภาจากสยามวิ่งไปอิตาลีใช้เวลา 2 เดือนกว่า แล้วแคนตาลูปมันไม่สุกจนเละแล้วเหรอฟ่ะ?)
แล้วพระเจ้าชาก็นำผลแคนตาลูปไปมอบให้แก่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสผู้เป็นพระญาติอีกที หลังจากนั้นพระเจ้าชาก็ทรงพระประชวรด้วยโรคร้าย จนกลายเป็นโรคอัมพาตเนื่องจากร่างกายไม่รับรู้ความรู้สึกใด ๆ เลย (ชาไปหมดทั้งตัวเลย)
หลังจากนั้นเป็นต้นมา คนทั่วไปในยุโรปก็ได้มีโอกาสได้กินผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย ที่มีชื่อว่า แคนตาลูป กันเกือบทุกคน
จบล่ะ ...
อิอิ
*** คำเตือน ***
เนื่องจากเรื่องนี้อาจจะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ดังนั้นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จึงไม่สมควรอ่านโดยเด็ดขาด ในกรณีที่เผลออ่านไปแล้ว ขอให้ทำตัวเนียน ๆ เฉย ๆ เหมือนตัวเองไม่ได้อ่านนะครับ
ก๊าก ๆ ๆ ๆ
อิอิ
จากคุณ |
:
อาคุงกล่อง
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 52 14:36:23
|
|
|
| |