Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หมอดินอาสาดีเด่น...ยึดอาชีพเกษตรผสมผสาน  

..........................สร้างชีวิตพอเพียงที่ปลอดหนี้

                         ถึงแม้ว่าภาคเกษตรในขณะนี้จะเป็นที่หมายปองของผู้ตกงานจำนวนมากที่อยากจะเข้ามาประกอบอาชีพเกษตรเป็นเจ้าของกิจการเอง ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร แต่ก็อยากให้ลองศึกษาหาความรู้ให้ดีก่อนที่จะเข้ามาสู่อาชีพนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากการเป็นเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ผ่านการเรียนรู้ลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาทั้งเรื่องภัยธรรมชาติ โรคแมลงศัตรูพืช ราคาผลผลิตตกต่ำ และปัญหาที่ดินทำกินอีกมากมายสารพัด สารพัน...
   
                         ดังนั้นเกษตรกรจึงต้องเป็นผู้ที่มีความอดทน มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พร้อมกันนี้ต้องเป็นผู้ที่ไม่หยุดนิ่ง ต้องมีการพัฒนาความสามารถของตนเองอยู่เสมอ เพื่อการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จอย่างแท้จริง
   
                         วันนี้เราภูมิใจเสนอ...เกษตรกรที่ฝ่าฟันอุปสรรคสามารถพลิกฟื้นผืนดินที่ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ให้กลายเป็นผืนดินที่เพาะปลูกพืชสร้างรายได้นับแสน ชีวิตมีความสุขไม่มีหนี้สินให้รำคาญหัวใจ
   
                         นายทำนนท์ แซ่ลี้ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 241/1 หมู่ 8 ต.หนองเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี จบ ป. 4  กล่าวถึงที่มาก่อนมาเป็นเกษตรกรเต็มขั้นว่า เดิมรับจ้างขับรถบรรทุกและเช่าที่ดินทำไร่อ้อย ช่วงนั้นก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อเก็บเงินไปซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง จนในที่สุดก็สามารถมีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่ใน อ.พนัสนิคม จำนวน 28 ไร่ ตั้งแต่ปี 2526 เริ่มแรกทำไร่มันสำปะหลังแต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จก็คิดว่าทำอย่างไรดีถึงจะมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองและครอบครัว จึงไปปรึกษาขอคำแนะนำจากสถานีพัฒนาที่ดินชลบุรี ทำให้ทราบว่า สภาพดินค่อนข้างเป็นทราย ดินมีอินทรียวัตถุต่ำ ธาตุอาหารพืชต่ำ ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และพื้นที่ในช่วงฤดูแล้งจะขาดแคลนน้ำมาก อีกทั้งปลูกพืชชนิดเดียวนั้นเสี่ยงต่อรายได้
   
                         หลังจากได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ว่าต้องให้ความสำคัญกับดินในพื้นที่เป็นลำดับแรก ก็ได้นำแนวทางมาปฏิบัติตั้งแต่การวางแผนการปลูกพืชให้หลากหลายเหมาะสมกับสภาพดิน มีการปรับปรุงบำรุงดินเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อลดต้นทุนการผลิต จนกระทั่งมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นปลูกพืชผักสวนครัว 3 ไร่ ปลูกไม้ผล มะม่วง ขนุน มะพร้าว 14 ไร่ ทำไร่มันสำปะหลัง 3 ไร่ ไม้ดอกไม้ประดับ 1 ไร่ ทำนาและบ่อปลา 3 ไร่ และส่วนของบ้าน 1 ไร่ หลังจากที่ทำแบบนี้พบว่าดินดีขึ้น ดินเริ่มอุ้มน้ำ พืชผลทนแล้งได้ยาวนานขึ้นคุณภาพ และผลผลิตก็ดีขึ้น ที่สำคัญยังลดต้นทุนการผลิตจากการลดใช้ปุ๋ยเคมีได้มาก
   
                         ต่อมาในปี 2544 ได้เริ่มทำเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง และได้จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรส่งเสริมการผลิตและการใช้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยพืชสด เพื่อปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่จนประสบความสำเร็จ มีการขยายผลสู่เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงจนได้รับการยอมรับ ถึงความสามารถ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมอดินอาสาประจำตำบล  ของกรมพัฒนาที่ดิน  มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ ของ
กรมพัฒนาที่ดินสู่เกษตรกรในพื้นที่ที่ดูแลรับผิดชอบ
   
                         ทุกวันนี้หมอดินทำนนท์ เพาะปลูกพืชผลแบบผสมผสานสร้างรายได้หมุนเวียนทุกเดือน รวมรายได้ทั้งปี 186,400 บาท เฉลี่ยเดือนละ 15,533 บาท ที่สำคัญไม่มีหนี้สิน มีฐานะความเป็นอยู่มั่นคงตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง รายได้หลักต่อปี ประ กอบด้วย  พืชผักปลอดสารพิษ  65,500 บาท มันสำปะหลัง 40,000 บาท ไม้ผลผสม 25,400 บาท ไม้ดอกไม้ประดับ 24,000 บาท กล้วย 15,000 บาท และจากการเลี้ยงปลา  5,000  บาท
   
                         นอกจากนี้ เขาก็ถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาที่ดินทั้งหมดในฐานะหมอดินอาสาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติสาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำปี 2552 ที่สำคัญพื้นที่ทำการเกษตรของเขาได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งมีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมจำนวนมาก
   
                         หมอดินทำนนท์ กล่าวอีกว่า ถ้าหากเกษตรกรหรือผู้สนใจที่เข้ามาเยี่ยมศูนย์เรียนรู้ของเขานั้นจะพบว่ามีการวางแผนการปลูกพืชหลายชนิดให้เหมาะสมกับสภาพดิน มีทั้งปลูกพืชผักสวนครัว  ไม้ผล พืชไร่ ได้รู้วิธีการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้ำ เช่น ปุ๋ยหมักจากสารเร่ง พด.1 น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่ง  พด.2  สารไล่แมลงจากสารเร่ง พด.7 การปลูกพืชปุ๋ยสดและสับกลบเป็นปุ๋ยพืชสดลดการใช้ปุ๋ยเคมี นอกจากนี้ มีการขุดบ่อน้ำในไร่นาเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้เสริมในช่วงฝนทิ้งช่วง ปลูกหญ้าแฝกรอบแหล่งน้ำและล้อมรอบพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ เป็นต้น
   
                         เกษตรกรหรือผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่อาชีพเกษตรที่กำลังมองหาแหล่งเรียนรู้แบบครบวงจร ก็ขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของหมอดินทำนนท์ แซ่ลี้ รับรองว่าท่านจะได้ข้อมูลและประ สบการณ์ดี ๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์และรางวัลการันตีมากมาย.


ที่มา  http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=346&contentID=14591

 
 

จากคุณ : ญี่ปุ่น35
เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 00:09:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com