ความคิดเห็นที่ 1 การหวีขน และตรวจสอบสุขภาพผิวหนัง ผู้ปกครองกระต่ายควรที่จะหวีขนที่น้องกระต่ายผลัดสัปดาห์ละครั้ง ระหว่างที่หวีขนก็ควรเช็คผิวกระต่ายเพื่อหารังแค เห็บและขี้เห็บ (เกล็ดเลือดเล็กๆเป็นจุดๆ เห็นได้ชัดในกระต่ายขนสีขาว) อึกระต่ายที่อาจติดกับขนกระต่าย รอยขีดข่วน และรอยแผลเปิด พยายามคลำว่ามีก้อนอะไร ที่ตัวกระต่ายหรือไม่ (ซึ่งอาจจะเป็นซีสต์ แผลอักเสบ หรือก้อนเนื้อ) เช็คก้นกระต่ายหาร่องรอยของ แผลฉี่หมักหมม (urine scald) หรือก้นเลอะเนื่องจากอุจจาระเหลว หากไม่พบอาการที่บอกข้างต้น ก็ควรเริ่มหวีขนน้องกระต่ายค่ะ โดยหวีที่ใช้มีสองลักษณะคือหวีซี่เล็กๆไว้หาเห็บ ซึ่งกระต่ายที่ได้ออกไปวิ่งข้างนอกหรือทานหญ้าแห้งจะมีโอกาสติดเห็บสูงกว่า กระต่ายที่อยู่ในบ้าน และหวีซี่ใหญ่ไว้ใช้แปรงขน สำหรับผู้ปกครองกระต่ายบางท่านที่มีเด็กที่ขนค่อนข้างจะเปื้อนง่าย หรือขนที่เป็นสังกะตังจากฉี่หรืออึของน้อง เพื่อนๆสามารถใช้แป้งข้าวโพดโรยเบาๆตรงบริเวณที่เปื้อนเพื่อไล่ความชื้น แล้วเอาหวีซี่เล็กแปรงสังกะตังออก โดยเอามือจับขนด้านผิวเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เราดึงแรงเกินไปค่ะ การแปรงขนกระต่ายนั้นต้องทำอย่างเบามือ โดยหวีไปในทางเดียวกันกับที่ขนขึ้นค่ะ หากทำแรงเกินไปจะทำให้ ผิวกระต่ายฉีก ได้ หู มองลึกเข้าไปในหูเพื่อดูว่ามีขี้หูสะสมหรือไม่ ดูว่าผิวภายในหูเป็นเกล็ดๆมั้ย หรือ หูมีลักษณะแดงและอักเสบซึ่งอาจจะเป็นพยาธิหรือ ear mites หรือเปล่า อย่าตกใจไปถ้ากระต่ายบางตัวอาจจะมีขี้หูเยอะกว่าเพื่อน ผู้ปกครองควรถามหมอว่ามีน้ำยาสำหรับทำความสะอาดหูของกระต่ายหรือไม่ สำหรับผู้ปกครองกระต่ายไกลบ้าน ในอเมริกาจะมีน้ำยาสำหรับทำความสะอาดหูโดยเฉพาะชื่อ OtiCalm สามารถหาซื้อได้ทั่วไปโดยไม่ต้องผ่านสัตวแพทย์ค่ะ ใช้โดยบีบน้ำยาเข้าไปในหูแล้วค่อยๆนวดตรงโคนหูให้ขี้หูอ่อนตัวประมาณหนึ่ง นาที แล้วน้องกระต่ายก็จะสบัดๆหู ขี้หูก็จะกระจายเลยล่ะค่ะ ควรที่จะใส่ชุดลำลองนะคะระหว่างทำขั้นตอนนี้ หลังจากนั้นก็ใช้คัตตอนบัทเช็ดขี้หูที่เหลือโดยปาดขึ้นออกข้างนอก เช็ดแล้วควรทิ้งคัตตอนบัทเลย ไม่ใช้เช็ดซ้ำๆเพราะจะทำให้เชื้อโรคกลับเข้าไปอีกค่ะ ถ้าน้องกระต่ายจัดอยู่ในจำพวกขี้หูสะสมแล้วละก็ ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งค่ะ แต่ถ้าดูแล้วหูด้านในดูแดงและอักเสบ ไม่ควรทำความสะอาดค่ะ น้องอาจจะเป็นพยาธิในหูและควรพาไปหาหมอให้ตรวจดูเพื่อความแน่ใจค่ะ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:18:00

ความคิดเห็นที่ 2 เท้าและเล็บเท้า เช็คส้นเท้ากระต่ายเพื่อดูว่าเป็นแผล (sore hocks) หรือไม่ แผล sore hocks จะมีลักษณะแดงและถลอก กระต่ายบางตัวจะมีแนวโน้มที่จะเป็น sore hocks มากกว่ากระต่ายตัวอื่นๆ ซึ่งบางทีน้ำหนักก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีอาการนี้ รวมไปถึงพื้นที่ีน้องกระต่ายกระโดดด้วย ดังนั้นจึงควรหาผ้าหรือพรมปูให้ในบ้านเสมอเพื่อไม่ให้น้องต้องกระโดดบนพื้น แข็งๆค่ะ เช็คดูเล็บเท้าว่าต้องตัดมั้ย จะตัดบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับกระต่ายแต่ละตัวค่ะ กระต่ายที่ได้ขุด ได้วิ่งเล่นเสมอๆอาจจะไม่ต้องตัดบ่อยเท่ากระต่ายที่ไม่ค่อยได้ขุด โดยรวมแล้วผู้ปกครองกระต่ายควรเช็คทุกๆ 4 ถึง 6 สัปดาห์ค่ะ กระต่ายที่ไว้เล็บยาวจนเล็บงอเข้านั้นจะวิ่งไม่ถนัดและจะเจ็บมากเพราะเล็บจะทิ่มเข้าไปในเท้าค่ะ ควรตัดส่วนสีขาวของเล็บห่างจากเส้นเลือด ซึ่งจะเห็นเป็นขีดชมพู กระต่ายที่มีเล็บสีดำจะดูได้ยากหน่อย ควรหาไฟมาส่องจากข้างล่างแล้วจะเห็นชัดค่ะ อย่าตกใจหากเพื่อนๆจะตัดไปโดนเส้นเลือดเป็นบางครั้ง ให้ใช้แป้งข้าวโพดนี่แหละค่ะห้ามเลือดได้ ร่องต่อมกลิ่นข้างก้น ผู้ปกครองกระต่ายควรเช็คสิ่งหมักหมมสะสมเดือนละครั้ง ให้ใช้คัตตอนบัทชุบน้ำมันแร่ (mineral oil) เช็ด หากมีสิ่งสะสมมากจนมันแข็งเป็นสีดำ ให้ใช้น้ำอุ่นเช็ดบริเวณนั้นเบาๆเพื่อให้มันอ่อนตัวเสียก่อน แล้วค่อยเช็ดออกด้วยคัตตอนบัท พึงระวังว่าผิวบริเวณร่องนี้บอบบางและฉีกได้ง่าย ดังนั้นควรเช็ดอย่างนิ่มนวลที่สุดค่ะ ควรเช็คบริเวณนี้ว่ามีก้อนเนื้อหรือไม่ด้วย จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:20:50

ความคิดเห็นที่ 3 ตาและจมูก เช็คว่าน้องกระต่ายมีขี้ตาหรือขี้มูกหรือไม่ ถ้ามีเช็คว่าสีอะไรและมากขนาดไหนเพื่อปรึกษาหมอ เช็คหาซีสต์หรือรอยข่วน (ซีสต์มักจะอยู่ตรงขอบตา ดังนั้นเวลาตรวจควรดึงเปลือกตาขึ้นลงด้วย เช็คว่าตาน้องกระต่ายใสมั้ย เปิดได้เต็มที่หรือไม่ หรือดูขุ่นมัว ตาแดง หรี่ตาบ่อยๆ หรือเปิดตาได้ไม่เต็มที่ ควรสังเกตว่ามีอาการจามไหม บ่อยแค่ไหน และมีน้ำมูกหรือเปล่าด้วยค่ะ ฟัน เหงือก และปาก เช็คว่าฟันน้องสบกันไหม มีซี่ไหนที่หักหรือบิ่นหรือเปล่า น้องน้ำลายไหลม้ัย ถ้าน้องคางเปียกอาจจะหมายความว่าน้องกระต่ายอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับฟันค่ะ สังเกตว่าน้องทานหญ้าได้ไหม น้อยลงหรือเปล่า ทานอาหารเม็ดได้ไหมหรือทานน้อยลงกว่าปกติ ฟันมีคราบอะไรหรือเปล่า เหงือกที่สุขภาพดีจะมีสีชมพูอ่อน และกลิ่นปากน้องจะไม่เหม็นค่ะ น้ำหนัก เช็คกับหมอว่าน้ำหนักที่ปกติของน้องกระต่ายของเพื่อนๆควรอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าต้องลดความอ้วน ควรปรึกษาสัตวแพทย์ว่าวางแผนให้อาหารแบบไหนจึงจะปลอดภัยที่สุด ในทางกลับกันก็ควรปรึกษาสัตวแพทย์อีกเช่นกันในกรณีที่ต้องเพิ่มน้ำหนักน้องกระต่าย เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากอาหารที่ทำให้น้ำหนักน้องกระต่ายเพิ่ม หรือลด ควรสังเกตว่าน้องกระต่ายมีการเพิ่มหรือลดน้ำหนักกะทันหันหรือไม่ และคุยกับสัตวแพทย์หากเกิดขึ้นค่ะ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:25:50

ความคิดเห็นที่ 4 วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ กอล์ฟหิวข้าวแล้ว แหะๆๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อเนอะ หัวข้อวันพรุ่งนี้ : ความอยากอาหาร ลักษณะของอึ ลักษณะของฉี่ การเคลื่อนไหวและการทรงตัว อุณหภูมิ เสียงแปลกๆที่ควรสังเกต สิ่งที่ผู้ปกครองกระต่ายควรมีติดบ้านในกรณีฉุกเฉิน (Bunny Emergency Kit) ไปทานข้าวก่อนนะค้า :) จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:28:56

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาชวนให้กดเซฟเข้าคลังกระทู้ค่ะ กระทู้มีประโยชน์มากๆ จิ้มเซฟไปแรงๆเลย อิอิ จากคุณ : เด็กหญิง_ลูกท้อ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:37:41

ความคิดเห็นที่ 6 จิ้มตรงไหนอ่ะค่ะ สมาชิกใหม่ยังเชยอยู่ค่า จากคุณ : iamnotwhatithinkiam เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:46:07

ความคิดเห็นที่ 7 Hellooo Khun Golf This is a good knowledge sharing. I hope I can go to workshop in SF one day. Unfortunately, I cannot find a good workshop like this in my city. :( I can't wait to read another topic tomorrow.Greeting to lovely Lop. ^_^ PS: So sorry I can't type Thai today Yumi's mama  ^_^ จากคุณ : มาม่าน้ำข้น เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 11:51:49

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณนะคะ พรุ่งนี้มาอัพต่อน๊า เก็บเข้าคลังแบบนี้เลยจ้า จากคุณ : หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 12:34:32

ความคิดเห็นที่ 9 ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : cinimania เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 12:43:10

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะ  สำหรับความรู้ดีดีค่ะ จากคุณ : luckycatty (luckycatty) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 13:05:43

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับ เกร็ดความรู้สาระดีๆ จากคุณ : ฮาชิมิสึ (ฮาชิมิสึ) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 13:30:26

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณจ้าคุณกอล์ฟ เพื่อนๆ กดเข้าคล้ง และกดโหวตด้วยนะจ้ะ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 13:51:48

ความคิดเห็นที่ 13   เยี่ยมเลยคับ จากคุณ : arodarin เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 14:33:36

ความคิดเห็นที่ 14 เอ้าิจิ้มเซฟแล้วมาอัพเดทต่อนะคะน้องกอล์ฟ กระทู้ถูกจายยยยยยย จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 17:16:49

ความคิดเห็นที่ 15   มีประโยชน์มากๆๆๆ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ และขออนุญาตคุณคนรักแมวตี๋ นำข้อมูลความรู้ดีๆแบบนี้ไปเผยแพร่ต่อด้วยนะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 19:35:57 จากคุณ : miss KK (เด็กหญิงลายจุด) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:12:01

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากๆค่ะ ^ ^ จากคุณ : ipod_nenaz เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 20:00:21

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวจะลองเปิดฟันตัวเล็กดู เคยเปิด แต่โดนถีบตลอดเลยอะค่ะ T^T จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 20:17:14

ความคิดเห็นที่ 18 เซฟแล้วค่ะ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 20:26:49

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากกกกกค่ะน้องกอล์ฟ ช่วยกดเซฟเข้าคลังกระทู้ด้วยค่ะ จากคุณ : pim(พิม) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 21:18:06

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากเลยค่ะ กำลังกังวลว่าเด็กน้อยจะเป็นแผลฉี่หมักหมมค่ะ บั้นท้ายเหลืองตลอดเลย พรุ่งนี้คงจะพาไปรพส.เกษตรค่ะ จากคุณ : แดดอ่อนๆตอนเช้าฯ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 21:30:33

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆมากมายค่ะ จากคุณ : แมวจรจัด เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 22:01:15

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากๆค่ะ ได้ความรู้เยอะเลย   แต่มีปัญหาตรงที่กระต่ายไม่ให้ความร่วมมือค่ะ  เวลาจะเช็คสุขภาพชอบวิ่งหนี จิกข่วน และหลบหน้าหลบตา  เรื่องนี้เป็นอุปสรรคในการตรวจสุขภาพจัง -_-'' จากคุณ : KOok_k เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 23:02:47

ความคิดเห็นที่ 23 รออ่านตอนต่อไปค่ะ ขอสารภาพอย่างไม่อาย  ว่าเวลาอุ้มลูกๆจะชอบจุ๊บๆเค้า บางคนก็ไม่มีกลิ่น  บางคนมีกลิ่นด้วยล่ะ  ตอนนี้ก็กลายเป็นคนติดสารเสพติด กลิ่นอึพวงองุ่น  ช่างหอมหวนจริงๆเลย แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 23:05:13 จากคุณ : Twining เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 23:04:36

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณคะ จากคุณ : Kellina เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 00:46:42

ความคิดเห็นที่ 25 เอาล่ะ เรามาต่อกันดีกว่านะคะ กอล์ฟไปให้อาหารสองสาวเรียบร้อยหละ ความอยากอาหาร ผู้ปกครองกระต่ายควรเช็คว่า น้องกระต่ายของเรานั้นมีความอยากอาหารน้อยลงหรือไม่ ถ้าดูผิดปกติ เช่นยัยล็อปป์ของกอล์ฟที่จะทำท่าทางตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ทานผัก วันไหนเธอดูเนือยๆขึ้นมาก็คงจะต้องเช็คดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าล่ะค่ะ ถ้าเห็นว่าน้องกระต่ายไม่ทานอาหารเลย และไม่สนใจขนมที่เราให้ด้วย โดยทำเมิน นั่งเฉย ซึม หลบอยู่ในกรง หรือเดินหนีอาหาร ไม่ยอมให้ป้อนอาหารด้วยแล้วล่ะก็ ควรพาไปหาหมอทันทีค่ะ ถ้าเห็นว่าอุณหภูมิของน้องต่ำอย่างรู้สึกได้เลย และจับท้องดูแล้วแข็งเหมือนมีลูกบอลอัดอยู่ รวมถึงเห็นน้องกระต่ายนั่งกัดฟันด้วยแล้วล่ะก็ อาจจะเป็นแก๊ซที่อัดแน่นในท้อง ควรพาไปหาหมอด่วนๆๆๆๆๆๆเลยล่ะค่ะ เพราะเป็นอาการที่น่ากลัวมากเนื่องจากถ้าปล่อยไว้นานเกินไป ถึงแม้จะไล่แก๊ซจากท้องได้แล้ว แต่ผลของการดันอาจจะส่งผลกระทบถึงระบบอวัยวะภายในของกระต่าย ทำให้น้องหัวใจล้มเหลวได้ค่ะ คนที่สอนบอกว่า การสังเกตอาการนี้แต่เนิ่นๆเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจากที่เค้าคุยกับหมอหลายๆคน ครึ่งหนึ่งของกระต่ายที่เข้ามาหาหมอด้วยอาการนี้เสียชีวิตจากผลกระทบ เช่นหัวใจวายหรือระบบไม่ทำงาน ไม่ใช่จากท้องอืดค่ะ อาการข้างต้นอาจจะเป็นอาการของ GI stasis หรือท้องอืดซึ่งสามารถเกิดกับกระต่ายได้ง่ายมากและเป็นโรคที่เป็นอันตรายต่อ ชีวิตของน้องๆมาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ถ้าเห็นมีอาการตามที่บอกข้างต้น อย่ารอนะคะ ให้รีบไปหาหมอเลยค่ะ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 10:53:29

ความคิดเห็นที่ 26 ลักษณะของอึ ควรสังเกตว่า อึของน้องกระต่ายแบบปกตินั้นลักษณะเป็นอย่างไร ขนาดเท่าไหร่ สีเข้มหรืออ่อนขนาดไหน เวลาพาน้องไปตรวจสุขภาพก็ควรเก็บตัวอย่างสดๆใส่ถุงไปด้วยค่ะ ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของขนาด สี กลิ่น หรือความแข็ง ดูว่าก้นน้องเปื้อนตลอดเวลาไหม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจจะต้องให้ผักน้อยลง ให้กินหญ้ามากขึ้น หรือให้ทานหญ้าอย่างเดียวตลอดทั้งสัปดาห์ ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างของอึ เช่นออกมารีๆ ดูบิดเบี้ยว มีขนเชื่อมอึหลายๆก้อน อึนิ่ม ท้องเสีย หรืออึเหลว เช็คดูว่ามีหนอนหรือพยาธิในอึหรือไม่ ถ้าปล่อยไว้อาจจะทำให้หนอนเข้าไปในผิวของกระต่ายและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ หนักกว่าได้ จึงควรกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ เช็คว่าอึมีเมือกหุ้มอยู่หรือไม่ ซึ่งอึแบบนี้จะเจอในกระต่ายที่เพิ่งหายจาก GI stasis ถ้าเห็นว่าน้องกระต่ายไม่อึ ดูคู่กับอาการซึม แขม่วท้อง กัดฟัน ไม่ทานอาหาร ถ้าเป็นแบบนั้นควรพากระต่ายไปหาหมอให้เร็วที่สุดค่ะ ลักษณะของฉี่ ดูว่าฉี่ใสมั้ย หรือดูขุ่น ขาวเหมือนนม หรือลักษณะออกทรายๆ กระต่ายจะฉี่ขุ่นบ้างเป็นปกติ แต่ถ้าดูแล้วมากเกินไปก็อาจจะเป็นสัญญานเตือนภัยก็ได้ค่ะ ถ้าฉี่กระต่ายสีแดงแต่ดูว่ากระต่ายไม่ต้องเบ่งฉี่ออกมา อาจจะเป็นที่อาหารที่กระต่ายทานเข้าไปค่ะ อย่างแครอทจะทำให้ฉี่สีออกส้มได้ ควรเช็คว่าฉี่ไม่มีลักษณะข้นเหมือนยาสีฟัน หรือถ้าดูว่ากระต่ายต้องเบ่งตอนฉี่และดูเจ็บๆ ควรดูว่ามีเลือดปนออกมามั้ย ถ้ามีควรพาไปหาหมอด่วนค่ะเพราะกระต่ายอาจจะเป็นนิ่วได้ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 10:58:18

ความคิดเห็นที่ 27 การเคลื่อนไหวและการทรงตัว ควรสังเกตเวลาน้องกระโดดว่าดูแปลกไปจากปกติมั้ย หรือไม่สามารถกระโดดขึ้นโซฟาหรือกล่องอย่างที่เคยทำ เวลากระต่ายอายุมากขึ้นก็อาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อมากขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรหาผ้าหรือพรมปูให้เค้าได้กระโดดค่ะ ลองดูว่าการทรงตัวของกระต่ายเป็นยังไง เดินขากะเผลกมั้ย เดินคอเอียงหรือไม่ เช็คว่าขาหลังเริ่มแบออกหรือเปล่าด้วยค่ะ ถ้าน้องกระต่ายคอเอึยงอย่างเห็นได้ชัด กลิ้งไปมา มีการทรงตัวที่แย่มากจนเดินไม่ได้ ควรพาไปหาหมอด่วนค่ะเนื่องจากว่าอาจจะเป็นการติดเชื้อในหู หรือเป็นปัญหาด้านระบบประสาท ยิ่งไปหาหมอเร็วเท่าไร เราจะรู้และเริ่มรักษาได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้เชื้อลามไปที่อื่น ยิ่งรักษาช้าเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นอันตรายมากเท่านั้นค่ะ อุณหภูมิ ควรจับหูกระต่ายว่าร้อนหรือเย็นผิดปกติมั้ย อุณหภูมิปกติของกระต่ายจะอยู่ที่ 100 - 103 องศาฟาเรนไฮท์ค่ะ (ใครช่วยแปลงเป็นเซลเซียสที) ถ้าอุณหภูมิมากกว่า 104 หรือตำ่กว่า 100 ถือว่าไม่สบายค่ะ แต่ยังไงตอนพาน้องไปเช็คร่างกายควรให้หมอวัดอุณหภูมิตอนปกติให้ว่าเท่าไหร่ ด้วยค่ะ เพราะอาจจะมีกระต่ายบางตัวที่อุณหภูมิปกติสูงหรือต่ำกว่าชาวบ้าน น้องกระต่ายที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติจะน่ากลัวกว่ากระต่ายที่อุณหภูมิสูงกว่า ปกติค่ะ เพราะมันหมายความว่าระบบภายในของน้องกระต่ายกำลังล้มเหลว ให้พาไปหาหมอด่วนค่ะ ตอนเดินทางควรหาผ้ามาห่มให้ และควรหาถุงน้ำร้อนติดบ้าน เอาผ้าห่อถุงน้ำร้อนแล้วก็วางน้องกระต่ายทับก่อนที่จะห่อด้วยผ้าอีกทีค่ะ การให้ความอบอุ่นกับกระต่ายที่อุณหภูมิตกเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะคะ การที่น้องจะตัวเย็นขนาดนั้นอาจจะมาจากสาเหตุหลายๆอย่าง เช่น บาดเจ็บรุนแรง ช็อค ท้องอืด ระบบทางเดินอาหารไม่ทำงาน ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นกรณีฉุกเฉินทั้งสิ้นค่ะ ส่วนที่อุณหภูมิสูงอาจจะเป็นเพราะติดเชื้อ หรือมีแผลอักเสบตรงไหน ซึ่งอาจจะไม่ใช่กรณีฉุกเฉินเท่าข้างต้นแต่ก็ควรพาน้องไปหาหมอเช่นกัน นอกจากนี้ยังควรระวัง heat stroke ด้วยค่ะ หากหูกระต่ายร้อน เห็นน้องนั่งซึมแล้วล่ะก็ ควรหาถุงเย็นมาวางให้เค้า และเอาน้ำลูบหูเพื่อลดอุณหภูมิค่ะ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:05:08

ความคิดเห็นที่ 28 เสียงแปลกๆที่ควรสังเกต อย่างที่ผู้ปกครองกระต่ายทราบกันดีค่ะว่า กระต่ายบางตัวนั้นก็ช่างพูดช่างคุยเหลือเกิน ที่เราควรระวังคือเสียงที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ เช่นทำเสียงเจ็บเบาๆเวลาอุ้ม เป็นต้น เราควรสังเกตว่ากระต่ายมีเสียงกัดฟันแรงๆเร็วๆหรือไม่ นั่งท่าแม่ไก่ควบคู่ไปด้วยหรือเปล่า ลองเอาหูแนบกับท้องดูค่ะ ว่ามีเสียงดังจากกระเพาะมั้ย หรือไม่มีเสียงอะไรเลย ที่ปกติคือได้ยินแต่ไม่ใช่ดังมากค่ะ ถ้าเป็นไปได้หาที่ฟังของหมอมาใช้ก็น่าจะสะดวกดีนะคะ แต่ตอนนี้กอล์ฟก็ใช้วิธีนอนฟังท้องของสองสาว ก็จะได้ยินเสียงครืดคราดๆๆน่ะค่ะ ถ้าดังเกินไปนี่คืออยู่ห่างๆยังได้ยินค่ะ สิ่งที่ผู้ปกครองกระต่ายควรมีติดบ้านในกรณีฉุกเฉิน (Bunny Emergency Kit) - critical care ถ้าไม่มีให้ใช้อาหารเด็กรสฟักทองบด - หลอดฉีดยาอันใหญ่ๆไว้ป้อน critical care - หลอดฉีดยาอีกอันไว้ป้อนน้ำ - ถุงน้ำร้อน ถุงเย็น ผ้าห่ม - ถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะมี thermometer เสียบก้นแบบที่ปลายมันยีดหยุ่นได้น่ะค่ะ อันนี้กอล์ฟไม่กล้าอ่ะ ยังไงพอถึงเวลาฉุกเฉินจริงๆก็คงบึ่งไปหาหมอเลยเพราะอยู่ใกล้ แต่ถ้าใครกล้าเสียบกอล์ฟก็ว่ามันดีนะที่จะได้รู้อุณหภูมิของน้องเค้าน่ะค่ะ - ถ้ามี thermometer ก็ต้องหา KY Jelly มาด้วยค่ะ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:07:16

ความคิดเห็นที่ 29 จบและ จริงๆแล้วมีเรื่องยาอีกเยอะเลยล่ะค่ะ ว่ายาอะไร ใช้ยังไง ทำอะไรบ้าง แต่กอล์ฟว่าพอมีกรณีฉุกเฉินจริงๆ เราไปหาหมอดีที่สุดค่ะเพราะท้ายที่สุดแล้วหมอจะรู้ดีที่สุดว่าน้องเค้าเป็นอะไร ยังไงก็หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ เอาไปเผยแพร่ได้ค่ะ แค่ขอช่วยให้เด็กๆของเพื่อนๆอยู่ด้วยกันได้นานๆ กอล์ฟก็ดีใจมากๆแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่อ่านและคอมเม้นต์นะคะ ^^ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:09:05

ความคิดเห็นที่ 30 ถูกใจที่มากมายค่ะ มากดเซฟด้วยคน จากคุณ : เมนูอร๊อย อร่อย เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:42:14

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย จากคุณ : นังแจ๋วของลูก เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 18:02:51

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณค่ะ  สำหรับความรู้ดีดีภาคสองค่ะ จากคุณ : luckycatty (luckycatty) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 20:12:45

ความคิดเห็นที่ 33 เพิ่งจะเห็นกระทู้ อุณหภูมิปกติของกระต่ายจะอยู่ที่ 100 - 103 องศาฟาเรนไฮท์ คือ 37.77-39.44 องศาเซลเซียสค่ะ ร้อนกว่าคน นิดหน่อย จากคุณ : techtonic เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 15:44:08