Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แบ่งปันความรู้ที่ได้จากงานสัมมนา ARBA จ้า  

ถึงเจินจะไม่ได้มาเล่นบอร์ดนี้บ่อยๆ แต่บอร์ดนี้ก็เป็นบอร์ดแรกที่เจินเริ่มศึกษาหาความรู้เรื่องกระต่าย ตอนนี้ได้ไปสัมมนาได้ความรู้ใหม่ๆมา ก็เลยอยากจะเอาความรู้มาเผยแพร่ในบ้านเกิดมั่งจ้า

ก่อนอื่นขอบ่นสักนิดก่อนงานเริ่มตอน 10 โมงตรง ..............แต่พี่ไทยก็มากันครบตอน 10.40 น.
ตอน 10 โมงมากัน 4-5 คนได้ไม่รวมคณะจัดงาน เลยทำให้เวลาเลิกเลทไปเกือบชั่วโมง ข้อมูลช่วงหลังๆคณะกรรมการเลยเร่งๆ เพราะเขาก็จะรีบกลับไปทำธุระของเขาเหมือนกัน ก็ถือว่าน่าเสียดายนะคะ เพราะว่าคณะกรรมการ ARBA แกไม่ได้มาทุกปี ทางผู้จัดบอกว่า ค่าใช้จ่ายสูงเพราะต้องออกให้หมดทั้งค่าเครื่องบินที่พักต่างๆนาๆ พอมาแล้วเจอพี่ไทยเลทกินชั่วโมงค่าตัวแกแบบนี้แกคงอยากจะมาอีกมั้ง? ไม่ได้จะบ่นมากแต่กระทุ้งให้คิดค่ะ โตๆกันแล้ว(นี่ล่ะตัวดีเลยโตๆกันแล้ว - -")

มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ เห็นป๋ารักบอกว่า สำหรับคนที่ไม่ได้มาอาจจะมีวีซีดีออกมาขาย แต่ไม่รู้ว่าอีกนานหรือเปล่า ยังไงซะคิดว่าเอาข้อมูลที่ควรรู้มาให้เพื่อนๆทราบกันก่อนดีกว่า เท่าที่เจินจำได้นะคะ

ช่วงแรกก็เป็นการแนะนำ ARBA รายละเอียดคร่าวๆดังนี้
- ค่าสมัครสมาชิก 20 ดอลลาร์ ถ้าค่าเงินตอนนี้ก็ราว ๆ 700 กว่าบาท สมาชิกทุกคนจะได้รับนิตยสาร ทุก 3 เดือน และได้สิทธิ์ซักถามกับคณะกรรมการในบอร์ดหรือทางอีเมลโดยตรง

- ค่าหนังสือคู่มือมาตฐาน 20 ดอลลาร์ ถ้ารวมค่าขนส่งมาไทยก็ราว 1000 บาท ในหนังสือนี้จะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับกระต่าย เช่น พันธุ์ที่รับรอง น้ำหนักที่เหมาะสม ขนาด การโพสต์ สี และความผิดปกติต่างๆ เช่น ฟันเก ขาแปเป็นอย่างไร อันนี้รายละเอียดเท่าที่จำได้ เปิดอ่านแปปเดียวจ้า หนังสือเล่มนี้จะเรียบเรียงใหม่ทุกๆ 5 ปี

- การจะนำกระต่ายลงประกวด ARBA ได้ ตัวกระต่ายต้องมีประวัติทางพ่อและแม่ที่มีเลขสักหู อย่างน้อย 3 รุ่น(เพิ่มเติม : การประกวดกระต่ายที่ ARBA รับรอง ถ้ากระต่ายได้รางวัลชนะเลิศ 1 ครั้งจะนับเป็น 1 LEG เมื่อครบ 3 LEG ก็จะสามารถนำกระต่ายไปลงทะเบียนเป็น แกรนแชมป์(GC)ได้จ้า)

- จากนั้นแกก็แนะนำตัวเอง ถึงประสบการณ์เลี้ยงกระต่าย และรางวัลต่าง ๆ ก่อนที่จะได้เป็นคณะกรรมการ
ลุงจอร์จนี่จำไม่ได้ แต่ลุงจิมจำได้แม่น(สูงๆมีหนวด)เพราะแกเป็นคนเลี้ยงมินิเร็กซ์ตัวเอ้เลย แกเลี้ยงมินิเร็กซ์ ร่วม 300 ตัว ปัจจุบันทำเป็นฟาร์ม

- จากนั้นก็เริ่มแนะนำลักษณะที่ถูกต้องของกระต่ายแต่ละสายพันธุ์ว่าลักษณะที่ดีเป็นอย่างไร ขนสีตามมาตรฐาน ลักษณะที่ดีและไม่ดี จากนั้นก็สอนวิธีการโพสต์เวลาประกวด เริ่มจากมินิเร็กซ์ ถ้าจำไม่ผิด
- ขาต้องวางบนพื้นแบบเต็ม ๆ ไม่ใช่แบบไม่เต็มเท้า ยกตัวอย่างเช่น กระต่ายที่ไม่ได้ตัดเล็บ จะยืนไม่เต็มเท้าเพราะติดเล็บอะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นใครที่จะนำกระต่ายลงประกวด ควรจะหมั่นตัดเล็บให้กระต่ายยืนโพสต์ได้เต็มที่จ้า
- การโพสต์โดยคร่าวๆ ปลายขาหลังควรตรงกับส่วนของหลังที่สูงที่สุด ปลายขาหน้าควรจะตรงกับตา การฝึกโพสต์ท่าควรจะเริ่มฝึกตั้งแต่ 6 สัปดาห์เพื่อให้กระต่ายคุ้นเคย และแต่ละพันธุ์โพสต์ไม่เหมือนกัน ถ้าใครสนใจจะส่งลงประกวดคงต้องรอวีซีดี หรือลอง pm มาถามเจินดูค่ะเป็นสายพันธุ์ไป ถ้าจำได้และมีจดไว้จะตอบให้จ้า

- ต่อมาก็เป็นวิธีการเลี้ยงกระต่ายที่ถูกวิธี
- น้ำดื่ม ต้องเป็นน้ำที่สะอาด นั่นก็คือ น้ำอันไหนที่เราไม่ดื่มอย่าให้กระต่าย ต้องเป็นน้ำเปล่าเท่านั้นนะคะไม่ใช่โค๊ก  เปลี่ยนน้ำทุกวันด้วย
- อาหารไม่ควรค้างเกิน 24 ชม. เช้ามามีอาหารเหลือต้องเททิ้ง (เพิ่มเติม : การให้อาหารในฟาร์มของลุงจิม แกบอกว่าแกให้กระต่ายเวลาเดียวคือตอนสองทุ่ม กระต่ายแต่ละตัวปริมาณการคิดไม่เท่ากัน แกจะให้จนกว่ามันจะไม่กระดี้กระด๊าขออาหารอีก อาหารของแกเป็นอาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว)
- ต่อจากข้อก่อนหน้า ที่ว่าลุงจิมให้อาหารเม็ดอย่างเดียว เจินก็เลยถามแกว่า
เจิน : ที่เมืองไทยว่ากันว่า ถ้าให้อาหารเม็ดอย่างเดียวฟันจะยาว แล้วทางกระต่ายของแกไม่ยาวบ้างหรือ?
ลุงจิม : ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเวลากระต่ายเคี้ยว ฟันมันก็กระทบกันทำให้สึกตามธรรมชาติอยู่แล้ว คนบางคนจะให้ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต หญ้าแห้ง หรืออะไรก็ได้ มันโอเคหมดล่ะ แต่ถ้ากลัวกระต่ายมีปัญหาฟันยาว ก็ลองหาลูกบอลไม้ หรือไม้อะไรมาให้เขาแทะลับฟันไป เพียงแต่ว่า อาหารควรจะให้ที่คิดว่าดีที่สุด อย่างของลุงใช้ยี่ห้อ PURINA ซึ่งเป็นอาหารที่อเมริกาทำการทดลองแล้วพบว่าดีที่สุด

- อาหารควรมีไฟเบอร์กี่เปอร์เซนต์ ลุงจิมตอบว่า ลุงไม่รู้หรอกว่ามันกี่เปอร์เซนต์ แต่เราสามารถดูที่ตัวกระต่ายว่าสุขภาพดีและมีความสุขก็เพียงพอแล้ว เวลาลุงไปฟาร์มคนอื่น ลุงไม่สนใจหรอกว่าเขาจะให้อาหารอะไร แต่กระต่ายมีสุขภาพที่ดีและดูมีความสุขแค่นี้ก็พอ

- เจินก็ถามเรื่องเกี่ยวกับเท้าของมินิเร็กซ์ที่มักจะเป็นแผล
เจิน : ฟาร์มของลุงจิมมีมินิเร็กซ์ที่เท้าเป็นแผลบ้างไหม ปัญหานี้เจอเยอะมากในกระต่ายพันธุ์นี้
จิม : ที่ผมเลี้ยงมาไม่มีตัวไหนที่เป็นเลย มันน่าแปลกที่พอผมขายกระต่ายให้กับคนอื่น พวกเขากลับบอกมาว่า กระต่ายของพวกเขามีแผลที่เท้าเกิดขึ้น ถ้าจะสรุปก็คือ น่าจะเป็นจากลักษณะการเลี้ยงดูมากกว่า เช่น การเลี้ยงบนพื้นที่ เรียบ ๆลื่นๆ ก็มีส่วน ซึ่งมันไม่ดีกับกระต่ายเลย และกระต่ายจะบาดเจ็บที่หลังได้ง่ายด้วย
เจิน : ถ้าอย่างนั้นพื้นแบบไหนที่เรียกว่าดี?
จิม : พื้นไม้ พื้นลวด(เพิ่มเติม : หากพื้นเป็นลวดควรจะมีสักจุดหนึ่งที่วางผ้านิ่มๆไว้ให้เขาพักเท้า) หรือพื้นที่ไหนก็ได้ที่มือเราวางลงไปแล้วรู้สึก โอเค ไม่สบายมือก็ไม่โอเค
เจิน : minirex ตัวเมียมีเหนียงในการประกวดเป็นที่ยอมรับได้มั้ย ?
จิม : ได้แน่นอน ตัวเมียทุกตัวมีเหนียง อย่างตัวที่นำมาโชว์เป็นกระต่ายที่ยังไม่โตเต็มที่แต่พวกเขาก็มีเหนียงถึงจะเล็กก็ตาม แต่ถ้ามีเหนียงใหญ่แล้วขนที่ก้น(skirt)ไม่แน่น แบบนั้นก็ไม่ดี

- จากนั้นแกก็แนะนำวิธีเอาขนส่วนเกินออก ก็คือ แตะๆน้ำพอให้มือชื้น แล้วลูบๆที่ตัวกระต่าย แค่นี้ขนก็ออกมาแล้ว แต่อย่าให้ตัวกระต่ายเปียก ซึ่งเป็นเทคนิคที่เตรียมขนก่อนการประกวด มินิเร็กซ์สามารถทำได้ทันที แต่พันธุ์อื่นต้องทำการแข่งสักชั่วโมง

- จากนั้นก็สอนวิธีการอุ้มที่ถูกวิธี นั่นก็คือ เอามือช้อนบริเวณท้อง แล้วอีกมือจับก้นของกระต่าย อุ้มเข้ามาแล้วให้หน้ากระต่ายจิ้มซอกรักแร้เรา(แต่จริงๆจิ้มบริเวณข้างเอว)แล้วเอามือลูบปิดบริเวณหัว กระต่ายจะรู้สึกผ่อนคลาย แต่วิธีที่รวบหนังแล้วดึงขึ้นมานั้นไม่โอเค กระต่ายจะกลัว ซึ่งคนไทยคิดว่าท่านี้ถูกที่สุด แม้แต่หมอยังอุ้มแบบนี้เลย

- วิธีดูเพศ มีคนถามว่าจะดูเพศกระต่ายเด็กกระต่ายทารกได้อย่างไร ลุงจิมตอบว่า แกที่เลี้ยงกระต่ายมาร่วม 16 ปี ยังฟันธงผิดเลยเรื่องเพศของกระต่ายเด็กและทารก ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ควรจะดูตอน 4 เดือนขึ้นไป หรือ ดูตอน 2 เดือน แล้วดูซ้ำอีกทีตอน 4 เดือน

- กระต่ายโชว์หรือสำหรับประกวดนั้น โดยรวม ARBA จะดูที่ความสมดุลของร่างกายโดยรวม เรื่องสีเป็นจุดที่ให้ความสำคัญน้อย (10/100) เช่น HL บางคนก็บอกว่า หัวใหญ่ๆ หน้าใหญ่จะดี ซึ่งมันก็ดี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หัวใหญ่แต่ไม่สมดุลกับตัวก็ถือว่าไม่โอเคเช่นกัน เราเน้นตัดสินที่ความบาลานซ์ ทุกพันธุ์

- ND แตกต่างกับโปลิช อย่างไร
- ND ลักษณะที่ดีนั้น หัวต้องกลม ไม่ว่างจะมองที่มุมไหนก็ตาม หูสั้นไม่เกิน 2 นิ้ว(เพิ่มเติม : ไม้บรรทัดที่วัดนั้นเริ่มต้นที่ 0 เลยไม่มีค่าเผื่อก่อนถึง 0 สรุปก็คือต่างจากไม้บรรทัดทั่วไปที่มีค่าเผื่อ โดยวัดจากกลางหูทั้งสองข้าง หรือจิ้มลงระหว่างหูทั้งสองข้างนั่นแหล่ะ)ถ้ามีจุดสีฟ้าในตา ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ดี หูต้องสั้นและหนาด้วย
- โปลิช ลักษณะตรงกันข้ามกับ ND ถ้าเอ็นดีหน้ากลม โปลิชจะออกยาวหน่อย ตัวจะไม่กลมสมดุลไปทั้งตัวเหมือนเอ็นดี คนส่วนมากคิดว่า จะพัฒนาโปลิชให้หัวกลมโตเหมือนเอ็นดี จึงนำเอามาผสมกัน แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิด เพราะตามสายพันธุ์โปลิชไม่ควรจะกลมๆเหมือนเอ็นดี

- จากนั้นเจินก็ถามเรื่องหู และ ขน
เจิน : ที่เมืองไทยเข้าใจกันว่า ถ้าเลี้ยงกระต่ายในห้องแอร์จะทำให้ขนหนาและหูสั้น จริงหรือเปล่าค่ะ?
จิม : ไม่เกี่ยวกันเลย ที่อเมริกาก็มีรัฐที่ร้อนกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำในบางฤดูกาล และก็มีที่ๆเย็นมากๆ แต่กระต่ายก็ไม่ได้หูสั้นหรือยาวขึ้นแต่อย่างใด เรื่องขนก็เช่นกัน เพียงแต่ถ้าอากาศร้อนเขาจะผลัดขนเรื่อยๆ จึงไม่เห็นว่ามันหนา แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะเริ่มแรกว่า หูจะสั้นยาว ขนจะบางหรือหนานั้น มาจากพันธุกรรมล้วนๆ สภาพแวดล้อมไม่เกี่ยว
เจิน : ขอความรู้เรื่องการให้ Show bloom หน่อยค่ะ
จิม : Show bloom บรีดเดอร์บางคนเขาก็ให้ ซึ่งผมว่ามันก็โอเค แต่ฟาร์มผมไม่ได้ใช้


- ควรจะให้แม่พันธุ์เริ่มผสมพันธุ์หลังจากคลอดลูกเมื่อไร
6 สัปดาห์หลังจากคลอดลูก ถ้าจำนวนลูก 1 - 2 ตัว
8 สัปดาห์หลังจากคลอดลูก ถ้าจำนวนลูก 3- 4 ตัว
* ขึ้นอยู่กับขนาดของลูกกระต่ายด้วย
อย่างไรก็ตาม แม่กระต่ายจะสามารถผสมพันธุ์ได้ทันทีหลังจากคลอดได้ 5 วันแต่นั่นถือว่าไม่ดีมากๆกับตัวแม่กระต่ายและลูกกระต่ายเอง

- พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์เมื่อไรที่ควรจะปลดระวาง
- จนกว่าจะขึ้นไม่ไหว หรือ เมื่อเห็นว่า ลูกออกมาตัวเล็กกว่าที่เคยเป็น สำหรับมินิเร็กซ์ประมาณ 4 ปี
- จากนั้นก็มีคนถามเกี่ยวกับเลือดชิด (พ่อผสมลูก พี่ผสมน้อง)
จิม : เรื่องนั้นผมก็ทำอยู่ แต่ว่า ต้องนำตัวที่สมบูรณ์ กับตัวที่สมบูรณ์เท่านั้นมาทำ ถ้าสมบูรณ์ตัวหนึ่งผสมกับตัวที่มีลักษณะด้อย ซึ่งแน่นอน ลักษณะต้องออกมาด้อยอยู่แล้วแบบนั้นก็ไม่ควรทำ
ในฟาร์มของผม ตัวเมียประมาณ 22 ตัว ตัวผู้ 11 ตัว เป็นพี่น้องกันหมด แต่ทุกปีผมจะซื้อ ตัวผู้เข้ามาในสาย 1 ตัวจากฟาร์มภายนอก เพื่อทำให้เกิดเลือดใหม่ขึ้น ซึ่งวิธีการนี้ผมผสมการทั้งหมด 6 รุ่น ลูกออกมา 60 -70 เปอร์เซนต์เป็น ระดับโชว์
คนอื่น : แล้วจะผสมกี่รุ่นถึงจะรู้ว่าควรจะพอ
จิม : ความจริงแล้วก็บอกไม่ได้ว่ากี่รุ่น แต่ถ้าคุณผสมแล้วออกมาดีเลย คุณก็ไม่ควรผสมอีก และทางผมก็จะลองให้ตัวผู้กับตัวเมีย สลับกันผสมเพื่อดูว่า คู่ไหนเข้ากันได้มากที่สุด ถ้ายังไม่ได้ก็ให้ตัวเมียเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอคู่ที่ดีที่สุด

จบสิ่งที่จำได้เพียงเท่านี้จ้า กระต่ายที่เขาเอามาแนะนำลักษณะที่ดีไม่ดีมีดังนี้ Holland Lop, minirex, ND,Polish , pertish-ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกรึเปล่า แต่ดุโครตๆ ,Dutch

ปล. เนื่องจากมีหลานของเจินตัวหนึ่ง มีลักษณะฟันเก คือฟันบนตรงแต่ฟันล่างยื่นออกมา ซึ่งเจินงงมาก วันแรกๆดูแล้วไม่เป็นไร ก็เลยลองถามลุงจิมแกดู ว่า

กระต่ายคู่นึงพ่อแม่ฟันดีออกลูกมา 7 ตัว มี 1 ตัวฟันเก สมควรจะให้คู่นี้ผสมกันต่อมั้ย

ซึ่งแกตอบว่า ไม่น่าจะเป็นจากพันธุกรรม มันน่าจะเป็นอุบัติเหตุมากกว่า แล้วเจินก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งนึงเอามันมาป้อนนมบนหลังกรงเบอร์สองแล้วไม่ทันระวังมันเลยกลิ่งตกกรงไปนอนแบะกับพื้น

จากนั้นคุณกุ้งก็เข้ามาพูดคุย เขาบอกว่า แบบนี้ตัดฟันไปเรื่อยๆฟันก็จะสบกันดีเอง แกก็เลยอาสาตัดฟันให้ ขอบคุณมากๆค่า

ปล. ยาวมาก ถ้าเวลามีมากพอนี่กะจะถามรัวยิงแกให้ไส้แตกเลยนะเนี่ยจะได้คุ้ม 500 บาท

เพิ่มเติมอีกอย่างค่ะ เพิ่งนึกออก

มีคนถามว่า ถ้าให้อาหารเม็ดอย่างเดียวเหมือนที่ลุงจิมให้ กระต่ายจะไม่เบื่ออาหารเหรอ ?

ลุงจิมตอบว่า มันก็เหมือนกับพวกวัวที่กินหญ้านั่นละ วัวมันเคยเบื่อหญ้ามั้ยมันก็กินทุกวัน แต่ถ้ากลัวเบื่อคุณจะให้ขนมกระต่ายก็ได้นะ แต่นิดหน่อยเท่านั้น อย่าให้เยอะเหมือนข้าว ก็ลองนึกว่าภาพ คุณยื่นไอศกรีมให้เด็ก กับยื่นอาหารคุณภาพที่ดีๆให้เด็กนั่นล่ะ

เพิ่มเติม 2 : พ่อและแม่ ถ้าสวยทั้งคู่ ความเป็นไปได้สูงที่จะออกมาสวย แต่ก็มีเหมือนกันที่ออกมาขี้เหร่ ในขณะเดียวกัน พ่อสวย และแม่ขี้เหร่ ลูกออกมาระดับโชว์เลยก็มี ดังนั้น ลุงจิมแนะนำว่า ให้จับคู่สวิงกิ้งไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอคู่ที่เหมาะสมกันจะดีที่สุดจ้า

จากคุณ : เซซาเร่
เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 11:12:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com