Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
--[กำเนิด................. จอมมาร!!!]--  

จากที่เล่าเรื่องราวของคุณนายคะน้าไปแล้ว

http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J8252019/J8252019.html

มีเพื่อน ๆ หลายท่านงงว่าแมวที่ชื่อ "ผักกาด" มาจากไหน มาได้ยังไง
มันงอกมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือเปล่า เนื่องจาก คะน้า เป็นหมัน มีลูกไม่ได้แล้ว
ผมจึงพามาแนะนำให้ได้รู้จักไอ้จอมมารตัวนี้กันครับ!!!




นับถอยหลังไปเมื่อกลางปีที่แล้ว (นานจัง T_T)
ผมไปเดินเล่นที่สวนจัตุจักร แล้วไปพบเจอเข้ากับ เพื่อน ๆ กลุ่มนึง
ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสมาชิกในห้องนี้แหล่ะ เอาแมวไปหาบ้านอยู่ที่นั่น ตรงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน...

ผมไปยืนเมียง ๆ มอง ๆ ด้วยความกระสันต์ อยากได้ลูกแมวกลับไปเลี้ยงซักตัว
ก็ได้แต่ท่องไว้ในใจว่า อย่านะเมิง เป็นเรื่องนะเมิง คุณนายคะน้าตัวเดียวก็นรกพออยู่แล้ว
ขืนเอากลับไปอีกตัวมีหวังนรกแตกแน่ ๆ ไหนจะแม่อีกล่ะ ตัวเดียวแกก็บ่นจนหูผมจะหนวกอยู่แล้ว
(ทั้งที่ไอ้ตัวเดียวของแกน่ะ แกเป็นคนเก็บมันมาเองด้วยซ้ำ ไม่เกี่ยวกับผมซักกะติ๊ด T_T)

เอาตัวรอดจากสายตาแอ๊บแบ๊วของบรรดาแมว ๆ ทั้งหลายมาได้ โดยมีสายตาอาฆาต จากไอ้แมวใส่เสื้อตัวยักษ์
ที่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนกล่อง ประมาณว่า "ทำไมเอ็งไม่เอาน้อง ๆ ข้ากลับไปด้วยซักตัววะ ไอ้โย่ง!!!"

ก็ได้แต่ส่งกระแสจิตตอบกลับไปว่า "ไว้ว่าง ๆ เอ็งไปเจอแม่ข้าซักครั้งแล้วเอ็งจะเข้าใจ"

พูดถึงแมวยักษ์ตัวนั้น จากการคาดคะเน ตัวมันใหญ่กว่าคุณนายที่บ้านแน่ ๆ
แต่เชื่องกว่าเยอะ ไม่ตื่นคนอีกต่างหาก นอนนิ่ง ๆ ให้ใครก็ได้มาลูบ มาจับ
ไม่เหมือนคุณนาย นอนนิ่ง ๆ ก็จริง แต่ถ้าแปลกหน้าเมื่อไหร่ เป็นวิ่งหนีหูตูบ หางตก

เคยตามหาคุณนายทีนึงตอนมีแขกมาที่บ้าน (แขกในที่นี้หมายถึงผู้มาเยี่ยม มิได้หมายถึง แขกที่ขายถั่วแต่อย่างใด)
คุณนายวิ่งจุ๊ดดด ขึ้นไปข้างบน แต่บรรดาแขกเหลื่อทั้งหลายที่มา มีความต้องการเห็นแมวสามสีที่มีนามว่า คะน้าซักครั้ง

จึงเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปลากตัวคุณนายลงมาให้คนดูให้ได้
คุณนายคงสำคัญตัวเองผิด คิดว่าตัวเองเป็นหมีแพนด้า ที่มีแต่คนอยากดู จึงเล่นตัวสุดฤทธิ์
ผมก็หาตั้งนาน มันหายตัวไปไหน ห้องแม่ก็ไม่มี ห้องผมก็ไม่มี ห้องน้ำก็ไม่มี

กว่าจะรู้ว่า คุณนายไปหลบอยู่หลังทีวี ซึ่งมีที่อยู่ติ๊ดเดียวก็เล่นเอาเหงื่อตกกีบ
สายตาของคุณนายตอนที่เห็นหน้าผม ประมาณว่า

"ช่วยด้วย ชั้นออกไม่ได้ มันติดพุง T_T"

ผมก็ได้แต่หัวเราะ พร้อมรำพึงรำพันออกมาว่า

"เมิงเข้าไปได้ยังไง"

เพื่อน ๆ ลองนึกสภาพ คนอ้วน ๆ ที่ติดอยู่กับช่องแคบ ๆ สิครับ เข้าไปได้ด้วยความกลัว
แต่ตอนออก ดันออกไม่ได้ ต้องรอคนมาช่วยเหลือ!!!

หลาย ๆ ครั้งที่คุณนายชอบไปหลบภัยในที่ ๆ ไม่น่าจะเข้าไปหลบได้ เช่น ตู้เสื้อผ้าที่ปิดอยู่
หลังทีวี ในเตาอบไมโครเวฟ (โชคดีที่ถอดปลั๊กออกแล้ว ไม่งั้นคุณนายโดนช็อตตายแน่ T_T)
คาดว่า ถ้าเปิดตู้เย็นทิ้งไว้ คุณนายคงเผ่นไปอยู่ในช่องแช่แข็งแหง ๆ T_T

เอาล่ะครับ เพื่อน ๆ อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ผมมีเรื่องจะสารภาพครับ
ว่า ................. ผมกำลังจะเล่าเรื่องของ ไอ้ผักกาด หรือ คุณชายผักกาด
ไม่ได้ตั้งใจจะเล่าเรื่องของคุณนายคะน้าแต่อย่างใด T_T

ด่าผมเลยครับ ด่าผมเลย (แต่ผมไม่สลดหรอกนะ เพราะผมมันพวกบ้าแป้นพิมพ์ มีโอกาสมักจะหยุดไม่ได้ T_T)

ก็ขอเข้าเรื่องต่อแล้วกันนะครับ ^_^

ความตั้งใจที่จะไม่เอาแมวตัวใหม่เข้าบ้านของผมสำเร็จมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ทั้งที่บางครั้ง เพื่อน ๆ พยายามจะยัดเยียดมาให้ ทั้งแมวบ้าน และล่าสุด เป็นแมวเปอร์เซียตัวน้อย ๆ น่ารัก
ผมล่ะอยากได้ใจจะขาด แต่ติดที่แม่ และการต้องดูแลที่ทั้งผมและแม่ไม่ค่อยจะมีเวลาให้กับแมวเด็กซักเท่าไหร่



เคยมีใครหลาย ๆ คนเคยบอกผมว่า
"ของมันจะมา มันก็ต้องมา ของ ๆ เรา มันก็เป็นของ ๆ เรา ของ ๆ คนอื่น ก็เหมือนของ ๆ เรา (เอ๊ะยังไง T_T)"

และแล้ว "มันก็มา"
มันมาในสภาพเปียกปอน มาในร่างของ แมวเด็ก ลายสลิด ดวงตาสีปกติ ไม่ได้เป็นสีฟ้าแต่อย่างใด
ฝ่าเท้าใหญ่ หน้ากลมไม่เหมือนแมวจรเลยแม้แต่น้อย

มันมาในวันฝนตกพรำ ๆ วันที่ผมเพิ่งซ้อมบาสเสร็จ แล้วมานั่งกินน้ำอยู่ที่ร้านค้าหน้าสนาม ร้านประจำ
ระหว่างที่กำลังเม้าท์กับเพื่อนร่วมทีมอย่างออกรสนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงรถเบรค

"เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด"

พวกผมต่อท้ายให้ในใจว่า "โครมมมมมมมมมมมม"

แต่เสียงที่ตอบกลับมาดันเป็น "เมี๊ยววววววววววววววว"

พวกผมโผล่หน้าออกไปดูทันที!!!
ภาพที่เห็นก็คือ ลูกแมวตัวน้อย ตัวเล็กมาก ยืนตัวสั่นงันงกอยู่หน้ารถเก๋งคันนั้น
คนขับโผล่หน้ามาถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ หันมาถามพวกผมว่า

"ชนหรือเปล่าครับ"

ร่างกายไวกว่าความคิด ทำให้ผมพุ่งตัวออกนอกร้านตากฝนไปหยิบเจ้าแมวเด็กตัวนั้นออกมา
ก่อนที่มันจะวิ่งเข้าใส่รถ ประมาณว่า อยากฆ่าตัวตาย ทำไมไม่ยอมชนกุวะ!!!

อะไรประมาณนั้น T_T (คิดได้ยังไง)

"ไม่ชนครับ"

"เฮ่อ ผมมองเกือบไม่เห็นตัวมันเล็ก"

ผมหิ้วไอ้แมวเด็กตัวนั้นมาวางไว้กลางวงเพื่อน ๆ
แมวเด็ก ตัวเล็กกว่าฝ่ามือผมซะอีก สภาพยังไม่หย่านมแน่ ๆ

"เงี๊ยว เงี๊ยว"  เสียงมันร้อง พลางเงยหน้ามามองพวกผม แปลได้ประมาณว่า

"พวกเมิงเป็นใคร หน้าตาแปลก ๆ"

เอาล่ะสิ คราวนี้ปัญหาก็เกิด เมื่อไอ้แมวเด็กนี่ดันเป็นที่ถูกชะตาของบรรดาสมาชิกทุกคน
ไม่ยอมให้ปล่อยมันไปตามยถากรรม เพราะเท่าที่เห็น ถ้าปล่อยไป มันไม่รอดแน่ ๆ เพราะยังเด็กขนาดนั้น
แถมตอนที่เจอ ก็ตอนที่มันกำลังจะวิ่งให้รถชนอีกต่างหาก

ใครจะรู้ว่า ขืนปล่อยมันไปแล้วมันจะไม่น้อยใจไปกระโดดน้ำตายในภายหลัง!!!

"ไอ้หมัน เมิงแหล่ะเอาไป"  

เสียงคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ซึ่งน่าแปลกที่ทุกคนในกลุ่มพากันสนับสนุน น้ำเสียงเหมือนโล่งอก เพราะหาผู้รับผิดชอบได้แล้ว

"อ้าว เคยถามกุซักคำไหมว่ากุอยากได้มันหรือเปล่า??"

ผมตอบกลับไป

"เมี๊ยวววววว"  เสียงไอ้แมวเด็กลายสลิดร้องออกมา แปลได้ว่า "เห็นด้วย"
"เจือกกกกก" ผมตอบกลับไป

"เมิงแหล่ะ รักแมว บ้านมีแมว" เพื่อน ๆ พยายามยัดเยียด
"บ้านไอ้..... นี่ก็มี มีเยอะกว่ากุอีก" ผมพยายามปัดออก

"บ้านกุมีเยอะแล้ว บ้านเมิงแหล่ะมีตัวเดียว"  เพื่อนคนที่ผมอ้างยัดเยียดกลับมา
"แล้วบ้านไอ้..... ล่ะ ที่ตั้งกว้าง เอาไปดิ" ผมพยายามปัดไปให้อีกคน

"บ้านกุเลี้ยงหมาโว้ย กุยังไม่อยากเอาอาหารหมาเข้าบ้าน"

ไอ้นี่พูดมีเหตุผล เพราะบ้านมันเลี้ยงหมาบางแก้วไว้ 7 ตัว แต่ละตัวก็ดุยังกะหมา
เคยเห็นหมาบ้านมันสวมวิญญาณนินจา กระโดดกระเด้งกรงขังซ้ายขวา ปาฎิหารย์ขึ้นไปเดินอยู่บนรั้วมาแล้ว

พวกผมวิ่งกันหูตูบ เพราะขืนโดนมันกัด มีหวังตาย!!!!

"ป้าเอาไปเลี้ยงไหม"  ผมโยนให้ป้าเจ้าของร้าน
"เจ้าของหอเค้าไม่ชอบแมว"  คำตอบถือเป็นจุดสิ้นสุด

"แง๊ววววววว" เสียงไอ้แมวเด็กลายสลิดร้องมาอีกครั้ง แปลได้ว่า
"เอายังไงก็เอาซะที กุหนาวววว"

"หุบปากไปเหอะ"  ผมด่ามันกลับไป

(ตกลงนี่ผมบ้า หรือว่าคนอื่นปกติกันแน่เนี่ย คุยกับแมวรู้เรื่องด้วย T_T)

ไม่ใช่ว่าผมไม่รักแมว ไม่อยากได้มันกลับไปเลี้ยง แต่เพราะผมรู้ว่าขืนเอาเข้าบ้าน
สงครามแน่ ๆ ไม่ว่าจะจาก คุณนาย เจ้าถิ่นตัวเก่า และ เสด็จแม่ ผู้รวบอำนาจเบ็ดเสร็จภายในบ้าน

แต่ในเมื่อภาวะจำยอม และบังคับ เพราะยังไงก็ปล่อยมันไปตามยถากรรมไม่ได้แน่นอน
ผมยอมโดนแม่ด่า ยอมโดนคุณนายตบ ดีกว่าปล่อยมันไปตาย ทั้งที่ช่วยมันมาแล้ว

ผมขอผ้าจากป้าร้านขายน้ำ มาเช็ดตัวแมวเด็กจนแห้ง มันก็ปัดป้องไปตามประสา แหกปากร้องไปเรื่อย

"เอาวะ ไปกะกุนี่แหล่ะ"  ผมบอกมัน พลางเช็ดหัวเช็ดหูให้มันแห้ง

ผมเอามันเข้าบ้าน เสียงร้องของมันปลุกคนทั้งบ้านขึ้นมา ทั้งแมว และก็แม่
สิ่งที่ผมคาดคิดไว้ ไม่ผิดไปเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมทะเลาะกับแม่ แทบจะตัดขาดแม่ ตัดขาดลูกกันเลยทีเดียว (ขอยืนยันว่าเป็นความจริง)
แม่จะให้ผมเอาไปปล่อย ผมไม่ยอม บอกว่าช่วยมันมาแล้ว จะปล่อยมันไปได้ยังไง หากินเองก็ยังไม่ได้
แม่มันทิ้งมันไปแล้ว อย่าให้ผมต้องทิ้งมันซ้ำอีกเลย

ผมไม่ได้ว่าแม่ผมไม่มีน้ำใจ เพราะแกก็รักแมว ไม่งั้นคงไม่เก็บคุณนายมาเลี้ยงหรอก
แต่สิ่งที่แกกลัวก็คือ แกกลัวที่จะต้องมาดูแลแมวเพิ่มอีกตัว เพราะรู้นิสัยลูกชายอย่างผมดีอยู่
ว่ามันขี้เกียจขนาดไหน ขนาดห้องตัวเองยังรกยิ่งกว่ารูหนู ไม่ยอมเก็บยอมกวาด
นับประสาอะไรกับแมวตัวเล็กที่เพิ่งเก็บมา
แมวมันยังเด็กมาก ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง ต้องคอยเก็บกวาด
ซึ่งภาระของแม่ผมจะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ผมกับแม่ทะเลาะกันอยู่เป็นวัน ไม่คุยกันเป็นอาทิตย์
ซึ่งผมคิดว่า ยังไงผมก็ไม่ผิด แม่สิผิด แม่ใจร้าย
จนผมได้มาประสบกับตัวเอง ในการเลี้ยงดูไอ้แมวจอมมารตัวนี้ (ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปขอเรียกมันว่า จอมมาร)

ผมต้องคอยป้อนนมมัน ต้องคอยวิ่งไล่ตามมัน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะมันแหกปากร้องตอนกลางคืน
ต้องคอยเก็บกวาดสิ่งที่มันถ่ายออกมา

ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า มันเป็นภาระที่หนักหนาเอาการสำหรับแม่ผม ที่อายุก็มากแล้ว

แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ทำให้ผมยอมแพ้ ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง
คอยดูแล เอาใจใส่มัน เพื่อให้แม่เห็นว่า ผมก็รับผิดชอบมันได้นะ
(แต่ห้องก็ยังไม่ยอมเก็บอยู่ดี ทุกวันนี้ก็ยังรกจนแทบไม่มีที่เดินเหมือนเดิม T_T)

จนวันหนึ่ง ผมอุ้มมันเดินเข้าไปคุยกับแม่อีกครั้ง
ว่า ผมจะดูแลมันเอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูจนมันโตพอที่จะรู้ภาษาแล้ว
ต่อจากนั้น แม่ค่อยดูแลมันไปเหมือนกับที่ดูอีนังคะน้า เพราะมันโตแล้ว

ผมยื่นไอ้ตัวเล็กที่ผมตั้งชื่อมันไว้ว่า "ไอ้หมูกรอบ" จะได้เข้ากับ "คุณนายคะน้า"
เวลาเรียกจะได้เรียกพร้อม ๆ กันว่า "คะน้าหมูกรอบ มากินข้าวเร็วววว"

ใครเคยเห็นแมวทำหน้าแอ๊บแบ๊วเรียกความสงสารมั่งครับ
วันนั้น แม่ผมโดนไปเต็ม ๆ หลังจากที่ผมติววิชาสะตอเบอร์แหล ให้กับไอ้หมูกรอบมาเป็นอาทิตย์

"จำไว้ พอเจอแม่ ให้ทำหน้าตาแอ๊บแบ๊วใส่นะโว้ย"

พูดพลางเปิด Hi5 สาว ๆ แอ๊บแบ๊ว เป็นเครื่องประกอบการอธิบาย ซึ่ง ไอ้หมูกรอบ (ในตอนนั้น) ก็จดจำเป็นอย่างดี
แม่ผมเจอไปเต็ม ๆ จนทนไม่ไหว ขอมันไปอุ้ม

ใครเคยอุ้มแมวเด็กที่ตัวประมาณฝ่ามือมั่งครับ ถ้าเคย ก็คงจะรู้ว่ามันยากจะห้ามใจไม่ให้รักมัน!!!

แม่ผมตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อเอามันไปอุ้ม ผมยิ้มอย่างผู้ชนะ

ว่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   เสร็จโจรล่ะ (สรุปแล้ว นิสัยผมก็ยังเหมือนเดิมไม่ยอมเปลี่ยนอยู่ดี T_T)

ผมรู้ดีว่ายังไง ๆ แม่ผมก็ไม่ยอมปล่อยให้มันอดแน่นอนอยู่แล้ว
หลังจากนั้น แกก็ยึดหน้าที่ดูแลไอ้หมูกรอบไปโดยปริยาย
และแม่ก็ทำให้ผมรู้ว่า วิธีการป้อนนมให้ไอ้หมูกรอบของผม เป็นวิธีที่เฮงซวยสุด ๆ

ผมเอาหลอดดูด แล้วค่อย ๆ ปล่อยใส่ปากมันทีละนิด ๆ ประมาณว่ากลัวมันเจ็บ

แต่พอแม่ผมดูแลมัน รู้ไหมแกทำยังไง

แกเอานมเทใส่ช้อนกินข้าวนี่แหล่ะ แล้วยัดเทใส่ปากมันไปเลย T_T
ผมก็บอกว่า "เบา ๆ หน่อยแม่ เดี๋ยวมันสำลัก"
แต่เชื่อไหมครับ มันอ้าปากกลืนเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย ผิดกับตอนที่ผมป้อน แบบที่หน้ามือเป็นหลังฝาบ้านไปโน่นเลย T_T

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไอ้หมูกรอบ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ไอ้ผักกาด เพราะแม่ผมเรียกจนมันจำ
ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกบ้านของผม

และเมื่อมันปีกกล้าขาแข็ง และมั่นใจว่ามันไม่ตายแน่ ๆ แล้ว มันก็ทำให้ผมรู้ว่า

"นี่มันจอมมารชัด ๆ"

นรกมีจริงครับ มุ้งลวดเอย โซฟาเอย เครื่องคอมฯ เอย พังอิ๊บอ๋ายหมด T_T

นี่ยังไม่ได้พูดถึงคุณนายนะ ว่า กว่าจะทำใจให้ชินกับไอ้จอมมารตัวนี้ได้ก็เล่นเอาบ้านแทบพังกันเลยทีเดียว

ไว้คราวหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันครับ ^_^

แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 18:49:01

แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 18:37:34

 
 

จากคุณ : สมันน้อย เบอร์ 14
เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 17:52:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com