 |
คุณหมอปุ้ย ช่วยตาน้องหมาเห็นโลกสว่างอีกครั้ง
|
|
หมอปุ้ย เป็นคุณหมอขวัญใจคนรักสัตว์ เพราะการทุ่มเทความรัก และการดูแลสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่มาถึงมือ เพื่อให้กลับมามองเห็นโลกสว่างได้อีกครั้ง ...
การได้ทำในสิ่งที่ชอบ และศรัทธาในสิ่งที่ทำ ย่อมนำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต ดังเช่น สัตวแพทย์หญิงทัศวรินทร์ กาญจนฉายา หรือ "หมอปุ้ย" คุณหมอขวัญใจคนรักสัตว์เลี้ยง เพราะ หมอปุ้ย ไม่เพียงแต่จะเป็นหนึ่งในสัตวแพทย์จำนวนน้อยนิดที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องโรค ตาน้องหมาเป็นพิเศษเท่านั้น หากแต่ยังเป็นคุณหมอที่มีใจรักและทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลรักษาสัตว์เลี้ยง ทุกตัวที่มาถึงมือหมอ โดยมีความสุขใจทุกครั้งที่เห็นสัตว์ทุกตัวกลับมาเห็นโลกสว่างไสวอีกครั้ง
ใน ความใฝ่ฝันอยากเป็นหมอได้ช่วยเหลือผู้อื่น แต่มีข้อแม้ ไม่ชอบอะไรที่เครียดหรือน่ากลัวเกินไป ประกอบกับเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ หมอปุ้ย จึงเลือกเรียนเป็นสัตวแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "พอเรียนขึ้นปี 5 ต้องฝึกงานในคลินิกพิเศษตัวเองมีความสนใจเกี่ยวกับโรคตา จึงเลือกฝึกงานในคลินิกนี้ และพอดีมีญาติที่เป็นหมอผ่าตัดตาคน ก็คุยแลกเปลี่ยนความรู้กันถึงโรคตาของคนและสุนัข ซึ่งในสุนัขจะเป็นโรคแผลหลุมกันเยอะมาก เกิดจากสุนัขวิ่งซนชนกันบ้าง เอาเล็บข่วนโดนตาบ้าง เราก็แชร์ความรู้กันว่า ของเรารักษาแบบนี้ แล้วในคนรักษากันอย่างไร ซึ่งในคนมีการเปลี่ยนกระจกตา ปลูกถ่ายกระจกตา แต่สำหรับสัตว์เรื่องการปลูกถ่ายกระจกตายังไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน ก็เลยสนใจทำวิทยานิพนธ์เรื่องการปลูกถ่ายกระจกตาในสัตว์เลี้ยง"
หมอ ปุ้ย บอกว่า สุนัขก็เหมือนกับคนนั่นแหละ คือพออายุมากขึ้นก็มีปัญหาเรื่องตา เพียงแต่คนเลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า มีหมอที่รักษาโรคตาสุนัขโดยตรงที่ไหน เมื่อเรียนมาทางด้านนี้ หมอปุ้ย จึงพยายามให้ความรู้แก่คนที่รักสัตว์เลี้ยงได้รู้ว่า สัตว์ที่เขาเลี้ยงนั้นมีปัญหาเรื่องตาอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะโรคตาในสุนัข 80-90% ถือเป็นโรคประจำทางพันธุกรรม เช่น สุนัขพันธุ์ปั๊ก ตาค่อนข้างโต มีปัญหาเรื่องเม็ดสีเกาะที่กระจกตา และเป็นโรคตาแห้ง, สุนัขพันธุ์ชิห์สุ เป็นโรคตาแห้ง, สุนัขพันธุ์ไซ-บีเรียนฮักกี้ มีปัญหาเรื่องจอกระจกตา ต้อกระจก, สุนัขพันธุ์คอก-เกอร์สแปเนียนเป็นพวกต้อหิน ตาแห้ง ฯลฯ เรียกว่าสุนัขแต่ละพันธุ์มีโรคตาประจำตัวอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้าของไม่รู้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาก็มีโอกาสตาบอดได้
เมื่อได้มาทำงานรักษาโรคตาใน สัตว์เลี้ยงให้โรงพยาบาลสัตว์ชื่อดังย่านทองหล่อ หมอปุ้ย ยอมรับว่าเป็นงานที่มีความสุขและสนุกกับงานมาก แม้บางครั้งจะรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ทุกครั้งที่รักษาสุนัขและรู้ว่ามันอาการดีขึ้นก็จะรู้สึกหายเหนื่อยทันที
"แม้ จะเหนื่อยที่ต้องทำงานหนัก แต่ก็ดีกว่าไปทำงานที่เราไม่ชอบ แล้วต้องเอาเงินที่ได้ไปซื้อหาความสุข แต่งานรักษาสัตว์เลี้ยงนี้ เป็นการทำงานที่มีความสุขจริงๆ ทุกครั้งที่เรารักษาตาของมันให้กลับมามองเห็น เราจะมีความสุขมากๆ เหมือนเป็นการทำบุญโดยทางอ้อม และเจ้าสุนัขเองก็มีความสุขขึ้นมาทันทีเหมือนกัน" หมอปุ้ยเล่าด้วยความสุขผสมความภูมิใจ
การได้ทำในสิ่งที่รักและผู้ได้ รับผลจากการกระทำนั้นเป็นสุขด้วย เช่นนี้ถือเป็นสุขยกกำลังสองทีเดียว....แล้วอย่างนี้คนอ่านจะไม่ชื่นใจไป ด้วยหรือ!!!
ไทยรัฐ
* โดย ทีมข่าวหน้าสตรี * 2 กันยายน 2552, 05:15 น.
จากคุณ |
:
dansivilai
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ย. 52 08:18:27
|
|
|
|  |