ความคิดเห็นที่ 1 โบวเคยพาบาร์บี้ไปหาหมอที่คลินิคที่มีหมอกระต่ายประจำค่ะ แต่วันนั้น หมอกระต่ายท่านนั้นยังไม่เข้า ทางคลินิคบอกว่า แต่ก็มีคุณหมอท่านอื่นดูได้ โบวก็ร้อนใจ ก็เลยพาไป ตอนนั้นเพิ่งเริ่มเลี้ยง ตอนนั้น บาร์บี้มีอาการ คล้ายๆ กับจาม หรือเห่า บอกไม่ถูกอ่ะ แล้วจะเป็นถี่มากๆ  แต่เคยมาโพสคลิปไว้ในบ้านโพรงด้วย พอพาไป ปรากฎว่า คุณหมอที่ไม่ใช่หมอกระต่าย บอกโบวว่า บาร์บี้เป็นหวัด เพียงเพราะ เดินทางแล้วจมูกบี้เปียก -*- ได้ยาแก้หวัดมากิน ไอ้เราก็เชื่อหมอ เพราะตอนนั้นเพิ่งเริ่มเลย ป้อนยาๆ ไม่เห็นจะดีขึ้น เลยเปลี่ยนหมอค่ะ (ใจร้อนเนอะ ยายังไม่พร่องไปถึงครึ่งขวดเลย -*-) เวลาเจอหมอ ไม่ยักกะเห่าแบบที่เห็นตอนอยู่ห้อง *-* ก็เลยถ่ายเป็นคลิปไว้แล้วเอาไปให้คุณหมอดู (ที่แรกไม่ได้เอาคลิปไปนะคะ) -------------------- ที่ถัดมา ก็ที่พาบาร์บี้ไปก็คือ รพส เกษตร เจอพี่หมอเกษตรค่ะ พี่หมอบอกว่า เป็นพฤติกรรมเฉพาะตัวของเค้า คือ ฟังปอด นั่นนี่แล้ว ไม่ได้เป็นหวัดหรอก ฟังแล้วมันโอเค แข็งแรงดี อึก็ปรกติ โบวก็สบายใจขึ้นหน่อยนึง แต่ ด้วยความที่ บี้ยังมีอาการอยู่ ก็เลย ...... -------------------- พาไปเวท4 ยอดฮิต 555+ เจอกับพี่หมอตาอ้อย 555+   ตอนนั้น โบวไม่แน่ใจ คุ้นๆ ว่า หมอพูดเกี่ยวกับเรื่อง ฝุ่นในหญ้าแห้ง ว่ากระต่ายบางตัวก็แพ้ ให้ สลัดๆ หญ้าก่อนให้เค้ากิน (ประมาณเนี้ยอ่ะ คือจำไม่ได้ทั้งหมดอ่ะค่ะ นานแล้ว) แต่ไม่ใช่หวัดแน่ๆ จมูกที่เปียก เปียกเพราะเค้าเดินทาง ซึ่งไม่ใช่ว่า ทุกตัวจะเปียกเวลาเดินทาง แล้วก็คุ้นๆ (คุ้นอีกแล้ว) ว่า พี่หมอจะบอกว่า อาจจะเป็นพฤติกรรมปรกติของเค้า ซึ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ------------------------ หลังจากแน่ใจ จาก 2 หมอที่เชี่ยวกระต่ายอย่างแท้จริง โบวก็ทำตามคำแนะนำ เรื่องหญ้าแห้งต่างๆ แล้วสังเกตอาการดู บี้ก็ยังมีอาการนะคะ ก็เลยคิดว่า คงจะเป็นปรกติของตัวบี้เอง เรื่องหญ้าก็อาจจะมีส่วนไม่มากก็น้อย -*- แต่ว่า ตอนนี้ อาการเหล่านั้นหายไปแล้วนะคะ โบวว่า หญ้าแห้งก็มีส่วน ส่วนนึงล่ะ เพราะตั้งแต่พี่หมอตาอ้อยบอก ก่อนจะให้หญ้าแห้งโบวจะเอามาตบๆ สะบัดๆ หน่อยๆ ตลอดเลย คือไม่ได้หายไปเลยนะ ยังมีให้เห็นบ้าง แต่แบบว่า นานมากๆๆๆๆๆๆๆ ถึงจะเห็นสักครั้ง แล้วก็เป็นช่วงสั้นๆ กว่าที่เคยเป็นตอนเด็กๆ สรุปว่า คุณหมอที่ไม่ชำนาญกระต่าย บอกว่าเป็นหวัด(คงดูจากจมูกเปียก) แต่ คุณหมอที่ชำนาญกระต่ายคอนเฟิร์มว่า บาร์บี้แข็งแรงดีค่ะ จากคุณ : หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 10:18:36

ความคิดเห็นที่ 2 เคยเลี้ยงชื่อน้องหมั่นโถ เค้าโดนแมวกัด เลยพาไปหาหมอ คุณหมดไม่อยู่และบ่ายเบี่ยงกับผู้ช่วยบอกให้ไปโรงพยาบาลสัตว์ใหญ่เลยที่เกษตร ซึ่งไกลกันมาก สุดท้ายก็ไม่รอด ดูเหมือนว่าร้านสัตวแพทย์ส่วนใหญ่เค้าจะไม่ค่อยรับกระต่ายกระรอกรักษาสักเท่าไร อ้างว่าอุปกรณ์ไม่พร้อม  ตอนนี้ก็เลยไม่คิดที่จะเลี้ยงกระต่ายอีกเลยเพราะว่าสงสาร ตอนเค้าตายทรมาน จากคุณ : เกาลูน (issyza) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 10:19:21

ความคิดเห็นที่ 3   แรกเลยเลี้ยงกระต่ายไทย 2 ตัว ชื่อหมูแดง หมูกรอบ เอามาจากบ้านแม่ อายุ 2 เดือน แล้วคุณหลานชายไปก็ไปซื้อกระต่ายอีก 2 ตัวจากสนามหลวง 2 ชื่อหมูหยอง หมูหวาน  หมูหยองเป็นหวัดพาไปหาสัตวแพทย์แถวบ้าน กินยาฉีดยา เป็นเดือนไม่หาย หมูหวานติดหวัด และพาลมาติดพี่หมูกรอบ พี่หมูกรอบเป็นมากจนน้ำมูกข้น ก็พาไปหมอตั้งแต่เริ่มเป็นกินยา ฉีดยา ไม่หาย เครียดมาก หลังจากเข้าเวปกระต่ายถึงรู้ว่าเป็นกระต่ายเด็กอายุไม่น่าจะเกิน 1 เดือน หาข้อมูลของกระต่าย ถึงได้รู้ว่ามีแพทย์เฉพาะทางที่รักษากระต่ายด้วย ตอนนั้นพาไปหาหมอที่มหิดล หมอก็ดุว่าทำใมปล่อยจนเป็นถึงขนาดนี้เริ่มมีอาการของปอด ทั้งที่พี่พาไปหาหมอตั้งแต่เริ่มจมูกแฉะ ก็บอกหมอไปว่าไปหาหมอตั้งแต่แรกที่คลีนิครักษาหมาแมว เพราะคิดว่าหมอรักษาสัตว์น่าจะรักษาสัตว์ได้ทุกชนิด หมอที่รักษาก็ไม่ได้บอกอะไร ตอนนั้นก็ผ่านมาเกือบ 2 ปี คิดได้แต่ว่าโชคดีที่ได้เจอหมอเฉพาะทาง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีครอบครัวหมูแล้ว หลังจากนั้นถ้าเด็กๆเป็นอะไร ไม่ว่ามีหมอเฉพาะทางที่ไหน พี่ก็ไปหา ไม่ใช่ว่าหมอทั่วไปไม่เก่ง แต่ความชำนาญต่างกัน ที่สำคัญพี่คิดว่าถ้าเรารักเค้าจะเอาชีวิตของเค้ามาเสี่ยงกับการเสียเวลาเล็กๆน้อยๆ หรือ ความสบายส่วนตัวทำใม ถ้าอยากสบายก็ต้องเอาเค้าไปปล่อยป่าแหละ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 10:36:41 จากคุณ : Maemoowaan เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 10:33:48

ความคิดเห็นที่ 4   เพิ่งจะเลี้ยงกระต่ายเป็นครั้งแรกในชีวิตก็หนนี้ค่ะ เคยพาลูกสาวไปหาหมอหนเดียว ตอนพาลูกสาวไปเยี่ยมบูธบ้านโพรงฯ ในงานกระต่าย แล้วชาวบ้านโพรงฯ ตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้ แนะนำให้ไปหาหมอ แต่ก็ตรงไปหาหมออ้อย-หมอบีเลย ผลปรากฏว่า อาการที่เราห่วงว่าเค้าจะเล็บเท้าบวมกลับไม่มีอะไร แต่หมอพบอาการน่าห่วงกว่าคือ มีแก๊สในกระเพาะนิดหน่อย เลยให้ยาสำหรับอาการนี้แทน และลูกสาวกินยามื้อเดียวก็ปร๋อเลย คราวนั้นรู้สึกว่าโชคดีมาก เพราะได้ยินมาว่ามีแก๊สนี่เรื่องใหญ่ถึงชีวิตกระต่ายเลยทีเดียว ที่สำคัญคือเรามักจะไมค่อยรู้ เว้นแต่เค้าจะอาการหนักถึงขั้นไม่อึ ไม่กิน ซึ่งเสี่ยงมากๆ บางทีอาจจะวูบเดียวไปเลย ถึงแม้จะเป็นประสบการณ์ครั้งเดียว แต่ก็รู้สึกเลยว่า จะพากระต่ายไปหาหมอต้องหมอกระต่ายเท่านั้น ไม่งั้นเกาไม่ถูกที่คัน อาจจะหมายถึงชีวิตลูกเราเลยล่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 10:52:21 จากคุณ : นู๋-ไอ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 10:49:32

ความคิดเห็นที่ 5 เราโชคดีค่ะ หมอประจำตอนนี้เป็นหมอที่รับตรวจเฉพาะกระต่าย มีแต่คนแนะนำมาว่าเป็นหมอที่ถี่ถ้วนที่สุดแล้ว ที่สำคัญคือราคาไม่สูงมากจนเกินไปค่ะ ข้อเสียคือต้องนัดนานหน่อย นัดกันล่วงหน้าประมาณ 3-4 วัน พาสองสาวไปตรวจสุขภาพนี่ คุณหมอน่ารักมาก ตรวจละเอียดมาก ดูหมดทุกอย่าง ถามอะไรก็ไม่มีหมกเม็ด ที่เห็นเค้าตรวจก็มีชั่งน้ำหนัก ฟังปอด ฟังหัวใจ ระบบลำไส้ เท้า ผิวหนัง มีการจับให้กระโดดไปข้างๆ ข้างหน้า ข้างหลัง จับการเรียงตัวของกระดูก อย่างล็อปป์นี่ขาหน้าเค้าจะสั้นกว่าปกดิ ทำให้หลังเค้าจะค่อมนิดนึงเวลานั่ง ซึ่งหมอก็บอกไว้ว่า อาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้ค่ะ ที่ชอบหมอก็เพราะว่าคุณหมออ่อนโยนกับเด็กๆมากค่ะ จะรู้ได้เลยว่า แกทำให้เด็กๆเครียดน้อยลง แกจะจับเบาๆ พูดเบาๆ แต่เวลาต้องเสียงแข็ง หมอก็ทำได้เหมือนกัน แล้วก็ที่เต็มใจตอบคำถามเราน่ะค่ะ โชคดีมากๆเลยค่ะที่ได้หมอน่ารัก ^^ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 12:07:14

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนแรกที่เริ่มเลี้ยงน้องหนูเคยพาไปตรวจสุขภาพที่ รพส.จุฬาค่ะ แต่ว่าคุณหมอดู เก้ๆกังๆ เวลาตรวจ ซังเลยพาไปตรวจที่ รพส.เกษตรแทน แล้วก็ไปหาที่นั่นตลอดเลย น้องหนูทำหมันก็ที่นั่น ค่าใช้จ่ายไม่แพง คุณหมอใจดีมากค่ะ เสียแต่ว่าคิวยาวมาก เพราะกระต่ายจัดอยู่ในคลินิกสัตว์พิเศษ ช่วง3-4เดือนที่แล้วน้องหนูขนร่วงหายเป็นกระจุก ซังเลยไปหาหมอตาอ้อย ที่vet4แทน เพราะสะดวกกว่า ปรากฎว่าน้องเค้ามีไร ขนเลยร่วง คุณหมอก็ให้ยามาทาน ตอนนี้หายดีกลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้วค่ะ ล่าสุดที่ไข่ตุ๋นไม่กินข้าวทั้งวัน ก็พาไปหาหมออ้อยเหมือนกัน ตรวจแล้วมีแก๊สนิดหน่อย ได้ยามาทาน ตอนนี้กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้วค่ะ ถือว่าซังโชคดีที่น้องหนูกับไข่ตุ๋นเค้าร่างกายแข็งแรง เลยแค่ไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอมากกว่า (ประมาณ1-2เดือนจะพาไปหาหมอทีค่ะ) จากคุณ : Squidy girl เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 12:54:31

ความคิดเห็นที่ 7 ไปหาหมอสองครั้ง ครั้งแรก เรื่องเห็บ ครั้งที่สอง หมอนัดไปตรวจซ้ำ ยังไม่หายขาด พอดีๆหมอจับกระต่ายพลิกๆดู เลยวัดปรอท บอกว่า กระต่ายเป็นไข้ งานเข้าอีกตรู ... ปล. วันนั้นผมขโมยหญ้าขนบุญหล่นมาสองต้นครับ ... จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 13:24:42

ความคิดเห็นที่ 8   ไม่เคยมีประสบการ์ณไม่ดีเรื่องกระต่ายค่ะ  แต่เป็นเรื่องหนูแฮมสเตอร์ โชคดีที่บ้านอยู่แถวเกษตร  เวลาสัตว์ที่บ้านป่วยก็ดิ่งไปหาหมอได้เลย แต่มีอยู่ครั้งนึงนานละ ตอนนั้น  มีไอ้อ้วนแก่  แฮมสเตอร์ที่เลี้ยงไว้ จำไม่ค่อยได้ว่ามันเป็นอะไร แต่มันเป็นช่วงเย็นที่รพ.หมอเฉพาะทางไม่อยู่ แล้วดูภายนอก เหมือนอาการไม่่ค่อยดี  เลยได้เข้าห้องฉุกเฉิน แล้วก็ได้แต่ให้ออกซิเจน  ไม่ได้ทำอะไร ไม่มีหมอมาคอยดูด้วย เห็นวิ่งกันวุ่นเลย  แต่ไม่มีใครมาดูลูกเรา สุดท้ายเค้าก็จากไปในห้องนั้น  น้องสาวเราเคืองมาก ๆ (หรือเค้าคิดว่ายังไงก็ไม่รอดแล้ว เลยไม่มาดูหว่า  แต่เจ้าของอย่างเราที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมันเซ็งมากนะ) ตอนนั้นมันก็หลายปีแล้ว ตอนนี้ทางรพ. คงพัฒนาไปเยอะแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ทำให้เรากลัว ไม่อยากพาลูกไปห้องฉุกเฉินที่รพ.เลยล่ะ จากคุณ : arodarin เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 13:43:12

ความคิดเห็นที่ 9 หมอคนแรกที่ไปหาคือหมอตรงแยกพระปิ่นใกล้ๆหอพี่แดงค่ะ แต่ตอนนี้หมอปิดร้านหนีพวกเราไปแล้ว 5555 หนแรกที่ไป หมูดำมีอาการอ่อนเพลีย และซึม หมอเป็นคนแรกที่บอกว่ามันเป้นกระต่ายเด็กไม่ใช่กระต่ายแคระ (หนูแมวช่วยชีวิตมาจากข้างถนนอ่ะ) คุณหมอก็แสนดีมากเลย ช่วยแนะนำเต็มที่ว่าจะเลี้ยงยังไงให้รอด (ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าบ้านโพรงแถมตอนนั้นยังไม่มีบ้านโพรงล่วย) แนะนำให้ป้อนนมแพะ และให้วิตามินบำรุงมาด้วย แล้วหมูดำก็รอดมาได้ และมันก็ติดนมไปจนอายุ 4 เดือนก่าๆ เลย --" หลังจากนั้นก็ไปหาอีกที ตอนสองเดือนได้มั้ง ตัวยังเท่ามือเลยอ่ะ เพราะหนูแมวพาซื่อ ให้กินผักกินหญ้าไม่สะอาด ไอ้เรามันก็สะเพร่า เวลากินเองก็ไม่เคยจะระวังเรื่องความสะอาดมากนัก อาศับว่า อึดเป้นการส่วนตัว 55555 หมูดำท้องเสียไหลเป็นน้ำเลย จับใส่ตะกร้าขึ้นมอเตอร์ไซด์วิ่งไปหาหมอ นึกไม่ถึงว่า หมูดำที่ท้องเสียอึไหลเป็นน้ำ ยังมีแรงสะบัดตรีงถีบหมอได้  (อึดจริงลูกตู --") หมอเอาอึไปส่องดู เจอพยาธิเต็มไปหมด ได้ยามากินอยู่หลายวัน แล้วมันก็รอดมาได้อีก ประทับใจหมอมากเลย ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอกระต่ายต้องแยก เพราะแกก็เป็นหมอธรรมดา แต่ก็รักษา หรือพยายามหาวิถีทางมารักษาหมูดำให้ได้ แกดูแลหมูดำตั้งแต่ไม่ถึงเดือน (กระต่ายเด็กนิเนอะ) จนเกือบสามสี่เดือน เพราะหนสุดท้ายที่เอาไปหาแกก่อนแกจะปิดร้านหนี คือหมูดำใส่ตะกร้าคิตตี้ไม่จุแล้ว 55555 ที่หมูดำรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ พูดได้ว่าเป้นเพราะหมอแต้ๆ เพราะตอนนั้นหนูแมวไม่ทราบเรื่องแบบนี้จริงๆค่ะ แต่ที่น่าเกลียดคือ หนูแมวไม่เคยใส่ใจถาม ชื่อหมอเลยอ่ะ แกย้ายไปไหนก็ไม่รู้ รู้อีกทีคือพี่แดงโทรมาบอกว่าร้านปิดแล้ว และเป็นที่ๆทำให้ได้รู้จักบุญทิ้งกับบุญหล่นครั้งแรกด้วยค่ะ ^^ ช่วงนั้นหนูแมวเดินทางบ่อยมาก เลยเอาไปฝากแกบ่อยๆ พี่แดงก็ขยันเที่ยวเหมือนกัน เลยได้เจอกันบ่อยๆ แถมบุญทิ้งก็ใจดี ช่วยดูแลหมูดำอีกตะหาก น่ารักมากๆเลยค่ะ เสียดายตอนนั้นไม่มีกล้องหง่ะ บุญทิ้งเลียกะเหม่งหมูดำตั้งหลายที (เหมือนลงยันต์ 5555) หลังจากนั้น เมื่อหมอปิดร้านหนี บ้านโพรงกระต่ายบังเกิด จึงได้รู้จักหมออ้อย และ vet 4 ก็พาไปบ่อยเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่พาไปฝากมากกว่า อันเนื่องด้วยอีชั้นเดินทางเดือนละหน (ไปหาผช 555) ไปจนพี่ๆที่หน้าร้าน และหมออ้อยแขนลายเป็นแถบ หนหลังสุดเท่าที่จำได้คือ พี่เค้าบอกว่า "มารับหมูดำใช่มั้ยคะ ไปรับเองนะคะ ไม่มีใครกล้าเปิดกรงหมูดำ" กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยังจำรอยแผลที่หมูดำฝากรักไว้ที่หมออ้อยได้แม่น ข่วนยาวยังกับแมวข่วน อายหมออิ๋บ --" ส่วนหมอที่หาดใหญ่ ไม่อยากแซดฮ่ะ ไม่ประทับใจ -*- แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 13:55:25 จากคุณ : แมวจรจัด เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 13:49:52

ความคิดเห็นที่ 10 2F เคยหาหมอ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 หาหมอเรื่องเชื้อราที่หัวหิน ไม่ค่อยปลื้ม ครั้งที่ 2 พาไปอีกคลีนิคนึงเรื่องราเหมือนเดิม อันนี้ค่อยยังชั่วเป็น สัตวแพทย์จริงๆ ครั้งที่ 3 ข้ามเมืองไปผ่าทำหมันที่ขวัญคำ ค่อนข้าง ok แต่แพงค่อดๆ ครั้งที่ 3 นี่ฝุ่นได้ชื่อใหม่น้องที่ดูแลป้อนอาหารให้เรียกว่า "เจ้าดื้อ" 5 5 5           แล้วก็ค้นพบว่า ฟางสามารถกินน้ำจากชามข้าวหมาเป็นด้วย เอาขวดน้ำไป             ขวดเดียวทำหมันเสร็จเค้าจับแยกกรงฟางเลยไม่มีขวดน้ำ เห็นกะตาฟางกิน           น้ำ แผล่บๆจากชามข้าวหมาสีแดง ติดตามากกกกก แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 14:33:19 จากคุณ : aor_eye เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 14:26:56

ความคิดเห็นที่ 11 มีกระต่ายหลายตัว อยากเล่าให้ฟังทั้งหมดจัง แต่เยอะแน่ๆ ขอบอกแบบสรุปเลยได้ไหมคะ จำเป็นมากๆ เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ละเอียดอ่อน และจะแสดงอาการออกมาให้เห็นเมื่อเค้าเป็นหนักแล้ว เพราะฉะนั้น การไปหาหมอที่เฉี่ยวชาญดีที่สุดจริงๆค่ะ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมา ไว้ใจหมอและสถานที่ต่อไปนี้ ถ้าไม่ใช่ที่นี่จะไม่ไปเลย โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตร  ที่นี่ควรไปมากๆ เพราะอุปกรณ์ คุณหมอ พร้อมจริงๆ โรงพยาบาลสัตว์ vet4 แต่ก็อยากเจอแต่หมออ้อยค่ะ คลินิคศาลารักษ์สัตว์ อยู่แถวมหิดล  ไปหาเพราะ เชื่อใจในตัวหมอมาก ทุกครั้งที่แอมป์ไปหมอจะเต็มที่มากๆ แบบว่าไม่มีเงินก็กล้าเข้าไปค่ะ เพราะหมอจะเอาชีวิตกระต่ายเราไว้ก่อนเสมอ เวลารักษาเค้าก็จะบอกแอมป์ อธิบายให้แอมป์ฟังตลอดว่าเกิดจากอะไร การป้องกัน การดูแลรักษาต่อจากนี้ คือหมอค่อนข้างมีเวลาพูดคุย และก็ใช้ภาษาที่แอมป์เข้าใจนะค่ะ ไปหาหมอที่นี่หายห่วงจริงๆ เลยผูกติดที่นี่เลย แต่ถ้าครั้งไหน อาการดูน่าเป็นห่วง หมอจะให้แอมป์ไปเกษตร หรือไปvet4ค่ะ  และส่วนมากก็จะไม่เป้นอะไรมาก ก็จบที่นี่แหละค่ะ ขอเน้น และ ย้ำ แบบว่าขอย้ำ และขอร้อง ทุกครั้งที่กระต่ายคุณป่วยไม่ว่าด้วยอาการอะไรก็ตาม การไปหาหมอเฉพาะทางกระต่ายเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด และดีที่สุด มิเช่นนั้น คุณอาจต้องเสียลูกรักของคุณไปทั้งๆที่สาเหตุไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย เพียงแต่คุณพาเค้าไปหาหมอเฉพาะทางเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 14:50:16 จากคุณ : จดหมายรัก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 14:48:31

ความคิดเห็นที่ 12   ตัวแรก... เคยพาไป หาหมอตอนที่น้องท้องเสีย หมอให้ยามาทาน และบอกว่าให้มาลุ้นเอาเองที่บ้านเพราะกระต่ายเราเด็กเกินไป หมอไม่ใช่หมอกระต่ายค่ะ (รู้สึกผิดมาก เราน่าจะรู้จักบ้านโพรงก่อนซื้อเขามา) ตัวที่ 2...  หลังจากที่น้องตัวแรกเสีย ก็พาไปหาหมอ สำหรับสัตว์เล็ก คุณหมอน่ารักมาก ตรวจดูน้องอย่างละเอียด หมออบรมประมาณ 20 นาทีเรื่องการเลี้ยงดู เขาบอกไม่อยากฉีดยา ไม่อยากให้ยา แต่จะเน้นการดูแลเอาใจใส่ เรื่องอาหารการกิน ตบท้ายด้วยการให้วิตามิน น้ำสีเหลือง ๆ มาให้ ตอนนี้น้องน่ารักมากก เเข็งแรงดี และหมอคนนี้ก็เป็นหมอประจำตัวน้องไปแล้วค่ะ จากคุณ : กิ๊ฟท์ศรี เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 15:54:12

ความคิดเห็นที่ 13 ผมพาลูกชายไปหาหมอ4 หน หนแรก น้องซัป ท้องเสีย ได้คุณโบว์แจ้งว่าให้ไปโรงพยาบาลสัตว์สุรศักดิ์พบหมอเต๋า ตอนแรกนึกว่าหมอเต๋าเป็นผุ้ชาย ที่ไหนได้พอเจอตัวจริง เป็นหญิงสาวดูยังเด็กๆอยู่เลยแต่ไม่เป็นไรเพื่อนเราแนะนำว่าคนนี้ชัวร์ พอหมอได้ตรวจ ถึงเข้าใจเลยว่าหมอเค้าชำนาญกับกระต่ายระดับนึง เพราะอธิบายได้ละเอียดมากต้องดูแลแบบไหน  ต้องให้น้ำตาลกูลโคส ยังไง สอนวิธีการหยดยาอีกด้วย หมอเต๋าได้ใจเราไปเต็มๆ หนที่สอง พาสองแสบไปหาเนื่องจากตาอักเสบ หนนี้ไม่ได้เจอหมอเต๋า แต่เจอกับหมออีกคน คนนี้เหมือนพอรักษาได้เค้าก้อดูตา แล้วก้อดูหลังหู เพราะเราทักหมอว่าลูกชายเกายิกๆเหมือนหมาสงสัยจะเป็นไร หมอหยดยาเสร็จก้อไม่พูดไรเลย  อาทิตย์หน้ามาใหม่ หนที่สาม พาสองแสบไปตรวจตาอีกว่าหายยัง หนนี้เจอหมออีกคน แทบไม่แตะกระต่ายเราเลย จับหยด เลโว เสร็จ แล้วบอกอีก2อาทิตย์มาใหม่ หนนี้เซ็งมาก พามาตรวจตาแต่ไม่ตรวจตาเลย หนที่สี่ คราวนี้บอกต้องพบหมอเต๋าเท่านั้น ได้ผล พบหมอเต๋า ให้ดูตาลูกชาย หมอบอกว่า ยังไม่หายเนื่องจาก หยุดให้ยาก่อน เลยยังไม่หายดี หมอยังดูอาการลูกชายที่แหกกรงหนีเที่ยวด้วย แถมยังเช็ดหูให้อีก ประทับใจหมอเต๋ามาก ดูหมอเค้าเข้าใจนิสัยกระต่ายมากกว่าหมอท่านอื่นๆนะ จากคุณ : พ่อน้องเซฟ&พี่ซัฟ (Wac) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 16:15:05

ความคิดเห็นที่ 14 ผักกาดเพิ่งเลี้ยงหัวหอมเป็นตัวแรก เพิ่งเลี้ยงเมื่อต้นปีนี้เอง แต่รู้สึกว่าจะพาไปหาหมอบ่อยมากกกกกกก ผักกาดพาไปหลังเสรีค่ะ ใกล้แล้วก็สะดวกดี คุณหมอก็โอเค น้องหมาในร้านก็น่ารัก รักกระต่ายด้วย ชอบเล่นกับกระต่ายมากๆ ล่าสุดเดินตามหอมต๊อกแต๊กๆ  มาเลียหัวให้ด้วย น่ารักกกกกก ครั้งแรกเพราะหอมท้องเสีย ซึ่งคิดว่าคงมาจากการเครียดที่ย้ายที่อยู่ จากนั้นก็เรื่องเห็บ ไร ไปหยอดยา อยู่หลายครั้ง เป็นชุด ชุดละ 3 ครั้ง เว้นครั้งละ 2 อาทิตย์ ต่อมาก็แผลที่จมูก เพราะไปทำซ่า โดนตัวอื่นกัดมา พอแผลหายก็เจอไรในหูอีก  แล้วก็หยอดยา บางทีก็ฉีด แล้วหมอก็บอกว่าถ้ามีเวลาและ ซัพพอร์ทเรื่องเงินได้ก็ควรพามาหยอดยาป้องกันไว้ก่อน ทุกสองเดือน พาไปหาหมอจนชิน ไปเกือบทุกเดือนจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เดือนไหนไม่ไปกลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะพอไปแต่ละครั้งก็ให้หมอตรวจสุขภาพให้ด้วยเลย เราก็สบายใจดีด้วยค่ะ  ^__^ จากคุณ : littleonion เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 17:50:26

ความคิดเห็นที่ 15 ครั้งแรกที่พาโนริกับโชบิ ไปvet  4 เพราะใกล้บ้านที่สุด ตรวจสุขภาพ เพราะโนริจาม หลายครั้งกลัวเขาจะเป็นหวัด ส่วนโชบิ นำมาตรวจสุขภาพไปด้วยกัน หมอบอกว่าทั้งคู่แข็งแรงดี แถมพบว่าทั้งคู่ติดเหา(เหาคนอ่ะ ติดมาจากหลานสาวมาเล่นกับสองตัวนี่ก่อนมาหาหมอ) โดนหยอดยาไปตามระเบียบ ส่วนโนริได้ยามาทาน ครั้งที่ 2 โชบิไม่ยอมกินอาหาร เลยรีบพาไป รพส.เกษตร ตอนบ่ายโมง แต่วันนั้นรพส. ปิดแล้ว เหลือแต่ฉุกเฉิน หมอฉุกเฉินตรวจ และเอ็กซ์เรย์ พบว่ามีแก๊สในพุงเขาเยอะ หมอจับโชบิฉีดยา เขาร้องกรี๊ดๆ ดังมาก กระโดดจะโต๊ะที่ตรวจวิ่งหนีตายมาหาเรา ตอนนั้นตกใจ และโกรธนิดๆ ว่าหมอทำอะไรลูกเรา หลังจากปลอบพากลับบ้านทานยา แล้ว เขาอาการดีขึ้นมาก แต่อาการที่พบ เวลาพาไปรพส. เจอหมอผู้ชาย เขากรี๊ดๆ ก่อนเลย ทั้งๆที่หมอยังไม่ได้ทำอะไร แต่กับหมอผู้หญิงยอมให้จับแต่โดยดี จนพ่อมันหมันไส้ (เข้าใจอ้อนนะลูกชาย) ครั้งล่าสุดที่พาไป พบว่าโนริกำลังผลัดขน คงเลียขนเข้าไปมาก จึงโดนยากระตุ้นลำไส้ให้อึออกมา แถมหมอสั่งให้ทานน้ำสับปะรดวันละสาม ซีซีจนกว่าจะผลัดขนเสร็จ จากคุณ : ฮาชิมิสึ (ฮาชิมิสึ) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 19:02:35

ความคิดเห็นที่ 16 พาตัวเล็กไปหาหมอที่คลินิกหนึ่ง ที่ไว้ใจในการรักษาหมาค่ะ หมอดูแลดีค่ะ ให้ยามากิน จนตัวเล็กหายคอเอียง จากน้ำหนัก 3 ขีด ตอนนี้  2 กิโลค่ะ ตอนนี้ก็รักษาอยู่ เป็นตาแฉะ กับจมูกแฉะค่ะ พาไปไม่บ่อยค่ะ  ไม่มีตังค์ แหะ ไกลจากบ้านด้วยค่ะ ไม่อยากเอาตัวเล็กตากลมบ่อยเท่าไร นี่ก็ถึงกำหนดจะต้องตรวจอีกรอบแล้วค่ะ คราวนี้จะต้องวางยาซึมด้วย เป็นห่วงจัง จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 20:06:48

ความคิดเห็นที่ 17 เดียวโชคดีแฮะ เพราะก่อนเลี้ยงกระต่าย  เดียวกับพ่อกระต่ายก็หาข้อมูลเยอะมากๆ เค้าเปิดเว็บเมืองนอก  เดียวภาษาไม่แข็งแรงก็เปิดเว็บไทย และที่เปิดมากที่สุดคือ  กล่องดำ(ชมพู)ของบ้านโพรง เปิดทุกกระทู้เลย เหอๆ กระนั้นก็ยังไม่วาย  พาลูกไปหาคุณหมอทุกอาทิตย์  เจออยู่สองท่านค่ะ คุณหมอรัก(นสพ.พรชัย) กับคุณหมอเบญ(นสพ.เบญจพล)  พาไปหาหมอบ่อยมาก จนวันหนึ่งหมอบอกว่า "พี่คับ  ลูกๆพี่ไม่ได้เป็นอะไรเลยนะ  ที่ป่วยน่ะ...พี่เอง (วิตกจริต)" 55555 เดียวประทับใจกับหมอมากๆค่ะ  เพราะเราช่างซัก  หมอก็ตอบให้ตลอด บางทีมีคำถามที่ตอบไม่ได้  ครั้งต่อไปหมอก็หาข้อมูลมาคุยกัน   บางทีก็คุยกันไปเลยเถิดถึงเรื่องเข้าป่าไปโน้น   เท่าที่พาไปหาหมอมา  เดียวไม่เคยผิดหวังนะคะ ที่สำคัญหมอ.........หล่ออ่ะ อิ อิ เดียวมีความในใจจะบอกค่ะ   อยากให้เพื่อนๆที่เลี้ยงกระต่ายหรือเริ่มเลี้ยงกระต่าย  ช่วยศึกษาข้อมูลต่างๆของเค้าให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย การออกกำลังกาย การเจ็บป่วย โรงพยาบาล การดูแลเมื่อป่วยไข้ ฯลฯ ถ้าเรารู้จักเค้าแล้วแต่เนิ่นๆ  จะได้ไม่กะเกณฑ์ให้เค้าเชื่องแบบแมวหรือตามเราต้อยๆเป็นหม๋า แต่ให้เค้าเป็นกระต่าย เป็นลูกที่แสนดื้อ ทว่าน่ารักและอยู่กับเราไปนานๆ จากคุณ : Twining เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 20:23:04

ความคิดเห็นที่ 18   ^ ^ พี่เดียวคะ.....เห็นด้วยค่ะพี่ (หล่อจิง..) อู่ยย  เขิน 55555 จากคุณ : arodarin เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:12:25

ความคิดเห็นที่ 19 ครั้งแรกพาไปหาหมอไม่ทัน+ไม่รู้ ค่ะ  ได้กระต่ายเด็กขาวจั๊วะมาจากแฟนเพื่อนเค้าโดนซัดทอดจนต้องไปเที่ยวฮ่องกงนานพอควร  เลี้ยงไปซักพักก็ก็ออกอาการกระต่ายเด็กค่ะ  ท้องเสียแล้วก็จากไป รอบที่สองเลยหลาบจำมากไปหาหมอแทบจะวันเว้นวันเลย ไปเอาจุลินทรีย์มาให้นู๋นิลกิน  แล้วก็พาปู่ทับทองไปหาหมอด้วยอาการแก่ชรา....หุหุ ส่วนเรื่องเจอหมอแย่ๆไม่มีค่ะ  โชคดีนิ จากคุณ : ก้านดอกบัว เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 22:02:22

ความคิดเห็นที่ 20 แชร์รูปละกันนะ เป็นรูปที่ชาชินสำหรับเดี๊ยน แต่อาจบาดใจหลายท่าน การตรวจฟันกราม กับช่องปากของกระต่ายค่ะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 22:53:32

ความคิดเห็นที่ 21 อีกรูปฮ่ะ หากไม่อยากให้ลูกโดนแบบนี้บ่อยๆ ให้กินหญ้าแห้ง หญ้าขน มีประโยชน์ต่อการลับฟันมากค่ะ สำหรับบุญหล่นนอกจากจะไม่กินหญ้าแห้งแล้ว รากฟันกรามยังโง้งผิดปกติทั้งแถวอีกด้วยฮ่ะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 22:55:33

ความคิดเห็นที่ 22 และอีกรูป นอนหมดสติ อืดยังกะพะยูนเกยหาด จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 22:59:15

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ แผ่หลาเลยอ่ะ กร๊ากกกกกกกกกก สงสารก็สงสาร แต่ขำหง่ะพี่แดง ๕๕๕๕ จากคุณ : แมวจรจัด เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 23:09:03

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบปูหลนที่ซู้ด เป็นกระต่ายที่ไม่เหมือนกระต่ายเลยจริงๆ 555555555555 จากคุณ : จดหมายรัก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 23:37:31

ความคิดเห็นที่ 25 หมอบางคนที่ไม่ใช่หมอเฉพาะทาง ถ้าเจอคนไม่รู้แล้วบอกตรงๆก็ดีไป ถ้าไปเจอพวกไม่รู้แล้วอวดเก่งหรือจะเอาแต่เงินแบบนี้ก็เยอะไป ถ้าจะพากระต่ายไปหาหมอ ควรพาไปหาหมอเฉพาะทางดีกว่าแหละ เคยพาไปคลีนิคทั่วไปแล้วอารมณ์เสีย รูปหล่นน่ะ อย่างกะหมูหันแน่ะ รูปสุดท้ายอ่ะ จากคุณ : bunny_society เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 00:40:14

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าไม่บอกนึกว่าเตรียมทำกระต่ายหัน น่ากินๆ จากคุณ : Wac เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 06:57:43

ความคิดเห็นที่ 27 .....ผมสรุปเองเลยครับ.....รักษากระต่ายต้องไปหาหมอกระต่ายครับ(หมอชื่อกระต่ายก็ไม่ได้ครับ).........ตาบุญหล่นนี่มาดกวนจริงๆนะครับ......ขนาดนอนอยู่บนเขียงหมอ ยังมีท่า แปลกๆเลย.....อะ อะ อะ จากคุณ : ตาเถรพักผ่อน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 13:37:17

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาดูอีกรอบ รูปหล่นโดนง้างปาก เหมือนพะยูนอ่ะ แต่หล่นสีขาว เลยต้องเป็นพะยูนเผือก 555555 จากคุณ : จดหมายรัก เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 13:37:54

ความคิดเห็นที่ 29 หล่นน่ารักอะ + น่าสงสารจัง ตอนง้างปาก รักก็เป็น เเต่ไม่เคยขึ้นไปดูเลย (หมอไม่ให้ดู) เวลาพาไปตัดฟันที่รพ. หมดเเถมตัดเล็บให้ด้วย  สงสัยรักจะไปข่วนหมอเข้า หมอเลยบอกต้องจับตัดเล็บก่อนตัดฟัน .. ปล.ส่วนใหญ่ตัดเล็บให้เอง เเต่จะตัดเเค่ปลายเเหลมออกนิดๆ  ตัดลึกไปกลัวโดนเนื้อเค้า จากคุณ : Kapolo-KaTeJung เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 13:51:49

ความคิดเห็นที่ 30 เราเลี้ยงชี่มา 2 ปีแล้วค่ะ พาชี่ไปหาหมอประมาณ 10 ครั้ง ไม่สบายจริงๆแค่ 3 ครั้งเองอะ นอกนั้นเรากังวลไปเองชี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย(อายคุณหมอมาก) ครั้งที่ 1 อายุประมาณ 3 เดือน เป็นเรื้อน ไปรักษาที่คลีนิคใกล้บ้านราคาถูกได้ใจ 50 บาทเท่านั้น ครั้งเดียวหายเลย แต่แอบเคืองหน่อยนึง เจ้าหน้าที่บอกเราว่าไม่เก็บข้อมูลการรักษากระต่าย เลยรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็ยังไปอยู่เพราะว่าใกล้บ้าน...แต่ว่าไปทีไรก็ต้องกลับเพราะไม่ได้เป็นอะไร เราบ้าไปเอง ครั้งที่ 2 อายุ 11 เดือนฟันยาว พาไปตัดฟันที่รพ.ทองหล่อสาขาแจ้งวัฒนะ คุณหมอใจดี พนักงานก็ดี แอบแพง(ประมาณพันนิดๆ)แต่ใกล้บ้าน ตรวจสุขภาพด้วย ผลออกมาก็แข็งแรงดีมาก ช่วงนั้นกำลังจะย้ายที่อยู่ด้วยเพราะเจ้าของอพาร์ทเมนต์รู้ว่าเลี้ยงกระต่าย แล้วจะให้เราเอาไปให้คนอื่น หรือเอาไปปล่อย ใครจะทำได้ล่ะก็เรารักของเรานี่นา ย้ายเลยดีกว่าไม่ง้อหรอก มาอยู่ห้องเล็กกว่าเดิมเยอะแต่สุขใจ ครั้งที่ 3 อายุขวบกว่าๆ ไปตัดฟัน(อีกแล้ว)ที่รพ.สัตว์เกษตร ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 250 บาท ราวๆนี้รวมค่าเอกซ์เรย์ฟันด้วย ตอนนี้ชี่จังอายุ 2 ขวบแล้วค่ะ ดีใจมากเลย แต่ชี่ไม่ต้องไปตัดฟันแล้ว เพราะอยู่ดีๆฟันก็ไม่ยาวซะงั้น ฟันดูเรียบสวยงามมากค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารเม็ดยี่ห้อใหม่ หรือเพราะเราให้กินหญ้าขนทุกวันก็ไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 52 20:33:49 จากคุณ : aradabic เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 20:31:42

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆมีเรื่องเล่ามากมายกับการพากระต่ายไปหาคุณหมอกระต่าย เพราะเคยพาไปหาแต่คุณหมอกระต่าย ตั้งแต่เลี้ยงกระต่ายคู่แรกเลยค่ะ ยังไม่เคยพาไปหาสัตวแพทย์ทั่วไปเลยค่ะ เพราะรู้ว่า กระต่ายเป็นสัตว์พิเศษชนิดนึงค่ะ จึงมีทั้งเรื่องที่ประทับใจ เรื่องดีๆ เซอร์ไพร์สๆทั้งนั้น เลยเล่าไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่ เดี๋ยวโดนด่า... เอาเป็นว่าเลือกคุณหมอให้ดีๆค่ะ เลือกคุณหมอที่เอาใจใส่ ฟังคนเลี้ยง แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน และเลือกคุณหมอที่ไว้ใจได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้เลี้ยงกับคุณหมอกระต่ายแต่ละท่านค่ะ จากคุณ : luckycatty (luckycatty) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 17:43:34