ความคิดเห็นที่ 1 |
ยืนยันว่า "ว่านกำแพงเจ็ดชั้น" และ "ว่านญาณรังษี" ต้นที่มีขายและเล่นหากันอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่ของแท้ครับ ลองอ่านลักษณะว่านทั้งสองชนิดนี้ตามที่มีบันทึกไว้ในตำรามาแต่โบราณ(พ.ศ. 2473-2512 รวม 11 เล่ม-ตาเชย) แล้วนึกเปรียบเทียบเอากับต้นที่เคยเห็นเขาขายหรือที่มีอยู่แล้วก็จะทราบเองนะครับว่าทำไมตาเชยจึงบอกว่าไม่ใช่ของแท้
ว่านกำแพงเจ็ดชั้น ลักษณะต้นใบคล้ายหมากผู้หมากเมีย(บางตำราว่าคล้ายเพชรกลับ-ตาเชย) แรกขึ้นได้ 2-3 ใบ หลังใบ(ใต้ใบ-ตาเชย)แดงจัดดังสีครั่ง (ใบคลี่-ตาเชย)ออกมาแล้วหลังใบสีเขียวกลางใบแดงอ่อนลง(บางตำราว่าขอบใบแดงเรื่อ-ตาเชย) ต้นและก้านใบแดง หัว(บางตำราว่าคล้ายข่า-ตาเชย)มีกลิ่นหอม รากเป็นตุ้มเกาะติดหัวดังลูกลางสาด (จากลักษณะที่กล่าวมานี้ว่านกำแพงเจ็ดชั้นของแท้ ต้องเป็นไม้จำพวกเดียวกับว่านทิพยเนตรหรือว่านไม้ดีด แต่เป็นชนิดที่หน้าใบไม่มีลายสีขาวนั่นเอง-ตาเชย) * ที่ตาเชยกล้าฟันธงว่าว่านต้นนี้ต้องเป็นจำพวกเดียวกับว่านทิพยเนตร ก็เพราะลักษณะเด่นตามที่บันทึกไว้ว่า "หัวว่านมีกลิ่นหอม และรากเป็นตุ้มเกาะติดหัวคล้ายดังพวงลูกลางสาด" นั่นเอง ลองถอนหัวว่านทิพยเนตรขึ้นมาดูก็จะรู้เองว่าตรงตามที่ตำราบันทึกไว้เป๊ะเลย
ว่านญาณรังษี(ตำราเก่าเรียกว่านหญ้า ณ รังษี-ตาเชย) ลักษณะมีใบดุจใบพุทธรักษา(บางตำราว่ามีแค่ 4 ใบ-ตาเชย) มีดอกก้านละ 4 ดอก(แบบว่านสี่ทิศ-ตาเชย) ต้นแดง ก้านแดง กลีบใบแดงดังดอกบัว มีกลิ่นหอม หัวคล้ายหัวหอมเป็นชั้นๆ ชั้นบนสีขาวชั้นต่ำสีบัวโรย (จากลักษณะที่กล่าวมาจะคล้ายกันกับลักษณะของ "ว่านนางกวัก" ตามที่มีบันทึกไว้ในตำรามาก และลักษณะต้นว่านจริงที่ใกล้เคียงกันกับว่านญาณรังษีและว่านนางกวักมากที่สุดก็คือ "กวักพุทธเจ้าหลวง" ในปัจจุบันนั่นเอง-ตาเชย) * ที่ปัจจุบันนำไม้จำพวกพุทธรักษามาเล่นเป็นว่านต้นนี้ ก็เพราะการที่คนอ่านไปจับใจความจากตำราตรงที่ว่ามีใบดุจใบพุทธรักษานั่นเอง โดยไม่ยอมอ่านให้ละเอียดเข้าทำนองฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียดนั่นแหละ ทั้งที่ตอนท้ายเค้าก็บอกไว้ชัดเจนว่า "หัวคล้ายหัวหอมเป็นชั้นๆ" นั่นก็คือว่านชนิดนี้ต้องมีหัวเป็นกลีบๆ แบบพวกว่านมหาลาภ ว่านมหาโชค หรือพวกว่านกวักนางพญาทั้งหลาย แล้วมันจะกลายเป็นไม้จำพวกพุทธรักษาไปได้อย่างไร
จากคุณ |
:
เซียนว่านตัวจริง (ตาเชย)
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.ย. 52 10:55:40
|
|
|
|