 |
ความคิดเห็นที่ 41 |
คุณผิงบอกให้แม่กับน้องชายเก็บตัวพาสปอร์ตชั่วคราว หรือว่า CI ไว้ให้ดีๆ นะครับ เพราะจะต้องใช้อีกทีเวลาไปทำพาสปอร์ตใหม่ ไม่งั้น สนง.หนังสือเดินทางจะไล่ให้เราไปแจ้งความใหม่อีกครั้ง
ขอเล่าประสบการณ์พาสปอร์ตหายของผมมั่งนะครับ เหตุเกิดที่โซล เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ของผมแย่กว่าคุณผิงอีก เพราะว่าวันที่หายนั้น เป็นวันที่จะต้องบินกลับเมืองไทยในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งคำนวนเวลาแล้ว ยังไงก็ไม่ทัน
แต่โชคดีที่ผมมีเพื่อนเป็นคนท้องถิ่นที่นั่น เลยต้องจ่ายค่าโรงแรมเพิ่มอีกคืน และโชคดีอีกที่ตั๋วเครื่องบินเลื่อนวันเดินทางได้ แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มประมาณ 3,000 แล้วก็โชคดีอีกหอบโน๊ตบุ๊คไปด้วย แถมเน็ตที่โรงแรมก็ฟรีอีก วินาทีแรกที่รู้โทรเรียกเพื่อน ออกมาจากบ้านก่อนเลย ก็เข้าเว็บสถานทูตดูว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก็ตามที่คุณผิงกล่าวไว้ข้างต้นเลย ทีนี้พอถึงเวลาต้องไปแจ้งความ
แม้แต่เพื่อนยังไม่รู้เลยครับ ว่าสถานีตำรวจอยู่ที่ไหน ก็ต้องมาเซิร์ทหากันอีก ว่าอยู่ที่ไหน และโชคดีที่เพื่อนมีรถ เพราะตอนนั้นก็ตี 1จะตี 2 แล้ว สถานีตำรวจก็อยู่ในซอกในซอยมากมายครับ ถ้าไปคนเดียวไม่มีทางไปถูกแน่ๆ เป็นเหมือนบ้านคนซะมากกว่า แล้วคนเกาหลี บางทีถ้าเค้ามาจากต่างจังหวัด มาทำธุระที่โซล เค้าก็จะมาอาศัยนอนที่สถานีตำรวจเลย ไม่ต้องไปเช่าโรงแรม แล้วตำรวจที่นั่น พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย โชคดีที่มีเพื่อนไปด้วย เพราะแม้แต่ฟอร์มที่เอาให้เรากรอก ก็ยังเป็นภาษาเกาหลีล้วนๆ เลย
พอกรอกฟอร์มเสร็จ คงเป็นใบแจ้งความแหละ เค้าก็ถามหา ID กับพาสปอร์ตที่ถ่ายเอกสาร โชคดีที่เอาติดตัวไปด้วย พอได้ใบแจ้งความแล้ว ก็เตรียมลุยสถานทูต ซึ่งคราวนี้เพื่อนรู้ว่าอยู่แถวอีเทวอน เช้าวันต่อมาไปถึงสถานทูตก่อนเวลาเปิดเล็กน้อย
โดยมีเพื่อนตามไปด้วย พอถึงเวลาที่เปิดก็เข้าไปเจอเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยได้ ก็บอกเค้าว่าหนังสือเดินทางหาย เค้าก็ถามว่าจะเดินทางเมื่อไรคะ เราก็บอกว่าเดินทางพรุ่งนี้เช้าครับ ไฟท์ 9 โมงเลย เค้าก็อธิบายว่า งั้นเดี๋ยวจะออก หนังสือเดินทางชั่วคราวให้ก่อน คุณมีรูปถ่ายสองนิ้วมาหรือป่าว เราบอกไม่มี เค้าก็บอกสถานที่ที่จะไปถ่ายได้
ตอนแรกบอกเป็นภาษาไทย แล้วก็บอกเพื่อนเป็นภาษาเกาหลีอีกที เพื่อนก็พาไปที่ร้านถ่ายรูป ซึ่งเดินไปไม่ไกลนัก พอถ่ายรูปเสร็จก็ไปยื่นเรื่องตามปกติ แต่ของผมได้มาไวมาก ยื่นเรื่องไปปุ๊บประมาณ 15 นาทีก็ได้แล้ว แต่ได้มายังไง จะเล่าให้ฟังครับ นึกถึงแล้วทุกวันนี้ยังขำอยู่เลย คนเกาหลีขึ้นชื่อเรื่องใจร้อนอยู่แล้ว ยิ่งคนที่มาจากทางใต้ อย่างเพื่อนผมมาจากแทกู
พอส่งเรื่องไปประมาณ 5 นาที เพื่อนก็เข้าไปถามว่าต้องใช้เวลาดำเนินการนานเท่าไร ซึ่งคนที่ไปถามเป็นผู้หญิงไทยวัยกลางๆ คนแล้วล่ะ ประมาณ 40 ปลายถึง 50 เค้าก็บอกว่ารอสักครู่นะคะ(อันนี้เค้าคุยกันเป็นภาษาเกาหลี) เพื่อนมาเล่าให้ฟังอีกที
เพื่อนก็ถามต่อประมาณว่า สักครู่นี่นานสักเท่าไรกัน 10 นาที 15 นาที ครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมง ขอรู้แน่ๆ ได้มั้ย แล้วเค้าก็เถียงๆๆ กันอยู่สักแปบนึง จนพี่คนนั้นคงรำคาญ เดินออกจากเคาเตอร์ไป โดยที่คิดว่ายังคุยกันไม่จบ
ได้เรื่องเลยทีนี้ เพื่อนผมยืนทุบเคาเตอร์อยู่ตรงนั้นเลย เสียงดังมากๆ แล้วก็ตรงนั้นคนอยู่เยอะมากๆ ด้วย ทุบดังปังๆๆ พร้อมตะโกนใส่พี่คนนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าตะโกนอะไร แต่คงประมาณว่า อย่าเดินออกไปแบบนั้นโดยที่ยังคุยกับชั้นไม่เสร็จ เสียงดังลั่นสถานทูตเลย วินาทีนั้นอยากเอาหน้าซุกเก้าอี้มากๆ เพื่อนก็เดินฟึดฟัดกลับมาหาเรา จากนั้นไม่ถึงสิบนาที ก็ได้มา
แต่ของผมเวลากลับมาถึงสุวรรณภูมิแล้ว เจ้าหน้าที่ต.ม. ก็เรียกเข้าห้องเหมือนกัน แต่เป็นออฟฟิศที่อยู่ข้างๆ เคาเตอร์แหละ คุยกับหัวหน้าประมาณ 5 นาที แล้วเค้าก็ขอดูบัตรประชาชน จากนั้นก็สแตมป์ให้
เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ดีอย่างนึงเลยแหละครับ จากนั้นไปเวลาไปต่างประเทศ ผมจะเอาหนังสือเดินทางใส่เซฟโรงแรมไว้ แล้วเอาตัวถ่ายเอกสารติดตัวไปด้วย รวมถึงมีตัวถ่ายเอกสารอีกใบติดไว้ที่กระเป๋าเดินทางด้วย ส่วนบัตรประชาชนก็พกไว้เถอะครับ เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเหมือนกัน
จากคุณ |
:
nut_kung1991
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 52 17:43:31
|
|
|
|
 |