Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิตในกรงกรุง  

ชีวิตในกรงกรุง

               “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์”
               ชื่อเมืองหลวงของประเทศไทยที่ทุกคนรู้จักกันดี ตอนสมัยที่ยังเรียนชั้นประถมคุณครูให้ท่อง ก็อาศัยเพลงของพี่ป้อมพี่โต๊ะนั่นแหละครับ
               เมื่อครั้งยังเด็กตอนที่อยู่ชั้นประถมทุกๆครั้งที่ปิดเทอมภาคฤดูร้อน เพื่อนๆที่เค้ามีพ่อแม่ หรือมีญาติพี่น้องอยู่กรุงเทพ พวกเค้าก็มาเยี่ยมพ่อแม่ หรือไม่ก็มาเที่ยวกัน พอหลักจากที่มีการเปิดเทอมวันแรก ครูก็จะให้มาเล่าว่า ตอนปิดเทอมมีใครไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ใน ณ ตอนนั้นด้วยความที่พ่อแม่ ก็เป็นเกษตรกร ญาติๆที่สนิทๆก็เป็นเกษตรกร ทำไร่ทำนากันหมด เลยมีความรู้สึกว่าอยากจะรู้จักว่ากรุงเทพ เมืองหลวง เมืองศิวิลัย ที่ทุกคนเค้าพูดถึงมันเป็นยังไง ห้างสรรพสินค้า มันเป็นยังไง ภายในใจดวงน้อยดวงนั้น เลยมีความตั้งใจว่าถ้าโตขึ้นจะต้องไปกรุงเทพให้ได้
               พอกาลเวลาผันผ่านไปพอขึ้นชั้นมัธยม พ่อแม่ และญาติ เค้าก็กลัวลูกหลานจะต้องมาลำบาก ทำงานตากแดด ตัวดำหน้าดำ ก็จะบอกลูกๆหลานๆว่า เรียนให้สูงๆ ทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นๆสบาย ตอนนี้ก็ต้องใจเรียน พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลือกเรียน คณะวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบอยู่แล้ว แต่สาขาในใจที่อยากเรียน มีหลายสาขาเหลือเกิน ทั้งเคมี เคมีอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ แต่พอถึงเวลาเลือกจริงได้ภาควิชาคณิตศาสตร์ นี่หนะสิ ถ้าถามชอบคณิตศาสตร์ไหม ก็ชอบนะ แต่จบมาจะมาประกอบอาชีพอะไรหละ นอกจากเป็นครูหรือ อาจารย์ซึ่งก็ไม่อยากที่จะเป็น ก็เลยพยายามเปิดทางเลือกให้กับตัวเองไปเรียนวิชาโทคอมพิวเตอร์ สุดท้ายก็เลยจบจากมหาวิทยาลัย ด้วย วท.บ.(คณิตศาสตร์) วิชาโทคอมพิวเตอร์ ยังมีวิชาโทพอที่จะเป็นใบเบิกทางหละนะในใจคิดแบบนั้น
               หลังจากที่ได้รับใบรับรองการจบก็ได้เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อที่จะหางานทำ เพราะหางานคอมพิวเตอร์ตามเมืองใหญ่ใกล้ๆบ้านก็คงยาก การที่เดินทางเข้ามาหางานในเมืองหลวงโอกาสย่อมมีมากกว่า ตกงานราวๆ สามเดือนก็ได้งานเป็นโปรแกรมเมอร์ ดั่งที่ตั้งใจไว้ ได้มาอยู่กรุงเทพด้วยนี่สิ เมืองกรุงนี่มันช่างแสนสบายเหลือเกิน มีรถรามากมายเดินทางสะดวก ห้างสรรพสินค้ามีของให้จับจ่ายใช้สอยได้มากมาย
               วันเวลาล่วงเลยมาหลายปีสิ่งที่ฝันก็เป็นจริง ได้ทำงานทางด้านคอมพิวเตอร์มีความก้าวหน้าทางอาชีพการงาน อย่างที่รู้ๆกันยิ่งสูงยิ่งหนาว เงินเดือนเพิ่มขึ้นตำแหน่งสูงขึ้นความเครียด ความกดดันก็มีมากขึ้น เริ่มเกิดคำถามกับตัวเองว่า “การที่เรามีเงินทองมากมาย แต่งตัวดีๆไปทำงาน เงินเดือนเยอะขึ้น กินกาแฟแก้วร้อยกว่าบาท มีบัตรเครดิตรูดปรึ๊ดๆ มันคือความสุขแล้วเหรอ” เงินเดือนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น เงินที่เหลือเก็บก็มีน้อย ถ้ามาลองพิจารณาดูดีๆ คนส่วนใหญ่ที่เดินไปทำงานตอนเช้า ที่เราเจอตามรถไฟฟ้า เดินทามแหล่งธุรกิจ เดินตามห้าง แต่งตัวดูดี เค้ามีเงินเก็บกันเท่าไหร่ ถ้าถามผม ในความคิดผม ผมคิดว่า ส่วนใหญ่ก็มีพอกินพอใช้ ใช้เดินชนเดือน ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามา บวกเข้ากับความเครียด และความเหงา เลยทำให้ไปนึกถึงเพลง “คิดถึงบ้าน”  - “อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน มีแต่ผู้คนก็เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน  มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน”
               ณ เวลานี้ กลายเป็นว่า สิ่งที่เราหนีมันมาตลอด กลับเป็นว่าเป็นสิ่งที่อยากทำ อยากกลับไปอยู่บ้าน(นอก) อยากไปปลูกผัก ปลูกไม่ขาย มีกินมีใช้มีเก็บ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เหลือกิน ก็เก็บไปขาย รายจ่ายน้อย แต่ก็มีรายรับตลอด ถ้าเรามาลองพิจารณาดูดีๆทำงานอยู่กรุงเทพ เราเหลือเก็บเท่าไหร่ กลับไปอยู่ บ้านนอก เรามีเหลือเก็บเท่าไหร่ อยู่ต่างจังหวัด รายจ่ายทั้งอาทิตย์ ถ้าไม่รวมภาษีสังคม ก็อย่างมากก็อาทิตย์หนึ่งๆไม่เกิน 500 บาท
               แต่ว่าทุกวันนี้ ตัวผมเองก็ยังตัดตรงนั้นไม่ได้เลย ยังมีภาระที่สร้างไว้ ไหนจะเงินประกันชีวิตที่ต้องจ่ายรายปี ไหนจะเงินค่าผ่อนคอนโดในแต่ละเดือน ต้องหารายได้เพื่อที่จะเอามาจ่ายตรงนี้ให้ได้ ก่อน อีกอย่างพ่อแม่ หรือญาติๆ เค้ามองกันว่า ทำงานสบายๆหนะดีแล้วมีเงินเดือนใช้ทุกเดือน ทำเกษตรตากแดดหน้าดำ มือด้าน ตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองยืนอยู่ที่ปากเหว รอวันเวลาที่จะกระโดดข้ามไป และยังมีหลายๆคน และ ภาระหลายๆอย่างที่คอยรั้งไว้ไม่ให้กระโดดข้ามไปยังอีกฝั่ง ยังคงติด ยังคงถูกขังในกรงกรุงต่อไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหลุดออกไปจากกรงนี้ซะที
               **** แค่อยากบอกเล่าความรู้สึก และยินดีกับหลายท่านที่หลุดออกไปจากกรงใบนี้ไปได้ ขอให้ประสบกับคสามสำเร็จดั่งที่หวังไว้นะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคน ใครที่ยังหาหนทางไม่ออก ก็ลองหาดูต่อไป ส่วนตัวผมเอง ตอนนี้ก็ได้เริ่มที่จะเลื่อยกรงใบนี้อยู่ คิดว่าสักวันไม่นานคงจะหลุดไปได้
............................................

จากคุณ : jr_nt
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 11:55:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com