ความคิดเห็นที่ 1   ศึกษาข้อมูลในบ้านโพรงให้เยอะ ๆ ก่อนนะ คิดก่อนค่อยเลี้ยง คิดเยอะ ๆ .. มีเวลาให้เขาไหม เจ็บป่วยพาไปรักษาได้ไหม ทุนทรัพย์เพียงพอหรือเปล่า หลายอย่าง พี่ว่าศึกษาดูดีๆ ให้เข้าใจก่อนนะค่อยตัดสินใจ เพราะเขาก็คือสิ่งมีชีวิต  มีความรู้สึก เจ็บเป็น รักเป็น จากคุณ : กิ๊ฟท์ศรี เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 17:07:47

ความคิดเห็นที่ 2 ตลกดีครับ กับเหตุผลที่อยากเลี้ยง  แหมม คิดไปได้นะครับ...เกิดปีกระต่าย เอาแค่รักสัตว์ก็พอครับ  เรื่องอื่นค่อยๆ ตามมา อยู่คนเดียวไม่ใช่ปัญหา ..... ไม่อยู่สามารถนำไปฝากคลินิคได้ เอาอย่างนี้นะครับ ลองหาคำตอบจากการอ่านข้อมูลในบอร์ดนี้ ถ้าตอบได้หมด ยืนยันว่าเลี้ยงได้แน่นอน ถ้าอ่านแล้วหาคำตอบไม่เจอ ตั้งกระทู้ถามเลย ยินดีเข้ามาตอบครับ 1.น้องกระต่ายอายุเหมาะสมเท่าไหร่ ถึงนำมาเลี้ยงได้ 2.กรงของน้อง กระบอกน้ำ ถ้วยอาหาร เหมาะสมเป็นอย่างไร 3.อายุเท่าไหร่ เหมาะสมกับอาหารประเภทไหน 4.วิธีสังเกตุเบื้องต้น หากน้องมีอาการผิดปกติ 5.สถานพยาบาลสำหรับน้องๆ แค่นี้แหละครับ สำหรับเบื้องต้นและหลักๆ นอกจากนั้นก็เป็น เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่เพื่อนสามชิกนำมาเล่า แบ่งปันกันครับ   ลองหาอ่านดูครับไม่น่าเกิน 3 ชม. ครับ สงสัยเพิ่มเติมตั้งกระทู้เลยครับ จากคุณ : เค้าเรียกผมว่า..น้า ชัย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 17:49:41

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะเกิดปีกระต่ายและรักสัตว์ยังไม่พอค่ะสำหรับการเลี้ยงกระต่ายจริงจังนะคะ มีหลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเลี้ยงกระต่ายกันมาก มาย แต่ถ้าสนใจจริงๆแล้ว เราอยากบอกว่า การเลี้ยงกระต่ายค่อนข้างแตกต่างจากหมาแมวนะคะ มีการรณรงค์กันอยู่ เสมอว่าจะไม่ซื้อขายกระต่ายเด็ก เพราะกระต่ายยังต้องการแม่ ยังต้องการอาหารที่เหมาะสมเพื่อที่จะแข็งแรงเมื่อเติบโตขึ้น ปัจจุบันนี้คนขายกระต่ายเด็กมักหลอกคนซื้อไปต่างๆนานา เพื่อเงินเท่านั้น แต่คุณอยากได้เค้าไปด้วยใจ ความรู้สึกมันจึงสวนทางกันเสมอ เมื่อกระต่ายที่ถูกหลอกมาว่าโตแล้ว หย่านมแล้ว มาอยู่กับเราได้ไม่นานก็มักจะเสียชีวิตได้ง่ายๆ คนเราจึงมักคิดว่ากระต่ายอายุสั้น ไม่จริงเลยค่ะ นอกจากเรื่องยังไม่ หย่านมแล้ว การเปลี่ยนที่อยู่ของกระต่ายก็มีความสำคัญ กระต่ายเมื่อถูกโยกย้ายหลายที่ จะเกิดความเครียด ซึ่งความเครียดก็สามารถทำให้กระต่ายเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้น การรับกระต่ายเข้ามาเลี้ยงในบ้านเราช่วงวันแรกๆจะมีความสำคัญมากๆ การ เปลี่ยนอาหารของกระต่ายก็สำคัญอีกด้วย รับเค้ามาแล้วเปลี่ยนอาหารปุบปับ กระต่ายบางตัวถึงกับเครียดไม่ยอมกิน ก็เสียชีวิต หรือบางตัวที่กินไปก็จะทำให้ท้องเสีย พอท้องเสียแล้วเนี้ยะ เรื่องใหญ่มากๆ เพราะทำให้น้องเค้าจากไปได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน ---การย้ายที่ การให้อาหาร ถ้าจะเปลี่ยนต้องค่อยๆปรับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปสำหรับกระต่าย สภาพ อากาศที่ร้อนมากๆ ก็ทำให้กระต่ายเป็นฮีตสโตรค เสียชีวิตได้เหมือนกัน หรืออากาศที่ร้อนชื้น การย้ายเข้าห้องแอร์ --ออกไปข้างนอก เปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลันก็ทำให้กระต่ายเป็นไข้ก็เสียชีวิตได้ ผักบางชนิดที่คนเราคิดว่ากระต่ายทานได้ เช่นผักบุ้ง แตงกวา กะหล่ำปลี กระถิน ฯลฯ จริงๆแล้วมันคือผักที่อันตรายสำหรับกระต่าย ด้วยเหตุที่กระต่ายจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่รับเข้าไปได้ง่ายเหลือเกินเช่นนี้แล เค้าจึงนำกระต่ายมาเป็นสัตว์ทดลอง เพราะเห็นผลเร็ว กระต่าย เป็นสัตว์ที่ถูกล่าโดยธรรมชาติ ดังนั้นเค้าจะมีความอดทนสูงมาก ไม่ยอมเปล่งเสียง ขี้ตกใจ ขี้ระแวง เนื่องจากต้องป้องกันตัวเองจากสัตว์ที่จะมากินเค้าอยู่เสมอ โดยสัญชาติญาณแล้วเค้าจึงจะไม่บอกสีหน้า เปล่งเสียง หรือมีพิรุธอะไรเลย กว่าจะบอกว่าเค้าเป็นอะไรนั้น ก็มักจะสายเกินไปเสียแล้ว การเลี้ยง กระต่ายจึงต้องมีความพร้อม และเข้าใจในธรรมชาติของกระต่ายให้มากๆเพื่อที่เราทั้งสองฝ่ายจะได้ปรับตัว เข้าหากัน อยู่ร่วมกันได้ค่ะ เมื่อเค้าสนิทกับเรา ก็นอนกอดกันได้ด้วยนะ เค้าจะมีวิธีสื่อสารกับเราด้วยว่าเค้าต้องการอะไร ต้องการจะพูดอะไรกับเรา แต่น้องเค้าไม่ใช่หมาหรือแมว ดังนั้นจึงต้องเข้าใจธรรมชาติของเค้าให้มากเสียก่อน ใช้เวลาอีกหน่อย ไม่บุ่มบ่ามเข้าไปจับเค้า เค้าจะตกใจ เราเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วค่ะ คุณจะรักเค้ามากๆเหมือนพวกเราเลยล่ะ มีอยู่หลายช่วงแรกๆที่คิดจะถอด ใจเลิกเลี้ยง เพราะว่าดูเหมือนจะเลี้ยงยากเย็นลำบาก ต้องระวังทุกสิ่งทุกอย่าง มากมายเหลือเกิน แต่เมื่อคิดว่าเรารับเค้ามาอยู่ด้วยแล้ว เราต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด ก็ทำไป จนถึงในวันนี้ การเลี้ยงพวกเค้าทำให้เราพาลไปหลงรักกระต่ายทุกตัวในโลก พวกเค้าสอนให้เราอดทนเหมือนเค้าเลยค่ะ ไม่บ่นๆๆๆ ไม่ใจร้อน ไม่ขี้โมโห ทำให้เป็นคนมีระเบียบ บ้านช่องสะอาดกวาดถูมันทั้งปี ที่สำคัญคือทำให้เราเป็นคนช่างสังเกต คิดพิจารณา ได้ดีกว่าเดิมด้วย เรา เองก็เลี้ยงเป็นคอกแรก เสียลูกสาวแสนรักไปตัวนึงแล้ว เหลืออีกตัวนึง เรารักเค้ามากๆเลย เรามักจะมาหาข้อมูลหรือให้เพื่อนๆช่วยเหลือเรื่องกระต่ายในห้องนี้ อ่านมันทุกกระทู้เลยค่ะ และเว็บ http://rabbit.thaipetlover.com/ และ http://www.epofclinic.com/ แทบจะทุกหน้าถือเป็นเรื่องที่น่าอ่านและมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เลี้ยงกระต่ายมากๆ ลอกข้อความมาจาก http://rabbit.thaipetlover.com/ ค่ะ "คิดก่อนเลี้ยง"........... หลง รักกระต่ายเข้าแล้วใช่ไหมคะ แต่ว่าก่อนที่เพื่อนๆ จะหยิบตังก์ออกไปเลือกหาเพื่อนตัวน้อยที่แสนจะน่ารักนี้ มาครอบครอง เรามาศึกษากันดูก่อนดีไหมคะ ว่ากระต่าย เหมาะกับเพื่อนๆ จริงๆหรือเปล่า ข้อดี ข้อเสีย 1. กระต่ายเป็นสัตว์ที่อายุยืน ก่อนเลี้ยงท่านต้องคิดก่อนว่า ท่านสามารถจะดูแลกระต่ายได้ จนถึงวันสิ้นอายุขัยหรือไม่ หลายๆครั้งที่พบว่า กระต่ายได้ถูกทอดทิ้ง เพียงเพราะเจ้าของเบื่อหน่าย หรือ เพราะต้องย้ายที่อยู่ เช่น ใครที่อยู่อพาร์ตเมนท์ช่วงสั้นๆ แล้วรู้ว่า ในอนาคตต้องย้ายไปอยู่บ้าน ไม่สามารถจะเลี้ยงกระต่ายได้ ก็ควรจะคิดให้ดีก่อน 2. กระต่ายเป็นสัตว์ที่ออกลูกดก สามารถจะออกลูกได้ปีละ 5 ครอกเลยทีเดียว แต่ละครอกอาจจะมีมากถึง 8 ตัวเป็นต้น ดังนั้นหากท่านคิดจะเลี้ยง ควรจะคิดให้ดี ว่าจะทำอย่างไรกับลูกกระต่าย หากท่านไม่อยากรับภาระเรื่องลูกกระต่าย ท่านควรจะเลือกเลี้ยงกระต่ายเป็นเพศเมียทั้งหมด 3. กระต่ายเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร และกินอาหารเม็ดด้วยเช่นกัน แต่เพื่อสุขภาพที่ดี ท่านต้องให้อาหารจพวกผัก และ ผลไม้แก่กระต่ายด้วย 4. กระต่ายเป็นสัตว์ที่ขับถ่ายเยอะ ปัสสาวะ และอุจจาระ หากไม่ได้รับการดูแลเรื่องความสะอาดให้ดีพอ จะมีกลิ่นค่อนข้างมาก 5. กระต่ายเป้นสัตว์ที่สุภาพ น่ารัก สะอาด ตัวของกระต่ายจะไม่มีกลิ่นเหม็น 6. กระต่ายไม่ส่งเสียงร้องพร่ำเพรื่อ ท่านสามารถจะเลี้ยงในบ้านหรืออพาร์ตเมนท์ได้ 7. กระต่ายก็เหมือนกับคนค่ะ เจ็บป่วยได้ แต่ว่าหมอที่รักษากระต่ายได้นั้น ควรจะเป็นคุณหมอที่รู้จักกระต่าย ดีพอ ไม่ใช่คลินิคสัตวแพทย์ทั่วไป ดังนั้นค่าใช่จ่ายในการรักษาก็มีเช่นกัน หากเค้าป่วย เพื่อนๆ สามารถจะรับผิดชอบ พาเค้าไปหาหมอได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ อย่าเลี้ยงเลยค่ะ สงสารเค้า อ่านเรื่องกระต่ายให้มากๆเตรียมพร้อมก่อนเลี้ยงเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากเลี้ยงจริงๆก็มาคุยกันนะคะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 17:51:20

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นคำตอบของคุณ แดงเร็กเก้บาร์ แล้วมึนเลย เยอะจัง แต่ถ้ารักสัตว์ รับรองอ่านแล้วสนุกแน่นอนครับ อ่านได้คำตอบหมดแล้ว จะอยากเลี้ยงมากขึ้นไปอีกนะ ยิ่งถ้าได้ไปสัมผัสเค้า สักวันครึ่งวัน รับรองงงง อยากทำให้เค้ามีความสุขเยอะๆ  โดยไม่ห่วงตัวเองว่าจะลำบากมากขึ้นเลย ลองดูสิครับ ถ้าไม่เชื่อนะ ........ จากคุณ : เค้าเรียกผมว่า..น้า ชัย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:06:13

ความคิดเห็นที่ 5 อ่ะถ้าอยากเลี้ยง ลองนั่งอ่านข้อมูลในกล่องสีชมพูดูนะจ้ะ ว่าต้องเตรียมตัวอะไรยังไงบ้าง เราสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้มั้ย เราทำความสะอาดได้มั้ย กล้าเก็บอึ๊เก็บฉี่มั้ย ? ... เรามีเวลาพอที่จะดูแลเขาหรือไม่ ? เพราะว่าการที่เรารับสัตว์มาเลี้ยงตัวนึง ก็เหมือนกับว่าเขามาฝากชีวิตไว้กับเราแล้ว ลองดูนะจ้ะ ว่าหลังจากอ่านแล้ว เรายังอยากเลี้ยงอยู่มั้ย :) ถ้าคำตอบคือ เราอยากดูแลน้องกระต่าย อยากเป็นเพื่อนเขาไปตลอด ... ลองเตรียมตัวและรับน้องมานะจ้ะ แต่ถ้าคำตอบคือ ยังไงๆ ก็ยังอยากเลี้ยงอยู่ เราเหงา อยากมีกระต่ายเป็นเพื่อน ... อย่าเพิ่งดีกว่า เพราะถ้าไม่เหงาแล้ว น้องกระต่ายจะแย่เอานะจ้ะ :) p/s. อย่าเพิ่งไปซื้อมาเลี้ยงนะ เดี๋ยวน้องกระต่ายตาย แล้วจะรู้สึกผิดอ่ะ ... พี่ไม่อยากนั่งอ่านกระทู้ว่า ... เสียใจจัง กระต่ายน้อยตายแหล่ววว หาข้อมูลก่อนนะจ้ะ :) แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 18:23:30 จากคุณ : dorapanda เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:22:28

ความคิดเห็นที่ 6 เรียนคุณน้าชัย เราตอบแพทเทิร์นแบบนี้มาสองปีได้แล้วละค่ะ ใครหน้าใหม่เข้ามา อ่านตรงนี้ให้รู้เรื่องก่อนน่ะค่ะ คนที่ต้องการเลี้ยงจริงๆจะเข้าใจค่ะ ส่วนใครที่แค่คิดจะเลี้ยงเค้าจะมึนและหายไปเลย ที่จริงมีอีกหลายย่อหน้าเลยนะคะ ที่ช่วยกันรวบรวมกับน้องนันท์ แม่หมีฯ และท่านอื่นๆ เรื่องอาหารนี่แหละสำคัญและละเอียดยิบเลยค่ะ เพราะอาหารแรกเริ่มของวัยนี่แหละสำคัญที่สุดสำหรับภูมิป้องกันตัวของเค้าในอนาคต จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:34:05

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องหลักๆในการเลี้ยงกระต่ายก็คือ เรื่องอาหาร และค่าพาไปหาหมอกระต่ายค่ะ เรื่องอาหาร ถ้าหาหญ้าขนสด ให้กระต่ายกินได้ จะช่วยเรื่องสุขภาพกระต่ายได้มากค่ะ เรื่องค่ารักษาพยาบาล  กระต่ายในบางช่วง เวลาป่วย อาจต้องพาไป หาหมอหลายครั้งอยู่เหมือนกันค่ะ  ค่าใช้จ่ายพอสมควรค่ะ จากคุณ : luckycatty (luckycatty) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:29:59

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมาแปะ ควรให้อาหารกระต่ายอย่างไรดี ? -------------------------------------- อายุ 1-3 เดือน ให้อาหารเม็ด เช้า 1 ครั้ง เย็น 1 ครั้ง หญ้าแห้งทุกประเภท (เช่น ทิมโมธี ออชาร์ด เมาท์เท่น เบอร์มิวด้า แพงโกล่า) และ อัลฟาฟ่า (Alfafa) ได้ตลอดเวลา ถ้าหากให้อาหารเม็ด Oxbow Bunny Basics 15/23 หรือยี่ห้ออื่นที่ทำจากอัลฟาฟ่า ก็ไม่จำเป็นต้องให้อัลฟาฟ่าอีก เพราะอาหารเม็ดทำจากอัลฟาฟ่า หากให้อัลฟาฟ่าอีกจะทำให้ได้รับสารอาหารมากเกินไป อาจทำให้อึนิ่ม ฉี่ขุ่นขาว หรือท้องเสียได้ อายุ 3 - 6 เดือน ให้อาหารเม็ด กับ ผักสด เริ่มให้กินหญ้าขนโดยเริ่มครั้งละ 2 ก้าน ถ้าขับถ่ายปกติก็เพิ่มเป็นทีละกำได้คะ ให้กินเช้า เย็น เช่นกันค่ะ ส่วนหญ้าแห้งอื่นๆ และอัลฟาฟ่าให้กินได้ทั้งวันคะ ถ้า 6 เดือนขึ้นไป (เป็นอายุที่โตเต็มวัยของกระต่าย) ให้อาหารเม็ดปริมาณลดเหลือ 1 มื้อ อาจจะแบ่งให้ 2 เวลา เช้าเย็น แต่ปริมาณ เท่ากับ 1 มื้อพอนะคะ งดอัลฟาฟ่า ให้หญ้าแห้งไว้ตลอดทั้งวัน หญ้าขนสดเช้า 1 กำ เย็น 1 กำ ผักสดตามสมควร ปริมาณที่เหมาะสม หญ้า 60% ผัก 20-30% อาหารเม็ด 10-20% Apple ไม่จำเป็นนะคะ ฟาร์มบางแห่งถ้าจะให้ Apple เขาต้องเอาไปอบให้แห้ง เพราะ Apple มีโอกาสท้องเสียได้คะ ยิ่งช่วงอากาศเปลี่ยนด้วย หน้าร้อนยิ่งห้ามเลยนะคะ เมล็ด Apple ก้าน และแกน ห้ามกินนะคะ อันตรายมากคะ มีสารพิษไซยาไนด์ค่ะ กะเพรา อาทิตย์ละครั้งก็พอคะ ครั้งละสองสามใบ แต่ไม่จำเป็นค่ะ ต้องใจแข็งนะคะ ถ้าคุณสงสารเขา ต่อไปเขาจะน่าสงสาร เพราะ เขาจะเป็นโรคต่างต่างได้ง่ายคะ พอโตแล้วลดอาหารเม็ดลงให้เหลือน้อยที่สุดนะคะ เน้นให้กินหญ้า และเสริมผักเพื่อวิตามินคะ ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 2 ชม หวีขนบ่อยๆ ค่ะ ทำได้อย่างนี้ ไม่ต้องห่วงนะคะ Tips : สัดส่วนของอาหารที่ควรให้ในแต่ละวัน คือ หญ้า 60% ผัก 20-30% อาหารเม็ด 10-20% และ ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 2 ชม และ ตรวจสุขภาพทุกทุก 6 เดือนคะ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:32:50

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีเปลี่ยนยี่ห้ออาหารเม็ดกระต่าย การเปลี่ยนยี่ห้ออาหารเม็ดนั้น ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ เพราะการเปลี่ยนอาหารอย่างกระทันหันนั้น อาจทำให้กระต่ายท้องเสีย หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ เริ่มโดย ให้อาหารเก่า 90% และอาหารใหม่ 10% ไป 1 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 2-3 วันค่ะ เมื่อเราแน่ใจว่าเค้ากินอาหารใหม่ และไม่มีอาการท้องเสีย หรืออึนิ่ม ก็เพิ่มปริมาณอาหารใหม่เป็น 20% ค่ะ ในขณะที่ลดอาหารเก่าลงเป็น 80% ทำอย่างนี้ไปอีก 1 สัปดาห์ หรือ 2-3 วันเป็นอย่างน้อยค่ะ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอาหารผิดปรกติ ให้เพิ่มอาหารใหม่ครั้งละ 10% โดยคงสูตรนั้นไว้ 1 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 2-3 วันค่ะ เพิ่มไปเรื่อยๆ จนได้อาหารใหม่ 100% ค่ะ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ล้างผักลดสารพิษ -ใช้โซเดียมไบคาร์บอนเนต (ผงฟู) 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่นาน 15 นาที และล้างน้ำอีกหลายๆ ครั้ง >> ลดสารพิษได้ 90 - 95% -ใช้น้ำส้มสายชู (5%) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 - 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด >> ลดสารพิษได้ 60 - 84% -ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน ใช้มือช่วยคลี่ใบผัก นาน 2 นาที >> ลดสารพิษได้ 54 - 63% -ลอกหรือปอกเปลือกชั้นนอกของผักออกทิ้ง เด็ดผักเป็นใบๆ แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 10 - 15 นาที >> ลดสารพิษได้ 27 - 72% -ต้มหรือลวกผักด้วยน้ำร้อน >> ลดได้ 48 - 50% -ใช้ด่างทับทิม 20 - 30 เกล็ด ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด >> ลดได้ 35 - 43% -ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด >> ลดสารพิษได้ 29 - 38% ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ เรื่องหญ้าแห้ง เฮย์ เฮย์ Hay (เฮย์) เป็นชื่อใช้เรียกทั่วไปสำหรับหญ้า หรือพีชตระกูลถั่ว ที่ได้ถูกตัดและนำไปทำให้แห้ง เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น ม้า วัว แกะ และแพะ นอกจากนี้เฮย์ ยังใช้เป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงเช่น แกสบี้ และกระต่าย ได้อีกด้วย ขออนุญาตเรียกเฮย์ ว่าหญ้าแห้งนะคะ อย่างที่ว่าไว้ หญ้าแห้งมีสองประเภทค่ะ คือ หญ้าแห้งที่ทำจากพืชตระกูลถั่ว มีอัลฟาฟ่า (Alfalfa) และ โคลเว่อร์ (Clover) หญ้าแห้งที่ทำจากหญ้า มีหลายชนิดขึ้นอยู่กับประเทศ สภาพแวดล้อม และภูมิอากาศ ประเภทของหญ้าแห้งที่มีขายทั่วๆ ไป คือ ทิมโมธี บรอห์ม โอ๊ต เบอร์มิวด้า ออชาร์ด เป็นต้น กระต่ายเด็ก (อายุน้อยกว่า 6 เดือน) กินได้ทั้งอัลฟาฟ่า และหญ้าแห้งอื่นๆ ควรให้กินหญ้าแห้งหลายๆ ชนิด เพราะเมื่อครบ 6 เดือนต้องเลิกกินอัลฟาฟ่าจะทำให้เลิกได้ง่าย หากกินแต่อัลฟาฟ่า กระต่ายจะเปลี่ยนมากินหญ้าแห้งประเถทอื่นยาก สาเหตุที่ต้องเลิกกินอัลฟาฟ่าเมื่ออายุ 6 เืดือน ก็เพราะว่าในอัลฟาฟ่ามีโปรตีนและ แคลเซี่ยมมากเกินไปสำหรับกระต่ายโตค่ะ แต่สำหรับกระต่ายป่วย หรือ กระต่ายเพิ่งคลอด ก็สามารถให้กินอัลฟาฟ่าได้ค่ะ กระต่ายโต (อายุมากกว่า 6 เดือน) กินหญ้าแห้งได้ทุกชนิด แต่ไม่ควรกินอัลฟาฟ่า แต่สามารถให้อัลฟาฟ่าได้ในปริมาณน้อย เช่น สัปดาห์ละ 1 กำเล็กๆ เป็นต้น ไม่ควรให้กระต่ายกินหญ้าแห้งชนิดเดียวกันตลอดเวลา เพราะกระต่ายอาจเบื่อได้ เราควรจะซื้อหญ้าแห้งหลายๆ ชนิด แล้วให้สลับไปเรื่อยๆ ค่ะ เช่น วันนี้กินทิมโมธี พรุ่งนี้กินออชาร์ด มะรืนกินเมาท์เท่น มะเรื่องกินโอ๊ต เป็นต้น กระต่ายก็เบื่อเป็นค่ะ เหมือนคนกินข้าวมันไก่ทุกวันก็เบื่อค่ะ ถ้าเราอยากให้เค้ากินหญ้าแห้งเยอะๆ ก็ให้เปลี่ยนชนิดของหญ้าค่ะ จะเป็นการกระตุ้นให้เค้าอยากกินหญ้าแห้งค่ะ การลดปริมาณอาหารเม็ดก็สามารถทำให้กระต่ายกินหญ้าแห้งมาก ขึ้นได้ค่ะ นอกจากนี้ ถ้าเราเอาหญ้าแห้งไปวางตามที่ต่างๆ ที่เค้าใช้ชีวิตประจำวัน เค้าก็จะกินหญ้าแห้งมากขึ้นค่ะ ที่ได้ผลมากๆ คือเอาหญ้าแห้งไปใส่ในห้องน้ำค่ะ เพราะกระต่ายชอบกินไปอึไปค่ะ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:33:30

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ ^ แนะนำให้น้องลองอ่านแค่ในนี้ก่อนนะคะ สงสัยตรงไหนลองหาคำตอบดูนะ ถ้าไม่ได้จริงๆ จะโพสจะหลังไมค์มาถามเพื่อให้เข้าใจก้อไม่ว่ากัน ไม่แนะนำให้เลี้ยงไปลองไปนะจ้ะ :) p/s. อยากให้นึกว่า การรับเลี้ยงสัตว์ 1 ตัว คล้ายๆกับการมีลูก 1 คน ... ไม่ใช่ว่าอยากมีก้อมี ... ในกรณีที่เราจะมีลูก เรายังต้องคิดแล้วคิดอีก วางแผนกี่แผนเพื่อที่จะมีลูกสักคน ทั้งเตรียมตัวสารพัด ... เราจะดูแลเขาได้มั้ย เงินจะพอเลี้ยงดูมั้ย ลูกป่วยจะพาไปหาหมอที่ไหน ลูกจะนอนยังไง กินยังไง ... เยอะแยะไปหมด ลองดูนะคะ ลองคิดแบบนี้ดู แล้วน้องจะรักสัตว์เลี้ยงของน้องขึ้นอีกเป็นกองเลย :) จากคุณ : dorapanda เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:04:52

ความคิดเห็นที่ 11 ... มาแวะฝากอีกคำถามนึง ... เป็นเคสที่เพิ่งเจอมาค่ะ ถ้าเราเตรียมตัวแล้วอย่างดีที่สุดแล้ว ... เตรียมตัวมาเป็นปีๆ จัดเตรียมทุกอย่างพร้อม กันเงินไว้เรียบร้อย ศึกษาอย่างดี ... แต่ ... เมื่อน้องกระต่ายมาอยู่กับเรา ไม่ถึง 2 วัน ... เขาป่วย คอเอียง ... ถามว่า น้องเจ้าของกระทู้ (และท่านอื่นๆ) จะทำอย่างไร ? ... พี่อยากให้น้องลองคิดหาคำตอบดูนะคะ เพราะว่าบางทีเรื่องที่ไม่คาดคิดก้อเกิดขึ้นได้เสมอ ... การรับสัตว์เลี้ยงมาสักตัว เป็นจุดเริ่มที่เราจะแบกภาระและความรับผิดชอบ ไปจนจากกันไปข้างนึง ... ถามตัวเองว่า พร้อมหรือยัง นะคะ ... p/s. พวกพี่ๆ ไม่ได้พูดเพื่อให้น้องไม่เลี้ยงสัตว์นะ ... แต่พูดเพื่อให้น้องได้มองดูว่าตัวเองพร้อมหรือยังนะจ้ะ ... ถ้าคำตอบคือพร้อมแล้ว ก็ไม่มีใครว่าอะไรนะคะ :) จากคุณ : dorapanda เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:09:55

ความคิดเห็นที่ 12 .....มาอยู่แก๊ง รักกระต่ายชาวบ้าน กะผมดีกว่ามั้ง.......... .....ผมรู้แล้วครับว่าใครเคยบอกผมว่า "การเลี้ยงกระต่ายค่อนข้างแตกต่างจากหมาแมวนะคะ".......ขอบคุณ คุณ แดงฯครับ...... ................................ปล. หมู่นี่ คุณ หล่น ไม่ก่อปัญหาอะไรเลยหรือครับ........สงสัยจะกลับเนื้อกลับตัวเป็น กระต่ายทรงหมูผอม แบบบ้านๆไปแล้วมั้ง.........อิอิ จากคุณ : ตาเถรพักผ่อน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:16:29

ความคิดเห็นที่ 13 พี่เกิดปีงูเล็ก เดี๋ยวพี่ไปหางู้มาเลี้ยงก่อนนะ อะจื๋ย..!!!! ไม่ใช่ๆ .... ล้อเล่นค่ะ แนะนำนะ - ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเลยจ้ะ - ถามตัวเองนานๆ หน่อย ชอบจริงป่าว อยากได้จริงหรือ จะเลี้ยงเค้าได้มั้ย ถ้าย้ายที่อยู่เอาเค้าไปได้มั้ย (เห็นบางคนพอจะย้ายออกจากหอ หรือบ้ายไปที่อื่นอ่ะ เที่ยวมาหาคนรับอุปการะ บอกต้องย้าย เลี้ยงไม่ได้อย่างโน้น อย่างนี้ ก่อนเอามาเลี้ยงทำไมไม่คิด เค้าก็มีความรู้สึกนะ ถึงจะไม่เท่าน้องหมาก็ตาม... อุ้ยๆ โทษที มีอารมณ์) อย่าใจร้อนผลีผลาม กลั่นกรองอารมณ์ตัวเองเยอะๆ (พี่กะลังทำอยู่ค่ะ) - พอได้คำตอบแล้วก็ เตรียมอุปกรณ์ในการเลี้ยงให้พร้อมและเก็บตังค์ สำคัญนะคะ ค่ารักษาเนื้อรักษาตัวเค้าไม่ใช่น้อยๆ เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยมันเกิดกันได้ (อ่ะ... ยกตัวอย่างตัวเองอีกแระ เลี้ยงหมาอ่ะ ตอน 4 เดือนดั๊นเป็นขี้เรื้อนแบบฝังรากลึกด้วยอ่ะ ปรกติกำมะถันน้ำหมูหาย ตัวนี้ไม่หายแฮะ ต้องพาไปให้หมอรักษา หมดเงินเป็นพันเลย เป็นตัวที่รักษาขี้เรื้อนแพงสุดตั้งแต่เคยเลี้ยงมาเลย) เพราะฉนั้น มีสตุ้งสตางค์รองรังไว้อุ่นๆ จะดีที่สุด สุดท้ายก็ขอให้ได้กระต่ายน้อยที่สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงนะจ๊ะ โชคดีค่ะ ปอลอ. ลืมไปค่ะ ทำใจไว้เผื่อในวันที่เราต้องจากกันด้วยนะคะ ไม่ได้แช่งนะคะ แต่พี่ผ่านการจากลามาเยอะอ่ะ ทำใจเผื่อไว้จะดีที่สุด แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 16:36:19 จากคุณ : ยู่ อยากลี้ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 16:33:27

ความคิดเห็นที่ 14   ให้กระต่ายฟรีคะ กระต่ายเพศผู้2ตัว มีปัญหากับทางหอพักเค้าไม่ให้เลี้ยงอะคะ มีอาหาร พร้อมอุปกรณ์ และ กรง สนใจติดต่อมาทางอีเมล์นะคะ a_thanyarat@hotmail.com จากคุณ : aom เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 03:40:28 A:124.157.215.5 X: