|
ความคิดเห็นที่ 3 |
ภาพดอกเสน่หา ของคุณนกฮูกสีน้ำตาล(ใน คห.1) นั้นถูกต้องครับ
ส่วนข้อมูลของคุณกิ๊บ (Island Junkie) ใน คห.2 นั้นยังสับสนอยู่นะครับ ว่านมหาเสน่ห์กับต้นเสน่หานั้นเป็นไม้คนละจำพวกและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใดเลย
ว่านมหาเสน่ห์ อยู่ในชุดของว่านดอกทองซึ่งมีทั้งหมด 4 ต้น แบ่งออกเป็น 2 คู่ คู่แรกต้นตัวผู้(ร่องกลางใบแดง)เรียกว่า "ว่านดอกทอง" ส่วนต้นตัวเมีย(เขียวทั้งต้น-ใบ)เรียกว่า "ว่านมหาเสน่ห์" และคู่ที่สองต้นตัวผู้(ร่องกลางใบแดง)เรียกว่า "ว่านมหาอุดม" ส่วนต้นตัวเมีย(เขียวหมดทั้งต้น)เรียกว่า "ว่านดินสอฤๅษี" คบ สรรพคุณของคู่ที่สองจะเป็นรองคืออ่อนกว่าคู่แรกแต่ก็พอใช้แทนกันได้ครับ
ทีนี้มาตอบคำถามของคุณOrchidoliC กันเลย
1) ถามว่าสรรพคุณของว่า่นสาวหลงและเสน่หาคล้ายกันไหม ตอบว่าคล้ายกันครับเพราะต่างก็มีสรรพคุณทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ด้วยกันทั้งคู่ แต่อยู่คนละเกรดกันเลยถ้าเปรียบเป็นรถก็โรลส์รอยซ์กับอีแต๋นแหละครับ
2) ถามว่าว่านชนิดไหนที่พักตัวในหน้าหนาว และถ้าไม่ต้องการให้พักควรทำอย่างไร ตอบว่าว่านที่พักตัวส่วนใหญ่จะเป็นว่านที่ลงหัวครับ เช่นว่านจำพวกขมิ้นทุกชนิดซึ่งเป็นธรรมชาติของเค้าไม่สามารถห้ามได้ครับ (ว่านสาวหลงและเสน่หา ไม่มีหัวนะครับมีแต่รากจึงไม่พักตัว) แต่ก็มีว่านลงหัวอยู่หลายชนิดเหมือนกันที่เค้าไม่ต้องพักตัวก็ได้ถ้าเราหมั่นรดน้ำอยู่เป็นประจำอย่าให้ขาดช่วงได้ (แล้วคุณจะไปฝืนธรรมชาติให้มันได้อะไรขึ้นมากันล่ะเนี่ย)
ทีนี้จะว่าถึงรายละเอียดของว่านทั้ง 2 ชนิดให้ฟังครับ
* "เสน่หา" ชื่อนี้ไม่เคยมีปรากฎอยู่ในตำราว่านรุ่นก่อน พ.ศ.2520 ทั้ง 12 เล่มนั่นเลยครับ เพิ่งจะมาปรากฏตัวครั้งแรกในตำรายุคบ้าว่านรุ่นหลังๆ นี่เอง(จึงจัดอยู่ในประเภทว่านกูตั้งเองอีกชนิดหนึ่ง) เป็นไม้อยู่ในจำพวกเดียวกับข่าหรือกระวาน ลักษณะดอกจึงคล้ายๆ กัน - สรรพคุณ ว่ากันว่าปลูกไว้จักนำโชคลาภมาสู่เนืองๆ ผู้คนจะไปมาหาสู่มิได้ขาด เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม ตามแต่จะอธิษฐานเอาเถิด (แต่สรรพคุณเหล่านี้ไม่มีตำราเล่มไหนรับรองนะครับ)
* "ว่านสาวหลง" (ว่านฤๅษีสร้าง, ว่านฤๅษีผสม) จัดเป็นว่านสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่นับถือกันมาแต่โบร่ำโบราณ ตำราเก่าบันทึกไว้ว่าเป็นว่านที่บรรดาท่านผู้ทรงวิทยาคุณในทางเสน่ห์ หวงแหนปิดบังกันมาแต่สมัยโบราณไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรู้จักง่ายๆ โดยท่านตีค่าของว่านนี้ไว้เท่าราคาทองคำหนัก 400 ล้านบาทนั่นเทียว - ว่านสาวหลง มีลักษณะทั่วไปคล้ายต้นข่า แต่ไม่มีเหง้าแบบข่ามีรากเลื้อยไปยาวๆ คล้ายรากหญ้าคา มีกลิ่นหอมทุกส่วนของต้น-ใบ-ราก-ดอก(คล้ายกลิ่นเครื่องพะโล้) สามารถออกดอกได้ทุกส่วนของต้น คือแทงช่อขึ้นมา(จากราก)จากใต้ดินแบบดอกดิน แทงช่อตามซอกใบและที่ยอดแบบดอกข่าได้อีกด้วย ว่านสาวหลงมีทั้งชนิดต้นแดง(ต้วผู้) และต้นเขียว(ตัวเมีย) ชนิดต้นเขียวจะมีขนาดใหญ่กว่า หอมกว่า หายากกว่า และนิยมใช้กันมากกว่าชนิดต้นแดง ซึ่งต่างกับว่านชนิดอื่นๆ แทบทุกชนิดที่จะนิยมใช้แต่ต้นแดง(ตัวผู้)มากกว่าต้นเขียว ว่านสาวหลงนี้ตำราระบุว่าให้ปลูกได้เฉพาะวันจันทร์เพียงวันเดียวเท่านั้น วันอื่นๆ ท่านห้ามปลูกอย่างเด็ดขาดจ้ะ - สรรพคุณ ตำราเก่าทุกเล่มบอกไว้เหมือนกันหมดว่าเป็นว่านที่ทรงคุณค่าในทางเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด ถือกันว่าเป็นสุดยอดของว่านทางเสน่ห์มหานิยมที่ไม่สามารถหาว่านชนิดอื่นใดมาเทียบเคียงได้อีกแล้ว ถ้าผู้ใดมีว่านนี้ปลูกไว้ในบ้านเรือนก็จะเป็นสิริมงคลเป็นยอดเสน่ห์แก่บ้านเรือนนั้นๆ ด้วย ท่านให้เอารากของว่านนี้มาฝนหรือบดผสมกับสีผึ้ง หรือแช่น้ำมันจันทน์ หรือเพียงแต่เอารากของว่านนี้ถือติดตัวไป ผู้คนทั้งปวงก็จะพากันงวยงงหลงรักใคร่ในผู้ที่มีว่านหรือทาน้ำมันหรือสีผึ้งที่เข้าว่านจนหมดสิ้น เมื่อจะใช้ว่านนี้ท่านให้เศกด้วยพระคาถา "มะอะอุ พุทธะสังมิ จิเรรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ" รวมเจ็ดคาบเสียก่อนทุกครั้งไป
จากคุณ |
:
ตาเชย
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ต.ค. 52 02:13:16
|
|
|
|
|