 |
อาหาร อาหาร อาหาร ของกิน ของกิน ของกิน
|
|
อาหาร อาหาร อาหาร ของกิน ของกิน ของกิน
1. อาหารแต่ละเกรด แตกต่างกันอย่างไร => ความจริงแล้ว เกรด ไม่ได้บอกความแตกต่างค่ะ เกรด เป็นอะไรที่ผู้ผลิตเป็นคนตั้งเอง ไม่มีสามคม lab หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็น กลาง มาตั้งให้คะ ว่าง่ายๆ มันเป็นกลยุทธ์ทางตลาดอย่างนึงค่ะ ดังนั้นเวลาซื้อ ก็ไม่ต้องไปมัวหา มัวถามว่าเกรดอะไรๆ
2. Grains, byproduct, พวกที่เขียนอยู่หลังถุงอาหาร มันหมายความว่าอะไร บอกอะไรเราได้บ้าง =>ทำไมอาหารปรุงสำเร็จที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ร้อยละ 25 จึงมีปริมาณโปรตีนเพียงร้อยละ 4-5 -ตาม กฎหมายควบคุม โรงงานผลิตอาหารสัตว์ต้องแสดงรายชื่อส่วนผสมทั้งหมดก่อนเข้ากระบวนการผลิต ที่ใช้ความร้อน(การหุงต้ม) โดยจะต้องเรียงลำดับตามน้ำหนักจากมากไปหาน้อย ดังนั้น เนื้อสัตว์ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูงอาจจะปรากฏอยู่ในรายการส่วนผสมลำดับ ต้นๆ ทำให้ความเข้าใจผิดว่า ส่วนผสมดังกล่าวเป็นส่วนผสมหลักมีปริมาณมากอยู่ในอาหาร โดยทั่วไปเนื้อ สัตว์หรือเนื้อสดมีปริมาณน้ำ ร้อยละ75 ดังนั้น อาหารแห้งที่มีเนื้อแกะอยู่ร้อยละ25ก่อนผ่านกระบวนการผลิต จะมีโปรตีนจากแกะจริงเพียงร้อยละ 6-7เมื่อผ่านกระบวนการผลิตเป็นอาหารสำเร็จรูปแบบแห้งแล้ว ลองนึกภาพค่ะ อาหารสูตรเดียวกันนี้ยังประกอบด้วย ข้าวโพดร้อยละ20 ข้าวเจ้าร้อยละ20 ปลาป่นแห้งร้อยละ15 น้ำมันพืชร้อยละ15 โรงงานก็ยังได้รับการอนุญาตให้ตีพิมพ์คำว่า เนื้อแกะ ด้วยตัวอักษรใหญ่ราวกับว่าแกะเป็นส่วนผสมหลัก ทั้งที่จริงแล้ว เมื่อปรุงสำเร็จมีปริมาณโปรตีนเพียงร้อยละ 4-5เท่านั้น ในขณะที่ปริมาณ พืชที่มีเมล็ด เช่น ข้าว ถั่ว กลับมีมากกว่าเป็นอับดับแรกเมื่อปรุงสำเร็จ
การควบคุมชื่อเรียกของส่วนผสมอาหาร อาหารจะถูกตีค่าส่วนผสมเป็น 100 Contain...ประกอบด้วย หมายถึง มีส่วนผสมของวัตถุดิบดังกล่าวน้อยกว่าร้อยละ 4 With...ปรุงด้วย หมายถึง มีส่วนผสมของวัตถุดิบดังกล่าวร้อยละ4-14 Rich in.....อุดมไปด้วย หมายถึง มีส่วนผสมของวัตถุดิบดังกล่าวร้อยละ14-26 ...paste เคลือบด้วย หมายถึง มีส่วนผสมของวัตถุดิบดังกล่าวร้อยละ26-100 Full....ทำจาก...ล้วนๆ หมายถึง .มีส่วนผสมของวัตถุดิบดังกล่าวร้อย 100 นั่นหมายถึงไม่มีการปรับสมดุลของอาหาร
อาหารชนิดเดียวกันอาจเรียกได้ 3 ชื่อ เช่น มีส่วนผสมของเนื้อโคร้อยละ 4หรือ มีส่วนผสมของเนื้อแกะร้อยละ 4 หรือ มี ส่วนผสมของเนื้อไก่ร้อยละ 4 และส่วนผสมอื่นๆอีกมากมาย แต่เมื่อผ่านกระบวนการผลิตต่างๆจนเรียบร้อย จะถูกนำมาบรรจุในถุง เรียกแตกต่างกันได้ 3 ชื่อ คือ ปรุงด้วยเนื้อโค หรือ ปรุงด้วยเนื้อแกะ หรือ ปรุงด้วยเนื้อไก่ ทั้งที่อาหาร 3 อย่างนี้ไม่ได้มีส่วนผสมหลักที่แตกต่างกัน แต่บ่อยๆก็ได้ยินเจ้าของสัตว์บอกว่า สัตว์แพ้ไก่ หรือชอบ แกะมากกว่าไก่
ประเมินคุณภาพของอาหารจาก -ระยะสั้น จากความน่ากินและการยอมรับ -ระยะปานกลาง จากพัฒนาการของน้ำหนักตัวและคุณภาพของเส้นขน -ระยะยาว จากพัฒนาการด้านสุขภาพ ความสามารถในการออกกำลังกาย ความสมบูรณ์ของระบบสืบพันธุ์
คุณภาพ ของอาหารปรุงสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบเป็นสำคัญ และสูตรอาหารที่ดีต้องประกอบด้วยวัตถุดิบมีอัตราการย่อยได้สูงและมีสารอาหาร ต่างๆครบถ้วนตามความต้องการของสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้คุณภาพของอาหารยังขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต วิธีเก็บรักษาด้วย
แมว เป็นสัตว์กินเนื้อ มีฟัน 30ซี่ ไม่มีฟันบดมีแต่ฟันฉีก กินแบบไม่มีการเคี้ยว มีปุ่มรับรส 500ปุ่ม ซึ่งน้อยกว่าหมา หมามีถึง 1700ปุ่ม และแมวไม่สามารถรับรู้รสหวาน น้ำลายแมวปราสจากน้ำย่อย กระเพาะอาหารของแมวมีกรดไฮโดรคลอริคมากกว่ามนุษย์ถึง 6เท่า แมวมีลำไส้เล็กที่เหมาะกับการย่อยอาหารพวกโปรตีนและไขมันแต่ไม่เหมาะที่จะ ย่อยพวกแป้ง พืชที่มีเมล็ด แมวจะกินอาหรมือเล็ก แต่บ่อยๆ แมวต้องการพลังงาน 200-300 กิโลแคลลอรี่ต่อวัน ความเป็น กรด-ด่าง ในกระเพาะอาหาร ของแมว 1-2 ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรได้รับเมื่อโตเต็มไวของแมว--น้อยมากๆ ปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับเมื่อโตเต็มไวของแมว--ร้อยละ 25-40 ของน้ำหนักวัตถุแห้ง ปริมาณไขมันที่ควรได้รับเมื่อโตเต็มไวของแมว--ร้อยละ15-45 ของน้ำหนักวัตถุแห้ง
แมวและสุนัขกลืนอาหารโดยไม่ใส่ใจรสชาติ อาหารที่กลืนลงกระเพาะยังคงมีลักษณะเป็นก้อน การย่อยอาหารจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอาหารที่ไม่เหมาะสมกับสัตว์กินเนื้อจะถูกขับออกในปริมาณมาก
แมว และสุนัขสามารถย่อยแป้งที่ผ่านความร้อนจนสุกได้ที่แล้วเท่านั้น แป้งที่ไม่ถูกย่อยอาจถูกหมักในลำไส้ใหญ่และเกิดการบูดเน่า ทำให้สัตว์ถ่ายเหลวได้ แม้แต่แป้งที่สุกได้ที่ แต่หากอาหารนั้นมีปริมาณแป้งสูงเกินความสามารถในการย่อยของน้ำย่อยที่สัตว์ สร้างขึ้น ก็สามารถทำให้ถ่ายเหลวได้ (อันนี้จะพบในแมวบางสายพันธุ์)
แมว และสุนัขไม่ต้องการน้ำตาล และน้ำตาลก็ไม่มีบทบาทในการป้องกันหรือบำบัดความผิดปกติใดๆ และถ้าได้รับน้ำตาลมากเกินไปก็ทำให้เป็นเบาหวานได้
เซลลูโลสหรือ ใยอาหารทั้งหมด อันนี้จะสามารถป้องกันและบำบัด พวกโรคอ้วน เบาหวาน ท้องผูก ท้องร่วงได้ ถ้าได้รับจากส่วนผสมของอาหารที่มีคุณภาพที่เหมาะสมในปริมาณที่พอเหมาะ
ไขมัน โดยมากก็มาจาก ไขมันสัตว์เช่น เนย ไขมันวัว ไขมันไก่ ไข่มันหมู ไข่ น้ำมันปลา ไขมันพืช เมล็ดพืชที่มีน้ำมัน กรด ไขมันไม่อิ่มตัวมีอยู่มากในอาหารประเภทไขมัน และจะเสื่อมเมื่อโดนอากาศ ความร้อน แสง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดกลิ่นหืน ซึ่งมันจะกลายเป็นพิษต่อสุขภาพด้วย กรดไขมันไลโนเลอิก (omega6) ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ขนไม่บางและไม่ขาดง่าย ซึ่งถ้าขาดจะให้ให้ผิวหนังสูญเสียน้ำและติดเชื้อง่าย กรดแกมมาไลโนเลอิก ช่วยต่อต้านการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้เป็นที่ยอมรับและนิยมนำมาใช้แก้ปัญหาสัตว์เลี้ยงที่เป็นภูมิแพ้ กรด โอเมก้า3 จะช่วยบำรุงรักษาสุขภาพสัตว์ที่มีอายุมาก ตลอดจนสัตว์ที่เป็นโรคกระดูกและข้อต่อ โรคไตวายเรื้อรัง การถ่ายเหลวแบบมีการอักเสบ โรคผิวหนังต่างๆ EPA, DHA มีฤทธิ์ต่อต่านการอักเสบ ช่วยให้หัวใจทำงานปกติ ลดภาวะเลือดข้นและลดความดันเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกและ ช่วยในการมองเห็นของลุกสัตว์
โปรตีน หมาแมวต้องการโปรตีนสูง ถ้า ขาดโปรตีน และพวกกรดอะมิโนจะทำให้เส้นขนขาดหลุดร่วงง่ายเปราะบาง และทำให้สัตว์สังเคราะห์โปรตีนไม่ได้ แล้วอาจจะทำให้สัตว์ไม่สามารถนำโปรตีนมาซ่อมแซมร่างกายได้
ทอรีน ถูกนำมาใช้ในการป้องกันรักษาความผิดปกติอย่างรุนแรงของหัวใจและยังจำเป็น สำหรับแมวในเรื่องการมองเห็นและการทำงานของระบบสืบพันธุ์
แร่ธาตุหลัก แคลเซียม-การสร้างกระดูก ฟอสฟอรัส-การส่งผ่านพลังงาน (ในสัตว์อายุมากต้องลดเพราะอาจเพิ่มความรุนแรงของการเกิดภาวะไตเรื้อรัง) โพแทสเซียม/โซเดียม - สมดุลของอิเลคโตรไลท์ที่ระดับเซลล์ แมกนีเซียม - การรับรู้ของประสาทสัมผัส การขาดแมกนีเซียมจะทำให้เกิดอาการทางประสาท (ในแมว ถ้าเป็นนิ่วแบบสตูไวท์ต้องจำกัดปริมาณแมกนีเซียมแต่ตรงข้ามจะช่วยยับยั้งการเกิดก้อนนิ่วแบบออกซาเลต) แร่ธาตุรอง เหล็ก -สังเคราะห์ฮีโมโกบิลในเม็ดเลือดแดง ป้องกันและรักษาดลหิตจาง สังกะสี - สุขภาพผิวหนัง จะช่วยในเรื่องการหายของบาดแผลและลดเลือนแผลเป็น ตลอดจนช่วยความงามของเส้นขน แต่การขาดสังกะสีจะพบได้เมื่อใช้อาหารคุณภาพต่ำๆ หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของรำข้าวและแร่ธาตุบางชนิดก็ยังขัดขวางการดูดซึมของสังกะสีในภาวะปกติด้วย แมงกานีส -การสร้างกระดุกอ่อนและผิวหนัง อันนี้ลูกสัตวืและสัตว์แก่ต้องได้รับในปริมาณที่เพียงพอ อย่างสัตว์แก่ก็ลดปัญหาข้อเสื่อม ทองแดง - การสร้างสารสีหรือรงควัตถุที่ผิวหนัง ไอโอดีน - การทำงานของต่อมไทรอยด์ ซีลิเนียม -การต่อต้านอนุมูลอิสระ
Vitamin วิตามินเอ การมองเห็น ซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหนัง วิตามินดี ช่วยกระบวนการเมตาบอลิสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัส วิตามินอี การปกป้องเซลล์จากการเกิดปฎิกริยาออกซิเดชั่น วิตามินเค การแข็งตัวของเลือด วิตามินบี1 ระบบประสาท วิตามินบี2 ผิวหนัง วิตามินบี5 การเจริญเติบโต ผิวหนัง วิตามินบี 6 การสังเคราะห์พลังงานที่ระดับเซลล์ วิตามินบี12 การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง วิตามินบี8 เส้นขนผิวหนัง วิตามินบี9 การพัฒนาเนื้อเยื่อระบบประสาท
วิตามินซี การต่อต้านอนุมูลอิสระ
และด้วยยุคสมัยที่ก้าวหน้าก็ได้มีการพัฒนาอาหารสัตว์ที่ดีขึ้นโดยจะมีการนำคำว่า Health Nutrition, Nutraceutic มาใช้ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ไม่จำเป็นแต่สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
By-products = ผลพลอยได้ต่างๆทีี่คนกินไม่ได้ Ash = เถ้า moist =ความชื้น Grains= ผลพลอยได้จากพืช และใบพืช
และสุดท้าย holistic เป็นอาหารปราศจากการปนเปื้อนและเป็นธรรมชาติทั้งหมด100%, ผลิต จากอาหารที่ให้โปรตีนคุณภาพสูง ปราศจากไขมัน ได้แก่ เนื้อไก่ล้วน เนื้อปลาล้วน และไข่ รวมทั้งให้คุณค่าทางอาหารอื่นๆ โดยใช้อาหารจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีตกค้าง กระบวนการผลิตในขั้นตอนการถนอมอาหารใช้วิตามิน E และ D และสาหร่ายทะเล สารเคมีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย
3. สารถนอมอาหารสัตว์ มีอะไรบ้าง ละใช้เพื่ออะไร => สารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ คือ สารที่เติมลงในอาหาร เพื่อชะลอหรือป้องกันการบูดเน่า หรือ เปลี่ยนสี หรือเสื่อมคุณภาพอื่นๆ ภายใต้สภาพการเก็บรกษาอาหารสัตว์ เพื่อรักษาคุณภาพ เนื่องจากอาหารสัตว์ อาจเสื่อมคุณภาพ เนื่องจากการขนส่ง การเดินทาง ซึ่งอาจเกิดการเสื่อมคุณภาพเนื่องจากเชื้อรา หรือการเหม็นหืนได้
สารถนอมอาหารที่นิยมคือ - สารป้องกันเชื้อรา เชื้อราหลายชนิดที่เจิญในวัตถุดิบอาหารสัตว์ผลิตสารเมแทบอไลซ์ ที่เป็นพิษต่อคนและสัตว์ ทำให้คุณภาพอาหารสัตว์นั้นต่ำลง รวมทั้งโภชนะต่างๆ เช่น วิตามินถูกทำลาย นอกจากนี้ เชื้อรายังผลิตสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสัตว์ เชื้อราที่พบมากในอาหารสัตว์ ซึ่งก่อผลเสียต่อตัวสัตว์และทางเศรษฐกิจคือ 1. Aspergillus Flavus ผลิตสารพิษที่เรียกว่า อะฟลาทอกซิน ชนิด บี1 บี2 จี1 จี2 --อะฟลาทอกซิน (ชื่อนี้น่าจะคุ้นๆกันมากที่สุดนะคะ เพราะหลายปีก่อนมีการเคลมประกันสัตว์ที่ตายด้วยเพราะทานอาหารบางยี่ห้อ) - เป็นสารพิษที่มีความเป็นพิษรุนแรง ปริมาณที่พบอาจไม่ถึงระดับที่ทำให้เป็นปัญหารุนแรงทันที แต่สามารถเป็นเรื้อรังต่อ สัตว์ โดยทำให้ อัตราการเจริญเติบโตลดลงและ ประสิทธิภาพการใช้อาหารของสัตว์ลดลง ผลผลิตในรูปนมและไข่ลดลง (ในกรณีเป็นสัตว์ให้นมและไข่) ภูมิต้านทานลดลง และเกิผลเสีย กับ อวัยวะส่วนของตับไต โดยเฉพาะสัตว์เล็ก จะรุนแรงกว่าสัตว์ใหญ่ นอกจากนี้สารพิษชนิดนี้ ยังสามารถกระตุ้น ให้เกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย
2. Fusarium Roseum ผลิตสารพิษที่เรียกว่า ซีราลีโนน และ วอมิทอกซิน -- ซีราลีโนน - ลักษณะการได้รับพิษ แสดงออกโดย อวัยวะเพศบวมแดงอักเสบ ความสมบูรณ์ในการผสมพันธุ์ลดลง เต้านมอักเสบ มดลูกทะลัก และลูกตายในท้อง -- วอมิทอกซิน - ลักษณะการได้รับพิษ แสดงออกโดยการอาเจียน และ อัตรการเจริญเติบโตลดลง
3. Penicillium spp. และ Aspergillus spp. ผลิตสารพิษที่เรียกว่า โอคราทอกซิน -- โอคราทอกซิน- อันนี้โดยมากพบในระดับต่ำความเป็นพิษที่เกิดในสัตว์ จึงยังไม่เห็นเด่นชัดนัก -- รูบราทอกซิน -มีความเป็นพิษร้ายแรงในการทำลายเนื้อเยื่อตับ -- ไตรโคธีซีน - เป็นกลุ่มของสารพิษ 27 ชนิด รวมกัน พิษที่เกิดขึ้นคือ ทำลายเยื่อบุผลังลำไส้
โดยเชื้อราพวกนี้มักพบในอาหารสำเร็จรุปและวัตถุดิบอาหารสัตว์
- สารถนอมคุณภาพพืช - สารกันหืนที่ไม่ธรรมชาติ BHA, BHT, TBHQ, Dodecyl gallates สารกันหืนธรรมชาติ เช่น Kelp, Vitamin E, Vitamin C
4.โรคยอดฮิตในแมวมีอะไรบ้าง การป้องกันเบื้องต้นควรทำอย่างไร - โรคไต -โรคนิ่ว - โรคหวัด - FIP
PS: ไว้มาพิมพ์ต่อค่ะ ปล ใครตอบ ไว้กระทู้ที่แล้ว ลงชื่อไว้ได้เลยค่ะ เด่วจับฉลากแจกของ (ไม่บอกนะว่าอะไร อุอุ)
จากคุณ |
:
เฉาก๋วยอินเตอร์
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเกิด PANTIP.COM 23:10:14
|
|
|
|  |