 |
ความคิดเห็นที่ 55 |
|
ขอโทษค่ะคุณมด ขอให้ข้อมุลด้านยาได้ไหมค่ะ รู้จักยาพวกนี้เป็นอย่างดี ทำงานกับมันทุกวัน ในกรณีของคุณมดไม่จำเป็นต้องใช้ยาตัวแพงเลยนะค่ะ เพราะไม่ได้โดนกัดโดยตรง เอาเป็นว่าขอเล่าขอมูลเลยละกัน เพราะว่าเผื่อคนในห้องนี้่อ่านจะได้รู้ข้อมูล และความจำเป็น (ไม่ต้องโดนโรงพยาบาลเอกชนขูดรีดโดยไม่จำเป็นนะค่ะ) การฉีดยาสำหรับพิษสุนัขบ้า มีอยู่สองประเภทค่ะ คือ วัคซีนที่เราๆรู้จักกัน เป็นแบบกระตุ้นให้มีการสร้างภูมิ กับเซรุ่มความแตกต่างของสองชนิดนี้คือความไวในการสร้างภูมิ การให้วัคซีน เริ่มให้วัคซีนให้เร็วที่สุด รวม ห้าเข็ม เข็มแรก นับเป็นวันที่ 0 (Day 0) ต่อไปฉีดครั้งล่ะเข็ม วันที่ Day 3 ,Day 7,Day 14,และเข็มสุดท้าย Day 30,
การให้ เซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า
จะพิจารณาให้เพิ่มกับผู้ป่วยที่ถูกสัตว์กัดนอกจากการให้วัคซีนโดยจะให้ใน สองกรณีคือ
1 แผลที่ถูกกัด เป็นแผลใหญ่ฉีกขาดมาก มีโอกาสได้รับเชื้อเข้าไปจำนวนมาก
2 แผลที่ถูกกัด อยู่ที่ มือ แขน ใบหน้า หรือศรีษะ ซึ่งมีเส้นประสาท ที่ต่อเชื่อมเข้าสมอง ใกล้กว่าส่วนอื่น ทำให้โรคมีโอกาสดำเนินได้ไว กว่าปกติ
การให้เซรุ่มนี้ จะ ให้ในวันแรกที่ถูกกัดใหม่เลย โดยแบ่งครึ่งหนึ่งฉีดรอบๆ บาดแผล และอีกครึ่งหนึ่งฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
โดยปรกติแล้วนะค่ะต่อให้สุนัขมีเชื้อแต่เราไม่ได้โดนกัดโดยตรงแต่สัมผัสน้ำลาย แล้วเรารีบไปฉีดวัคซีนแบบธรรมดาก็จะสามารถป้องกันได้ค่ะไม่ต้องใช้เป็นแบบเซรุ่ม เพราะระยะฟักตัวของเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น จะประมาณ 10 วัน ตอนนั้นภูมิเราก็จะขึ้นแล้วละค่ะ ไม่ต้องกลัว จะให้เซรุ่มตามกรณีที่บอกไปข้างต้นเท่านั้นแหละค่ะ แล้วเซรุ่มก็มีสองชนิด คือทำจากม้า หรือทำจากคน ราคาจะต่างกันมาก (การให้ยาคำนวณตามน้ำหนักด้วยค่ะ)(แต่การสร้างภูมิเหมือนกัน จะใช้จากคนกรณีที่แพ้ที่ทำจากม้า โดยการทำการทดสอบที่เรียกว่า skin test ก่อนนะค่ะ)
แล้วราคาวัคซีนเนี้ยะ เข็มละประมาณ 500 (รับรองไม่เกินนี่แน่นอนค่ะ ราคาโรงพยาบาลเอกชนแล้ว ) ปรกติแล้วก็จะเสียค่าหมอด้วยในการตรวจครั้งแรก แต่ต่อไปฉีดยาต่อเนืองน่าจะไม่ต้องเสียแล้ว
ยาจะฉีดทั้งหมด 5 เข็มค่ะ (โรงพยาบาลจะมีตารางนัดให้มาฉีด) ขอโทษที่เขียนมายืดยาวนะค่ะ แต่อยากให้ข้อมูลให้ทราบกัน
จากคุณ |
:
mama'soklek
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 52 00:47:59
A:125.26.79.239 X:
|
|
|
|
 |