Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
‘เฮนน่า’ ปลอดพิษ สมุนไพรย้อมผม  

..........................วานนี้ ‘ภาษาหมอ’ เตือนภัยสารเคมีที่มากับยาย้อมผมไปแล้ว วันนี้ ‘สามัญประจำบ้าน’ นำการย้อมผมจากธรรมชาติที่ปลอดภัยกว่า แม้ความงามหรือเฉดสีอาจไม่สวยถูกใจเทียบเท่ายาย้อมผมผสมเคมี

                         สมุนไพรย้อมผมที่ว่านั่นคือ ‘เฮนน่า’ ภูมิปัญญาเพื่อความงามที่ถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นมาช้านาน สำหรับเฮนน่าเป็นพืชในตระกูลลีทราซี (Lytharaceae) ชื่อไทยจะเรียกได้หลายชื่อทั้งเทียนขาว เทียนต้น เทียนกิ่ง เทียนไม้ เทียนย้อม แหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ประเทศอินเดีย เนื่องจากชาวภารตะยังนิยมนำเฮนน่าไปเพ้นท์เป็นลวดลายเพื่อความสวยงามบนผิวหนัง ส่วนที่นำมาใช้เป็นสีย้อมผม คือ ใบ กิ่ง และก้าน ให้คุณสมบัติเทียบเท่าสีย้อมแบบกึ่งถาวร ติดเส้นผมนาน 3 – 4 สัปดาห์ จากนั้นจะค่อย ๆ ลอกออกระหว่างสระผม

                         หากย้อมเฮนน่าลงบนเส้นผมสีดำจะเปลี่ยนเส้นผมเป็นสีน้ำตาลเข้มปนแดง แต่ถ้าย้อมลงบริเวณผมที่หงอกจะเห็นเป็นสีทอง ๆ

                         ส่วนวิธีการย้อมผมด้วยเฮนน่า ตามท้องตลาดจะมีจำหน่ายในรูปแบบผง โดยเริ่มจากการนำผงเฮนน่าปริมาณ 100 กรัม มะนาวครึ่งผล น้ำชาที่ผ่านการต้มจนเดือนแล้ว 1 แก้ว นำส่วนผสมทั้ง 3 อย่างเทลงในชามแก้วหรือชามเซรามิก แล้วคนให้เข้ากัน ทิ้งไว้นานราว 8 ชั่วโมง ทั้งนี้น้ำยาย้อมเฮนน่าที่ดีควรจะมีความเหนียวค้นคล้ายยาสีฟัน  

                         เมื่อครบกำหนดแล้ว ก่อนทำการย้อม ให้สระผมและเช็ดจนแห้งสนิท จากนั้นนำปิโตรเลียมเจลลี่หรือวาสลีน ทาให้ทั่วบริเวณท้ายทอยและหน้าผาก เพื่อป้องกันสีเฮนน่าเปื้อนติดผิวหนัง แต่ถ้าเลอะผิวให้รีบน้ำสำลีชุปน้ำเช็ดออกทันที

                         ควรแบ่งผมเป็นช่อ ๆ ก่อนทาสีเฮนน่า โดยให้ทาไล่ตั้งแต่โคนจรดปลาย เมื่อทาจนทั่วผมแล้วให้นำหมวกคุลมผมพลาสติกคลุมทับและใช้ผ้าขนหนูคลุมทับอีกชั้น ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน 5-8 ชั่วโมง จะได้สีน้ำตาล หากทิ้งไว้นานกว่านั้นสีก็จะยิ่งเข้มขึ้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้เพียง 2-3 ชั่วโมง จะมีลักษณะเป็นประกายสีทองคล้ายผมที่ทำไฮไลท์

                         หลังจากทิ้งผมที่ย้อมด้วยเฮนน่าไว้นานตามที่ต้องการแล้วให้สระด้วยน้ำสะอาดโดยไม่ต้องใช้แชมพู เช็ดผมให้แห้ง เป็นอันเสร็จวิธีการย้อมผมโดยสูตรน้ำยาย้อมจากธรรมชาติ.


ที่มา  http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=457&contentId=28587

 
 

จากคุณ : ญี่ปุ่น35
เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 03:07:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com