"ภูมิแพ้" กระทู้นี้เกิดเพราะหลังไมค์มาถามเรื่องนี้กันมากค่ะ
|
|
เวลาอ่านเจอทีไร จะเจอประโยคว่า แพ้ขนแมว เป็นภูมิแพ้ขนสัตว์
แต่ความจริงแล้ว ภูมิแพ้"ขน" ไม่มีในโลกใบนี้ค่ะ แต่เวลาถ้าคุณไปหาหมอ หมอจะพูดให้คุณเข้าใจง่ายๆว่ามาจากสัตว์เลี้ยง เพื่อเค้าจะได้ตัดปัจจัยเสี่ยงออก แล้วให้ยาคุณได้ง่ายขึ้นค่ะ
สิ่งที่มีืที่อยู่บนตัวสัตว์ ที่คนสามารถแพ้ได้คือ - แพ้โปรตีนที่อยู่ที่ขนหรือผิวสัตว์ - แพ้น้ำลายเห็บหมัด อย่างอื่นๆเคยพบคือ - แพ้ไรฝุ่น - แพ้แมงสาบ - แพ้อากาศ -แพ้เกษรดอกไม้ - แพ้ฝุ่นกระดาษ - แพนิกเกิล โครเมียม เป็นต้น
วิธีแก้เบื้องต้น ที่นิยมทำกัน ทำความสะอาดให้บ่อย มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เรียบร้อยขึ้น นั่นหมายถึง สะอาดทุกซอก รู หลืบ ของบ้าน
ใช้เครื่องฟอกอากาศ เปิดประตู หน้าต่างระบายอากาศและขน ดูดฝุ่น ถูบ้านบ่อยๆ อาจจะใช้เดทตอลผสมเช็ดก็ได้ค่ะ ผ้าม่าน พรมอย่าให้มี ผ้าม่านเปลี่ยนเป็นมูลี่ก็ได้ค่ะ ผ้าปูเตียงเปลี่ยนบ่อยๆ อาทิตย์ละครั้งเลยค่ะ
อาบน้ำแมวบ่อยๆ เช็ดตัวแมวทุกวัน ถ้ามีปัญหาเรื่องขน เปลี่ยนอาหารที่ดีหน่อย ที่ทำให้ขนร่วงน้อยลงหน่อยก็จะช่วยได้ค่ะ ถ้าคุณบอกว่าแพ้ขนแมวแล้วละก็ มันเลือกไม่ได้หรอกนะคะ ว่าจะแพ้แมวขนสั้นหรือขนยาว
สิ่งที่ต้องทำอย่างมาก ถ้าคุรคิดว่าเป็นภูมิแพ้ - ทำเทสที่ท้องแขน - ทำเทสโดยแปะแผ่นทดสอบไว้ที่กลางหลัง (อันนี้โหดค่ะ ห้ามโดนน้ำ 3 วันด้วย) (อันนี้เราทำกะอาจารย์หมอที่จุฬา ผลคือแพ้เหล็ นิกเกิล โครเมี่ยม ฯลฯ) นั่นหมายถึง ลูกบิดประตู เหรีนญบาท ห้ามจับ!! หมอเห็นเราใส่TAGนาฬิกาสแตนเลส หมอสั่งให้ถอด! ทั้งที่เรือนนี้ อยู่กะเราตั้งแต่เด็กเลยอะใส่มาจะร่วม20ปีได้ - ไปทำหลายโรงพยาบาลค่ะ หมอแต่ละคนบอกเลยว่า วินิจฉัยโรคต่างกัน ----------------------------------
เรื่องข้างล่างที่เรากำลังจะพิมพ์นี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของเรา
ตั้งแต่เด็กจนถึงมัธยมต้น เราแข็งแรงมากๆ หวัดยังไม่เคยได้แอ้มเราเลย แต่ปัจจัยเสี่ยงเกิดแต่เราเด็กเลยค่ะ เพราะ - พ่อเราสูบบุหรี่และเราติดพ่อมาก พ่อไปไหนเราไปด้วยด้วย จะต่างกับพี่สาวที่จะติดแม่มากกว่า ดังนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ ควันบุหรี่เป็น หนึ่งใน อ็อกซิเจนประจำวันของเรา - บ้านเราทำโรงพิมพ์ค่ะ ถ้าใครเคยเข้าโรงพิมพ์จะรู้ว่า ฝุ่นกระดาษ มันเยอะ ฟุ้ง และมากจริงๆ - เนื่องจากเป็นโรงพิมพ์ เบนซิน ทินเนอร์ น้ำมันก๊าด ไม่ต้องห่วงค่ะ ต้องมีแน่นอน
พอเริ่มขึ้น ม.3 ผลจากปัจจัยเสี่ยงเริ่มออกชัดมากขึ้นค่ะ อาการที่เคยเป็็นตอนเด็กสมัยประถม ที่ใครๆคิดว่า วูบ ลุกเร็วไป เดินเร็ว ชอบทำอะไรเร็วๆ หรือที่ชอบเรียกกันว่า "หน้ามืด" ก็เริ่มออกค่ะ เราวูบ ล้มไปเลย กำลังถือถังหน้าถูบ้าน ก็กระจุยกระจาย เราล้มในครัว ดังนั้น ถ้วยไหกะมังรอบข้าง ร่วงกราวตามตัวเราค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แม่มาเขย่าเรียก และถามว่าเป็นอะไร เราตอบไม่ได้ค่ะ รุ้แต่ว่า ได้ยินเสียงตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มองไม่เห็น!! ทุกคนเข้าใจว่า วูบ หรือเป็นลม ก็จบไป หลังจากนั้นผ่านไปสักพัก ขึ้น ม.4 เรียนสายวิทย์ เรียนหนักมากค่ะ แข่งกันตลอด ซึ่งรุ่นเราเป็นรุ่นแรกที่เป้นหนูทดลองการใช้ระบบEntranceเข้ามหาลัยแบบใหม่(แบบที่ใช้กันปัจจุบัน) เมื่อเรียนมากขึ้น ทั้งโรงเรียน และพิเศษ โรคที่ตามมาคือ ไมเกรน ค่ะ เคยปวดมากจนลงไปนอนดิ้นแด่วๆเลยละ และแล้วก็ไปหาหมอค่ะ หมอถามไปถามมา แม่ก็นึกได้เลยเล่าให้หมอฟังว่าเราเคยล้ม ผลคือ ถูกจับสแกนสมอง ตรวจคลื่นสมองค่ะ ผลตรวจคือ คลื่นสมองผิดปกติ (เป็นลมชักประเภทหนึ่งไม่เหมือนกับที่เป็นลมบ้าหมุนะคะ) ก็รักษาไปสักพัก เราแพ้ยา ปากเน่า ตัวเน่า ตัวลาย บวม ทั้งที่น้ำหนักเท่าเดิม โดยหมอ ปฎิเสธอาการแพ้ของเราและปฎิเสธการรักษาและ เอายาที่เราแพ้เก็บกลับคืนไป!! เราโกรธมากเลยค่ะ เลิกกินยา เลิกหาหมอเลย ช่างมันไปเลย
พอเข้ามหาลัย ความจำเริ่มลดลง เริ่มขี้ลืม ซึ่งปกติ เด็กๆ จำแม่นมากๆค่ะ ความจำดีสุดๆเลยค่ะ ต้องนั่งรถไป-กลับมหาลัยซึ่งไกลบ้านมากๆค่ะ สักหลายเดือนเริ่มเห็นผลค่ะ พักผ่อนไปพอ กินข้าวไม่ตรงเวลา ผลคือ ภูมิแพ้บุกอย่างแรงค่ะ ถึงขนาดต้องหามกันไปให้อ็อกซิเจนที่โรงพยาบาลเพระาจะชักค่ะ เนื่องจากหายใจไม่ออก น้ำมูกไหลตลอด อ้าปากช่วยอย่างเดียวมันไม่พอค่ะ ยาทุกแขนง ทั้งกินทั้งพ่น ที ่โรงพยาบาลชอบจ่ายให้ ก็เอาเราไม่อยู่ค่ะ กินไปทำไรไม่ได้เลย บวกกับเรียนหนักขึ้น ไมเกรนกำเริบบ่อย ดังนั้น โรงพยาบาลจึงเป็นบ้านที่สองของเราเลยค่ะ หลังจากนั้นพี่สาวก็เลยจับตรวจร่างกายทุกอย่าง และได้ผลเพิ่มขึ้นอีกอันคือ เป็น "พาหะธารัสซีเมีย" (เริ่มเลี้ยงแมวจริงจังก็ตอนเข้ามหาลัยนี่ละคะ) กิน นอนด้วยกันเลย
ถ้าป่วยไม่ว่าด้วยอะไรก็ตาม หรือเพียงแค่เล้กน้อย เช่น หวัด เจ็บคอ คนอื่นกินยา สามวัน เจ็ดวันหาย แต่เรา จะเหี่ยวลงซีด เป็นเดือนค่กว่าจะดีขึ้น
สุดท้ายเราเรียนจบ แล้วซื้อบ้านแถวรังสิตย้ายไปอยู่ อาการภูมิแพ้ ไม่ค่อยเป็นนอกจาก ช่วงก่อนฝนตก เราจะหายใจไม่ออก เรียกว่าแม่นเหมือนกรมอุตุเลยก็ว่าได้ ไมเกรน ดีขึ้นค่ะ เพระาเรียนจบแล้ว ไม่ค่อยเครียด แต่นี่ละ มันเป็นผลพวงของลมชัก ที่ไมเกรนดีขึ้น เพราะเราขี้ลืมมากขึ้น ความจำสั้นลง พูดปุ๊ปลืมปั๊ป เดินไปจะเอาของไปถึง นึกๆ ตูเดินมาทำไมกัน แต่นั้นก็ยังไม่ทำให้เราไปหาหมอนะ
จนกระทั่ง....... วันลอยกระทงค่ะ ไปเที่ยวเล่นในดรีมเวอร์ เห็นผลเลยค่ะ กลับมานอนทรมาน อยู่หลายวัน ปวดหน้า ปวดตัว เดินไมาถูก ตาลาย หายใจไม่ออก ยากิน ยาพ่น ยาขยายหลอดลม สารพัด ทำอะไรไม่ได้ อาเจียน นอนอยู่แต่บนเตียงตลอด จนสุดท้ายไม่ไหว ไปโรงบาลแถวนั้น หมอจับx-rayละบอกว่าเป็นไซนัส ต้องผ่าตัดเอาหนองออก ทั้งที่ใช้ประกันเข้าไปนะ และไม่เคยเป็นไซนัสมาก่อน นอนโรงบาลอาทิตย์หนึ่งได้ แต่ไม่ดีขึ้น หมอจะผ่าเรากลัวค่ะ โทรกลับไปคุยกับแม่ แม่บอกให้นั่งแท้กซี่มาที่บ้าน (ไม่มีปัญญาขับรถไปเองค่ะ) เดินไปถูก กินไม่ได้ ตาลาย อาเจียน มาหาหมอตรงนี้ คือ ตรงไทยจักษุ มุมถนนเจริญราษฎร์ค่ะ แต่ก่อนอยุ่ตรงกิมไปท์ หมอมี 2 ท่าน หมอสามีตรวจตา หมอภรรยาตรวจภูมิแพ้ รักษาแค่นี้ค่ะ อย่างอื่นไม่รักษา หนีบเอาฟิลม์ x-rayมาให้หมอภรรยาดู หมอยิ้มบอก ไม่เป็นไรหรอก ผ่าไรกัน เอายาไปกิน กินแล้วดีขึ้นกลับมาทำเทสดูนะ (ก่อนนหน้านี้เราเคยทำเทสที่พญาไทค่ะ หมอบอกเราแพ้ ไรฝุ่น น้ำลายเห็บหมัด ขนสัตว์ แมงสาบ ฯลฯ ว่าไง หยดไรมา แขนเราแดงเป็นวงๆไม่หมดเลยละ) ละจะให้ฉีดยากระตุ้นภูมิ เราก็นึกในใจ โห จะไหวมั้ยเนี่ย ทั้งเห็บ แมงสาบ ฝุ่น กว่าจะไล่ฉัดหมด ตรุตายแน่ๆ ก็เลยบอกหมอ คราวหน้าค่ะ แล้วหายหัวไปเลยค่ะ ละก็ไปทำเทสอีกที่คือที่ BNH ที่นี่เป็นที่ตรวจว่าเราเป็นธารัสซีเมีย รักษาทั้ง ธารัสซีเมียและ ภูมิแพ้ รักษา/ไปสักพัก หมอรู้ว่าเราเลี้ยงแมว และไม่ยอมแยก แยกในที่นี้หมายถึง อยู่กันคนละบ้าน จริงตอนแรก แยกแล้วนะ แมวอยู่อีกบ้าน แต่ตัวเรากลับมาอยู่บ้านแม่ แต่ อยู่ได้ 3 วัน ทนไม่ได้ค่ะ แอบใช้คุณแฟน ขับรถพาแมวกลับมาให้ทีละตัวๆ จนเอามา 3 ตัว คือ ถ้าไม่มีแมวมานอนด้วย มานวด มากอด นอนไม่หลับค่ะ พอหมอรู้ก็บอก ชั้นจะไม่รักษาเธอแล้ว
แล้วแม่ก็บังคับเรากลับไปทำเทสกับหมอคนเดิมที่รักษาไซนัสให้เราค่ะ ผลก็คือ แพ้อากาศ ไรฝุ่น น้ำลายเห็บหมัด ประมาณนั้น กินยาไปสักพักหมอก็ให้เราฉีดยากระตุ้น ฉีดมาได้เกือบปีก็เลิกค่ะ ไม่ไหว ยิ่งฉีดยิ่งคัน ยิ่งหายใจไม่ออก
เราเองก็มานั่งดูยา มือๆนึงกินยา สีสาีรพัดยังกะลูกกวาด ยาไมเกรน ก็ปาไป 5-6เม็ด กินเหล็ก กินโฟเลท กินยาภูมิแพ้ ฯ กินจนบางครั้งอาเจียนค่ะ ละด้วยความที่เป็นคนท้องผูก (ผูกเหมือนกันทั้งบ้านค่ะ) ต้องพึ่งยาระบายวันละ 7-8เม้ด ทุกวัน ไม่ไหวค่ะ วันนั้นตัดสินใจ ทิ้งยาให้หมดแล้วก็พูดกับตัวเองว่า "ชั้นไม่ได้เป็นอะไร"
จนล่าสุด ปีที่แล้ว เราไปส่งแม่ซื้อยาคลินิคใกล้ๆบ้าน หมอก็นั่งคุยอย่างเป็นกันเอง ด้วยความที่ลูกสาวหมอเรียนอัสสัม และเราก็ศิษย์เก่าอัสสัม จึงคุยกันถูกคอคะ คุยไปมา ก็เล่าเรื่องที่กเิดขึ้นกับหมอคนก่อนๆให้หมอคนนี้ฟัง หมอบอกว่า ถ้าปล่อยไป เราจะลืมค่อยๆลืม จนจะจำอะไรไม่ได้เลย
ท้ายสุด.... เราถูกส่งไปตรวจที่จุฬา ด้วยอาการโรคลมชักที่ว่า มันคือ โรค พาร์กินสันประเภทหนึ่ง จนตอนนี้ เรากลายเป็นคนไข้ในโ๕รงการของเจ้ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ค่ะ ทานยามาสักพัก แพ้ยาอีกแ้ล้วค่ะ เดินต้องหาคนเกาะ ไม่งั้นล้มค่ะ ขาเป็นผื่น ตัวรุมๆแต่ก็ยังเถียงกับแม่ว่าไม่แพ้ = =" หมอถามประวัติการรักษาเราก็ตอบไม่ได้ ท้ายสุด ต้องเริ่มใหม่ค่ะ แต่โชคดีว่ าเราจำหน้าตายาที่ทำให้เราแพ้ได้ เราจึงบอกหมอว่าถ้าเห็น เราชี้ถูก แต่ไม่รู้ชื่อท้ายสุดก็ชี้ถูกด้วยนะ ^^ ทีนี้ก็ต้องไปเช็คกันทุกเดือน ทุก 2และทุก3 เดือนค่ะ ละหมอก็ให้ไปตรวจคลื่นสมองใหม่ ละ ทำ CT scan ซึ่งมันหน้ากล้วววววมากเลยค่ะ >< ผลออกมาดีค่ะ เนื้อสมองยังไม่เป็นอะไร กินยาต่อไปเรื่อยๆ ก็หายได้
ไปตรวจเลือด ค่าเลือด จากที่ตอนกินยาตอนนู้นนนกับตั้งแต่ทิ้งยาไปละไม่ตรวจอีกเลย โดยปล่อยผ่านไป4-5ปี ค่าเลือดออกมาดีขึ้นกว่าเก่าค่ะ
แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 01:19:45
จากคุณ |
:
เฉาก๋วยอินเตอร์
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ต.ค. 52 01:03:53
|
|
|
|