ความคิดเห็นที่ 1 วันๆ ก็มีแต่แมววววววววววววววววววววววววววววววววววว   มีหมาบ้างเป็นบางครา (ลงรูปหน่อยจะได้ไม่ผิดกระทู้) จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 01:47:16

ความคิดเห็นที่ 2 หลังจากที่ไม่สนใจการเรียนมานาน  ตอนนี้ก็เริ่มจะแก่   เค้าก็เริ่มคิดได้  (ช้าไปป่าวเนี้ยะห๊าาาา)  เริ่มหาความชอบและตัวตนเจอ จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 01:48:42

ความคิดเห็นที่ 3 ก็เลยตั้งเป้าหมายให้ตัวเองไว้  เอาวุ้ย!!!  ได้เวลาสตาร์ทแล้ว จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 01:50:08

ความคิดเห็นที่ 4 เล่าก่อนว่า  ตอนเด็กๆ นี่แม่สปอยเรามาก  เพราะเมื่อก่อนเค้ามีกิจการ  แถมเป็นลูกคนเดียวที่เค้าได้เลี้ยง  ก็เลยเอาแต่ใจตัวเองอย่างแรง ตอน 3 ขวบเค้าจับเราไปโรงเรียน  เสียค่าเทอมไปเยอะเหมือนกันมั๊ง  พอตอนเย็นรถโรงเรียนมาส่ง  เรางี่เง่ามาก   พี่ออกมารับก็บอกให้คนนั้นมารับ  คนนี้มารับก็บอกให้คนโน้นมารับ  พอเค้าผลัดกันมาครบก็บอกให้แม่มารับ  แม่มารับก็บอกให้พ่อมารับ    ฮร่วย...หาเรื่องแท้  พ่ออยู่บ้านที่หนาย   แต่ก็นะ  เกาะรถไม่ลงวุ้ย....  (ทีขาไปโรงเรียนไม่ไป)  จนแม่ต้องออกมารอบสอง  แล้วรวบหัวรวบหาง   ผลที่ได้.............   แหกปากลั่น   อาละวาดอย่างแรง  จนกระทั่ง  แม่ยอมเรา  รอปีหน้าค่อยเข้าเรียน  (ดื้อมะ) จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 01:56:48

ความคิดเห็นที่ 5 เข้าเรียนแล้วพี่ก็ไปรับไปส่ง  เอาข้าวไปป้อนเราทุกวันตอนเที่ยน  คุณหนูว่ะ -*- บอกเลยว่า  เรียนไม่รู้เรื่องอ่ะ  แล้วเป็นไรไม่รู้  ครูไม่ชอบหน้าเราตั้งแต่อนุบาล  แล้วเราสายตาสั้นตั้งแต่เด็ก  ก็มองกระดานไม่เห็น  ก็เลยเรียนไม่รู้เรื่อง (แถมตอนอนุบาลสองย้ายโรงเรียน แต่ไม่มีใบบอกว่าผ่านอนุบาลสองเลยต้องมาซ้ำอนุบาลสอง เลยเป็นเรียนช้าอีก ) แต่ก็เรียนอยู่ห้องกลางๆ มาตลอดนะ  แล้วพอเราเข้าประถม  ก็ดันไม่ถูกกะครูสอนภาษาอีก  เหตุเพราะ  ตอนนั้นพ่อเราขับรถ BENZ  แล้วพอเราลงจากรถ  ก้มหน้าไหว้ครู  แล้วครูไม่รับไหว้  มัวแต่หยอดสายตาให้จุนป้อ   (ที่เห็นเพราะมองตามสายตาครูไป)   เราก็ยืนอยู่อย่างนั้น  พอครูมองมาที่เรา  เราก็ทำหน้า ชิๆ ใส่   เดินเข้าโรงเรียนไปแล้วหันหลังกลับมามอง  ฮ่า!!! จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:05:38

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากนั้นครูคนนี้ก็จิกเราตลอด  เล็กๆ น้อยๆ ก็จะหาเรื่อง  แต่หาไม่ค่อยได้  เพราะเราไม่ได้ปรี๊ดปร๊าดอะไร   จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:06:50

ความคิดเห็นที่ 7 จนกระทั่ง  ต้องย้ายมาอยู่สมุทรสาครตอน ป.6  โห  ตกอับอย่างแรง  จุนพ่อไม่ค่อยใส่ใจเรื่องละเอียดละออ  เลยได้ไปเรียนโรงเรียนวัด!!!  -*-   จากโรงเรียนเอกชนค่าเทอมเกือบหมื่นนี่นะ    (ไม่รู้ราคาที่แน่นอน  เอาเกือบดีกว่าเป็นหมื่นเนอะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้) เด็กวัดแอนตี้เราอ่ะ  จะอยู่กลุ่มเรียนเก่ง  คนเรียนเก่งจะรับ  แต่คนที่ทำตัวเด่นในวงแบนเราเฟ้ย  -*-   ชีวิตตู  ใครลิขิตฟร่ะ   เฮ้อ.....มีกรรมกับการเรียนจิงตู   พอจบ ป.6  ก็จะเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด  แต่สอบไม่ได้  แล้วพ่อไม่สนับสนุนการอุด  เลยต้องไปโรงเรียนทางเลือก  (ที่เค้าไม่ค่อยจะเลือก  ) ก็นะ.....มีแต่เด็กอะไรไม่รู้อ่า เรียนสายวิทย์-คณิตนะ  คณิตไม่เท่าไหร่แต่วิทย์ได้ 4 ตลอด  จนกระทั่งตอน ม.2  ครูอังกฤษเค้าเป็นพี่น้องกับครูวิทย์  เค้าได้ยินว่าเราเรียนวิทย์เก่ง  เลยอยากให้เราเก่งอังกฤษ  แต่ใจไม่รักอ่ะ  แล้วไม่รู้เรื่องด้วย  ก็เลยเกือบตกมาตลอด จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:13:04

ความคิดเห็นที่ 8 ผ่านไปผ่านมา  กาลเวลาเลยผ่าน  เพิ่งจะรู้ตัวเองว่าชั้นชอบภาษา   แต่รู้สึกว่า  เราเรียนเองไม่ได้  ต้องมีคนสอน  เพราะวิชานี้  มันลำบากเกินไป  -*-   สำหรับเราในการเรียนเอง จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:14:28

ความคิดเห็นที่ 9 ก็เลยอยากจะมาปรึกษา  ใครพอจะมีวิธีแนะนำเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาบ้างค่ะ  มีทริกอะไรกันบ้างอ่ะ   อีกอย่าง  ใครที่ไปเรียนโรงเรียนสอนภาษามาแล้วบ้าง   มีที่ไหนดีๆ บ้าง   เอาจริงแล้วนะ   แก่แล้ว    ขอทำตามที่ใจตัวเองชอบบ้างเหอะ  หลังจากที่ตอนเด็กๆ  อยากเป็นโน่นแม่ก็บอกไม่ดี  อยากเรียนนี่พ่อก็ไม่ชอบ   จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:18:18

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณล่วงหน้าก๊ะ   จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:22:29

ความคิดเห็นที่ 11 หุหุ ถ้าใจเราชอบจริง รับรองว่าไม่นานก็เป็นถ้าเรียนจริงๆ จังๆ ค่ะ ทุกวันนี้พี่ก็พูดได้ค่อนข้างดี เขียนได้ปานกลาง อ่านได้ดี ฟังได้ปานกลางค่ะ เทคนิคคือความกระแดะค่ะ....กล้าที่จะพูด จะคุยด้วยภาษาอังกฤษ จนเพื่อนว่าบ้า เพราะมันฟังเราออกมั่ง ไม่ออกมั่ง อีกอย่างคือความพยายามค่ะ ดูหนัง ฟังเพลงเยอะๆ เลือกเพลง เลือกหนังที่เราชอบ เราก็จะอดทนฟัง ดู ได้นานขึ้น ช่วงพี่หัด พี่หัดกับซีรี่ย์ต่างๆ Desperate Housewives, Grey's Anatomy, CSI, Criminal Minds, Ugly Betty ฯลฯ เพลงก็ฟังที่ทำนองเพราะ พอเราชอบเรามักจะอยากหาความหมายค่ะ ก็ไปหาตัวแปลจากเน็ตมาเทียบค่ะ หนังสืออ่านนอกเวลาที่เป็นเรื่องสั้นๆ ภาษาเข้าใจง่าย ก็ช่วยได้ค่ะ....มีบางคนใช้เทปฟังเอา พี่ไม่ชอบ ผลคือฟังฝรั่งไม่ค่อยรู้เรื่อง อีกอย่างคือเวลาเจอฝรั่งยืน งง ตามห้างพี่ส่งสายตาให้ก่อนเลยค่ะ....ไม่ได้ยั่วนะ แค่บอกว่ามีอะไรถามชั้นได้นะ อิอิ เทคนิคสุดท้ายคือเล่น Yahoo แชทเข้าไปค่ะ.....ได้ทักษะการพิมพ์ด้วย และตัวช่วยก็คือโปรแกรมดิกชันนารี่ค่ะ......ทั้งหมดที่กล่าวมา บอกได้เลยว่า ถ้าไม่ชอบภาษาจริงๆ จะค่อนข้างยากมาก เปรียบเทียบกับเพื่อน เรียนมาด้วยกันตั้งหลายตัว พี่ทำทุกอย่างที่บอกมา เพื่อนไม่ทำอะไรเลย เข้าชั้นเรียนคุยกับอาจารย์อย่างเดียว พี่ได้ภาษาอังกฤษ 70% เพื่อนพี่ได้ 30-40% เท่านั้นค่ะ......ที่สำคัญที่สุดคือความพยายาม และความอดทน ใฝ่รู้ เป็นหลักค่ะ ขอให้หนูดีประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ........โรงเรียนสอนภาษามากมาย RMIT, ตระกูล British ทั้งหลาย Wall Street ฯลฯ มากมายค่ะ หนูดีต้องระบุความต้องการมาค่ะ จะได้บอกถูกว่าเหมาะกับสถาบันไหน อิอิ Ps. การฟังเป็นเรื่องยากหน่อยสำหรับพี่ เพราะฝรั่งหลายสำเนียงเหลือเกิน ที่พี่ฟังรู้เรื่องก็สำเนียงอเมริกัน รองลงมาก็อังกฤษ มีวันนึงฝรั่งเดินมาถามหาร้านวัตสัน ที่สีลม พี่ได้ยินเป็น เวสเทิร์น(ที่รับแลกเงิน) ฮามาก 555 เดินพาเค้าไปเฉยเลย หัวเราะทั้งคนไทยทั้งฝรั่ง 555..........แต่จำไว้เลยค่ะว่าฝรั่งส่วนใหญ่เค้าจะไม่ค่อยถือสาเราเวลาพูดผิดหรืออะไร เพราะฉนั้นไม่ต้องอายค่ะ เค้าจะพยายามทำความเข้าใจกับเรามาก ชอบฝรั่งตรงนี้ด้วยค่ะ อาจารย์ที่มหาลัย หล่อมาก อยากเข้าเรียนทุกวันเลย ชื่อ เอเดรียน ไมเยอร์ คนแคนาดาค่ะ อิอิ แอบโชว์นิดนึง จากคุณ : ดาวไร้แสง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 02:55:00

ความคิดเห็นที่ 12 สถาบันสอนภาษาวอลล์สตรีท http://www.wallstreet.in.th/th/index.aspx ลองหาข้อมูลดูน่ะหนูดี น้องชายพี่เรียนที่นี่ก็เรียนสามารถสอบTOEICได้650พี่ก็ไม่รู้เรื่องราคาหรอก แต่ว่าเค้าคงเลือกแล้วว่าที่นี่ดีคงทำให้น้องพี่มีความสามารถได้ถ้าไม่ถูกใจก็ลองหาดูที่อื่น พี่จะช่วยดูให้ด้วยอีกแรงถ้าเกิดว่าเราได้คะแนนดีเค้าก็อาจจะจีบเราทำงานร่วมกับเค้าเลยค่ะมีหลายตำแหน่งเหมือนกันเงินเดือนก็พอสมควร ยังไงแค่นี้ก่อนน่ะ พี่กลุ้มใจมากเลย ตอนนี้ยังหาการ์ต้าไม่เจอเลย พี่ก็ได้แต่รอ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 09:52:58 จากคุณ : การ์ต้าแคท เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 07:46:03

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเรียน AUA ตั้งแต่มัธยม ก็โอนะครับ ได้สำเนียงดี แต่ที่สำคัญ ภาษาอังกฤษเป็น ทักษะ (skill) คุณต้องหาโอกาสใช้มันเยอะ ๆ เช่น ซื้อของมาใหม่ ก็เลือกอ่านคู่มือเล่มที่เป็น Eng ดิกชันนารี เป็นไปได้ก็เลือก Eng-Eng ผมชอบเล่นเกม ผมก็เลือกเล่นเกมภาษาอังกฤษ นิยายภาษาอังกฤษก็มีอ่านบ้างสองสามเล่ม สรุปว่าต้องใช้เยอะ ๆ ครับ เรียนอย่างเดียวไม่ได้หรอก จากคุณ : Gorath เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 08:47:15

ความคิดเห็นที่ 14 Wallstreet แพงง่ะ เราเคยเรียนที่ British กับ AUA ถ้าอยากเรียนให้ได้ดีจริงๆ เลือกลงที่สาขาแถวๆที่นักท่องเที่ยวเยอะๆอ่ะ เพราะคนที่ไปเรียนเค้าจะเก่งๆ ทำให้เราต้องกระตือรือร้นตามเค้าให้ทัน อย่าง AUA แนะนำให้เรียนที่ราชดำริค่ะ ถูกด้วยนะ สำหรับเราเองรู้ตัวว่าชอบภาษาอังกฤษแต่เด้กแล้ว ก็เลยทฤษฎีค่อนข้างดี แล้วเพิ่งจะมาได้ใช้จริงจังตอนที่ทำงานกับBoss ช่วยเรื่องฟัง พูด ได้อีก แต่เรายังอยากกลับไปเรียนตอนมัธยมใหม่เลย อิอิ เพราะช่วงนั้นเรียน Gramma เยอะดี เและตอนนี้บางอย่างเราก็ลืมไปบ้าง เท่าที่เราไปเรียนมา คนไทยกลัวที่จะอ่านออกเสียงแบบฝรั่งง่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างที่คุณดาวไร้แสงบอกอ่ะค่ะ คนไทยพูดอังกฤษก็เหมือนกับคนฝรั่งหัดพูดไทยแหละ ทุกวันนี้จะซื้อ DVD มาดูรอบแรกก็อ่าน Subtitle Thai เอาพอหลังๆ ดูรอบ3 ก็อ่าน Sub Eng เราจะได้รู้ว่าเวลาเค้าออกเสียงกับคำหรือประโยคนี้ เค้าออกเสียงยังไง ก็สู้ๆนะคะ หรือจะหาอาจารย์หล่อๆมาเป็นแรงบันดาลใจก็ดีนะ แต่หนทางที่ดีที่สุดคือ หาแฟนฝรั่งค่ะ 55555 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 08:51:58 จากคุณ : PusZehCat เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 08:51:08

ความคิดเห็นที่ 15 เราเองเริ่มฝึกเองเริ่มแต่ฟังสถานีที่พูดแต่ภาษาอังกฤษ ดูการ์ตูนเด็กๆ ที่เป็นเสียง soundtrack หนังการ์ตูนภาษาพูดจะช้าและชัดกว่าหนังทั่วไปค่ะ แรกๆ ก็ฟังให้มันคุ้นภาษา ไม่ต้องเอารู้เรื่อง สักพักก็จะเริ่มจับคำได้ อ่าน student weekly ไม่ต้องแปลได้ทั้งหมดแค่จับใจความให้ได้ก่อน เล่นเกมส์เดี๋ยวนี้มีเกมส์พวกคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมาย ตอนนั้นทำงานบริษัทต่างชาติมีเพื่อนเป็นฝรั่ง บังคับมันให้โทรมาคุยวันละ 2 ชั่วโมง จะเริ่มคล่องขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเก่งภาษาต้องอาศัย ใจกล้า หน้าด้าน ต้องหมั่นพูด อ่าน เขียน บ่อยๆ ถ้าอายจะไม่มีทางพูดได้เลยค่ะ แรกๆ ไม่ต้องสนใจแกรมม่า เอาแค่สื่อสารเข้าใจก่อน อย่างอื่นจะค่อยๆ ตามมา จากคุณ : ชื่นใจจัง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 09:30:31

ความคิดเห็นที่ 16   พี่จบเอกภาษาอังกฤษ ว่างๆ มาเรียนกะพี่มะหนูดี แต่ที่ไม่ได้สอนใคร เพราะขี้เกียจพูดอ่ะ เอ๊ะ อย่างงี้จะเรียนได้ไหมหว่า จากคุณ : june the fourth เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 09:31:38

ความคิดเห็นที่ 17   โทษทีไม่ได้หมายถึงปริญญาเอกนะ หมายถึงวิชาเอกน่ะ จากคุณ : june the fourth เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 09:33:07

ความคิดเห็นที่ 18 www.thaicabincrew.com เข้าไปอ่านเล่นๆๆน่ะหนูดีมันเป็นเวปเกี่ยวกับลูกเรือสายการบินต่างๆๆ น่าสนใจดี จากคุณ : การ์ต้าแคท (การ์ต้าแคท) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 10:09:05

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เคยไปเรียนภาษาอังกฤษ แบบเรียนเพื่อนพูดอ่านเขียน เพราะขี้เกียจค่ะ ตอนมัธยม ครูสอนภาษาอังกฤษ ส่งเพื่อนฝรั่ง มาสอนเป็นครั้งคราว แต่ต้องไปสัมภาษณ์ฝรั่งมา present เดือนละเคส หรือ จับไปเรียนกับหนังที่ครูชอบ จากนั้นให้เขียนรายงานส่ง ผลคือ ฟังรู้เรื่อง แต่พูดมะได้ เนื่องจากไม่ยอมพูด พอเข้ามหาลัย ภาษาอังกฤษเรียนกับครูอเมริกัน 2  เทอม กล้าพูดขึ้นหน่อยเพราะถ้าไม่พูดจะสอบตก พอเรียนจบ ทำงานกล้วกลับมาเรียนต่อ ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากดันมีชาวต่างชาติมาเรียนด้วย เลยถูกบังคับให้พูดค่ะ ผลคือ พูดได้ค่ะ ถ้าไม่พูด ต้องทำงานคนเดียว ไม่มีคนช่วย แต่ที่ทำให้กล้าพูดจริงๆ คือตอนไปทำงานร้านที่มีลูกค้าเป็นฝรั่ง แบบว่าถ้าพูดหรือฟังไมได้ จะขายของไม่ได้ ยอดตก ถูกด่า อีกอย่างคือการพา คุณครูฝรั่งที่มาประชุมเมืองไทยไปเที่ยว แบบว่า ถ้าไม่มีใครพูด คุณครูฝรั่งก็ชวนพูด พูดมากจริงๆ เลยต้องพูดมากตาม ปัจจุบัน พูดได้ แต่ไม่ชอบพูด เขียนได้ เพราะต้องเขียน ฟังได้ปรกติ แค่คุณครูฝรั่งบอกว่า ถ้าจะเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาใดให้เก่งๆ แนะนำให้หาแฟนที่พูดภาษาที่เราอยากเก่งน่ะค่ะ อิอิ ประหยัดตังค์ จากคุณ : alexandrin เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 10:21:02

ความคิดเห็นที่ 20 โห่  พี่เรียนปริญญาตรี ปี 1 ตอนอายุ 25  จบปริญญาตรีตอนอายุ 30 ไม่อยากจะคุย หนูดีอายุนิดเดียว ยังมีโอกาสเรียนได้อีกแยะ เรื่องภาษาอังกิดนี่   ณ ตอนนี้ สื่ออินเตอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์ ซีดี บทเรียนเยอะมาก  ก็ลองเลือกที่เป็นแบบ ชุดการเรียน ที่เราสามารถได้ฝึกทักษะไปด้วย แต่เรียนคนเดียวไม่ค่อยสนุก ต้องมุ่งมั่นพอสมควร พี่เคยเรียนที่ AUA ก็โอเค.นะ สนุกดี แต่เรียนแค่ ระดับ 3 แหะๆ :P AUA แถวฝั่งธน ก็ประมาณ ท่าพระอ่ะ จากคุณ : ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 10:25:40

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ได้เรียนแต่อาศัยอ่านเอาเอง และพยายามคุยกับคนต่างชาติบ่อยๆ แบบเห็นเขายืนทำหน้างงๆ ก็เข้าไป ถามว่า Can I help you? เดี๋ยวก็ได้คุยครับ อิอิ ละก็ฝึกโดยดูหนังฝรั่ง sound track บ่อยๆ แล้วพูดตามประโยคที่ตัวละครพูด ไม่ก็ร้องเพลงแล้วก็หาเนื้อร้องมาร้องตาม ประมาณนี้ครับ ช่วยได้เยอะ จากคุณ : giganticdark เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 11:02:16

ความคิดเห็นที่ 22 1. ตอนเด็กๆ เพื่อนบ้านโตกว่าเราปีนึง เวลาปิดเทอมที เค้าก็จะโละๆหนังสือใช่มะ แม่เราก็ไปขอหนังสือภาษาอังกฤษเค้ามาให้เราอ่านเล่นตอนปิดเทอม เพราะรู้ว่าลูกชอบมาก พอเปิดเทอมไป เราก็จะรู้เรื่องทุกส่งทุกอย่างที่จะเรียนในปีนั้น เพราะเอาหนังสือรุ่นพี่มาอ่านก่อน 2. ชอบเพลงภาษาอังกฤษมาก ฟังไม่ฟังเปล่า หัดร้องตาม (ทำสำเนียง ทำซุ่มทำเสียงให้เหมือนด้วยนะ) ว่างๆก็เอาเนื้อเพลงมานั่งแปลเล่นเป็นภาษาไทย 3. ดูหนัง ดูซีรีส์ภาษาอังกฤษ แล้วทำเหมือนๆข้อ 2 คือเอาสคริปต์มานั่งท่อง เป็นการฝึกพูดดีๆนี่เอง 4. เขียนจดหมายภาษาอังกฤษ สมัยนี้ไม่เขียนจดหมายกันแล้วมั้ง แต่ถ้าจะฝึกการเขียน แกรมม่า กับคำศัพท์ เขียนจดหมายช่วยได้มาก เพราะว่าเราจะต้องแต่งประโยคภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่อ่านภาษาอังกฤษที่เค้าเขียนไว้อยู่แล้ว ต้องเปิดดิก เปิดหนังสือแกรมม่า เรียนรู้อะไรได้เยอะ 5. แชต เป็นการฝึกสนทนาที่ดีมากๆ เพราะจะต้องแต่งประโยคภาษาอังกฤษเองแบบเวลาจำกัด 6. คิดเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความที่เราชอบภาษามากไง เวลามองเห็นอะไรเราก็จะนึกถึงศัพท์คำนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าไม่รู้ก็เปิดดิก คลังศัพท์จะได้กว้างขวางดี 7. อ่านหนังสือสิจ๊ะ นิยงนิยายอะไรเราอ่านหมด อย่างตอนเด็กๆหน่อยเล่มนึงก็ใช้เวลาอ่านนานมากๆ มันก็จะพัฒนาขึ้นไปเอง ส่วนที่เรียนพิเศษไม่รู้ ไม่เคยเรียน ใช้วิธีข้างบนตลอด จากคุณ : The Field Where I Died เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 11:16:20

ความคิดเห็นที่ 23 เหมือนเราเลยค่ะ........พอคิดจะเรียนต่อ......สิ่งแรกคือต้องสอบภาษาให้ผ่านก่อนตอนแรกท้อเหมือนกันค่ะ....คิดในใจทำไมต้องเอาภาษามาเป็นตัวกำหนด.....แต่ก็คิดใหม่ค่ะเลยเริ่มอ่านเองมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หยิบหนังสือภาษาอังกฤษทุกเล่มที่ตัวเองมีขึ้นมาเริ่มอ่านเริ่มทบทวบ...เราคิดเสมอว่าความพยายามอยู่ที่ไหนบวกกับความตั้งใจที่เรามี...สักวันเราคงทำมันได้ดีค่ะ สู้ ๆ น่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : aynipa เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 11:26:57

ความคิดเห็นที่ 24 ทำงานที่สถาบันสอนภาษาอังกฤษค่ะ ตัวเองเป็นนักแปลเอกสารภาษาอังกฤษด้วย  แล้วก็มีคนรู้จักที่รับสอนภาษาอังกฤษราคาไม่แพงแต่ได้คุณภาพหลายคน ถ้ายังไงติดต่อมาได้นะคะ ยินดีให้คำแนะนำค่ะ ป.ล. ส่วนตัวเองไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มที่ไหนนอกจากโรงเรียนเลย อาศัยว่าเป็นคนชอบฟังเพลง ดูข่าว ดูบอลต่างประเทศ ก็เลยได้ไปโดยอัตโนมัติค่ะ และได้เอาความสามารถตัวเองมาใช้เป็นนักแปลอิสระหารายได้เพิ่มด้วยค่ะ ป.ลล. ภาษาอังกฤษจะยากช่วงแรกๆค่ะ แต่ถ้าเข้าใจธรรมชาติของมันเราก็จะสบาย สิ่งสำคัญคือพยายามอยู่กับมันให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ค่ะ รับรองไม่เกินความสามารถ จากคุณ : Prettypain เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 12:09:21

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าชอบจริงๆ   ก็ไม่ยากหรอก หัดฟังเข้าไป    ไอ่เพลงฝรั่งหน่ะ    ฟังแล้วพยายามแปลหาความหมาย ดูหนังซาวแทรค   ฟังเป็นไม่เป็นช่างมัน    ฟังฝึกสำเนียง ไม่เข้าใจดูซับไทเทิ่ลเอา    แต่ไม่ใช่เอาแต่อ่านซับนะ ดูแล้วเดาๆเอาบ้างก็ได้ พวกหนังสือพิมพ์อังกฤษเค้าจะมีฉบับแทรก   มีบทความสนุกๆก็เอามาลองอ่านดู    ขยันเปิดดิค   จะรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้น   ได้วิธีการเรียงประโยค แค่เนี้ยะ....อีกหน่อยก็เก่ง    ไม่ต้องไปเรียนให้เสียตัง ที่สำคัญคือมีความอยากเก่งอังกฤษจริงๆ   ขยันทำอย่างที่บอกเท่านั้นแหละ     รับรองไม่นานก็เก่งจ้า จากคุณ : แม่ไมโล เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 12:45:34

ความคิดเห็นที่ 26 สู้ๆๆๆๆ นะคะ สมัยเด็กๆอยู่ สตรีวิทย์เราโง่มากกกกกเรื่องภาษา เพราะได้แต่เลข ขนาดเทนส์ ยังไม่เข้าใจเลยว่าปัจจุบัน อดีต อนาคตมันใช้ยังไง เราอาการหนักมาก หลังๆๆๆเอาเว้ยท่องๆๆๆๆๆๆศํพท์ ยังไงๆๆๆๆ ถ้ารู้ศัพท์เยอะๆ มันต้องอ่านออกแปลออกมากกว่าคนอื่นแหล่ะ แกรมม่าไม่เข้าใจ เอาคำศัพท์ก่อนก็ได้ฟะ   หลังจากนั้นก็เริ่มคุยเข้าไป บ้าบอคอแตกก็พยายามพูด เรียงคำไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าได้คุยกับฝรั่ง เค้าจะแก้ประโยคให้เราเลย พอเราใช้บ่อยๆๆก็จะเก่งขึ้นเรื่อยๆค่ะ ที่สำคัญต้องกล้าพูดนะคะ อย่าอาย ถ้าอายแล้วไม่เกิดแน่ๆค่ะเรือ่งภาษาเนี่ย ไม่ต้องสนใจสำเนียง เรื่องฟังจะยากที่สุดสำหรับคนไทย เพราะฝรั่งที่มาจากต่างที่ก็จะมีสำเนียงต่างๆกันไป อันนี้ต้องอาศัยความเคยชินเอานะคะ ที่เรียนถ้าเน้นพวกพูด ก็ลองไปเรียนที่ AUA หรือ British council แล้วแต่ความชอบ และกำลังทรัพย์ (ถ้าบ้านใกล้บ้านเราแวะมาก็ได้นะจ้ะ เพราะบ้านเราพูด eng ทั้งบ้านตอนนี้) สู้ๆๆๆๆ จากคุณ : ~ k E t S y ~ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:05:53

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีรอบวงก๊าบ  ให้กิฟด้วยเน้อ  ใครให้กิฟไม่ได้เอา ไปเน้อ   ชื่นใจกิงๆ  มีคนเข้ามามากมาย   ตอนนี้ฟังเพลงปะกิตอยู่  พอจำเนื้อได้ก็เอาเนื้อร้องมาพูดเป็นสำเนียงพูด  เวลาขับรถไปฟังไป   ขนุนมันก็ทำหน้า งงๆ    แม่พูดกระเหรี่ยง   ที่แนะนำมา  ประเมินกับตัวเองแล้วว่า  เออ....เราไป 30% แล้ววุ้ย   ขอบคุณทุกคนนะก๊าบบบบบบบบบ   จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:38:27

ความคิดเห็นที่ 28 ขณะที่พิมพ์นี้ผมอยู่ที่อเมริกามาได้สามเดือนแล้ว มาอยู่กับน้องสาวที่แต่งงานกับอเมริกันที่นี่ พื่นฐานด้านอังกฤษของผมเข้าขั้นห่วยสนิท ชนิดไปสอบโทเฟลก็จอดตั่งแต่เขียนใบสมัคร แต่สามารถสื่อสารกับฝรั่งพอรู้เรื่องได้ จากความจำเป็นในงาน และการกล้าพูดกล้าคุย กับชาวต่างชาติในเมืองไทย พยายามสังเกตการออกเสียงเค้าแล้วเลียนแบบ แต่พอมาอยู่ที่นี้จริงๆ พบว่า ฝรั่งที่นี่กับที่บ้านเราไม่เหมือนกันแฮะ ที่บ้านเราเวลาพูดเค้าจะเข้าใจว่าเราไม่ถนัดภาษาเค้า จึงพยายามพูดช้าๆ และชัดๆ แต่ที่นี่ แม่เจ้า.. เข้าร้านอาหารครั้งแรก ฟังบ๋อยพูดไม่รู้เรื่องเลยครับ จากที่อยู่เมืองไทยยังสามารถคุยงานกับช่างภาพฝรั่งรู้เรื่องได้ หลังจากปรึกษากับน้องสาวที่อยู่ที่นี่ เค้าบอกว่า ข้อสำคัญในการสื่อสารคือการออกเสียงให้ถูก ภาษาอักกฤษ ต่างจากภาษาไทยตรงการใช้ริมฝีปากและลิ้นเยอะมาก ในการออกเสียง ออกเสียงเพี้ยนนิดเดียวเค้าก็ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ฝรั่งที่เจอในไทยเค้าจะพยายามเข้าใจสำเนียงเรามากกว่าฝรั่งที่นี่ ตอนนี้ผมใช้วิธีดูหนังเอาครับ โดยรอบแรกจะเป็นเสียงภาษาอักกฤษอย่างเดียว รอบสองเปิดซับอังกฤษ แล้วพยายามออกเสียงตาม ทำไปหลายๆรอบ จนจบเรื่อง ซักพักจะชินกับสำเนียงและการออกเสียง เวลาคุยกับฝรั่งผมจะพยายามถามเต้าเรื่องการออกเสียงว่าเราออกเสียงถูกไหม จนตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นบ้างแล้วครับ แต่ยังช้าอยู่เนื่องจากพื้นฐานสุดยอดแย่ เอาใจช่วยครับขอให้สำเร็จตามที่ตั่งใจไว้ สู้ๆ ปล.เคยคุยงานกับฝรั่งทางโทรศัพท์  หลังจากวางหูพบว่าเหงื่อเต็มตัวทั้งที่อยู่ห้องแอร์ จากคุณ : หมาสายตาสั้น เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:44:38

ความคิดเห็นที่ 29 ที่ทำงานเปิดสอนคอร์สสั้นๆ ทุกปี เรียนมา 3 ปีแล้ว      ยังสปีคไม่ได้เลย        จะไปเรียนเองก็แพงเหลือหลาย      เรียนจนเพื่อนบอกว่า   "จะหาฝามีฟะรั่งหรือ"      บอกไปว่า  "ได้ก็ดี"     เอิ๊ก  เอิ๊ก      ตอนนี้ที่พูดเก่งก็          เหมียวๆ  แหม๋วๆ   หง่าวๆ   . จากคุณ : น้องรักจัง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:45:07

ความคิดเห็นที่ 30 ลืมบอกว่า  เวลาฟังอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษก็พยายามแกะคำแล้วแปล   ตอนนี้แปลได้แต่ง่ายๆ อ่า  -*-   จะเปิดทีวีเป็นภาษาอังกฤษก็ทำไม่เป็น     จะเปิดทั้งวันให้ดู   ตอนนี้ที่ทำน้อยคือเปิดดิกค่ะ  แต่วันนี้ก็เปิดนะ  ส่งของไปให้พ่อแมวที่สิงคโปร์  ก็เขียนไปเยอะๆ     ถือคติด้านได้อายอดตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบมันแล้ว   จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 13:53:02

ความคิดเห็นที่ 31 เคยถามญาติ ที่เค้าแต่งงานไปกับสามีคนอเมริกา ถามว่าเค้าฝึกภาษายังไง เค้าแนะนำมาว่า  ให้ฝึกจากดูหนังนี่แหละค่ะ ครั้งแรกให้ดูอย่างเดียวห้ามอ่าน subtitle  แล้วกลับมาดูซ้ำทีนี้อ่าน subtitle ได้ เพื่อทวนว่าเราดูรู้เรื่องเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่าค่ะ แต่อย่าไปจำศัพท์ หรือ แกรมม่า จากในหนัง เพราะส่วนใหญ่ใช้ศัพท์แสลง ให้อาศัยฝึกการฟังจากหนังนี่แหละค่ะ เรื่องศัพท์ หรือ แกรมม่า ให้หัดฟังข่าวตอนเช้า อ่านหนังสือพิมพ์ เอา  เค้าจะใช้ศัพท์ทางการ แล้วก็ได้ฝึกรูปประโยคด้วย ลองไปฝึกดู  เราเอง ก็ฝึกแบบนั้น ผลคือ ดูหนังครั้งแรก ไม่รู้เรื่องเลย ฝรั่งพูดกันเร็วปรื๋อ แต่ทำไปเรื่อย ๆ นี่ ก็พอจะจับได้นะคะ ว่าเรื่องเป็นยังไง ขอให้ทำได้ค่ะ จากคุณ : Meaw&&Font เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 14:53:45

ความคิดเห็นที่ 32 มา ม.สยามจิ่หนูดี ฝรั่งเพียบ อิๆ จากคุณ : ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 15:05:49

ความคิดเห็นที่ 33 ลอกคำตอบพี่กิ๊กค่ะ ดูหนัง sound track บ่อยๆ รอบแรกเปิดเสียงอังกฤษ ไม่เปิดซับ รอบสองเปิดซับ ดูว่าเค้าพูดอะไร ประโยคไหนน่าสนใจ พอใช้ได้ในชีวิตจริง ก็เอามาใช้ แต่ไอ้ประเภท ซักๆ ฟักๆนี่อย่าพูดบ่อย เพื่อนเคยพูดให้อาจารย์ฝรั่งฟัง เลยโดนพักการเรียนหนึ่งปี เหอๆ ภาษาของเราไม่ต้องเข็นเท่าไร แต่คณิตและวิทย์นี่โง่จับจิตเลย จากคุณ : ~นางสาวมารร้าย~อักษรานรี~ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 17:13:59

ความคิดเห็นที่ 34 เอ้อ อีกอย่างนะ wall street แพงมาก ถ้าจะให้ดีลง AUA หรือเ็น British Council ก็ดีนะ ตอนนี้ที่มหาลับมีอาจารย์ฝรั่งจากอังกฤษมาสอน ได้สำเนียงอังกฤษ (ที่เพราะว่าอเมริกัน) มาเยอะเลยอ่ะ สนุกดี แต่พอเรียนกะอาจารย์ไทย อาจารย์คนไทยดันใช้สำเนียงอเมริกัน งง -*- จากคุณ : ~นางสาวมารร้าย~อักษรานรี~ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 17:16:15

ความคิดเห็นที่ 35   พวกแกรมมา อ่านเองก็ไ้ด้คะ ซื้อหนังสือแกรมมามาอ่าน ของม.ปลายก็ได้คะ อ่านให้เข้าใจถ่องแท้ อ่านจนจำได้ รับรองว่าแน่นกว่าไปเรียนอีกคะ จากคุณ : laloon เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 17:52:09

ความคิดเห็นที่ 36   ดูหนังฟังเพลงอาจจะช่วยเรื่องการอ่านฟังเขียนนะคะ แต่ไม่ช่วยเรื่องพูดเลย ถึงจะฟังได้ อ่านได้ เข้าใจรู้เรื่องหมด เขียนเอสเสแกรมม่าเป๊ะได้เป็นหน้าๆ แต่ถ้าไม่ฝึกพูด ก็อาจจะพูดไม่คล่อง จะกระตุกกุกกัก ถ้าจะให้ดีควรฝึกพูดกับคนที่พูดได้ ต้องกล้าพูด ฝึกเลียนเสียง ฝึกออกเสียงบ่อยๆ ฝึกพูดกับตัวเองด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ ต้องออกเสียงออกมาด้วยค่ะ สู้ๆนะคะ จากคุณ : lil m เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 18:51:02 A:58.8.62.233 X: TicketID:240270

ความคิดเห็นที่ 37 ดังคำที่ครูเคทเคยบอก "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" เคยสงสัยว่า ง่ายตรงไหนวะ โคตรยากกกกเลยอ่า ????? แต่ ความสงสัยก็มากระจ่างว่า เรื่องใดที่เราสนใจเราทำได้อยู่แล้ว บอกตรงๆว่า ตั้งแต่เล็กจนโตก็เรียน โรงเรียนวัดเรื่อยมา วัดๆๆๆ ที่โรงเรียนก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องภาษาอะไรนะคะ เหมือนสอนๆ ไปตามหลักสูตร แต่คงเป็นเพราะส่วนตัวของหนู สนใจ และเข้าใจตามที่ครูสอน ความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะในชั่วโมงเรียน สนใจก็จิง แต่พอเลิกเรียน ก็เอาความรู้ที่ได้มา คืนอาจารย์ไป เราต้องเข้าใจเลยล่ะว่า อะไรคืออะไร พอเข้าใจแล้วก็จะไม่ลืมสิ่งที่เรียนมา ครูเคยบอกว่า คนที่จะเก่งภาษาอังกฤษให้เก่งนั้น ต้องกระแดะ ไม่อาย ต้องมีความกล้าที่จะออก เอฟเฟ็กซ์ต่างๆ ให้ได้เหมือนเจ้าของภาษา หนูก็เหมือน คห อื่นๆล่ะค่ะ คือ ดูหนัง sound track ฟังเพลงฝรั่งบ่อยๆ ไม่เข้าใจคำไหน ก็เปิดดิกฯ ดูบ้าง ทุกวันนี้ฟุ๊ตฟิตฟอไฟ ปร๋อเลยย..55+ ยังไงเป็นกำลังให้ จขกท ด้วยนะคะ ขอให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ คนเราไม่แก่เกินเรียน คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ดีกว่า..55+ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 18:58:34 จากคุณ : แพ้แสงนีออน เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 18:56:30

ความคิดเห็นที่ 38 ที่อ่านๆ คห. ต่างๆ มา  ก็พยายามทยอยทำทั้งนั้นเลย  โฮกกกกกกกกกกกก   ดีใจ   ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมให้ข้อมูลทั้งของตัวเองและคนรอบข้างที่เกี่ยวข้องนะค่ะ พี่ปิ๊ก   ฝรั่งเยอะจริงอ่ะ  โฮกกกกกกกกกกกกกกก  (กำเดาไหล  ) จากคุณ : petite_witch เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:34:00

ความคิดเห็นที่ 39 ฝึกฟังและอ่านไปแนะนำเว็บไซต์นี้ค่ะ http://www.voanews.com/specialenglish/index.cfm ภาษาอังกฤษไม่เคยไปเรียนพิเศษที่ไหน อาศัยฝึกฟังและอ่านจาก VOA นี่ล่ะค่ะ  เขียนนี่ได้แฟนดีที่คอยฝึกฝนให้ ส่วนพูดเพราะจำเป็นต้องพูดก็เลยพูดได้ พื้นฐานทุกอย่างของเรามาจากการอ่านเยอะนะ เริ่มจากอ่าน VOA special English ที่แนะนำไป ขยับมาเป็น VOA ธรรมดา CNN, BBC, New YOrk Times, Washington Post, Times อ่านไปเรื่อยๆ คลังคำในสมองก็จะเยอะไปเองค่ะ ของอย่างนี้อยู่ที่การฝึกฝน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 00:58:19 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 00:36:08 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 00:32:36 จากคุณ : Auntie DEE เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:43:30

ความคิดเห็นที่ 40 พิมพ์ซะยาวไม่รู้จะช่วยอะไรได้ไหม ส่วนตัวคิดว่า ถ้าสภาพแวดล้อมจะบังคับ จะภาษาไหนๆเราจะพูดเก่งปร๋อได้เองค่ะ (//โดนพี่หนูดีไล่เตะ) ...ด้านบนล้อเล่นนะคะ ^^" แนน..."ไม่แนะนำให้ไปเรียน" ค่ะ เพราะแนนว่า ถ้าเรียนไป ไม่ได้ใช้พูด เรียนยังไงก็พูดไม่ได้ เรื่องภาษาบอกตรงๆว่าต้องพูดบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ ขนาดแนนเองเคยพูดได้เป็นนกแก้ว กลับมาไทยไม่กี่ปี..สี่ปีเองมั้ง ลิ้นเริ่มแข็ง...สำเนียงตก พูดไม่ออก หัวนึกคำไม่ทัน ที่อยากจะแนะนำคือ ทำสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเราให้เป็นภาษาอังกฤษ และเมื่อมีโอกาสพยายามใช้ภาษาอังกฤษในการพูดค่ะ ทำสภาพแวดล้อมคือคล้ายๆกับที่หลายๆคนพูดไปด้านบนค่ะ ...พี่หนูดีลองฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรี่ส์ อ่านหนังสือพิมพ์ หรือแชท เป็นภาษาอังกฤษ (พยายามอย่าเปิดซับนะคะ ไ่ม่รู้เรื่องหมดไม่เป็นไร ค่อยๆฟังไป เอาให้หูเราชินก่อน) ร้องเพลงนี่ ว่างๆแนะนำให้หาคาราโอเกะภาษาอังกฤษมาร้องตาม เพื่อเอา accent กับฝึกออกเสียง ดูหนังกับซีรี่ส์นี่เพื่อเอาพวกสำนวนกับฝึกฟัง (แต่แสลง...ก็ไม่ควรจำมาเท่าไหร่ ^^") หนังสือพิมพ์อ่านเอาศัพท์แปลกๆ อันไหนไม่รู้เรื่องเปิดดิคเลยค่ะ ส่วนพวกแชทเป็นการทดสอบว่า ในเวลาจำกัดและสถานการณ์จริง เรานำอะไรๆที่เรารู้มาใช้ได้ดีแค่ไหน เพราะบางคนเขียนอ่านปกติได้ แต่พอมาเจอสถานการณ์ที่ต้องใช้โต้ตอบจริงๆจะตื่นเต้น ลืมทุกอย่างในหัวหมด อีกอย่างที่อยากแนะนำคือ "ดูข่าวและฟังข่าวค่ะ" ว่างๆลองเปิดทีวี bbc ดู ลองฟังข่าวที่เขานำเสนอ ฟังไม่ต้องเป๊ะๆตามทันทุกประโยค แต่แค่ให้รู้เรื่องว่าเขากำลังออกข่าวเรื่องอะไร มีเนื้อหาว่ายังไงก็พอค่ะ (เพราะคนประกาศข่าวบีบีซีหลายคนพูด british accent ที่ค่อนข้าง heavy ถ้าไม่ชินจะฟังยากไม่แพ้คนแขกอินเดียพูดภาษาอังกฤษ) แล้วก็อีกอันคือการฟังข่าวภาษาอังกฤษจากวิทยุ แนะนำให้เอาช่องข่าวนะคะ (ปกติก็ฟังบีบีซีอีกนั่นล่ะ) แนนแนะว่า ฟังไปลองจดลงกระดาษเทียบไปดู ว่าเราเข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไรในข่าวนั้นๆ เสร็จแล้ว..ก็เอาข่าวที่เราจดมาว่าเราเข้าใจยังไงไปเทียบกับเนื้อข่าวให้เว็บก็ได้ค่ะ อันนี้อ.แนะนำมาตอนแนนเตรียมสอบโทเฟล แรกๆลองนี่ฮากลิ้งเลยค่ะ ตัวเองจดมากับข่าวคนละเรื่องกันเล๊ย สุดท้ายเรื่องแกรมม่า แนนว่าเป็นอะไรที่ไม่จำเป็น ขอแค่สื่อสารได้ใจความ พูดกันรู้เรื่องก็พอแล้ว แกรมม่าถ้าไม่ได้กะเอาไปสอบโทเฟล หรือเขียนธีสิสส่งก็ไม่ต้องเป๊ะแบบหนังสือหรือค่ะ เพราะขนาดฝรั่งกี่คนต่อกี่คนไม่มีใครใช้แกรมม่าได้ถูกต้องเป๊ะๆหรอก ถ้ามัวแต่ห่วงว่าพูดไปจะผิด ไม่ตรงแกรมม่า tense ไม่ตรง คงไม่ได้พูดสักที สรุปคือ พูดผิดๆไปยังดีกว่าไม่ได้พูดค่ะ แล้วก็แนะนำอีกอย่าง...คือโอกาสในการพูดภาษาอังกฤษ พยายามสร้างโอกาสให้ตัวเอง เวลาเดินไปตามแหล่งท่องเที่ยวคนเยอะๆ พยายามมองหาฝรั่งหรือคนต่างชาติที่ทำท่าทางเหมือนหลงทางเข้าไว้ (ประเภทกางแผนที่มองซ้ายมองขวา อะไรแบบนั้นค่ะ) แล้วเดินเข้าไปหา ยิ้มกว้างๆถามไปเลยค่ะ ว่า may I help you? นอกจากได้ช่วยคนแล้วยังได้หัดภาษาด้วย (แต่ถ้าเจอฝรั่งพูดไทยได้ แถมพูดเก่งก็ยิ้มหวานๆกลบหน้าแตกไว้นะคะ แหะๆ บางคนมาอยู่ไทยแค่ไม่กี่ปี ดันพูดได้ออกเสียงชัดแจ๋วเลย) เมื่อไหร่ที่เราสามารถคิดว่าจะพูดประโยคอะไรแบบไหน เป็นภาษาอังกฤษอยู่ในหัวแทนการคิดเป็นภาษาไทยได้ ก็โอเคแล้วค่ะ ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดค่ะ ของแบบนี้ต้องหัดและใช้บ่อยๆ แบบที่เขาว่า พรสวรรค์ไม่สู้พรแสวงค่ะ (หวังว่าคงสะกดถูก -___-") ปล. ดิคแนนแนะนำให้ใช้ดิค อังกฤษ-อังกฤษ คู่กับ thesaurus แทนดิคไทย-อังกฤษค่ะ เวลาเจอศัพท์ตัวไหนไม่รู้จักงงๆ ก็เปิดดิคอังกฤษ-อังกฤษ ถ้ามันเป็นคำยากๆที่เราอ่านแล้วไม่เข้าใจอีกก็เปิด thesaurus (ที่มีคำความหมายเดียวกันอยู่เยอะๆหลายคำ เจอตัวไหนที่เรารู้จักก็เข้าใจเลยว่ามันความหมายแนวๆเดียวกัน) ถ้าให้ชัวร์ เสร็จแล้วค่อยไปเปิดดิคไทย-อังกฤษเช็กความหมายทีหลังเอาก็ได้ค่ะ จากคุณ : Eos_aria เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:19:44

ความคิดเห็นที่ 41 อยู่เมืองไทย ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับ อ่านได้ค่อนข้างดี เขียนได้ค่อนข้างดี ส่ง e-mail ติดต่องานได้แบบฝรั่งไม่งง ทักษะการฟังไม่แย่นัก แต่พูดเกือบไม่ได้เลย(พูดได้แค่ประโยคพื้นฐาน) พอย้ายมาอยู่ที่แคนาดาต้องใช้ภาษาอังกฤษกับสามีตลอดเวลา ไม่รู้จักคนไทยที่นี่เลย ผ่านไปเกือบปี พูดได้ดีขึ้นมาก เขียนก็ดีขึ้น ฟังได้ดีขึ้น อ่านได้โดยเกือบไม่ต้องใช้ dictionary พอเริ่มทำงาน การพูดพัฒนาขึ้นเป็น 85/100, ฟัง 90/100, อ่าน 85/100 (ไม่ต้องใช่ dictionary ค่ะ แต่ก็ยังมีศัพท์บางคำที่ไม่ค่อย get), เขียน ถดถอยเป็น 65/100 เพราะไม่ค่อยได้เขียนแล้วค่ะ ตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ก็บอกกับเพื่อนร่วมงานค่ะว่า เราพูดไม่ค่อยได้นะ ฟังก็ยังเก็บไม่หมดนะ ถ้าหากว่าเราพูดอะไรผิดก็ช่วยแก้ไขให้ด้วย ทุกคนก็ช่วยค่ะ สำหรับคนที่คิดว่าอยากจะพูดภาษาอังกฤษได้ ถ้ายังอยุ่ที่เมืองไทยก็ไม่ต้องไปเรียนค่ะ เพราะได้ผลน้อยมาก เราอาจจะพูดได้เวลาที่อยู่ในห้องเรียน แต่พอกลับถึงบ้านแล้วคนที่บ้านไม่ได้พูดภาษาอังกฤษกับเรา เราก็จะลืมหมดค่ะ เพราะไม่ได้พูดแบบต่อเนื่องทุกวัน หาหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านค่ะ ศัพท์คำไหนที่เราไม่เคยเจอ จดไว้เลยค่ะ แล้วค่อยเปิด dictionary แบบtext book เพื่อหาคำแปลค่ะ การที่เรารู้คำศัพท์มากขึ้นจะช่วยให้เราพูดได้คล่องขึ้นด้วยค่ะ ขยันท่องศัพท์นะคะเพราะมันช่วยได้มากๆเลยค่ะกับการพูดให้คล่องขึ้น ความคิดเห็นส่วนตัว(จากประสบการณ์จริง) : Canadian : พูดแล้วฟังง่ายค่ะ การออกเสียงชัดเจน Indian : อยากจะหลบลี้หนีหายไปเลยค่ะ ถ้าเจอคนชาตินี้ ร้อยทั้งร้อยฟังยากมากๆ แต่ดั้นชอบมาเป็น call center ของบริษัทต่างๆ นี่สิคะ American : สำเนียงค่อนข้างต่างจาก Canadian ค่ะ พูดงึมงำอยุ่ในลำคอ พูดเร็วฟังยาก Chinese : เฮ้อ... Egyptian : Canadian บอกว่าสำเนียงของพวกนี้ thick มาก คือฟังยากน่ะค่ะ Thai : Canadain ซัมซุง : แซมซัง ไซโก้ : เซโก่ะ จากคุณ : ป้าตุ้ยกล้วยกวน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 00:16:20

ความคิดเห็นที่ 42 ใช้สูตร ไปเรียน 20 ฝึกเอง 80 ครับ พัฒนาขึ้นเยอะ ไปเรียนมาแล้วต้องใช้ 500 ชั่วโมงถ้าคุณหวังผลลัพธ์ที่ดี เรียนลัด เทคนิคการสอบ Toeic ให้ได้600 up ชัวร์ ฟรี จากเว็ปของนิติ http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=1264906 จากคุณ : สาหร่ายเกลียวทอง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 14:20:05

ความคิดเห็นที่ 43 ลองไปปรึกษาห้องไกลบ้านดูนะคะ เผื่อจะได้ข้อมูลดี ๆ จากคนที่เตรียมตัวไปเรียนเมืองนอกมาเพิ่มเติมนะคะ จากคุณ : วิหคลม เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:33:27

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่เคยเรียนที่ไหน แต่ชอบภาษามาแต่ไหนแต่ไร ทั้งไทยทั้งอังกฤษ เวลาพูดก็ไม่กลัวใครหาว่าแด๊ะแด๋  ก็พูดให้ถูกแบบฝรั่งพูดน่ะค่ะ อย่างที่เพื่อนๆบอกถ้าสนใจ  จิตใจจะจดจ่อ  อย่างเรา  ดูหนังฝรั่งก็ฟังแต่ Soundtrack  ถ้าไม่มีบรรยายไทย  ก็ดูไปอย่างนั้นแหละ  เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง  แต่มันทำให้ประสาทรับรู้เราดีขึ้น (ไม่ต้องคอยอ่านภาษาไทย) ฟังเพลงก็พยายามหาเนื้อเพลง  แล้วก็แปลเอาเอง  ทีนี้ เวลาร้องไปก้เข้าใจความหมายไป  ก็โอเคนะคะ เวลาที่ฟัง  ลองหลับตาฟัง  จะได้ยินสำเนียงชัดขึ้น  อันนี้ทำเป็นประจำ  ก้ถือว่าฟังออก เขียนได้  พูดรู้เรื่อง  โดยไม่ต้องไปเรียนพิเศษที่ไหนค่ะ ทำให้มันกลายเป็นชีวิตประจำวันไปเสีย  ก็จะมีเวลาเรียน วันละ10ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเงินเรียน หรืออาจจะเรียนมานิดหน่อย  นอกนั้นก็เอามาประยุกด์ใช้เองก็ได้นะคะ สู้ๆ จากคุณ : เพลงพันทาง เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 12:47:31

ความคิดเห็นที่ 45   เคยไปเรียนที่ british-american คะ ก็โอเคนะ ไม่แพง แต่เป็นพวกขี้เกียจ เลยไม่ได่เรียนคอร์สอื่นต่อ เอาแค่คอร์สเบสิกนี่แหละ แล้วก็หาความสนใจส่วนตัว เป็นคนชอบอ่านหนังสือแนวกวีหน่อยๆ ไม่ใช่กลอนรักหลอกเด็กแบบของบางสำนักพิมพ์นะคะ แล้วก็ชอบฟังเพลง ก็นั่นแหละคะ หาหนังสือที่สนใจแต่เลือกที่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่อังกฤษล้วนๆ นะ มีภาษาไทยแปลให้บ้าง แล้วเราก็อ่านแบบ ไม่มองภาษาไทย พอเจอคำไหนแปลไม่ได้ก็เปิดดิก แล้วพยายามจดจำไว้ ส่วนเพลง พอดีชอบกระแดะฟังเพลงฝรั่งอยู่แล้ว หาแนวที่ตัวเองชอบ แล้วแปลเนื้อเพลงเอาเองคะ แล้วก็พอดีว่าโชคดีมีเพื่อนเป็นแอร์ เพื่อนเรามันก็มีเพื่อนฝรั่งเยอะ พอเวลาไปเที่ยวกันก็เลยได้มีโอกาสเจอเพื่อนฝรั่งไปด้วยโดยปริยาย อิอิ.. ก็พยายามศึกษาเองเป็นปีคะกว่าจะคล่อง แต่กรณีศึกษาเองนี่มีข้อเสียคือ แกรมม่าจะเพี้ยนๆ ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ แต่ก็โอเคอะคะ จากที่พยายามศึกษาเอง ไปสอบ CU-TEP ของจุฬามาได้คะแนน 4 ร้อยกว่าเกือบ 5 ร้อย ก็ดีใจจะตายแล้ว แต่คงมีฟลุ้คด้วยเพราะมีบางข้อที่มั่วไปเหมือนกัน แหะๆๆ.. เล่ามาซะยาว ช่วยคุณ จขกท. ได้บ้างมั้ยคะเนี่ย เหอๆๆๆยังไงก็พยายามนะคะ สู้ๆๆ คะ.. จากคุณ : f O n G - m E n G (f O n G - m E n G) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 10:43:21