ความคิดเห็นที่ 1 มารออ่านและรับความรู้ด้วยคนค่ะ  ระยะนี่งานยุ่งเหยิงที่สุด  ไปก่อนนะคะ จากคุณ : anlee เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 52 16:53:29

ความคิดเห็นที่ 2 คุณม่อนไปไหนน้าาาา จากคุณ : BiColor เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 10:52:11

ความคิดเห็นที่ 3 อยากรู้เหมือนกัน? จากคุณ : บาบีคิวซี่โครงหมู เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 11:01:30

ความคิดเห็นที่ 4   แอบมาเยี่ยมค่ะ จากคุณ : ชงโคที่รัก เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 11:45:41

ความคิดเห็นที่ 5 มาแล้วครับ เดี๋ยวขอเวลาไปลอกคำตอบก่อนคร้าบ พี่ไก่ออกโจทย์ยากจังต้องไปหาข้อมูลก่อนครับ จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 12:00:31

ความคิดเห็นที่ 6 ยาดูดซึมจะมีผลกับโรคราที่ค้างอยู่ในใบกุหลาบเปื่อยๆได้ไหม ? ผมคิดว่ายาดูดซึมคงไม่มีผลกับราน้ำค้างบนใบกุหลาบเปื่อย ๆ ครับเพราะเชื้อราที่อยู่ในใบที่ร่วงลงไปบนดินจะอยู่ในภาวะที่สร้างสปอร์แล้ว ซึ่งจะเป็นระยะที่ทนทานและมีความต้านทานต่อสารเคมีสูง ถ้าเป็นผมคงต้องใช้วิธีการป้องกันน่าจะดีกว่าครับ เช่นทำให้ต้นโปร่ง เว้นระยะระหว่างต้นให้อากาศถ่ายเทได้ดี หลีกเลี่ยงการให้น้ำที่เปียกทั้งใบและต้น และใช้ยาป้องกันโรคราน้ำค้างเมื่อมีความเสี่ยงที่จะมีการระบาดเช่น Azoxystrobin, Trifloxystrobin, Ridomil , Aliette จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 20:06:52

ความคิดเห็นที่ 7 สารเคมีกำจัดเชื้อราแบ่งแยกตามคุณสมบัติการไหลเวียนของสารในพืช 1.สารประเภทดูดซึม (Systemic Fungicides หรือ Penetrant Fungicides)จะดูดซึมเข้าไปในระบบพืชและกำจัดเชื้อราในเนื้อเยื่อของพืชได้ 2.สารประเภทสัมผัส (Contact Fungicides) จะเกาะอยู่ที่ผิวของพืช ไม่เคลื่อนย้ายเข้าไปในเนื้อเยื่อของพืช  Contact fungicides จะป้องกันการเกิด  spore germination จึงเรียกว่าเป็น protectant และจะใช้ไม่ได้ผลกับพืชที่ติดโรคไปแล้ว การเคลื่อนย้ายสารประเภทดูดซึมในระบบพืช มีขั้นตอนในการเคลื่อนย้าย 2 ระดับคือ 1. การรับสาร 2. การเคลื่อนย้ายสาร การรับสารเข้าสู่ระบบพืชของสารดูดซึม (Penetration of Systemic Compounds) มีลักษณะดังนี้ 1. การซึมผ่านชั้นคิวติน (Cuticular Uptake) สารพวกไอระเหย, สารป้องกันกำจัดเชื้อราแบบดูดซึม ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเนื้อเยื่อพืชโดยการผ่านปากใบเสมอไป แต่จะเข้าโดยตรงทางคิวติเคิล และบางส่วนก็ซึมผ่านเข้าไปในโปรโตพลาส  การซึมผ่านเกิดขึ้นหลังจากหยดน้ำยาแห้ง อัตราการซึมผ่านมีไม่เกิน 5% ของสารที่พ่นออกไปตกบนผิวใบ จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 20:16:03

ความคิดเห็นที่ 8 2.การซึมผ่านทางเปลือก (Bark Uptake) สาร suberin จะเป็นตัวขัดขวางที่สำคัญสำหรับการซึมผ่านเปลือกไม้ แต่สารกำจัดราอาจซึมผ่านเข้าไปโดยตรงที่ Lenticel  ของกิ่งก้านที่อ่อน ๆ แทน 3.การซึมผ่านทางราก (Root Uptake) รากอ่อนถูกปกคลุมด้วยเยื่อหุ้ม Cuticle และรากแก่จะมีสาร Suberin แต่บริเวณที่มีการดูดซึมเป็นอันดับแรกอยู่ในช่วง 5-50 nm จากปลายราก การเคลื่อนย้ายสารดูดซึมในระบบพืช (Translocation) มีการเคลื่อนย้ายสารดูดซึมในระบบพืช 2 แบบคือ 1. Apoplast Movement มีการเคลื่อนย้ายผ่านท่อน้ำ(Xylem),ผนังเซลล์  เป็นการไหลขึ้นไปสู่ใบที่มีการสังเคราะห์แสง 2. Symplast Movement มีการเคลื่อนย้ายของสารโดยเกิดในส่วนที่มีชีวิตของพืชเช่นท่ออาหาร(Phloem) มีการแลกเปลี่ยนสารผ่าน Plasmodesmata และท่ออาหาร (Phloem) เป็นการเคลื่อนย้ายจากส่วนที่เป็นสีเขียว (Sources) ไปยังส่วนที่สังเคราะห์แสงไม่ได้เพื่อสะสมในบริเวณที่มีการเจริญ เช่น ยอด ผล ราก และส่วนตา โดยปกติปริมาณการซึมผ่านท่อน้ำเป็น 10 เท่าของการซึมผ่านท่ออาหาร สารที่ส่งผ่านด้วยวิธี Apoplast อาศัยแรงของการหายใจและการคายน้ำซึ่งสารดูดซึมส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ สารเคมีเหล่านี้ถูกขนส่งด้วยแรงของการหายใจและการคายน้ำ และสิ้นสุดที่ปากใบที่มีการสังเคราะห์แสงเท่านั้น จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 20:21:39

ความคิดเห็นที่ 9 ยากำจัดเชื้อราประเภทดูดซึม( Systemic Fungicide) จะบอกถึงคุณสมบัติในการเคลื่อนย้ายของสารหลังจากการฉีดพ่นสารแก่พืชไว้ดังนี้ - Xylem Mobile Fungicides (Acropetal penetrant) สารชนิดนี้เคลื่อนที่ขึ้นด้านบนผ่านท่อน้ำ(xylem)ของพืช - Amphimobile Fungicides (หรือเรียกว่า True systemic) สารจะเคลื่อนที่ไปทุกส่วนของพืชผ่านท่อน้ำ(Xylem) และท่ออาหาร(Phloem) -  Locally Systemic Fungicides ( Localized Penetrant ) สารจะมีการเคลื่อนที่ซึมเข้าไปเฉพาะด้านที่สัมผัสสารแต่เคลื่อนที่ได้ไม่ไกลมาก - Translaminar Fungicides สารจะเคลื่อนที่ผ่านใบด้านที่สัมผัสสารและเคลื่อนที่ไปยังผิวใบที่อยู่ตรงข้าม แต่จะไม่มีการกระจายตัวออกนอกใบ จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 20:29:41

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพตัวอย่างแสดงการเคลื่อนที่ของสารดูดซึมในรูปแบบต่าง ๆ จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 20:32:41

ความคิดเห็นที่ 11 ตัวอย่างความสามารถในการเคลื่อนย้ายของสารกำจัดเชื้อราบางชนิดที่จำหน่าย ( ยี่ห้อที่ระบุขายในต่างประเทศท่านสามารถเทียบกับสารที่ขายในไทยได้ตามชื่อสามัญหรือ Common Name) จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 20:42:04

ความคิดเห็นที่ 12 คุณม่อน  -- ขอบคุณมากๆค่ะ พี่คงต้องอ่านสัก10รอบกว่าจะจำได้ คุณม่อนหาข้อมูลเก่งมากๆเลยค่ะ จากคุณ : BiColor เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 05:54:00

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคห. 11ค่ะ จากคุณ : BiColor เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 08:24:47

ความคิดเห็นที่ 14   โอ้โห คุณม่อนข้อมูลเพียบเลยครับ จากคุณ : Bad Pete เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 09:01:36

ความคิดเห็นที่ 15 ขออนุญาตเก็บเป็นข้อมูลไว้ด้วยคนนะคะ ขอบคุณค่ะพี่ม่อน จากคุณ : coffeenut เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:48:29

ความคิดเห็นที่ 16 คุณม่อนคะ รบกวนอีกเรื่อง ปุ๋ย14-14-14 สำหรับN(14) ไม่มีปัญหา P (14)นี่เป็น P2O5 มีอยู่14% ใช่ไหมคะ  ฉะนั้น แค่P ก็จะมีอยู่ประมาณ6.1 K (14) เป็นK2O                                             Kมีอยู่                11.6 คิดแบบนี้ถูกไหมคะ จากคุณ : BiColor เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 10:03:40

ความคิดเห็นที่ 17 ถูกต้องแล้วคร้าบ...บ ตอนนี้พี่ไก่คงผสมปุ๋ยเองได้แล้วสิครับ จากคุณ : ม่อนแสงดาว เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 13:19:41

ความคิดเห็นที่ 18 โอ้ พระเจ้าช่วย กล้วยปิ้ง มันยากขนาดนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย เค้าเลี้ยงกันเก่ง ๆ อย่างนี้นี่เอง กุหลาบเค้าถึงสวย ๆ กัน ....เข้ามาปาดเหงื่อ.... จากคุณ : บาบีคิวซี่โครงหมู เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 11:58:25

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณม่อนค่ะ จะขอเอาตารางข้างบนไปลงในเวปสยามไวโอเล็ตด้วยค่ะ จากคุณ : BiColor เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 08:13:28